xs
xsm
sm
md
lg

“ดาว์พงษ์” จวก “เพื่อแม้ว” กุข่าวเป็นหัวหอกนำปฏิวัติ - ปชป.เช็กข่าวยัน 5 กองพลไม่รู้เรื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ  (แฟ้มภาพ)
“พล.อ.ดาว์พงษ์” งง “เพื่อแม้ว” ปล่อยข่าวเป็นหัวเรือใหญ่ก่อรัฐประหาร ฉะนั่งเทียนคิด คนพูดไร้น้ำหนัก ด้าน “โทรโข่งมาร์ค” อ้างเช็กผู้บัญชาการ 5 กองพลแล้วไม่มีใครรู้เรื่อง เชื่อเป็นการกุข่าวของพรรคเพื่อไทยหวังใส่ร้าย ดิสเครดิต เสธ.ทบ. เหตุเจ็บแค้นการปฏิบัติหน้าที่กระชับพื้นที่ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 พร้อมยุกองทัพดำเนินคดี “ไอ้ตู่ เด็กเลี้ยงแกะ” เพื่อยับยั้งพฤติกรรมโกหก ขณะที่ รองโฆษกเพื่อแม้ว ยังเชื่อมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปฏิวัติ

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย อ้างว่า “พลเอก ด.” ในกองทัพประชุมเตรียมการปฏิวัติว่า ตนไม่รู้ว่า พลเอก ด.มาจากไหน ไม่รู้ว่าใครไปคิดและไปนั่งเทียนขึ้นมาว่า พลเอก ด.เตรียมทำปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่ได้เป็นแบบนั้น

“พลเแก ด. เป็นใครผมไม่ทราบ แต่ถ้าเป็นพลเอก ด. และมีชื่อผมเข้าไปเกี่ยวข้อง ใครๆ ก็รู้และเห็นว่าผมทำแต่งาน และมีงานด้านความมั่นคงของกองทัพบกมีหลายเรื่อง"

พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า เรื่องนี้ให้ไปคิดเองว่าคนพูดเอาอะไรมาพูด และต้องถามกลับว่า มีน้ำหนักน่าเชื่อถือขนาดไหน ขอให้ไปคิดกันเอง ตนตอบได้และไม่รู้เรื่อง และไม่รู้จริงๆ ว่า คนที่พูดต้องการอะไร อยากให้สื่อช่วยหาข้อมูลให้ว่า คนพูดเอาข้อมูลดังกล่าวมาจากไหน และรู้สึกงงว่าพลเอก ด.มีชื่อคล้ายกับตน แต่อาจจะมีหลาย “ด.” ก็ได้ อาจจะไม่ได้หมายถึงตนก็ได้ อยากรู้เหมือนกันว่า เป็นพลเอก ด.ไหน แต่ตนคงไม่สับสน เพราะไม่ได้เกี่ยวข้อง

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากจะถามถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการกระพือข่าวปฏิวัติรัฐประหาร เพราะจะไม่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใดทั้งสิ้น ถ้าหากมีการรัฐประหารจริงก็คงไม่มีข่าวคราวรั่วไหลออกมาถึงหูของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำกล่ม นปช.ว่าจะมีการปฏิวัติในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ใช้เวลา 4 ชั่วโมง และใช้กำลังจำนวน 3,000 นาย ซึ่งล้วนแต่เป็นการเมกข้อมูลขึ้นมาทั้งสิ้น

ส่วนการที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุชื่อว่ามี พล.อ."ด" เป็นผู้วางแผนรัฐประหาร น่าจะเป็นการใส่ร้ายให้สมอ้างตามที่ตัวเองปูกระแสการรัฐประหาร โดยพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ซึ่งเป็นเสนาธิการทหารบก ไม่น่าจะอยู่ในฐานะที่จะทำการรัฐประหารได้ และ พล.อ.ดาว์พงษ์เป็นนายทหารประชาธิปไตยคนหนึ่ง การออกข่าวเป็นการดิสเครดิต พล.อ.ดาว์พงษ์มากกว่า เพราะคนเหล่านี้เจ็บแค้นกับการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.อ.ดาว์พงษ์ที่เป็นตัวหลักในการกระชับพื้นของคนเสื้อแดงในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553

นายเทพไทกล่าวว่า ถ้าตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบแล้วไม่มีเหตุผลใดที่จะนำมาเป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจ เพราะ 1.รัฐบาลเองก็ไม่มีจุดอ่อนในการบริหารประเทศ 2.ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพมีความแนบแน่นมากกว่าทุกยุคทุกสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล 3.ส่วนตัวในฐานะเป็นนักศึกษา วปรอ.และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับผู้บัญชาการกองพล 5 กองพลที่มีส่วนสำคัญกับการรัฐประหารทุกครั้ง ตรวจสอบไปยังเพื่อนร่วมรุ่นแล้วก็ยังไม่มีข้อมูลใดๆ หรือสัญญาณในการเคลื่อนไหว ดังนั้น ที่ ส.ส.เพื่อไทยออกมาเรียกร้องให้ ส.ส.ทั้งหมดร่วมมือการต่อต้านการรัฐประหารนั้น ก็อยากจะให้ ส.ส.เพื่อไทยกลับไปดูพฤติกรรมคนของตัวเอง ว่ากำลังสร้างเงื่อนไขให้มีการรัฐประหารหรือไม่

นายเทพไทกล่าวว่า ถ้า ส.ส.เพื่อไทยและกลุ่ม นปช.หยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อทำลายประทศ ก็จะเป็นการต่อต้านการรัฐประหารปริยาย จึงไม่จำเป็นต้องออกมาเรียกร้องหาความร่วมมือจาก ส.ส.ทั้งหมดแต่ประการใด ขอให้คนที่ออกมาปูดข่าว หยุดสร้างกระแส เพราะพูดไปประชาชนก็เหม็นขี้ฟันเปล่าๆ ขอยืนยันว่า บ้านเมืองขณะนี้กำลังเดินไปด้วยดี การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้สูงถึง 7.8 % เกินกว่าที่ประมาณการเอาไว้ ถ้าหากยังมีการสร้างกระแสในลักษณะดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการลงทุนของประเทศ ก็ถือว่าเป็นการทำลายชาติบ้านเมืองทางอ้อม

นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้ออ้างของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงว่าทหารเตรียมการปฏิวัตินั้น คำพูดโกหกของนายจตุพรทำให้กองทัพได้รับความเสียหายในด้านภาพพจน์และความไว้วางใจจากประชาชน จึงขอเรียกร้องให้กองทัพดำเนินคดีกับนายจตุพรหรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อระงับยับยั้งการโกหกบิดเบือนและสร้างความสับสนในหมู่ประชาชนดังกล่าว

นายอรรถพรกล่าวว่า นายจตุพรและแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงบางคนพยายามสร้างกระแสหรือตีข่าวนี้ขึ้นมาเพื่อตอกลิ่มให้เกิดความหวาดระแวงระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ และในหมู่ทหารด้วยกันเอง เป็นการกระหน่ำซ้ำเติมสถานการณ์ของบ้านเมืองรองรับการการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง เช่นเดียวกับที่นายจตุพรได้สร้างเรื่องโกหกทั้งในและนอกสภามาโดยตลอด ดังนั้น ถ้ากองทัพนิ่งเฉยก็จะตกเป็นเหยื่อน้ำลายของนายจตุพร ดังที่สังคมได้ตกเป็นเหยื่อมาโดยตลอด

“การเตรียมกำลังเตรียมพร้อมเท่าที่เห็นในตอนนี้ก็คือการเตรียมกำลังของส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนประมาณ 30-40คนซึ่งจะเคลื่อนกำลังไปอยู่พรรคอื่น หลังจากรัฐธรรมนูญผ่านสภาในวาระ 3 เนื่องจากเห็นว่า อนาคตของพรรคเพื่อไทยนั้นจบสิ้นลงแล้ว” นายอรรถพรกล่าว

ขณะที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าว ว่าคณะที่ปรึกษาด้านการเมือง ความมั่นคง ของพรรคได้หารือกันถึงสถานการณ์ของประเทศระบุว่า ข่าวการเตรียมการปฏิวัติอาจไม่ใช่เรื่องการปล่อยข่าว แต่ไฟจะเกิดได้ย่อมมีควัน แผนดังกล่าวมีลักษณะคล้ายบันได 4 ขั้นตอนล้มรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ด้วยการเกิดม็อบผู้ชุมนุม สุดท้ายก็ออกมาปฏิวัติ 2549 และพบว่าได้มีการใช้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่หลังจากการล้มรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และมาเข้มข้นในช่วงปี 2552-2553

นายจิรายุอ้างว่า สำหรับแผนมีดังนี้ 1.ทิศแห่งพลัง คือการสร้างพลังให้แข็งแรงกับเครือข่ายของตน ด้วยการให้มือและแขนขาของตนทำงานได้อย่างแข็งแรง 2.ทิศแห่งเงินตรา มีลักษณะการทำคุณให้คนใกล้ชิดด้วยการใช้เงินมหาศาลในทุกระบบ 3.ทิศแห่งกฎเกณฑ์ พบว่าเป็นการวางกฎเกณฑ์เพื่อให้คู่ต่อสู้อ่อนแอในทุกรูปแบบ และพ่ายแพ้ไปในที่สุด ด้วยการเขียนกติกาต่างๆ ในสังคมเอง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4.ทิศแห่งอำนาจ ดูจะสอดคล้องความเป็นจริงมากขึ้นหลังจาก การจุดประเด็นเรื่องการปฏิวัติในหลายวันที่ผ่านมาและการออกมาชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
กำลังโหลดความคิดเห็น