วันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 3 ปีของการชุมนุม 193 วันของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ของรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณ ในขณะนั้น ที่ต้องการฟอกดำให้เป็นขาว ล้มกระบวนการยุติธรรมที่กำลังดำเนินคดีกับ นช.ทักษิณ ชินวัตร
ทันทีที่พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2550 และจัดตั้งรัฐบาลที่มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 แกนนำทั้ง 5 คนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ก็อ่านขาดเลยว่า นี่คือรัฐบาลหุ่นเชิดของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีภารกิจสำคัญเพียงประการเดียวคือ ให้ทักษิณกล้บเมืองไทยโดยไม่มีความผิด
วิธีการคือ แก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 237 และยกเลิก มาตรา 309
มาตรา 237 คือ การตัดสิทธิทางการเมืองของหัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรค การเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค เพราะทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี
การแก้ไขมาตรานี้ ก็เพื่อปลดปล่อย นช.ทักษิณ ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี หลังจากศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไทยรักไทย ในกรณีจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ในการเลือกตั้ง วันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2549
ส่วนมาตรา 309 ระบุว่า "บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้"
สาระสำคัญคือ การรับรองคำสั่งของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติว่าชอบด้วยกฎหมาย
การยกเลิกมาตรา 309 จะทำให้ นช.ทักษิณและรัฐมนตรีที่ถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส.ตั้งข้อกล่าวหาว่า ทุจริต และฟ้องศาลสามารถใช้เป็นข้อต่อสู้ว่า คตส.ไม่มีอำนาจในการฟ้องคดี เพราะคำสั่ง คปค.ฉบับที่ 30 ที่เป็นประกาศแต่งตั้ง คตส.ไม่มีกฎหมายรองรับ
ทุกคดีที่ คตส.ตรวจสอบ เมื่อไปถึงศาลแล้ว จะถูกตีตกด้วยข้อกฎหมายนี้
การคาดการณ์ของแกนนำ พธม.ถูกต้องแม่นยำ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน รัฐมนตรีและ ส.ส.พรรคพลังประชาชน รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล ก็เริ่มเคลื่อนไหว เพื่อยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของประชาชน นักวิชาการ ที่มองออกว่า เป็นการแก้ไขเพื่อ นช.ทักษิณและพวกโดยเฉพาะ ทั้งๆ ที่เป็นรัฐธรรมนูญ ที่ประชาชน 14.7 ล้านคน ลงประชามติเห็นชอบและเพิ่งประกาศใช้เพียง 6 เดือนเท่านั้น
วันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2551 แกนนำ พธม.ทั้ง 5 คน คือ พลตรีจำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ พร้อมตัวแทนองค์กรแนวร่วมจากทั่วประเทศ ประชุมกันที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ได้มีการออกคำประกาศเรื่อง “เดินหน้าต้านระบอบทักษิณ และการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตนเอง” แสดงเจตนารมณ์คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อคนเพียงคนเดียวและให้พันธมิตรฯ ทั่วประเทศเตรียมพร้อม ร่วมการชุมนุมใหญ่ทันทีที่พรรคพลังประชาชนยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภาฯ
วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2551 ส.ส.พรรคพลังประชาชน 117 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 5 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 4 คน พรรคมัชฌิมาธิปไตย 2 คน พรรคประชาราช 1 คน และสมาชิกวุฒิสภาอีก 21 คน รวมทั้งสิ้น 150 คน ยื่นหนังสือต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อวันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2551
วันรุ่งขึ้น แกนนำ พธม.เรียกประชุมเพื่อกำหนดมาตรการตอบโต้ และออกแถลงการณ์ฉบับที่ 9/2551 เรื่อง ชุมนุมใหญ่ต่อต้านการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ประกาศชุมนุมใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2551 ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
นั่นคือวันนับหนึ่งของการชุมนุมใหญ่เพื่อต่อต้านระบบทักษิณ ที่มีรัฐบาลหุ่นเชิด เป็นตัวแทน ผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปปักหลักที่สะพานมัฆวานรังสรรค์นานนับเดือนก่อนจะเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลในที่สุด แม้นายสมัครจะพ้นจากตำแหน่งนายกฯ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งและถูก นช.ทักษิณ หักหลัง เชิดน้องเขย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีแทน การชุมนุมยังคงดำเนินต่อไปเพราะไม่ว่าจะเป็นสมัครหรือสมชายต่างก็เป็นหุ่นเชิดของ นช.ทักษิณทั้งสิ้น
การชุมนุมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ 2550 ครั้งนั้น กินเวลานานถึง 193 วัน ประชาชนผู้มาร่วมชุมนุมสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บถึงขั้นพิการจำนวนมาก จากเหตุการณ์ 7 ตุลาทมิฬ และการยิงระเบิดใส่ที่ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลหลายๆ ครั้ง เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของประชาชน
ผลสืบเนื่องจากการชุมนุมครั้งนั้น ทำให้รัฐบาลไม่กล้าเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อฟอกมาร นช.ทักษิณ ซึ่งเดินทางกลับมาประเทศไทยในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 ตัดสินใจหนีไปต่างประเทศในช่วงต้นเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน หลังจากทนายความ 3 คน ในคดีที่ดินรัชดา นำถุงใส่เงิน 2 ล้านบาท ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และถูกจับได้จนศาลพิพากษาจำคุกคนละ 6 เดือน
มาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ และทำให้ข้อต่อสู้ ที่เป็นข้อกฎหมายเรื่องอำนาจของ คตส.และ ป.ป.ช.ที่ นช.ทักษิณและพวกยกขึ้นต่อสู้ในทุกคดีต้องตกไป นช.ทักษิณถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก 2 ปีในคดีที่ดินรัชดา ก่อนจะถูกสั่งยึดทรัพย์ 46,373 ล้านบาท ในคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553
หากไม่มี 193 วัน การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ 2550 และขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดนับจาก 25-5-51 ถึง 2-12-51 ป่านนี้ นช.ทักษิณคงลอยนวล กลับมาครงอำนาจไปนานแล้ว
วันนี้ วันที่ครบ 3 ปีของการชุมนุม 193 วัน นช. ทักษิณกำลังหมุนเวลาย้อนกลับไปในอดีต เพื่อนิรโทษกรรมลบล้างความผิดของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง โดยผ่านกระบวนการเลือกตั้ง หากพรรคเพื่อไทยชนะและได้จัดตั้งรัฐบาล ก็จะผลักดันการแก้ไชรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 อีกรอบ เพื่อจะได้กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุก
นช.ทักษิณอาจจะประเมินว่า การชุมนุม 193 วัน ยากจะเกิดขึ้นอีก พลังของประชาชนที่ต่อต้านระบอบทักษิณคงถูกสลายไปจนอ่อนกำลังลงแล้ว แผนการของเขาคงไม่มีอุปสรรคเหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
เมื่อถึงเวลา ประชาชนจะบอกเขาเองว่าเขาคิดผิดอีกแล้ว