“ประยุทธ” เผยรู้ชื่อ “โจรใต้” มือระเบิดฆ่าพระ 2 รูปแล้ว เรียกร้องสังคมประณามคนร้าย รับปชช.บาดเจ็บ-ตายเป็นความรับผิดชอบ ชี้มาตรการเชิงรับยังบกพร่อง เหตุมีสถานที่เฝ้าระวังกว่าพันแห่ง ชี้หากนำปัญหาใต้เข้าโอไอซีทำให้ปัญหาแก้ยากขึ้นเรื่อยๆ “ดาว์พงษ์” ชี้โจรเร่งบึ้มใต้ หวังแก้คืนทหารดึงมวลชนกลับ-ทำ ปชช.หวาดกลัว คุยทหารชนะใจ ปชช. ทำโจรใต้เหนื่อยล้า เชื่อยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ก้าวหน้าหลายด้าน
เมื่อวันที่ 18 พ.ค.54 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดทำให้พระสงฆ์มรณภาพ 2 รูป และทหารบาดเจ็บว่า เจ้าหน้าที่ทราบชื่อคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว แต่ปัญหาของเรามีการแจ้งเตือน แต่ปรากฏว่าคนพวกนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมา เขาทำงานไม่ได้เยอะอย่างที่เราคิด แต่คนพวกนี้ค่อนข้างแข็งแรงเพราะถูกล้างสมองจนกลับใจไม่ได้ ทำผิดกฎหมายไปเรื่อยๆ หากกลับมาก็ถูกดำเนินคดีทำให้เขาต้องสู้ไปเรื่อยๆ ดังนั้น ทำอย่างไรคนพวกนี้จึงหมดไป เหตุการณ์ถึงจะสงบ ทั้งนี้ ลูกน้องตนเสียชีวิตก็เสียใจ แต่ก็เป็นการรบ แต่หากประชาชนบาดเจ็บสูญเสียถือเป็นความรับผิดชอบ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การทำงานทหารกับรัฐบาลมีเอกภาพ โดยมีมาตรการเชิงรุกที่เราทำค่อนค้างได้ผล มีการจับกุมดำเนินคดีหรือการปะทะสม่ำเสมอ รวมถึงสั่งให้มีมาตรการควบคุมพื้นที่จำกัดเสรีในการปฏิบัติของฝ่ายตรงข้ามบน เทือกเขาบูโดมาโดยตลอด โดยเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายทั้งสิ้น รวมถึงการตรวจสอบค้นหาการเคลื่อนย้ายระเบิดหรือสารตั้งต้น เบื้องต้นได้หารือกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว และเจ้าหน้าที่ต้องเน้นเรื่องนี้เพราะมีการใช้ก่อเหตุมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องตรวจสอบว่ารั่วไหลมาได้อย่างไร ซึ่งเราก็มีมาตรการควบคุมอยู่ระดับหนึ่ง แต่ต้องเข้าใจว่าการควบคุมทุกพื้นที่ทำได้ยาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้ท้อแท้กำลังพยายามทำให้ได้ตามนโยบาย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การดูแลมาตรการเชิงรับการรักษาความปลอดภัย พระ วัด ครู โรงเรียน รวมถึงการดูแลพื้นที่ในการจัดงานของประชาชน ซึ่งยังมีปัญหาอยู่เพราะพื้นที่ของคนร้าย ประชาชนยังไม่ได้เป็นพวกรัฐ 100% เป็นมากที่สุดก็ 90% ตรงนี้คือสงครามแย้งชิงประชาชน ฝ่ายโน้นจะเอาประชาชนกลับไป รวมถึงมาตรการพัฒนาที่ต้องทำในพื้นที่ เพื่อให้ทั้ง 3 มาตรการ คือ รุก รับ พัฒนา เดินไปด้วยกัน
“มีคนที่คิดไม่ดี พยายามที่ทำให้รัฐขาดความชอบธรรม ให้ประชาชนหมดความเชื่อถือเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวนำไปสู่วัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายที่เขาเรียก ร้อง ซึ่งกองทัพไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้นจึงต้องนำกำลังทหารลงไปในพื้นที่ แต่การนำทหารลงไปจะแก้ปัญหาได้ 100% ต้องแก้ปัญหาทุกมิติ ดัง นั้น การที่ภาคใต้จะดีขึ้นไม่ได้อยู่ที่ทหารหรือตำรวจ ต้องยกระดับอาชีพให้ประชาชนเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สร้างความเข้าใจต่อประชาชนที่อาจถูกปลูกฝังในทางที่ไม่ถูกต้อง ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ ศาสนา ผมคิดว่าเป็นกลุ่มผลประโยชน์ที่ต้องการให้เหตุการณ์เกิดขึ้น” ผบ.ทบ.ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนคิดว่าเขาต้องการให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเพราะในช่วงนี้โรงเรียนเปิด การเรียนการสอน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำกำลังทั้งหมดไปดูแลตามสถานที่ต่างๆ เราใช้เจ้าหน้าที่ดูแลภารกิจเชิงรับกว่า 80% เพื่อดูแลเฝ้าหมู่บ้าน ตั้งด่านตรวจเส้นทางเห็นได้ว่าเราถูกให้อยู่กับที่ แต่เราต้องทำเพราะถ้าไม่ทำก็จะเกิดเหตุมากกว่านี้ เพราะพวกนี้ถือโอกาสว่าช่วงไหนที่ปลอดทหาร ประชาชนไม่ระมัดระวัง จะลอบยิงลอบฆ่าทุกวัน ต้องการให้เกิดความรุนแรงมากเพื่อไปต่อรองต่างประเทศว่าประเทศไทยเกิดความ ไม่สงบเรียบร้อยแบบนี้ และพี่น้องมุสลิมถูกรังแก เขาสร้างตรงนี้ขึ้นมาเป็นหลักการของการก่อความไม่สงบในบ้านเมือง ดังนั้นเราต้องหนักแน่นและแก้ปัญหาให้ถูกวิธี ทั้งนี้ ตนยอมรับว่ามาตรการเชิงรับยังบกพร่องอยู่ เพราะมีสถานที่เป็นพันแห่ง ซึ่ง เขาใช้วิธีอุ้ม จี้ ปล้น ฆ่า เผา เด็ดคอ เพื่อทำให้ประชาชนหวาดกลัวเพราะเขาทำได้แค่นั้น ดังนั้นเราต้องช่วยประณามว่าทำแบบนี้ไม่ได้ ประชาชนมีสิทธิ์ พระมีสิทธิ์ในการบิณฑบาต เพราะทุกศาสนาจะทะเลาะกันไม่ได้ ซึ่งศาสนามุสลิมกับศาสนาพุทธก็ไม่ได้ทะเลาะกัน ผู้นำศาสนาของมุสลิมก็ไปมาหาสู่กัน เราก็ไม่ได้ทิ้งเขางานการเมืองทหารก็ทำในโครงการขจัดยาเสพติดใต้สันติสุข
“ฝ่ายโน้นเขารู้ว่าเจ้าหน้าที่ทำอะไรอยู่ จึงต้องแก้เรา ปัญหาในขณะนี้คือใครจะทนอึดได้มากกว่ากัน คือทำอย่างไรเรื่องเหล่านี้จะไม่ไปสู่สากลหรือองค์การการประชุมอิสลาม(โอไอ ซี) ซึ่งเราไม่ได้กลัว แต่เป็นเรื่องที่เข้าไปแล้วการแก้ไขปัญหาจะทำได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ที่เราแก้ปัญหาในทุกวันนี้ได้เพราะเราแก้ปัญหาภายในของเราด้วยหลัก นิติศาสตร์ แก้ปัญหาด้วยความเข้าใจงานพัฒนายุทธศาสตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้านำต่างชาติเข้ามาจะแก้ด้วยความสมัครใจอย่างไร เขาจะถามว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ ผมขอถามว่าแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้น เขาสนใจหรือไม่ประเทศไทยจะถูกแบ่งแยกหรือไม่ หลายประเทศก็เกิดแบบนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงแรมบีพี สมิหลาบีช จ.สงขลา พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้รุ่นที่ 7 ถึงสถานการณ์ความม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า การแก้ไขปัญหามีความก้าวหน้าในหลายด้าน โดยใช้ยุทธศาสตร์รองทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ ซึ่งที่ผ่านมามักมีคำถามว่า ถ้ามีความก้าวหน้า แต่ทำไมจึงมีเหตุร้ายรายวันเกิดขึ้นอีก และล่าสุดคนร้ายได้ลอบสังหารพระภิกษุจนมรณภาพ 2 รูป ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่กองทัพเสียใจ ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามของผู้ก่อเหตุการณ์ที่ต้องการให้เกิดความรุนแรง ซึ่งยุทธศาสตร์ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า ทำให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเหนื่อย เขาจึงพยายามแก้คืน คือ ทำอย่างไรให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว และกลับมาเป็นพวกเขา ซึ่งการเอาชนะใจประชาชน กลุ่มก่อความไม่สงบเหนื่อยล้า เนื่องจากนโยบายรัฐบาลที่ได้ดำเนินการร่วมกับกองทัพประชาชนเริ่มเข้าใจมากขึ้น จึงทำให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบพยายามทำลาย และสร้างความหวาดกลัวให้กับเป้าหมายที่อ่อนแอ ซึ่งต้องต่อสู้กันต่อไป กองทัพไม่ยอม เพราะการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบไม่ถูกต้อง
พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารบก รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน หากอยู่ในกรอบเดียวกันก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่าย ซึ่งการแก้ไขปัญหาต้องใช้ระยะเวลา การจะทำให้กลุ่มคนที่ถูกบ่มเพาะความคิดในทางที่ผิดมาตั้งแต่เด็ก ต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งจะชนะกันตรงนี้ จุดศูนย์ดุลอยู่ที่ประชาชน ที่ผ่านมาการประชุมองค์การการประชุมอิสลาม (โอไอซี) ทุกครั้งมีความพยายามยกปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าสู่การประชุม ที่ผ่านมาทางกระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และกองทัพภาคที่ 4 ได้มีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ข้อเท็จจริงต่างๆจนทำให้เรื่องเหล่านี้ไม่ถูกหยิบยกเข้าสู่ที่ประชุมโอไอซี ซึ่งทุกส่วนพยายามทำการบ้าน และทุกปีได้มีการรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจในการปฏิบัติงานของกองทัพ ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่แก้ปัญหาการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ด้วยความอดทน และใช้กฎหมาย หลักนิติรัฐจนบางครั้งมีคนมองว่า การทำงานของกองทัพเบาไปด้วยซ้ำ แต่คนไทยต้องวิธีนี้ถึงจะถูกต้อง