เพียงแค่โหมโรง ก็เต้นกันไปทั้งพรรค เพียงแค่นายแก้วสรร อติโพธิ และนายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ประกาศเคลื่อนไหวต่อต้าน การออกกฎหมายนิรโทษกรรม คดีคอร์รัปชั่นของ นช. ทักษิณ ชินวัตร บรรดาพลพรรคเพื่อไทยก็ออกอาการ ทั้งดาหน้ากันตอบโต้ว่า รังแกผู้หญิงบ้าง รับแผนพรรคประชาธิปัตย์มาทำลายคำแนนเสียงบ้าง ทั้งแจ้งความ ร้อง กกต. ให้ดำนเนินคดีกับนายแก้วสรร และนายแพทย์ตุลย์บ้าง
ขนาด นักกฎหมายลูกแม่โดม นักเรียนทุนอานันทมหิดล อย่างนายนพดล ปัทมะ ยังจงใจบิดเบือนข้อกฎหมายว่า ในทางกฎหมายพยานสามารถให้การตามความจริงในขณะนั้น ซึ่งอาจจะมีความเห็นแตกต่างกับความเห็นของศาลได้ แต่เมื่อศาลไม่เห็นด้วยแล้วมาอ้างภายหลังว่าพยานให้การเท็จไม่ตรงกับศาลต้องถูกดำเนินคดี ถ้าเป็นอย่างนี้คนที่เป็นพยานในชั้นศาลไม่ต้องติดคุกทั้งประเทศหรือ
ทั้งๆ ที่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 บัญญัติว่า ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
คำให้การของ” ปู โคลนนิ่ง” ยิ่งลักษ์ณ ชินวัตร ในคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของ นช. ทักษิณที่ว่า หุ้นชินคอร์ป 20 ล้านหุ้น เป็นของเธอ ไม่ใช่หุ้นที่ พี่ชาย เอามาซุกไว้ และเงินปันผลชินคอร์ป 68 ล้านบาท ที่เธอเบิกออกไปจากบัญชี นั้น ก็เอาไปจ่ายเป็นค่าตกแต่งบ้าน ทำสวน ซื้อเพชร ซื้อทองฯลฯ แต่ศาลไม่เชื่อนั้น เป็นเรื่องที่คนทั่วไปก็รู้ว่า จะถือว่า เป็นความเท็จ และเป็นความเท็จที่เป็นข้อสำคัญในคดีนี้ได้ หรือไม่
ความเคลื่อนไหวของ นายแก้วสรร อดีต คตส. ซึ่งเป็นผู้ทำคดีซุกหุ้นนี้เอง กับนายแพทย์ตุลย์ ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มคนหลากสี ที่ต่อต้าน การชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองของคนเสื้อแดง จะมีเบื้องหลังอะไรหรือไม่ เป็นการตัดคะแนนเสียงของยิ่งลักษณ์หรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ประเด็นที่ว่า ยิ่งลักษณ์ให้การเท็จในคดีซุกหุ้นของพี่ชายนั้น เป็นความจริงที่ ปรากฎอยุ่ในคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ทางการเมือง เป็นความจริงที่พรรคเพือไทย ไม่กล้าพูดถึง ไม่กล้าตอบโต้ในประเด็นเหล่านี้
นายแก้วสรร กับนายแพทย์ตุลย์ ประกาศชัดเจนว่า การรณรงค์ ในนาม เครือข่ายพลเมือง คัดค้านิรโทษกรรม คอร์รัปชั่น ทักษิณ หรือ คนท. ให้ประชาชนมาร่วมลงชื่อกล่าวโทษยิ่งลักษณ์ในข้อหาให้การเท็จ มีเป้าหมายคือ การต่อต้าน การออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ นช. ทักษิณ หากว่า พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม และได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
การกล่าวโทษยิ่งลักษณ ว่า ให้การเท็จ ในคดีที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินว่า นช. ทักษิณซุกหุ้นชินคอร์ปไว้กับเธอ 20 ล้านหุ้น และมีคำสั่งให้ยึดเงิน 600 ล้านบาท ในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จะทำให้เธอกลายเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการนิรโทษกรรมให้กับพี่ชาย เพราะผลของการนิรโทษกรรมคือ นช. ทักษิณ ไม่ได้ซุกหุ้น หุ้น ชินคอร์ป 20 ล้านหุ้น เป็นของยิ่งลักษณ์จริงๆ ต้องคืนเงิน 600 ล้านบาทให้เธอ และถือว่า ไม่เคยให้การเท็จ
นอกจาก ยิ่งลักษณ์แล้ว พานทองแท้ พิณทองทา และบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ก็จะได้เงินคืนไปด้วย ด้วยเหตุผลทำนองเดียวกันนี้
“ ต่อไปตระกูลไหนต้องคดีความก็ลงทุนตั้งพรรคการเมืองแก้กฎหมายนิรโทษกรรมตนเองได้อย่างนี้อีก ส่วนใครที่ทุจริตแต่ไม่มีเงินก็ปล่อยให้ติดคุกต่อไปอีก เราจะยอมให้เขาทำได้อย่างนั้นหรือ เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีใครยอมให้เป็นเช่นนี้” นี่คือ ประเด็นหนึ่งใน เอกสารคำชี้แจงเรื่อง “ ร่วมกล่าวโทษปู หยุดกฎหมู่ชินวัตร” ของแก้วสรร
ลองคิดดูว่า เมื่อถึงวันนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลที่อ้างว่า ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน ที่ออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยผู้ได้ประโยชน์เต็มๆคือ ตระกูลชินวัตร และตระกูลดามาพงศ์
เมื่อถึงวันนั้น แก้วสรรหวังว่า “ ทางฟากพลเมืองจะมีเจ้าภาพคัดค้านกฎหมายนิรโทษคอรัปชั่นทักษิณ ก่อตัวอย่างพร้อมพรั่งแล้ว พร้อมทั้งความคิดและเครือข่ายพลเมือง ช่วยให้เคลื่อนไหวคัดค้านกระบวนการนิรโทษทักษิณได้ต่อไปอย่างเกาะติด ทั้งในช่วงจัดตั้งรัฐบาล และเสนอร่างกฎหมายขอประชามติหรือเข้าสภาก็ตาม”
“ โรดแมป” คัดค้านนิรโทษกรรม คอร์รัปชั่น ทักษิณ ของ คนท. ไม่ใช่เรืองปิดลับ แต่ถูกเปิดเผยอยู่ใน บทความแบบเขียนแอง ตอบเองของ แก้วสรร เรื่อง “ ตอบคำถามคาใจ ทำไมแจ้งความปูช่วงเลือกตั้ง” เป็นการประกาศตัวอย่างเปิดเผยว่า จะต่อสู้กับระบอบทักษิณ ด้วยหลักการ “ เราจะเอาอำนาจที่ได้จากคะแนนเลือกตั้ง ได้จากความเสมอภาคทางการเมืองมาทำลายความเสมอภาคทางกฎหมายไม่ได้นะครับ “ และ “ พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกผิดอย่างไร ต้องตัดสินด้วยหลักฐานด้วยกระบวนการยุติธรรมที่ต่อสู้คดีกันในศาล ไม่ใช่ด้วยการให้ประชาชนลงคะแนนว่าทักษิณผิดหรือไม่ผิด หากยอมให้มีการใช้ประชามติอย่างนี้เมื่อใด ประชาธิปไตยจะล้ำแดนกฎหมายกลายเป็นกฎหมู่ ตระกูลชินวัตรจะเป็นตระกูลที่อยู่เหนือกฎหมายทำผิดไม่ได้ไปในทันที”
ในสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช พรรคพลังประชาชน พยายามแก้ไขรัฐธรรมนุญ 2550 เพื่อให้มีผลล้มล้างคดี ที่ คตส. ยื่นฟ้อง นช.ทักษิณ ในข้อหาผลประโยชน์ทับซ้อนต่อ ศาลฎีกา แต่ถูกต่อต้านอย่างเข้มแข็งจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำให้ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนุญได้ และส่งผลให้ นช. ทักษิณ ถูกพิพากษาว่า มีความผิด ถูกจำคุก 2 ปีใในคดีที่ดินรัชดา และถูกยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาทในคดีซุกหุ้น
การล่ารายชื่อ กล่าวโทษ ยิ่งลักษณ์ ข้อหาให้การเท็จ คือ การชักธงรบ ต่อต้าน ความพยยามฟอกความผิดของ นช. ทักษิณ อีกครั้งหนึ่ง หากว่า พรรคเพื่อไทย ได้ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ และอ้างคะแนนเลือกตั้ง มาลบล้างความผิดของตัวเอง
ขนาด นักกฎหมายลูกแม่โดม นักเรียนทุนอานันทมหิดล อย่างนายนพดล ปัทมะ ยังจงใจบิดเบือนข้อกฎหมายว่า ในทางกฎหมายพยานสามารถให้การตามความจริงในขณะนั้น ซึ่งอาจจะมีความเห็นแตกต่างกับความเห็นของศาลได้ แต่เมื่อศาลไม่เห็นด้วยแล้วมาอ้างภายหลังว่าพยานให้การเท็จไม่ตรงกับศาลต้องถูกดำเนินคดี ถ้าเป็นอย่างนี้คนที่เป็นพยานในชั้นศาลไม่ต้องติดคุกทั้งประเทศหรือ
ทั้งๆ ที่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 บัญญัติว่า ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
คำให้การของ” ปู โคลนนิ่ง” ยิ่งลักษ์ณ ชินวัตร ในคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของ นช. ทักษิณที่ว่า หุ้นชินคอร์ป 20 ล้านหุ้น เป็นของเธอ ไม่ใช่หุ้นที่ พี่ชาย เอามาซุกไว้ และเงินปันผลชินคอร์ป 68 ล้านบาท ที่เธอเบิกออกไปจากบัญชี นั้น ก็เอาไปจ่ายเป็นค่าตกแต่งบ้าน ทำสวน ซื้อเพชร ซื้อทองฯลฯ แต่ศาลไม่เชื่อนั้น เป็นเรื่องที่คนทั่วไปก็รู้ว่า จะถือว่า เป็นความเท็จ และเป็นความเท็จที่เป็นข้อสำคัญในคดีนี้ได้ หรือไม่
ความเคลื่อนไหวของ นายแก้วสรร อดีต คตส. ซึ่งเป็นผู้ทำคดีซุกหุ้นนี้เอง กับนายแพทย์ตุลย์ ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มคนหลากสี ที่ต่อต้าน การชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองของคนเสื้อแดง จะมีเบื้องหลังอะไรหรือไม่ เป็นการตัดคะแนนเสียงของยิ่งลักษณ์หรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ประเด็นที่ว่า ยิ่งลักษณ์ให้การเท็จในคดีซุกหุ้นของพี่ชายนั้น เป็นความจริงที่ ปรากฎอยุ่ในคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ทางการเมือง เป็นความจริงที่พรรคเพือไทย ไม่กล้าพูดถึง ไม่กล้าตอบโต้ในประเด็นเหล่านี้
นายแก้วสรร กับนายแพทย์ตุลย์ ประกาศชัดเจนว่า การรณรงค์ ในนาม เครือข่ายพลเมือง คัดค้านิรโทษกรรม คอร์รัปชั่น ทักษิณ หรือ คนท. ให้ประชาชนมาร่วมลงชื่อกล่าวโทษยิ่งลักษณ์ในข้อหาให้การเท็จ มีเป้าหมายคือ การต่อต้าน การออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ นช. ทักษิณ หากว่า พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม และได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
การกล่าวโทษยิ่งลักษณ ว่า ให้การเท็จ ในคดีที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินว่า นช. ทักษิณซุกหุ้นชินคอร์ปไว้กับเธอ 20 ล้านหุ้น และมีคำสั่งให้ยึดเงิน 600 ล้านบาท ในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จะทำให้เธอกลายเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการนิรโทษกรรมให้กับพี่ชาย เพราะผลของการนิรโทษกรรมคือ นช. ทักษิณ ไม่ได้ซุกหุ้น หุ้น ชินคอร์ป 20 ล้านหุ้น เป็นของยิ่งลักษณ์จริงๆ ต้องคืนเงิน 600 ล้านบาทให้เธอ และถือว่า ไม่เคยให้การเท็จ
นอกจาก ยิ่งลักษณ์แล้ว พานทองแท้ พิณทองทา และบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ก็จะได้เงินคืนไปด้วย ด้วยเหตุผลทำนองเดียวกันนี้
“ ต่อไปตระกูลไหนต้องคดีความก็ลงทุนตั้งพรรคการเมืองแก้กฎหมายนิรโทษกรรมตนเองได้อย่างนี้อีก ส่วนใครที่ทุจริตแต่ไม่มีเงินก็ปล่อยให้ติดคุกต่อไปอีก เราจะยอมให้เขาทำได้อย่างนั้นหรือ เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีใครยอมให้เป็นเช่นนี้” นี่คือ ประเด็นหนึ่งใน เอกสารคำชี้แจงเรื่อง “ ร่วมกล่าวโทษปู หยุดกฎหมู่ชินวัตร” ของแก้วสรร
ลองคิดดูว่า เมื่อถึงวันนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลที่อ้างว่า ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน ที่ออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยผู้ได้ประโยชน์เต็มๆคือ ตระกูลชินวัตร และตระกูลดามาพงศ์
เมื่อถึงวันนั้น แก้วสรรหวังว่า “ ทางฟากพลเมืองจะมีเจ้าภาพคัดค้านกฎหมายนิรโทษคอรัปชั่นทักษิณ ก่อตัวอย่างพร้อมพรั่งแล้ว พร้อมทั้งความคิดและเครือข่ายพลเมือง ช่วยให้เคลื่อนไหวคัดค้านกระบวนการนิรโทษทักษิณได้ต่อไปอย่างเกาะติด ทั้งในช่วงจัดตั้งรัฐบาล และเสนอร่างกฎหมายขอประชามติหรือเข้าสภาก็ตาม”
“ โรดแมป” คัดค้านนิรโทษกรรม คอร์รัปชั่น ทักษิณ ของ คนท. ไม่ใช่เรืองปิดลับ แต่ถูกเปิดเผยอยู่ใน บทความแบบเขียนแอง ตอบเองของ แก้วสรร เรื่อง “ ตอบคำถามคาใจ ทำไมแจ้งความปูช่วงเลือกตั้ง” เป็นการประกาศตัวอย่างเปิดเผยว่า จะต่อสู้กับระบอบทักษิณ ด้วยหลักการ “ เราจะเอาอำนาจที่ได้จากคะแนนเลือกตั้ง ได้จากความเสมอภาคทางการเมืองมาทำลายความเสมอภาคทางกฎหมายไม่ได้นะครับ “ และ “ พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกผิดอย่างไร ต้องตัดสินด้วยหลักฐานด้วยกระบวนการยุติธรรมที่ต่อสู้คดีกันในศาล ไม่ใช่ด้วยการให้ประชาชนลงคะแนนว่าทักษิณผิดหรือไม่ผิด หากยอมให้มีการใช้ประชามติอย่างนี้เมื่อใด ประชาธิปไตยจะล้ำแดนกฎหมายกลายเป็นกฎหมู่ ตระกูลชินวัตรจะเป็นตระกูลที่อยู่เหนือกฎหมายทำผิดไม่ได้ไปในทันที”
ในสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช พรรคพลังประชาชน พยายามแก้ไขรัฐธรรมนุญ 2550 เพื่อให้มีผลล้มล้างคดี ที่ คตส. ยื่นฟ้อง นช.ทักษิณ ในข้อหาผลประโยชน์ทับซ้อนต่อ ศาลฎีกา แต่ถูกต่อต้านอย่างเข้มแข็งจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำให้ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนุญได้ และส่งผลให้ นช. ทักษิณ ถูกพิพากษาว่า มีความผิด ถูกจำคุก 2 ปีใในคดีที่ดินรัชดา และถูกยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาทในคดีซุกหุ้น
การล่ารายชื่อ กล่าวโทษ ยิ่งลักษณ์ ข้อหาให้การเท็จ คือ การชักธงรบ ต่อต้าน ความพยยามฟอกความผิดของ นช. ทักษิณ อีกครั้งหนึ่ง หากว่า พรรคเพื่อไทย ได้ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ และอ้างคะแนนเลือกตั้ง มาลบล้างความผิดของตัวเอง
