xs
xsm
sm
md
lg

ร่วมกล่าวโทษปู หยุดกฎหมู่ชินวัตร ขบวนการรู้ทันทักษิณมาแล้ว!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แก้วสรร อติโพธิ
ยังไม่ทันเข้าโค้งสุดท้าย ยังเป็นได้เพียงนายกรัฐมนตรีโพลคนแรกของประเทศไทย ตามกระแสข่าวปั่น “ปู โคลนนิ่ง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หุ่นเชิดของพี่ชายก็ต้องเผชิญกับความจริงที่ไม่อยากฟัง คำถามที่ไม่กล้าตอบเสียแล้ว เมื่อ “เครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษกรรม คอร์รัปชันทักษิณ” (คนท.) ที่นำโดยนายแก้วสรร อติโพธิ อ่านขาดว่า หมากตานี้ นช.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินอย่างไร และเปิดประเด็นชวนสังคมให้คิดชวนคนไทยให้รวมพลังกันคัดค้านกฎหมู่ชินวัตร

สเต็ปแรกของการเคลื่อนไหวของ คนท.คือ การทำให้ยิ่งลักษณ์กลายเป็นผู้ต้องหา หรือผู้ถูกกล่าวโทษด้วยการกล่าวโทษต่อดีเอสไอ และสำนักงานอัยการสูงสุดว่า ยิ่งลักษณ์ให้การเท็จในคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินว่า นช.ทักษิณซุกหุ้นชินคอร์ปไว้กับเธอ 20 ล้านหุ้น และมีคำสั่งให้ยึดเงิน 600 ล้านบาทในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์

หากประเทศไทยโชคร้าย ยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ วันใดที่พี่ชายสั่งให้แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเริ่มต้นกระบวนการนิรโทษกรรมให้ตัวเอง ยิ่งลักษณ์ก็จะอยู่ในสถานะผู้มีส่วนได้เสีย เพราะผลของการนิรโทษกรรมคือ นช.ทักษิณไม่ได้ซุกหุ้น หุ้นชินคอร์ป 20 ล้านหุ้น เป็นของยิ่งลักษณ์จริงๆ ต้องคืนเงิน 600 ล้านบาทให้เธอ และถือว่าไม่เคยให้การเท็จ

นอกจากยิ่งลักษณ์แล้ว พานทองแท้ พินทองทา และบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ก็จะได้เงินคืนไปด้วย ด้วยเหตุผลทำนองเดียวกันนี้


“ต่อไปตระกูลไหนต้องคดีความก็ลงทุนตั้งพรรคการเมืองแก้กฎหมายนิรโทษกรรมตนเองได้อย่างนี้อีก ส่วนใครที่ทุจริตแต่ไม่มีเงินก็ปล่อยให้ติดคุกต่อไปอีก เราจะยอมให้เขาทำได้อย่างนั้นหรือ เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีใครยอมให้เป็นเช่นนี้” นี่คือประเด็นหนึ่งใน เอกสารคำชี้แจงเรื่อง “ร่วมกล่าวโทษปู หยุดกฎหมู่ชินวัตร” ของแก้วสรร

ลองคิดดูว่า เมื่อถึงวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลที่อ้างว่าได้รับฉันทานุมัติจากประชาชน ที่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมโดยผู้ได้ประโยชน์เต็มๆ คือ ตระกูลชินวัตรและตระกูลดามาพงศ์

เมื่อถึงวันนั้น แก้วสรรหวังว่า “ทางฟากพลเมืองจะมีเจ้าภาพคัดค้านกฎหมายนิรโทษคอร์รัปชั่นทักษิณ ก่อตัวอย่างพร้อมพรั่งแล้ว พร้อมทั้งความคิดและเครือข่ายพลเมือง ช่วยให้เคลื่อนไหวคัดค้านกระบวนการนิรโทษทักษิณได้ต่อไปอย่างเกาะติด ทั้งในช่วงจัดตั้งรัฐบาล และเสนอร่างกฎหมายขอประชามติหรือเข้าสภาก็ตาม”

“โรดแมป” คัดค้านนิรโทษกรรม คอร์รัปชันทักษิณ ของ คนท.ไม่ใช่เรื่องปิดลับ แต่ถูกเปิดเผยอยู่ในบทความแบบเขียนแองตอบเองของแก้วสรร เรื่อง “ตอบคำถามคาใจ ทำไมแจ้งความปูช่วงเลือกตั้ง” เป็นการประกาศตัวอย่างเปิดเผยว่าจะต่อสู้กับระบอบทักษิณด้วยหลักการ “ เราจะเอาอำนาจที่ได้จากคะแนนเลือกตั้งได้จากความเสมอภาคทางการเมืองมาทำลายความเสมอภาคทางกฎหมายไม่ได้นะครับ” และ “พ.ต.ท.ทักษิณจะถูกผิดอย่างไรต้องตัดสินด้วยหลักฐานด้วยกระบวนการยุติธรรมที่ต่อสู้คดีกันในศาล ไม่ใช่ด้วยการให้ประชาชนลงคะแนนว่าทักษิณผิดหรือไม่ผิด หากยอมให้มีการใช้ประชามติอย่างนี้เมื่อใด ประชาธิปไตยจะล้ำแดนกฎหมายกลายเป็นกฎหมู่ ตระกูลชินวัตรจะเป็นตระกูลที่อยู่เหนือกฎหมายทำผิดไม่ได้ไปในทันที”

เป็นการต่อสู้โดยใช้ความจริงเป็นอาวุธ เป็นอาวุธที่ทำให้ นช.ทักษิณซึ่งมีอำนาจล้นฟ้า ต้องพ่ายแพ้มาจนถึงทุกวันนี้

ปัญหาใหญ่ที่ทีมงานปั้นหุ่นให้เป็นนายกฯ ต้องคิดหนักไม่ใช่เรื่องการตอบโต้แก้วสรร หรือจะเขียนสคริปต์ให้พูดว่าอย่างไร เพราะข้อกล่าวหาว่ายิ่งลักษณ์ให้การเท็จ หรือการนิรโทษกรรม เพื่อตระกูลชินวัตรเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฎชัด ไม่อาจหักล้างได้อยู่แล้ว ปัญหาใหญ่คือจะสวมหมวก ทาสี ให้แก้วสรรเป็นอย่างไร เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือต่างหาก

จะให้แก้วสรรเป็นพวกอำมาตย์ วาจาท่าทางแบบสุภาพบุรุษไทยแท้ของเขา คงไม่มีใครเชื่อ แม้ว่า จะมีพ่อเป็นอดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม จะให้แก้วสรรเป็นประชาธิปัตย์ก็ไม่มีประวัติว่าเคยเป็นสมาชิก มีแต่เคยวิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอย่างข้มข้น จะให้แก้วสรรเป็นพันธมิตรฯ ยิ่งเป็นไปไมได้ แม้จะเคยขึ้นเวทีปราศรัยเมื่อปี 2549 อยู่บ้าง ที่อาจจะมีน้ำหนักอยู่บ้างคือให้แก้วสรรเป็นพวก คมช. เพราะได้รับการแต่งตั้งให้เป็น คตส.ซึ่งเป็นคู่กรณีกับทักษิณ แต่การทำหน้าที่ของ คตส.ของเขา รวมทั้ง คตส.คนอื่นๆ เคยถูก นช.ทักษิณและตระกูลชินวัตรฟ้องมาแล้วหลายศาลว่าเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลชินวัตร แต่ศาลยกฟ้องทุกคดี

แท้จริงแล้ว แก้วสรรก็คือแก้วสรร คืออาจารย์สอนกฎหมาย คือปัญญาชนเสรีนิยมที่พูดจาขวานผ่าซาก คือพลเมืองที่มีจิตสำนึกที่มองเห็นความชั่วร้ายของระบอบทักษิณตั้งแต่ที่คนส่วนใหญ่ยังหลงเชื่อในตัวเขา คือคนไทยที่มองเห็นอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง และเห็นว่าตัวเองมีหน้าที่ต้องชี้ให้คนอื่นๆ เห็นภยันตรายนั้นด้วย

การอ้างผลการเลือกตั้งมาลบล้างหลักกฎหมายของ นช.ทักษิณเคยเกิดขึ้นมาแล้ว สมัยรัฐบาลหุ่นเชิดสมัคร สุนทรเวช พรรคพลังประชาชนเสนอแก้รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 237 และมาตรา 309 เมื่อต้นปี 2551

มาตรา 237 คือ การตัดสิทธิทางการเมืองของหัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค เพราะทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี

การแก้ไขมาตรานี้ ก็เพื่อปลดปล่อย นช.ทักษิณในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี หลังจากศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไทยรักไทยในกรณีจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้งในการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549

ส่วน มาตรา 309 ระบุว่า “บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้”

สาระสำคัญคือ การรับรองคำสั่งของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติว่าชอบด้วยกฎหมาย

ขณะนั้น การพิจารณาคดีที่ นช.ทักษิณและรัฐมนตรีที่ถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส.ตั้งข้อกล่าวหาว่าทุจริต รวมทั้งคดีที่ดินรัชดา และคดีซุกหุ้นภาค 2 ยังไม่ได้เริ่ม การยกเลิกมาตรา 309 จะทำให้ นช.ทักษิณ สามารถใช้เป็นข้อต่อสู้ว่า คตส.ไม่มีอำนาจในการฟ้องคดี เพราะคำสั่ง คปค.ฉบับที่ 30 ที่เป็นประกาศแต่งตั้ง คตส.ไม่มีกฎหมายรองรับ

ทุกคดีที่ คตส.ตรวจสอบ เมื่อไปถึงศาลแล้วจะถูกตีตกด้วยข้อกฎหมายนี้

อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่จะลบล้างความผิดของตัวเองผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 และ 309 ในครั้งนั้นล้มเหลว เพราะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชิปไตยรู้ทันและจัดการชุมนุมต่อต้านอย่างยืดเยิ้อยาวนานถึง 193 วัน

นช.ทักษิณคงคิดไม่ถึงว่า ขบวนการคนรู้ทันทักษิณอย่าง คนท.จะเปิดตัวเรียกระดมพลเร็วถึงเพียงนี้ อันที่จริงเขาอาจจะคิดว่า หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาลแล้ว แม้จะมีผู้คัดค้านต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเอง ก็คงมีจำนวนไม่มาก และปรากฎการณ์แบบการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คงไม่เกิดขึ้นแล้ว

เส้นทางกลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุกน่าจะเปิดโล่งทางสะดวก ถึงกับประกาศว่าพฤศจิกายนนี้จะกลับบ้าน

เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ นช.ทักษิณ ประเมินสถานการณ์และประเมินประชาชนผิด

กำลังโหลดความคิดเห็น