xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ลั่นทหารยอมไม่ได้ คนอยู่ ตปท.ทำสถาบันเสียหาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“ประยุทธ์” เผยข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงพบช่วงเลือกตั้งมีขบวนการจากต่างประเทศโดย “ใจ-จักรภพ” พยายามดึงสถาบันฯ มาโจมตีทำให้เสียหาย และเกี่ยวพันยึดโยงกับหลายกลุ่ม ลั่นยอมไม่ได้ ทุกคนต้องออกมาช่วยกันดูแลพระองค์ พร้อมถามพวกอยากแก้มาตรา 112 ถ้าไม่ไปละเมิดจะถูกดำเนินคดีไหม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวชี้แจง “บทบาทของกองทัพต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน” ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และช่อง 7 โดยระบุว่า ภารกิจหลักของกองทัพบกในสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ความเข้าใจทั้งในและนอกกองทัพ ตนคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าจากสถานการณ์ภายนอกได้เข้ากดดันกองทัพหลายเรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง การทหาร หรือแม้กระทั่งจัดตั้งรัฐบาล หรือการทำงานตามพันธกิจต่างๆ ของกองทัพก็ได้ถูกกล่าวไปในทางที่จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจขึ้นได้ในกองทัพบกด้วยกัน หน้าที่โดยตรงในการรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดน ซึ่งมี 7 กองกำลังใน การดูแลโดยปฏิบัติร่วมกันระหว่างทหารหลัก ทหารพราน และตำรวจตระเวนชายแดน ภารกิจอื่นๆ คือ การจัดระเบียบพื้นที่ตามแนวชายแดน การรักษาความมั่นคง ภายใน การรักษาสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นพันธกิจ 4 ประการ ที่กองทัพบกได้ดำเนินการอยู่

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ มีมากหลายประการ กองทัพบกจำเป็นที่จะเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเกี่ยวข้อง เช่น การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงรับสั่งมาเป็นเวลา 30 ปีแล้วในการรักษาสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมเป็นหลัก และต้องพึ่งพาน้ำ ซึ่งมาจากฝนที่เกิดมาจากป่า หากเราไม่รักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ ก็จะเกิดภัยพิบัติตามมาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมีผลมาจากไม่รักษาสภาพแวดล้อมที่เกิดความสมดุลทางธรรมชาติ สิ่งที่กองทัพบกทำอยู่ทุกวันนี้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในเรื่องการดูแลพื้นที่ป่า จัดกำลังเข้าไปดูพิสูจน์ทราบ รวมถึงการป้องกัน และปราบปรามเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่โดยตรง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้มีการจัดตั้งโครงการต่างๆ ขึ้นมา เช่น โครงการพลิกผืนป่าด้วยพระบารมี โครงการดับไฟฟ้าด้วยพระบารมี โครงการ 8,400 คู คลองสนองพระปณิธาน ปัจจุบันมีโครงการปลูกต้นไม้ สร้างฝาย ขยายคูคลอง สนองพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งได้เปิดโครงการไปเมื่อเร็วๆ นี้ จะเห็นว่ากองทัพพยายาม เข้าไปดูแลมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เราก็จะทำแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้ โดยมีแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้ 3 ส่วน มาพบกันในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐคือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ส่วนทหารก็มีหน้าที่ประสานงาน และส่วนสุด ท้ายคือประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่จะเข้าไปดูแลในการพิทักษ์ปกป้อง หากมารวมกันก็จะทำให้ภารกิจต่างๆ สำเร็จได้ด้วยดี

ส่วนเรื่องการป้องกันยาเสพติดมีอยู่หลายทีมงาน ทั้งศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก โดยมีทั้ง 7 กองกำลังตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกันของรัฐบาล เรามีอยู่ 5 รั้วที่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้มีการลักลอบนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้ามา ที่ผ่านมาเราได้มีการจับกุมมีการปะทะอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการร่วมมือกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ และทหาร แต่ปัจจุบันจากการพิสูจน์ทราบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามยาเสพติด (ปปส.) ที่รับผิดชอบโดยตรง ก็ได้ หารือมาว่าปัจจุบันว่าทำมีการแพร่หลายของยาเสพติดในพื้นที่ตอนในมากขึ้น มีการจับกุมมากขึ้น จึงได้มาสำรวจดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น โดยปริมาณยาเสพติดที่แพร่ หลายในประเทศประมาณ 35% ส่วนที่เหลือก็อยู่บริเวณรอบนอกที่รอจะเข้ามาในพิ้นที่ตอนใน ดังนั้นเมื่อส่วนหนึ่งมีการเข้ามา เราจึงจะต้องมีกองกำลัง หรือมีการทำงานร่วมกันของชุดปฏิบัติการพิเศษ หรือ 315 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง ป.ป.ส. ทหาร และ ตำรวจ โดยเป็นการริเริ่มของรัฐบาล และ ป.ป.ส.

“เดิมมีการพูดคุยกันตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า จะทำอย่างไรให้ลดการแพร่ระบาด 35% ที่ว่า ที่แพร่ระบาดในพื้นที่ กทม. ชุมชมต่างๆ เกือบ 2,000 แห่ง และ ปริมณฑล โดยเรามีฐานข้อมูล และลงไปดูว่าจะทำวิธีใดที่เร็วที่สุดให้ซื้อขายกันไม่ได้ ถ้าซื้อขายกันไม่ได้อย่างอื่นก็จะเบาลงบ้าง ในส่วนการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน คือ การบำบัดรักษา โดยมีอยู่ 2 อย่าง คือราชการ หรือสังคมตัวเอง โดยจะต้องใช้เวลา สถานที่ เราก็มามองว่าเร็วที่สุดเพื่อสนองต่อประชาชนว่าจะทำให้ยาเสพติด หมดไปจากชุมนุม เนื่องจากมีสิ่งของหาย มีการทุจริตผิดกฎหมายมากขึ้น ก็มาจากสาเหตุดังกล่าว เราจึงได้ลงไปช่วย แต่เรียนว่าทั้งหมดภายใต้การดูแลควบคุมเป็น ของตำรวจ และ ป.ป.ส. เป็นหลัก ทหารไปเพิ่มเท่านั้นเนื่องจากกำลังมีไม่เพียงพอ จึงได้ขอทหารลงไปช่วย และทหารลงไปก็ได้มีการอบรม และแต่งตั้งเป็นเจ้า พนักงานตามกฎหมายโดยทาง ป.ป.ส.เป็นผู้แต่งตั้ง ดังนั้นทุกคนไปทำงานมีอำนาจตามกฎหมาย เราไม่ได้ลงไปปราบปราม แต่ลงไปทำหน้าที่จัดทำฐานข้อมูล ระบบ การป้องกันให้เข้มแข็งกับสังคม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การที่ลงไปทำงานในครั้งนี้เป็นผลดีมากกว่าผลเสีย และได้รับการตอบสนองจากประชาชน ว่าเขาพอใจกับผลงานที่ทหารลงไปปฏิบัติ การทำ หน้าที่ของทหารทำอย่างนิ่มนวล และลงไปพบปะพูดคุยไปทำความรู้จักกัน และขอร้องว่าหากพบใครกระทำผิดกฎหมายก็แจ้งให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบ ไม่เคยไปข่มขู่ ใครทั้งสิ้น และไม่เคยไปดูว่าพื้นใดเป็นหัวคะแนนนั้นคะแนนนี้ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่สนใจว่าจะทำอย่างไรให้ปัญหายาเสพติดหมดไปจากชุมชนดังกล่าว และจะทำ อย่างไรให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล เราไม่ต้องการที่จะไปต่อต้าน หรืออะไรต่างๆ ทำอะไรก็ทำไป แต่ท่านอย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้นเอง ตนขอร้องแค่นั้น

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 ก.ค.นี้ว่า เราจะสนับสนุนการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ อยากให้ประเทศชาติผ่านพ้น ห้วงเวลาที่ไม่สงบสุขไปได้ด้วยดี สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือ เรื่องสื่อ ตนเรียนว่าสื่อเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ประชาชนได้รับรู้ความเป็นไปมาของบ้านเมือง เป็นฐานันดรหนึ่งที่สำคัญ แต่ตนเรียนว่าปัจจุบันนั้นมีผลกระทบมากกับสังคม และประชาชน เพราะว่าประชาชนถูกชักจูงไปโดยกลุ่มคนบางประเภท บางจำพวกที่ไม่ได้ปรารถนาดี หรือคิดว่าปรารถนาดีก็ตาม แต่สิ่งที่กลับมาทำให้เกิดผลตอบสนองย้อนกลับมาทำให้กองทัพมีปัญหากับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย การ ดูแล ดังนั้นสื่อจะต้องช่วยเรา และช่วยประเทศชาติให้ผ่านพ้นเวลาวิกฤตนี้ไปให้ได้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัจจุบันเราจะมีสื่อในระบบ และนอกระบบ สื่อในระบบจะเห็นได้จากทั่วไปสื่อสิ่งพิมพ์ โฆษณาทีวี ส่วนอีกสื่อหนึ่งที่รับจากดาวเทียมที่ออก อากาศอยู่ทุกวันนี้ทำให้เกิดการแตกแยกกันหรือเปล่า แต่ตนก็ไม่แน่ใจตรงนี้ แต่ถ้าเราต้องการให้ประเทศชาติไปได้ และปรองดอง คิดว่าสื่อทั้งสองฝ่ายจะต้องเลิก หยุดได้แล้ว วันเวลาที่ผ่านมา สื่อบางสื่อทำให้เกิดเหตุต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้น ตนไม่ได้บอกว่าอันไหนถูกหรือผิด แต่ตนถามว่าความควรหรือไม่ควร เหมาะสมหรือไม่ เหมาะสม ถ้าต่างฝ่ายต่างบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกันและไม่เอื้อประโยชน์ให้ใครก็ไม่น่าจะมาออกอากาศในตอนนี้ และที่ผ่านมาก็ทำให้ประชาชนเป็นสองฝักสองฝ่าย ตน คิดว่าวันนี้ต้องไม่มีฝักฝ่ายกันได้แล้ว ฉะนั้นอย่ามาบอกว่าตนเป็นทหาร มาห้ามสื่อ มีอำนาจบาตรใหญ่ไม่ใช่ แต่เป็นความคิดส่วนตัวในฐานะประชาชน เรื่องนี้ทางคณะ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องมาดูแลหรือเปล่าตนไม่รู้

“การออกมาพูดทุกวันนี้ ผมพยายามฟังบ้างไม่ฟังบ้าง บางวันเวลาก็ไม่ค่อยเป็นธรรมกับผมเท่าไหร่ ไม่เป็นธรรมกับกองทัพ แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรทั้งสิ้น หรือยอมรับ แต่ผมไม่ได้ให้ความสนใจมากกว่า แต่ประชาชนอีกระดับหนึ่งส่วนหนึ่งเขาฟังอยู่ ผมยกตัวอย่างว่าเคยได้รับโทรศัพท์จากต่างประเทศโทรมาหาผม และตำหนิผม ในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก ในการปกป้องดินแดนไม่ได้ เรื่องของการทำร้ายประชาชน ผมพยายามอธิบายแต่ก็ไม่เข้าใจ และบอกว่าฟังมาจากสื่อที่ผมระบุ 2-3 สื่อที่ว่านี้ เขาคิดว่าเป็นแบบนี้ ผมถือว่าอันตราย เพราะมันไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ต่างประเทศด้วย และเราคิดว่าเราจะอยู่กันแบบนี้ต่อไปหรือ ฉะนั้นสังคมจะต้องมาดู และลงความเห็นว่าจะปล่อยให้มีสื่อแบบนี้ต่อไปหรือไม่ทั้งสื่อ ผมรู้ผมพูดวันนี้ก็จะต้องมีใครมาโจมตีผมแน่นอน แต่ก็ไม่เป็นไรผมยอมอยู่แล้ว ไม่เป็นไร ผมเรียนตรงนี้และก็อย่าย้อนกลับไปอีก 6 เดือนนี้ กับก่อนหน้านี้มันคนละเรื่อง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งหมดยืนหยัดด้วยกฎหมายใครผิดก็ว่าไปตามผิด กฏหมายเปิดโอกาสให้ต่อสู้ได้อยู่แล้วตามกระบวนการยุติธรรม ใครมีโทษมากโทษน้อย ก็สู้กันไป แก้กันไป แต่ท่านบอกว่ากลไกไม่ถูก ผมว่าไม่ได้ เพราะการดำเนินการกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดไม่ว่าจะตั้งอะไรมาก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราไปแตะต้อง หรือละเมิดไม่ได้ก็ต้องใช้ตามหลักฐานพยานต่างๆ ที่มีอยู่ใครผิด ใครถูกก็สู้กันไป ละเมิดไม่ได้ ขอร้องประชาชนเรื่องการรักษากฎกติกาของบ้านเมือง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาในฐานะเราเป็นเจ้าหน้าที่ เราเสียใจที่มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่เสียชีวิต ไม่ควรจะเกิดแม้แต่คนเดียว ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นได้อีกแล้ว ต้องว่ากันไปตามกฎหมายว่า ใครผิดหรือถูก ถ้าโยนกันไปกันมาไม่ได้ การแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองด้วยการออกมาเลือกตั้งเป็นสิ่งสำคัญ และต้องเลือกเลือกคนดีเข้า การที่มีคุณธรรมสำคัญ คือ รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี อะไรถูก อะไรผิด และสร้างจริยธรรมของท่านขึ้นมาในองค์กรของท่าน ที่ผ่านมาเราเสียใจ และจะพยายามไม่ให้เกิด ขึ้นอีก

“จากการติดตามของฝ่ายความมั่นคงเห็นว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับสถาบันมากขึ้น ในเรื่องนักวิชาการในเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน คิดว่า มีมานานแล้วตั้งแต่ปี 2475 ในวิธีการตามปกติของประชาธิปไตย แน่นอนต้องมีคนกลุ่มหนึ่งต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่วันนี้ไม่ปกติที่ทหารต้องออกมาเคลื่อนไหวบ้าง ไม่ใช่ว่า ทหารจะผูกขาดจงรักภักดี สถาบันทรงมีคุณประโยชน์ต่อแผ่นดิน ประเทศไทยเป็นประเทศทุกวันนี้เพราะสถาบันพระมหกาษัตริย์ พระองค์ไม่เคยลงไปเกี่ยวข้องอะไรที่ไม่ใช่พระราชกรณียกิจของท่าน ถึงวันนี้ท่านทรงทำงานมากว่า 60 ปี วันพระองค์น่าจะทรงพักผ่อนด้วยความสบายพระราชหฤทัย เห็นความมั่นคงของประชาชน แต่มีคนบางกลุ่มไม่ปกติ โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งที่มีการกระทำผิดกฎหมายมากขึ้น โดยกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับกลุ่มคนที่อยู่ต่างประเทศทั้งสิ้น เช่น นายใจ อึ๊งภากรณ์ และนายจักรภพ เพ็ญแข ที่พยายามทำให้สถาบันเสียหาย เกี่ยวพันยึดโยงกับคนอีกหลายกลุ่ม ซึ่งเรายอมไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนต้องช่วยกันดูแลพระองค์ท่าน ท่านไม่เคยเรียกร้องความเข้าใจจากใคร ท่านไม่เคยตอบคำถามใครได้ สิ่งกล่าวอ้างทั้งหมดไม่เป็นธรรม ไม่สุภาพด้วยประการทั้งปวง สังคมต้องดูว่า เกิดจากที่ไหนอย่างไร เกี่ยวพันกับเรื่องอะไร ทำไมถึงมากขึ้นทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค หรือสื่อสิ่งพิมพ์ โฆษณาระดมมากขึ้น ในช่วงเลือกตั้ง สถาบันไม่เคยสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ไม่อยากให้คนไปละเมิดท่าน กฎหมายมาตรา 112 ก็มีคนจะล้มเลิก คิดว่า ไม่ใช่เรื่อง ถ้าท่านไม่ไปยุ่ง หรือละเมิดว่า กล่าว สถาบัน ท่านจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ ที่ผ่านมาท่านประสงค์ไม่ให้ดำเนินคดี แต่สิ่งที่ท่านทรงพระเมตตากลับทำให้คนเหล่านี้ ได้ใจว่า ยังไงก็ไม่โดน ซึ่งคนดี ส่วนใหญ่ไม่ยอม และพอเจ้าหน้าที่ทำงานกลับต่อต้านมาตรา 112 ฝากคำถามนี้ให้สังคมไปแก้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สุดท้ายขอให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าช่วยไปเลือกตั้งทราบว่า มียอดผู้มีสิทธิ์ 30-40 ล้านออกมาเลือกตั้งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หากท่านปล่อย ให้การเลือกตั้งเป็นเหมือนเดิมๆ เราก็ได้อะไรแบบเดิมๆ ตลอด อยากฝากให้ทุกคนเลือกตั้งใช้สติมีเหตุผล รู้จักคิดว่า ทำอย่างไรบ้านเมือง สถาบันจึงจะปลอดภัย ทำ อย่างไรคนดีจึงจะได้มาบริหารชาติบ้านเมือง ประชาชนอย่าให้คนเขาดูถูกว่า ท่านชักจูงง่าย โดยไม่ได้ดูว่า คนนั้นดีหรือไม่ มีคุณธรรมหรือไม่ เขาทำผิดกฎหมายหรือ ไม่ ตนบอกว่ากิริยาที่นักการเมืองบางท่านใช้ไม่เหมาะสม แล้วจะเลือกเขาเข้าไปทำไม เลือกคนที่ดี คนที่สุภาพ ตั้งใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองเข้าไปทำงานแล้วกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น