00 บอกแล้วไงถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ของตัวเองที่เป็นหมู่นักการเมืองด้วยกันมันก็ “สุมหัว” หาทางออกแบบ “เกี้ยเซี๊ยะ” กันได้โดยง่าย โดยไม่ต้องไปสนใจความรู้สึกชาวบ้าน อย่างกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตอนแรกบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลต่างทำขึงขังถ้าไม่ได้ตามที่ต้องการ มีเรื่องแน่ แต่เอาเข้าจริงกลายเป็นว่าตำลงกันได้ด้วยดี “วินวิน” กันทุกฝ่ายมีแต่ได้กับได้
00 อย่างตอนแรกออกมาในสูตร 375-125 ที่ประชาธิปัตย์ยืนยันต้องการ หัวเรือใหญ่อย่าง นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เป็นหัวหน้าพรรค และ “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณเลขาฯพรรค อ้างเหตุผลสารพัด เช่นบอกว่าต้องนึกถึงระบบอย่าไปยึดตัวบุคคล แต่แท้ที่จริงแล้วแค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่เหม็นเน่า ที่ยืนยันหลักการประเภทนี้เพราะตัวเองได้เปรียบในเรื่องของจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประเภท “คะแนนพรรค” นั่นแหละ
00 ขณะที่บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ก็มองเห็นว่าตัวเองได้เปรียบในสูตร 400-100 หวังผลจากการแก้ไขรธน.แบบ “แบ่งเขตเล็ก” ก็ยืนยันว่าต้องเอาสูตรนี้ อย่างไรก็ดีเมื่อมีการโหวตตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ปชป.หวุดหวิด ก็ต้องกลับมาตั้งลำใหม่ เสนอเข้ามาใหม่ โดยเฉพาะ “สูตรเนวิน” มากันแบบสุดๆไปเลยนั่นคือ “สูตร400-125” แยกเป็น สส.400 คน และ บัญชีรายชื่อ 125 คน รวมกัน 525 คน นักการเมืองได้กันถ้วนหน้า แต่ถ้าให้ดีน่าจะเสนอเพิ่มสัก 1,000 คนไปเลย สะใจดี ทุด !!
00 นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าสิ่งไหนที่จะกระทบตัวเอง ผลประโยชน์ตัวเองละก็กระตือรือร้นนักละ เจ้า “มาร์ค” กับ “เจ้าเทือก” ถึงกับต้องร่นเวลาเรียกประชุมกันเป็นการด่วน เพื่อรวบรัดดันวาระแก้ไขรธน.ฉบับ “ผลประโยชน์ส่วนตัว” เข้าสภาให้เร็วที่สุดเปิดสภาวันแรก 25 ม.ค.เสียบเข้ามาเลย ส่วนหนึ่งเกรงว่าบรรดา ส.ว.สรรหาที่อยากกลับเข้ามาอีกรอบแต่กลัวเรื่องปัญหาทางกฎหมายหากอยู่จนครบวาระอาจจะลาออกก่อนกำหนด ซึ่งเชื่อว่ามีอยู่จำนวนหนึ่ง ทำให้กังวลว่าเสียงไม่พอ ประกอบกับอาจต้องเจอกับเล่ห์เก่าของ พรรคเพื่อไทยที่บอยคอตทำให้องค์ประชุมไม่ครบ
00 นี่แหละทำให้รัฐบาลต้องรีบชิง “ปิดเกม” ให้เร็วที่สุด พิจารณาให้ลงมติในวาระที่ 2 ให้เร็วที่สุด เพราะก่อนลงมติในวาระที่ 3 ต้องรออีก 15 วัน ดังนั้นเมื่อไฟลนก้นแบบนี้มันก็ต้อง “หน้ามืด” ทำได้ทุกอย่าง และให้จับตาการแลกเปลี่ยนแบบ “ต่างตอบแทน” ส.ว.สรรหาบางคนที่โหวตให้ผ่าน อาจได้ “กลับมา” ใหม่
00 ในที่สุด วีระ สมความคิด ก็ได้ “ตายเดี่ยว” ตามความคาดหมาย และเป็นที่ไปตามเกมที่ “พวกเขา” ได้วางเอาไว้ ซึ่งในที่นี้คงหมายรวมถึง “ฮุนเซน” อย่างแน่นอน ฟังคำพูดของ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สุเทพ ที่บอกว่าให้รอความเมตตาจากศาลกัมพูชา หรือให้ขออภัยโทษ มันน่าเศร้าสิ้นดี เพราะนี่คือการตอกย้ำการยกดินแดนให้กัมพูชาโดยไม่ต้องรอการพิสูจน์อย่างเป็นทางการอีกต่อไป และคำพูดที่บอกว่า ช่วยเต็มที่นั้นความหมายก็คือ “ช่วยให้ติดคุกเต็มที่” ต่างหาก ทุด !!
00 สังเกตหรือไม่ว่าระยะหลังมานี้ เอาเป็นว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ขึ้นปีใหม่เป็นต้นมา “เทพเทือก” ได้ควงคู่เดินสายกับ ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไปถึง เสธฯ.ทบ.พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ตลอดเวลา แต่หากมองแบบตั้งข้อสังเกตก็ต้องบอกว่านี่คือลักษณะ “ประกบตัว” ต่างหาก แม้จะอ้างว่ามีภารกิจด้านความมั่นคงที่ต้องทำร่วมกัน ก็ไม่เถียง แต่ดูแล้วมัน “แปร่งๆ” พิกล ลักษณะมันใกล้เคียงกับยุคหนึ่งที่ สมัคร สุนทรเวช ขณะเป็นนายกฯต้องหิ้วกระเตง อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในขณะนั้นไปทุกที่
00 แม้ว่าภาพภายนอกเผินๆจะดูชื่นมื่น ที่เห็นในภาพงานแต่งงานลูกชายคนโตของ เฉลิม อยู่บำรุง วันที่ 18 ม.ค.มี “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คู่ปรับที่อุตส่าห์ปั้นหน้าสร้างภาพ “จูบปาก” ไปร่วมงานด้วย ทางที่ดีน่าจะให้สมจริงมากกว่านี้โดย “หน่อย” สุดารัตน์ เกยราพันธุ์ น่าจะไปร่วมงานด้วย แต่ของจริงข้างในนี่ซิมันประสานกันไม่ติดแล้ว อีกไม่นานก็ทางใครทางมัน ลาก่อน !!
00 อย่างตอนแรกออกมาในสูตร 375-125 ที่ประชาธิปัตย์ยืนยันต้องการ หัวเรือใหญ่อย่าง นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เป็นหัวหน้าพรรค และ “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณเลขาฯพรรค อ้างเหตุผลสารพัด เช่นบอกว่าต้องนึกถึงระบบอย่าไปยึดตัวบุคคล แต่แท้ที่จริงแล้วแค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่เหม็นเน่า ที่ยืนยันหลักการประเภทนี้เพราะตัวเองได้เปรียบในเรื่องของจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประเภท “คะแนนพรรค” นั่นแหละ
00 ขณะที่บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ก็มองเห็นว่าตัวเองได้เปรียบในสูตร 400-100 หวังผลจากการแก้ไขรธน.แบบ “แบ่งเขตเล็ก” ก็ยืนยันว่าต้องเอาสูตรนี้ อย่างไรก็ดีเมื่อมีการโหวตตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ปชป.หวุดหวิด ก็ต้องกลับมาตั้งลำใหม่ เสนอเข้ามาใหม่ โดยเฉพาะ “สูตรเนวิน” มากันแบบสุดๆไปเลยนั่นคือ “สูตร400-125” แยกเป็น สส.400 คน และ บัญชีรายชื่อ 125 คน รวมกัน 525 คน นักการเมืองได้กันถ้วนหน้า แต่ถ้าให้ดีน่าจะเสนอเพิ่มสัก 1,000 คนไปเลย สะใจดี ทุด !!
00 นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าสิ่งไหนที่จะกระทบตัวเอง ผลประโยชน์ตัวเองละก็กระตือรือร้นนักละ เจ้า “มาร์ค” กับ “เจ้าเทือก” ถึงกับต้องร่นเวลาเรียกประชุมกันเป็นการด่วน เพื่อรวบรัดดันวาระแก้ไขรธน.ฉบับ “ผลประโยชน์ส่วนตัว” เข้าสภาให้เร็วที่สุดเปิดสภาวันแรก 25 ม.ค.เสียบเข้ามาเลย ส่วนหนึ่งเกรงว่าบรรดา ส.ว.สรรหาที่อยากกลับเข้ามาอีกรอบแต่กลัวเรื่องปัญหาทางกฎหมายหากอยู่จนครบวาระอาจจะลาออกก่อนกำหนด ซึ่งเชื่อว่ามีอยู่จำนวนหนึ่ง ทำให้กังวลว่าเสียงไม่พอ ประกอบกับอาจต้องเจอกับเล่ห์เก่าของ พรรคเพื่อไทยที่บอยคอตทำให้องค์ประชุมไม่ครบ
00 นี่แหละทำให้รัฐบาลต้องรีบชิง “ปิดเกม” ให้เร็วที่สุด พิจารณาให้ลงมติในวาระที่ 2 ให้เร็วที่สุด เพราะก่อนลงมติในวาระที่ 3 ต้องรออีก 15 วัน ดังนั้นเมื่อไฟลนก้นแบบนี้มันก็ต้อง “หน้ามืด” ทำได้ทุกอย่าง และให้จับตาการแลกเปลี่ยนแบบ “ต่างตอบแทน” ส.ว.สรรหาบางคนที่โหวตให้ผ่าน อาจได้ “กลับมา” ใหม่
00 ในที่สุด วีระ สมความคิด ก็ได้ “ตายเดี่ยว” ตามความคาดหมาย และเป็นที่ไปตามเกมที่ “พวกเขา” ได้วางเอาไว้ ซึ่งในที่นี้คงหมายรวมถึง “ฮุนเซน” อย่างแน่นอน ฟังคำพูดของ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สุเทพ ที่บอกว่าให้รอความเมตตาจากศาลกัมพูชา หรือให้ขออภัยโทษ มันน่าเศร้าสิ้นดี เพราะนี่คือการตอกย้ำการยกดินแดนให้กัมพูชาโดยไม่ต้องรอการพิสูจน์อย่างเป็นทางการอีกต่อไป และคำพูดที่บอกว่า ช่วยเต็มที่นั้นความหมายก็คือ “ช่วยให้ติดคุกเต็มที่” ต่างหาก ทุด !!
00 สังเกตหรือไม่ว่าระยะหลังมานี้ เอาเป็นว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ขึ้นปีใหม่เป็นต้นมา “เทพเทือก” ได้ควงคู่เดินสายกับ ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไปถึง เสธฯ.ทบ.พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ตลอดเวลา แต่หากมองแบบตั้งข้อสังเกตก็ต้องบอกว่านี่คือลักษณะ “ประกบตัว” ต่างหาก แม้จะอ้างว่ามีภารกิจด้านความมั่นคงที่ต้องทำร่วมกัน ก็ไม่เถียง แต่ดูแล้วมัน “แปร่งๆ” พิกล ลักษณะมันใกล้เคียงกับยุคหนึ่งที่ สมัคร สุนทรเวช ขณะเป็นนายกฯต้องหิ้วกระเตง อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในขณะนั้นไปทุกที่
00 แม้ว่าภาพภายนอกเผินๆจะดูชื่นมื่น ที่เห็นในภาพงานแต่งงานลูกชายคนโตของ เฉลิม อยู่บำรุง วันที่ 18 ม.ค.มี “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คู่ปรับที่อุตส่าห์ปั้นหน้าสร้างภาพ “จูบปาก” ไปร่วมงานด้วย ทางที่ดีน่าจะให้สมจริงมากกว่านี้โดย “หน่อย” สุดารัตน์ เกยราพันธุ์ น่าจะไปร่วมงานด้วย แต่ของจริงข้างในนี่ซิมันประสานกันไม่ติดแล้ว อีกไม่นานก็ทางใครทางมัน ลาก่อน !!
