ASTVผู้จัดการรายวัน - “สนธิ” เปิดใจครบรอบการชุมนุม 193 วัน ครบ 3 ปี แฉ พวกพันธมิตรเทียม อาศัยการชุมนุมร่วมขับไล่ทักษิณ พอปชป.เป็นรัฐบาล แห่ซบหวังผลประโยชน์ พวกนี้เอาพรรคเป็นตัวตั้ง ต่างกับพธม.แท้เอาชาติเป็นตัวตั้ง อัด “มาร์ค” โกหก วอนพี่น้องต้องอดทนต่อสู้ต่อไปเพื่อชาติ ด้าน กก.บห.พรรคการเมืองใหม่ เสียงข้างมาก ประกาศยืนเคียงข้างพันธมิตรฯ ร่วมโหวตโน ชี้ภารกิจสุดท้ายปฏิรูปการเมืองต้องร่วมโหวตโน มั่นใจทะลุ 3 ล้านเสียง
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า วานนี้ ( 25 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ) เป็นวันครบรอบ 3 ปี ของการชุมนุม 193 วัน ของพธม. ที่เราไปร่วมเป็นร่วมตาย ร่วมชีวิต ร่วมกันทุกอย่าง มาวันนี้เราแตกแยกกันหลายฝ่าย เรามีคนซึ่งเคยร่วมเป็นแกนนำกับเรา วันนี้ก็ไม่ได้เป็นกับเราแล้ว แกนนำจาก 5 คน ก็เหลือเพียง 4 คน พันธมิตรฯ บางส่วนก็ตีจากเราไป ก็เพราะว่าเขาไปยืนข้างพรรคประชาธิปัตย์ แต่พันธมิตรฯ ที่เป็นพันธมิตรฯแท้ ที่เอาชาติเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาพรรคเป็นตัวตั้ง ก็ยังอยู่กับพวกเรา
ทำไมพันธมิตรฯ ถึงอยู่กับพวกเรา ที่เอาชาติเป็นตัวตั้ง เพราะว่า 193 วันที่เราสู้นั้น เราไม่ได้สู้ให้พรรคประชาธิปัตย์ แต่เราสู้ให้หลักการของนิติรัฐ เพื่อให้เกิดหลักนิติธรรมที่ถูกต้อง พี่น้องจำได้ใช่มั้ย จุดเริ่มต้นของ 193 วันนั้น เริ่มตรงไหน จุดเริ่มต้น เริ่มตรงที่ว่ารัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นั้น ต้องการที่จะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อที่จะให้คุณทักษิณ ชินวัตร พ้นผิด และนิรโทษกรรมบรรดาบ้านเลขที่ 111 และนั่นคือเริ่มต้นของการที่เราบอกว่า ถ้าแก้รัฐธรรมนูญแล้วเราจะไม่ยอม นั่นคือจุดเริ่มต้น วันแรกของการต่อสู้
เพราะฉะนั้นแล้วการต่อสู้ของเรานั้น ไม่ได้ต่อสู้เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เราต่อสู้ในหลักการว่าใครเป็นก็ได้ แต่ขอให้ยึดหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม และการต่อสู้ก็ดำเนินมาจนกระทั่งเราต้องเสียเลือดเนื้อ ต้องมีการตาย ต้องมีพิการ ต้องมีบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
พี่น้องครับ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ครบรอบ 3 ปี 3 ปีที่ผ่านมานี้ เราเรียนรู้อะไรบ้าง สิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้ก็คือว่าอุดมการณ์พวกเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่เคย เพราะว่าเราไม่ได้ยึดถือที่ตัวบุคคล เราไม่ได้ยึดถือที่พรรคการเมือง เราไม่ได้หลงใหล หรือรักผู้ใดผู้หนึ่งเป็นพิเศษ แต่ว่าเรายึดมั่นและเรารักในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
เพราะฉะนั้นแล้วใครจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเราเฉยๆ เมื่อขึ้นมาแล้ว ขอให้คนๆ นั้นเป็นคนดี ซื่อสัตย์ต่อบ้านเมือง และสามารถจะนำพารัฐบาลไปในทิศทางที่ซื่อสัตย์ และก็ปกครองชาติบ้านเมืองเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อพรรคการเมืองของตัวเอง ตรงนั้นต่างหากซึ่งเป็นสิ่งที่เราสู้
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราเห็นว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ ตระบัดสัตย์ ไม่ยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ตัวเองเคยพูดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2551 ตอนที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี คำพูดของนายอภิสิทธิ์ ที่พูดออกมา ตลอดจนกฎเหล็ก 9 ข้อ ผมไม่จำเป็นต้องทวนอีกแล้ว เพราะว่าวันนี้พ่อแม่พี่น้องพิสูจน์ชัดแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โกหกประชาชนทุกๆ เรื่อง เพียงเพื่อให้ตัวเองนั้นมีอำนาจ ยอมร่วมมือกับโจร อย่างเช่นพรรคภูมิใจไทย คอร์รัปชั่น โกงชาติ โกงบ้านโกงเมือง ด้วยเหตุนี้เราก็ประท้วง แต่การประท้วงของเรานั้น ยังไม่ได้ออกมาประท้วงอย่างเป็นการจริงจัง เราเริ่มออกมาต่อสู้ในเรื่องของแผ่นดินไทย เรื่องอื่นเราติติง เราติเตียน เราตำหนิ เราเรียกร้องให้เขาแก้ไข แต่เรื่องแผ่นดินไทยเรายอมไม่ได้
พี่น้องจำได้ใช่ไหมการออกมาชุมนุมครั้งนี้เราชุมนุมเพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังยกแผ่นดินไทยให้กับเขมรด้วยความร่วมมือของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากการที่เอา MOU 2543 ซึ่งเซ็นโดยนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี วันนี้เป็นช่วงของการเลือกตั้ง ทุกคนพยายามจะแก้ตัว นายชวน หลีกภัย พูดจาอะไร ผมไม่จำเป็นต้องพูด แต่หลักการของพรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์วันนี้ ออกมาโกหกประชาชน เพราะฉะนั้นแล้ว 193 วัน เป็น 193 วันซึ่งหล่อหลอมให้คนที่รักชาติจริงๆ ไม่ใช่รักชาติเพื่อประชาธิปัตย์
นายสนธิยังกล่าวต่อว่า วันนี้เราแบ่งคนออก 2 ประเภท ประเภทแรกคือรักชาติจริงๆ ประเภทที่ 2 คือรักชาติเพื่อประชาธิปัตย์ เพราะเมื่อประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลแล้ว เขาก็เลิกรักชาติทันที ถ้าเขารักชาติเขาต้องรู้ว่าการที่เรามาประท้วงในครั้งนี้ เรามาประท้วงเรื่องดินแดน ดินแดนนั้นศักดิ์สิทธิ์เหนือว่าพรรคประชาธิปัตย์ล้านเท่า ศักดิ์สิทธิ์เหนือกว่านายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สิบล้านเท่า ล้านล้านเท่า เพราะว่าเรื่องดินแดนนั้นเสียหายไม่ได้ บูรพกษัตริย์ของเรานั้นต่อสู้ปกป้องดินแดนขึ้นมา ทหารหาญในอดีตนั้นต้องเสียชีวิตเพื่อดินแดน เพราะฉะนั้นแล้ว การต่อสู้ของเราครั้งนี้ คือผลสืบเนื่องมาจาก 193 วัน คนที่เหลืออยู่ทุกวันนี้ ตลอดจนคนที่ดูทีวีอยู่อีกเป็นล้านๆ คน คือคนซึ่งเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจริงๆ และผ่านการต่อสู้ใน 193 วันมาแล้ว 193 วันนั้นให้อะไรเราบ้าง
ระยะเวลา 193 วัน ให้ตัวตนที่แท้จริงของคนที่รักชาติจริงๆ วันนี้เราได้เห็นแล้วว่าคนที่รักชาติจริงๆ ไม่ได้รักตัวบุคคล มีอยู่แล้ว และพร้อมที่จะจับมือร่วมกันเพื่อเดินหน้ากันต่อไป เพื่อต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ชาติต้องมาก่อน พี่น้อง ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ต้องมาก่อน ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทยต้องมาก่อน เพราะว่าพรรคต่างๆ นั้นจะมาก่อนชาติ เพื่อที่จะให้ตัวเองได้ประโยชน์ ชาติสำหรับพวกเขาไม่ได้มาก่อน ถ้าชาติมาก่อนแล้วจะต้องไม่มี MOU 2543 และจะต้องไม่มีการเสียดินแดน การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2551 เมื่อขึ้นปลายปี เมื่อขึ้นมาเป็นรัฐบาลนั้น เป็นพฤติกรรมของการขายชาติอย่างแท้จริง นั่นคือสิ่งที่สอนพวกเรา
เรื่องที่ 2 ที่สอนพวกเราก็คือว่า ความยุติธรรมยังไม่เกิดขึ้น 7 ตุลาคม พ่อแม่พี่น้องของเราที่ถูกยิงตาย ที่ถูกลูกกระสุนพิการและบาดเจ็บนั้น ได้มีการลงโทษโดย ป.ป.ช.แล้ว แต่ก็เป็นพรรคประชาธิปัตย์อีก ที่ออกมาปกป้องผู้ซึ่งถูก ป.ป.ช.ลงโทษ ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจนั้นเป็นตำรวจที่ถูกปกป้อง ที่ถูกปกป้องโดยพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ด้วยการรับรู้และรู้เห็นเป็นใจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เพราะฉะนั้นแล้ว พี่น้อง 193 วัน สอนเราข้อที่ 2 คือ ความยุติธรรมยังไม่ได้รับ เราจำเป็นต้องเดินหน้าสู้กับความยุติธรรม
เรื่องที่สาม 193 วันที่ผ่านมานั้น ได้มีกระบวนการกลั่นแกล้งพันธมิตรฯ จริงๆ ที่ออกไปต่อสู้ เพราะฉะนั้นแล้ว ด้วยวิธีการกฎหมาย เราก็ต้องสู้ในเรื่องนี้ต่อไป พี่น้องครับ คำถามคือว่า เราจะสู้ไปนานแค่ไหน คำตอบชัดเจน เราจะสู้ให้นานจนกว่าเราจะได้ความยุติธรรมคืนมา และเราจะสู้ให้นานตลอดไป จนกว่าเราจะได้แผ่นดินไทยคืนมา
ช่วง 193 วันนั้น ต้องถือว่าเป็นบทเรียน เป็นบทเรียนของการแยกแยะมิตรออกจากศัตรู และเป็นบทเรียนในการแยกแยะมิตรแท้ที่รักชาติ กับมิตรเทียมที่รักอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์นะครับ
“ผมเสียดายพี่น้อง หลายคนที่ร่วมสู้กับเรามา วันนี้เพียงแต่เห็นชื่อพรรค เอาพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวตั้ง แต่ไม่เอาชาติเป็นตัวตั้ง”
พี่น้องครับ พี่น้องที่ไม่เห็นด้วยกับผม แล้วยืนข้างพรรคประชาธิปัตย์ ตอบคำถามผม 1 คำถาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขายแผ่นดินไทยหรือเปล่า พรรคประชาธิปัตย์สมรู้ร่วมคิดในการยกแผ่นดินไทยให้เขมรหรือเปล่า ตอบคำถามนี้ให้ผมให้ได้ก่อน ก่อนที่จะมาว่าผม หรือก่อนที่จะมาว่าแกนนำที่เหลืออีก 3 คน แล้วก่อนที่จะว่าพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าเกเร เราไม่เคยเกเร เรายึดถือในหลักการ อุดมการณ์ รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างจริงจังและจริงใจ เราไม่มีผลประโยชน์อะไร เราไม่เหมือนนายอภิสิทธิ์ เราไม่เหมือนนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เราไม่เหมือนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่มาร่วมรักชาติกับเราเพราะต้องการมีอำนาจ เพื่อต้องการโค่นล้มนอมินีของทักษิณ เมื่อโค่นล้มนอมินีของทักษิณเรียบร้อยแล้ว ตัวเองขึ้นเสวยอำนาจ ตัวเองเอาการเมืองเป็นตัวตั้ง เอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็นตัวตั้ง แล้วอ้างมติพรรคในการตัดสินใจ ทั้งๆ ที่มติพรรคนั้น หลายๆ มติพรรคเป็นการขัดต่ออุดมการณ์และหลักการของการปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ผมขอฝากไว้อันนี้ดีกว่าพี่น้อง 193 วันนั้น จะไม่มีวันจางหายไปจากหัวใจของพันธมิตรฯ แท้ พันธมิตรฯ เทียมนั้น 193 วัน คือวันที่มาทำตัวเป็นกาฝาก เพื่อออกมาต่อสู้เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมามีอำนาจเท่านั้นเอง สำหรับพวกเขาแล้ว ชาติไม่มีความหมาย พรรคประชาธิปัตย์มีความหมายมากกว่า สำหรับพวกเราแล้วอะไรไม่สำคัญเท่าชาติครับ
“ขอให้พ่อแม่พี่น้องอย่าได้ท้อ การต่อสู้เพื่อชาตินั้นเป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์ คนที่สู้นั้นต้องอดทน ต้องไม่ท้อ เราจะโดนขบวนการกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง ถ้าพ่อแม่พี่น้องท้อ ลองคิดสิว่าผม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คุณพิภพ ธงไชย อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จะท้อแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเรามีทั้งคดีความ ผมเอง ส่วนตัวมีทั้งโดนลอบสังหาร ผมจะท้อแค่ไหนพี่น้อง พี่น้องท้อไม่ได้ เพราะว่าผม เมื่อพวกเราตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าเพื่อชาติ สำหรับชาติแล้วไม่มีคำว่าท้อ พี่น้อง บางทีมันก็ต้องสู้จนตัวตาย เพราะเราสู้เขา สู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถึงตัวจะตายก็ต้องสู้ครับพี่น้องครับ อย่าท้อเด็ดขาด ขอบพระคุณครับพี่น้องครับ” นายสนธิกล่าว
นายสำราญ รอดเพชร รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยกก.บห.พรรคการเมืองใหม่ทั้ง 10 คน ได้ขึ้นเวทีปราศรัยในโอกาสครบรอบ 3 ปี การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่า มติที่ประชุมกก.บริหารพรรคเสียงส่วนใหญ่ มีมติให้เว้นวรรค ไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในครั้งนี และหากใครใช้ชื่อพรรคส่งผู้สมัครถือว่าเป็นการกระทำโดยพลการ และที่สำคัญไม่เคารพมติมวลชนพันธมิตร ณ ที่นี้
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค ยืนยันว่าเมื่อพรรคการเมืองใหม่ เกิดขึ้นจากมติมหาชนพันธมิตรฯ ต้องยึดเจตนารมย์เพื่อโหวตโนร่วมกัน โดยหลังเกิดความขัดแย้งภายในพรรคมีแนวคิดที่จะลาออกแต่ 4 แกนนำพันธมิตรฯ ได้ชี้แนะว่าเมื่อพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นเพราะมวลชนพันธมิตรฯ กก.บห.พรรคเสียงส่วนใหญ่ ทั้ง 10 คนจะต้องยึดพรรคกลับคืน จนถึงวันนี้เราได้ต่อสู้ด้วยการไปยื่นหนังสือต่อนายทะเบียนเพื่อให้ตรวจสอบกรณีแอบอ้างชื่อพรรคส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง รวมทั้งตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ 1,500 คนเพื่อถอดถอนกก.บห.พรรคเสียงข้างน้อยแล้ว พร้อมขอเตือนว่าใครก็ตามที่แอบอ้างชื่อพรรคไปส่งผู้สมัครระวังติดคุก
"การโหวตโนในครั้งนี้ถือเป็นภารกิจสุดท้าย ในการต่อสู้กับระบอบทักษิณตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมือง ซึ่งไม่ใช่ย้อนรำลึกในอดีตแต่ถือเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทย มั่นใจเสียงโหวตโนทะลุ 3 ล้านเสียงอย่างแน่นอน"
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า วานนี้ ( 25 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ) เป็นวันครบรอบ 3 ปี ของการชุมนุม 193 วัน ของพธม. ที่เราไปร่วมเป็นร่วมตาย ร่วมชีวิต ร่วมกันทุกอย่าง มาวันนี้เราแตกแยกกันหลายฝ่าย เรามีคนซึ่งเคยร่วมเป็นแกนนำกับเรา วันนี้ก็ไม่ได้เป็นกับเราแล้ว แกนนำจาก 5 คน ก็เหลือเพียง 4 คน พันธมิตรฯ บางส่วนก็ตีจากเราไป ก็เพราะว่าเขาไปยืนข้างพรรคประชาธิปัตย์ แต่พันธมิตรฯ ที่เป็นพันธมิตรฯแท้ ที่เอาชาติเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาพรรคเป็นตัวตั้ง ก็ยังอยู่กับพวกเรา
ทำไมพันธมิตรฯ ถึงอยู่กับพวกเรา ที่เอาชาติเป็นตัวตั้ง เพราะว่า 193 วันที่เราสู้นั้น เราไม่ได้สู้ให้พรรคประชาธิปัตย์ แต่เราสู้ให้หลักการของนิติรัฐ เพื่อให้เกิดหลักนิติธรรมที่ถูกต้อง พี่น้องจำได้ใช่มั้ย จุดเริ่มต้นของ 193 วันนั้น เริ่มตรงไหน จุดเริ่มต้น เริ่มตรงที่ว่ารัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นั้น ต้องการที่จะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อที่จะให้คุณทักษิณ ชินวัตร พ้นผิด และนิรโทษกรรมบรรดาบ้านเลขที่ 111 และนั่นคือเริ่มต้นของการที่เราบอกว่า ถ้าแก้รัฐธรรมนูญแล้วเราจะไม่ยอม นั่นคือจุดเริ่มต้น วันแรกของการต่อสู้
เพราะฉะนั้นแล้วการต่อสู้ของเรานั้น ไม่ได้ต่อสู้เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เราต่อสู้ในหลักการว่าใครเป็นก็ได้ แต่ขอให้ยึดหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม และการต่อสู้ก็ดำเนินมาจนกระทั่งเราต้องเสียเลือดเนื้อ ต้องมีการตาย ต้องมีพิการ ต้องมีบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
พี่น้องครับ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ครบรอบ 3 ปี 3 ปีที่ผ่านมานี้ เราเรียนรู้อะไรบ้าง สิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้ก็คือว่าอุดมการณ์พวกเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่เคย เพราะว่าเราไม่ได้ยึดถือที่ตัวบุคคล เราไม่ได้ยึดถือที่พรรคการเมือง เราไม่ได้หลงใหล หรือรักผู้ใดผู้หนึ่งเป็นพิเศษ แต่ว่าเรายึดมั่นและเรารักในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
เพราะฉะนั้นแล้วใครจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเราเฉยๆ เมื่อขึ้นมาแล้ว ขอให้คนๆ นั้นเป็นคนดี ซื่อสัตย์ต่อบ้านเมือง และสามารถจะนำพารัฐบาลไปในทิศทางที่ซื่อสัตย์ และก็ปกครองชาติบ้านเมืองเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อพรรคการเมืองของตัวเอง ตรงนั้นต่างหากซึ่งเป็นสิ่งที่เราสู้
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราเห็นว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ ตระบัดสัตย์ ไม่ยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ตัวเองเคยพูดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2551 ตอนที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี คำพูดของนายอภิสิทธิ์ ที่พูดออกมา ตลอดจนกฎเหล็ก 9 ข้อ ผมไม่จำเป็นต้องทวนอีกแล้ว เพราะว่าวันนี้พ่อแม่พี่น้องพิสูจน์ชัดแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โกหกประชาชนทุกๆ เรื่อง เพียงเพื่อให้ตัวเองนั้นมีอำนาจ ยอมร่วมมือกับโจร อย่างเช่นพรรคภูมิใจไทย คอร์รัปชั่น โกงชาติ โกงบ้านโกงเมือง ด้วยเหตุนี้เราก็ประท้วง แต่การประท้วงของเรานั้น ยังไม่ได้ออกมาประท้วงอย่างเป็นการจริงจัง เราเริ่มออกมาต่อสู้ในเรื่องของแผ่นดินไทย เรื่องอื่นเราติติง เราติเตียน เราตำหนิ เราเรียกร้องให้เขาแก้ไข แต่เรื่องแผ่นดินไทยเรายอมไม่ได้
พี่น้องจำได้ใช่ไหมการออกมาชุมนุมครั้งนี้เราชุมนุมเพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังยกแผ่นดินไทยให้กับเขมรด้วยความร่วมมือของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากการที่เอา MOU 2543 ซึ่งเซ็นโดยนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี วันนี้เป็นช่วงของการเลือกตั้ง ทุกคนพยายามจะแก้ตัว นายชวน หลีกภัย พูดจาอะไร ผมไม่จำเป็นต้องพูด แต่หลักการของพรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์วันนี้ ออกมาโกหกประชาชน เพราะฉะนั้นแล้ว 193 วัน เป็น 193 วันซึ่งหล่อหลอมให้คนที่รักชาติจริงๆ ไม่ใช่รักชาติเพื่อประชาธิปัตย์
นายสนธิยังกล่าวต่อว่า วันนี้เราแบ่งคนออก 2 ประเภท ประเภทแรกคือรักชาติจริงๆ ประเภทที่ 2 คือรักชาติเพื่อประชาธิปัตย์ เพราะเมื่อประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลแล้ว เขาก็เลิกรักชาติทันที ถ้าเขารักชาติเขาต้องรู้ว่าการที่เรามาประท้วงในครั้งนี้ เรามาประท้วงเรื่องดินแดน ดินแดนนั้นศักดิ์สิทธิ์เหนือว่าพรรคประชาธิปัตย์ล้านเท่า ศักดิ์สิทธิ์เหนือกว่านายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สิบล้านเท่า ล้านล้านเท่า เพราะว่าเรื่องดินแดนนั้นเสียหายไม่ได้ บูรพกษัตริย์ของเรานั้นต่อสู้ปกป้องดินแดนขึ้นมา ทหารหาญในอดีตนั้นต้องเสียชีวิตเพื่อดินแดน เพราะฉะนั้นแล้ว การต่อสู้ของเราครั้งนี้ คือผลสืบเนื่องมาจาก 193 วัน คนที่เหลืออยู่ทุกวันนี้ ตลอดจนคนที่ดูทีวีอยู่อีกเป็นล้านๆ คน คือคนซึ่งเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจริงๆ และผ่านการต่อสู้ใน 193 วันมาแล้ว 193 วันนั้นให้อะไรเราบ้าง
ระยะเวลา 193 วัน ให้ตัวตนที่แท้จริงของคนที่รักชาติจริงๆ วันนี้เราได้เห็นแล้วว่าคนที่รักชาติจริงๆ ไม่ได้รักตัวบุคคล มีอยู่แล้ว และพร้อมที่จะจับมือร่วมกันเพื่อเดินหน้ากันต่อไป เพื่อต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ชาติต้องมาก่อน พี่น้อง ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ต้องมาก่อน ไม่ใช่พรรคภูมิใจไทยต้องมาก่อน เพราะว่าพรรคต่างๆ นั้นจะมาก่อนชาติ เพื่อที่จะให้ตัวเองได้ประโยชน์ ชาติสำหรับพวกเขาไม่ได้มาก่อน ถ้าชาติมาก่อนแล้วจะต้องไม่มี MOU 2543 และจะต้องไม่มีการเสียดินแดน การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2551 เมื่อขึ้นปลายปี เมื่อขึ้นมาเป็นรัฐบาลนั้น เป็นพฤติกรรมของการขายชาติอย่างแท้จริง นั่นคือสิ่งที่สอนพวกเรา
เรื่องที่ 2 ที่สอนพวกเราก็คือว่า ความยุติธรรมยังไม่เกิดขึ้น 7 ตุลาคม พ่อแม่พี่น้องของเราที่ถูกยิงตาย ที่ถูกลูกกระสุนพิการและบาดเจ็บนั้น ได้มีการลงโทษโดย ป.ป.ช.แล้ว แต่ก็เป็นพรรคประชาธิปัตย์อีก ที่ออกมาปกป้องผู้ซึ่งถูก ป.ป.ช.ลงโทษ ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจนั้นเป็นตำรวจที่ถูกปกป้อง ที่ถูกปกป้องโดยพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ด้วยการรับรู้และรู้เห็นเป็นใจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เพราะฉะนั้นแล้ว พี่น้อง 193 วัน สอนเราข้อที่ 2 คือ ความยุติธรรมยังไม่ได้รับ เราจำเป็นต้องเดินหน้าสู้กับความยุติธรรม
เรื่องที่สาม 193 วันที่ผ่านมานั้น ได้มีกระบวนการกลั่นแกล้งพันธมิตรฯ จริงๆ ที่ออกไปต่อสู้ เพราะฉะนั้นแล้ว ด้วยวิธีการกฎหมาย เราก็ต้องสู้ในเรื่องนี้ต่อไป พี่น้องครับ คำถามคือว่า เราจะสู้ไปนานแค่ไหน คำตอบชัดเจน เราจะสู้ให้นานจนกว่าเราจะได้ความยุติธรรมคืนมา และเราจะสู้ให้นานตลอดไป จนกว่าเราจะได้แผ่นดินไทยคืนมา
ช่วง 193 วันนั้น ต้องถือว่าเป็นบทเรียน เป็นบทเรียนของการแยกแยะมิตรออกจากศัตรู และเป็นบทเรียนในการแยกแยะมิตรแท้ที่รักชาติ กับมิตรเทียมที่รักอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์นะครับ
“ผมเสียดายพี่น้อง หลายคนที่ร่วมสู้กับเรามา วันนี้เพียงแต่เห็นชื่อพรรค เอาพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวตั้ง แต่ไม่เอาชาติเป็นตัวตั้ง”
พี่น้องครับ พี่น้องที่ไม่เห็นด้วยกับผม แล้วยืนข้างพรรคประชาธิปัตย์ ตอบคำถามผม 1 คำถาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขายแผ่นดินไทยหรือเปล่า พรรคประชาธิปัตย์สมรู้ร่วมคิดในการยกแผ่นดินไทยให้เขมรหรือเปล่า ตอบคำถามนี้ให้ผมให้ได้ก่อน ก่อนที่จะมาว่าผม หรือก่อนที่จะมาว่าแกนนำที่เหลืออีก 3 คน แล้วก่อนที่จะว่าพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าเกเร เราไม่เคยเกเร เรายึดถือในหลักการ อุดมการณ์ รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างจริงจังและจริงใจ เราไม่มีผลประโยชน์อะไร เราไม่เหมือนนายอภิสิทธิ์ เราไม่เหมือนนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เราไม่เหมือนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่มาร่วมรักชาติกับเราเพราะต้องการมีอำนาจ เพื่อต้องการโค่นล้มนอมินีของทักษิณ เมื่อโค่นล้มนอมินีของทักษิณเรียบร้อยแล้ว ตัวเองขึ้นเสวยอำนาจ ตัวเองเอาการเมืองเป็นตัวตั้ง เอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็นตัวตั้ง แล้วอ้างมติพรรคในการตัดสินใจ ทั้งๆ ที่มติพรรคนั้น หลายๆ มติพรรคเป็นการขัดต่ออุดมการณ์และหลักการของการปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ผมขอฝากไว้อันนี้ดีกว่าพี่น้อง 193 วันนั้น จะไม่มีวันจางหายไปจากหัวใจของพันธมิตรฯ แท้ พันธมิตรฯ เทียมนั้น 193 วัน คือวันที่มาทำตัวเป็นกาฝาก เพื่อออกมาต่อสู้เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมามีอำนาจเท่านั้นเอง สำหรับพวกเขาแล้ว ชาติไม่มีความหมาย พรรคประชาธิปัตย์มีความหมายมากกว่า สำหรับพวกเราแล้วอะไรไม่สำคัญเท่าชาติครับ
“ขอให้พ่อแม่พี่น้องอย่าได้ท้อ การต่อสู้เพื่อชาตินั้นเป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์ คนที่สู้นั้นต้องอดทน ต้องไม่ท้อ เราจะโดนขบวนการกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง ถ้าพ่อแม่พี่น้องท้อ ลองคิดสิว่าผม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คุณพิภพ ธงไชย อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จะท้อแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเรามีทั้งคดีความ ผมเอง ส่วนตัวมีทั้งโดนลอบสังหาร ผมจะท้อแค่ไหนพี่น้อง พี่น้องท้อไม่ได้ เพราะว่าผม เมื่อพวกเราตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าเพื่อชาติ สำหรับชาติแล้วไม่มีคำว่าท้อ พี่น้อง บางทีมันก็ต้องสู้จนตัวตาย เพราะเราสู้เขา สู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถึงตัวจะตายก็ต้องสู้ครับพี่น้องครับ อย่าท้อเด็ดขาด ขอบพระคุณครับพี่น้องครับ” นายสนธิกล่าว
นายสำราญ รอดเพชร รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยกก.บห.พรรคการเมืองใหม่ทั้ง 10 คน ได้ขึ้นเวทีปราศรัยในโอกาสครบรอบ 3 ปี การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่า มติที่ประชุมกก.บริหารพรรคเสียงส่วนใหญ่ มีมติให้เว้นวรรค ไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในครั้งนี และหากใครใช้ชื่อพรรคส่งผู้สมัครถือว่าเป็นการกระทำโดยพลการ และที่สำคัญไม่เคารพมติมวลชนพันธมิตร ณ ที่นี้
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค ยืนยันว่าเมื่อพรรคการเมืองใหม่ เกิดขึ้นจากมติมหาชนพันธมิตรฯ ต้องยึดเจตนารมย์เพื่อโหวตโนร่วมกัน โดยหลังเกิดความขัดแย้งภายในพรรคมีแนวคิดที่จะลาออกแต่ 4 แกนนำพันธมิตรฯ ได้ชี้แนะว่าเมื่อพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นเพราะมวลชนพันธมิตรฯ กก.บห.พรรคเสียงส่วนใหญ่ ทั้ง 10 คนจะต้องยึดพรรคกลับคืน จนถึงวันนี้เราได้ต่อสู้ด้วยการไปยื่นหนังสือต่อนายทะเบียนเพื่อให้ตรวจสอบกรณีแอบอ้างชื่อพรรคส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง รวมทั้งตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ 1,500 คนเพื่อถอดถอนกก.บห.พรรคเสียงข้างน้อยแล้ว พร้อมขอเตือนว่าใครก็ตามที่แอบอ้างชื่อพรรคไปส่งผู้สมัครระวังติดคุก
"การโหวตโนในครั้งนี้ถือเป็นภารกิจสุดท้าย ในการต่อสู้กับระบอบทักษิณตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปการเมือง ซึ่งไม่ใช่ย้อนรำลึกในอดีตแต่ถือเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทย มั่นใจเสียงโหวตโนทะลุ 3 ล้านเสียงอย่างแน่นอน"