xs
xsm
sm
md
lg

โจรใต้ยิงไทยพุทธดับห่างจุดตรวจแค่100ม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - โจรใต้กราดยิงไทยพุทธขณะนั่งพูดคุยกันอยู่หลังบ้านเสียชีวิต 1 ศพบาดเจ็บ 2 ราย เผยเหตุเกิดอยู่ห่างจุดตรวจเพียง 100 เมตร “มาร์ค”รับเป่ากลุ่มโจรใต้หวังผลสร้างความขัดแย้งไทย-พุทธ จี้ด่านเพิ่มความเข้มงวด พูดไม่เต็มปากภายนอกสนับสนุน เตรียมถกปัญหา 2 สัญชาติกับนายกฯมาเลย์อีก 1-2 เดือนข้างหน้า

วานนี้(4 ก.พ.)เวลา 11.00 น.ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่ชาวไทยพุทธ ที่บ้านเลขที่ 16/1 ม.3 ต.วัด อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 1 ศพคือนายเริ่ม มีศรีสวัสดิ์ อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/3 ต.วัด อ.ยะรัง จ.ปัตตานีถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้าเข้าขาซ้าย 1 นัด

ส่วนนายผล ขวัญสุวรรณ อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/1 ต.วัด อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ถูกยิงเข้าขาขวา 1 นัด และนายล่อง ไชยชนะ อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/1 ต.วัด อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ถูกยิงเข้าขาขวา

สอบสวนทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของ นางฉิ้ม มณีประวัติ อายุ 61 ปี ก่อนเกิดเหตุทั้ง 3 คนกำลังนั่งพูดคุยกันบนเก้าอี้หลังบ้านที่เกิดเหตุ โดยนางฉิ้ม นั่งอยู่ในบ้าน ปรากฏว่ามีคนร้าย 4 คนใช้รถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ โดยทั้งหมดใช้ผ้าคลุมศีรษะขับผ่านมาแล้วชักอาวุธปืนซึ่งแอบไว้ในผ้ากระสอบก่อนกราดยิงใส่ชาวบ้านหลายนัดจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นได้เร่งเครื่องหลบหนีไป

ทั้งนี้ ในพื้นที่ดังกล่าวเป็นชุมชนชาวไทยพุทธมี 73 ครัวเรือนและมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ห่างจุดเกิดเหตุเพียง 100 เมตร จึงเชื่อว่าคนร้ายได้มีการวางแผนก่อนแล้วจึงฉวยโอกาสก่อเหตุทำร้ายชาวไทยพุทธเพื่อสร้างสถานการณ์

ก่อนหน้านี้ ที่ จ.ยะลา ช่วงเวลา 08.10 น.วันเดียวกัน คนร้ายได้ลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดเดินเท้าลาดตระเวนที่ 4113 เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ครูและนักเรียน ที่บริเวณหมู่ที่ 7 ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา ส่งผลให้อาสาสมัครทหารพรานผดุงพงษ์ สงค์อาจิน อายุ 25 ปี เสียชีวิต และอาสาสมัครทหารพรานนพดล มีบุญ อายุ 28 ปี ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา เรียบร้อยแล้ว

**“มาร์ค”รับเป่าโจรใต้หวังสร้างความขัดแย้ง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่รุนแรงขึ้นว่า ได้พูดคุยกับ พล.ต.อุดมชัย ธรรมาสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 แล้วว่า ต้องมีการปรับแนวปฏิบัติบางเรื่อง ในเบื้องต้นต้องขอความร่วมมือจากประชาชนต้องมีการเข้มงวดกวดขันในการตั้งด่านมากขึ้น ซึ่งความจริงแล้วเราคิดว่าในบางพื้นที่มันน่าจะผ่อนคลายได้บ้าง แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมาคนร้ายยิงชาวบ้านบริเวณร้านน้ำชา จ.ปัตตานีจนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 5 รายนั้นก็ได้คุยกับทางแม่ทัพภาคที่ 4 แล้ว

เมื่อถามว่ารัฐบาลรู้สึกว่าสถานการณ์มันแย่ลงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราได้คาดการณ์ว่าในช่วงนี้จะมีปัญหารุนแรงขึ้นในบางพื้นที่ เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วในภาพรวมไม่ได้เป็นปัญหาในแง่ที่ว่าหลายพื้นที่มีความก้าวหน้า มีแนวโน้มไปในทางที่ดี ต้องเข้าใจว่าฝ่ายตรงข้ามก็จะไม่หยุดอยู่กับที่ เขาก็จะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการของเขา เราก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวทาง

เมื่อถามอีกว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากภายนอกด้วยหรือไม่ถึงทำให้เหิมเกริม นายกฯ กล่าวว่า คนเหล่านี้ก็จะมีลักษณะเดินทางเข้า-ออกแต่จะไปพูดถึงขั้นที่ว่าได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศคงไม่ใช่ลักษณะสร้างเป็นเครือข่ายในลักษณะอย่างนั้น

"ส่วนปัญหาเรื่องของบุคคลที่ถือ 2 สัญชาติก็เป็นเรื่องที่ทำกับทางประเทศมาเลเซียอยู่ก็ตั้งใจว่าในการพบปะกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งจะมีขึ้นในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าก็จะได้ข้อยุติเรื่องนี้" เมื่อถามว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นล่าสุดเกิดในหมู่บ้านคนไทยพุทธเป็นเรื่องของความพยายามทำให้เกิดความแตกแยกทางศาสนาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "นั้นเป็นเป้าหมายของเขาอยู่แล้ว"

**"สุเทพ"ประสานกองทัพปรับกำลังใต้

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายเเดนภาคใต้ว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมาได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก โดยกองทัพบกพยายามที่จะปรับปรุงการวางกำลัง การดูแลเจ้าหน้าที่ การกวดขันเจ้าหน้าที่พยายามที่จะปรับให้ดีที่สุดเพื่อที่จะให้มีขีดความสามารถในการคุ้มครองป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้และดูแลตัวเองได้ด้วย

“ผมได้ปรึกษากันเมื่อวานนี้(3)ว่ามันมีปัญหาที่เกิดขึ้น อยู่เป็นประจำ คือเวลาเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตามถนนต่างๆ เข้มงวดในการตรวจ ประชาชนก็บอกว่าไม่สะดวก ทำให้เจ้าหน้าที่รู้สึกลำบาก พอเข้มงวดมากๆก็ขอผ่อนคลาย พอขอผ่อนคลายมาผู้ร้ายก็แทรกซึมได้ ทำให้เป็นปัญหา ผมได้บอกไปว่าในสถานการณ์ที่เป็นแบบนี้ จำเป็นแล้วที่ทุกด่านต้องเข้มงวด กวดขัน หากเกิดเหตุจะได้สกัดได้ ถ้ามีปัญหาก็ต้องกราบขออภัยและชี้แจงต่อประชาชน ว่า เพื่อให้เกิดความปลอดภัย เพื่อให้เกิดความสงบจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการที่จะต้องกระทบต่อความสะดวกสบายของประชาชนบ้าง”

**ผบ.ทบ.ชี้หากยกระดับสากลแก้ลำบาก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ได้สั่งการหลายเรื่องเพื่อแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยปรับยุทธวิธี ใช้ทั้งการพัฒนา การสร้างความเข้าใจ การดูแลกฎหมาย ซึ่งเป็นงานที่รอบด้าน แต่ฝ่ายก่อความไม่สงบมุ่งสร้างความรุนแรงให้หวาดกลัวเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ถ้าทหารใช้วิธีรุนแรงเป็นเรื่องลำบาก วิธีการตั้งจุดสกัดเพิ่มในหลายจุดยอมรับว่าสร้างผลกระทบต่อคนในพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่ต้องทำเพื่อหลักการรักษาชีวิตและทรัพย์สิน เชื่อว่าคนในพื้นที่เข้าใจการทำหน้าที่ พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนทำทุกอย่างตามกฎหมายไม่ใช้ความรุนแรง

“การทำหน้าที่เป็นเรื่องจังหวะ โอกาส เจ้าหน้าที่ทุกส่วนไม่ได้นิ่งนอนใจ ถ้ายกระดับความรุนแรงเกิดขึ้นในระดับสากล จะยิ่งทำให้การแก้ปัญหายิ่งลำบาก ปัญหาที่เกิดขึ้นมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ทั้งขบวนการยาเสพติด การรับจ้างก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องจัดการให้เด็ดขาด ส่วนการเคลื่อนไหวยกระดับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น เป็นหน้าที่รับผิดชอบของตำรวจ ยังไม่มีการร้องขอกำลังจากทหาร หากมีขึ้นอยู่กับสถานการณ์และขั้นตอน"

**"ผบ.สส."ชี้ไฟใต้ไม่เอี่ยวปัจจัยภายนอก

พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ทางกองอำนวยการรักษาความั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ได้ใช้กลไกที่มีอยู่โดยเฉพาะกลไกของ กอ.รมน.ภาค 4 ก็มีการรปรับปรุง ซึ่งการแก้ไขปัญหาภาคใต้ไม่ได้ดูเหตการณ์ในวันนี้ แต่ต้องมองย้อนกลับไป ซึ่งมันมีการพัฒนาในตัวของมันเอง มีทั้งการพัฒนาในการต่อสู้ สังคม การเมือง ซึ่งเหตการณ์จะคละเคล้ากันไปและผู้เสียชีวิตก็มีทั้งชาวไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิม

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้มีการปรับแผนในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า เป็นเรื่องขอกอ.รมน.ถือเป็นการปฏิบัติตามธรรมาติ และสภาพแวดล้อมอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่มีคนมองว่า ปัญหาในภาคใต้จะยืดเยื้อไป 30-40 ปีนั้น ตนไม่อยากให้มองอย่างนั้นแต่การแก้ไขปัญหา หากร่วมมือกันจะจบในเร็ววัน และต้องแยกประเด็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีปัจจัยภายนอกเข้ามาในประเทศ และเหตการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการคละเคล้าของปัญหาต่างๆ ทั้งยาเสพติด อิทธิพลอำนาจมืด ซึ่งต้องทำให้ปัญหาเหล่านี้ลดลง เหตุการณ์ต่างๆก็จะดีขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น