อภิสิทธิ์! "จำเลยแดง"

00...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ สำหรับ การต่อสู้คดีของกลุ่มจำเลย(เสื้อแดง)ผู้ทรงเกียรติ "จักรภพ เพ็ญแข-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ-จตุพร พรหมพันธุ์"2 ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และ 1 จำเลยผู้หลบหนีคดี ที่พวกเขาถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 1- 3 ในความผิดฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อดักรับไว้ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยข้อความข่าวสาร หรือข้อมูลอื่นใดที่มีการสื่อสารทางโทรคมนาคมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 มาตรา 74 กรณีเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.50 จำเลยทั้งสามร่วมกันนำถ้อยคำการสนทนาทางโทรศัพท์ของ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ อดีตเลขาธิการ ปปง. นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขานุการศาลฎีกา(ขณะนั้น) และนายไพโรจน์ นวานุช ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ประจำสำนักประธานศาลฎีกาไปใช้ปราศรัยให้ผู้ร่วมชุมนุมฟังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โดยคดีนี้ พวกจำเลยได้รับเกียรติสูงสุดจากองค์คณะศาลอาญา อนุญาตให้เลื่อนนัดคดีออกไป หลังจากอัยการโจทก์แถลงว่าพยานที่นัดหมายไว้ไม่สามารถเดินทางมาเบิกความได้ ตามด้วยเหตุผลของทนายความจำเลยแถลงว่าขณะนี้อยู่ในช่วงเลือกตั้งซึ่งจำเลยลงสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ (ปาตี้ลิสต์) พรรคเพื่อไทย เพื่อความสะดวกในการสืบพยานจึงขอเลื่อนนัดสืบออกไป จากวันที่ 7 มิ.ย.54 เวลา 09.30 น. เป็นวันที่ 24 เม.ย.55 เวลา 09.00 น.รวมวันเวลาแห่งการเลื่อนคดีนานถึง 11 เดือนเต็มๆ

00...ไม่แปลกหากมีเฉพาะคดีแรก แต่เมื่อพบคดีที่แกนนำแดงอีกคน คือ"สุรชัย แซ่ด่าน หรือด่านวัฒนานุสรณ์"ที่เขาถูกฟ้องฐานดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ศาลได้นัดตรวจหลักฐานไปเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.54 เวลา 10.00

โดยอัยการโจทก์ยื่นพยานเอกสาร จำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย บันทึกการจับกุม และคำให้การของพยาน พร้อมขอนำสืบ 10 ปาก เป็นประจักษ์พยาน พนักงานถอดเทป ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และคลิปเสียง ประชาชนที่ฟังคำปราศรัย และพนักงานสอบสวนคดีนี้ โดยขอใช้เวลาพิจารณา 4 นัด ส่วนทนายความจำเลย ยื่นพยานเอกสาร 7 ฉบับ และขอนำพยานเข้าสืบหักล้าง 23 ปาก ใช้เวลาพิจารณา 6 นัด

แต่สุดท้าย จำเลยสุรชัย ก็ได้รับโอกาสจากศาลอีกเช่นเคย เมื่อศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ทั้งสองฝ่ายสืบพยานได้ตามคำขอ และนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก วันที่ 24 ม.ค. 2555 เวลา 09.00 น.รวมเวลาจากวันศาลนัดตรวจพยานหลักฐานถึงวันสืบพยานโจทก์ครั้งแรก รอนานถึง 8 เดือนเต็มๆ

00...ปิดท้ายที่ดุลพินิจและอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ที่ตอนแรก "ธาริต เพ็งดิษฐ์"ทำท่าทีขึงขัง ออกหมายเรียกตัวเหล่าแกนนำแดง รวม 19 คน ที่ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันกระทำความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง เข้ารับทราบข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วน"จตุพร พรหมพันธุ์"และ"นิสิต สินธุไพร"ที่ถูกควบคุมในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯอธิบดีฯธาริต พูดชัดว่า จะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาด้วยตนเองภายในเรือนจำ

แต่เมื่อถึงวันนัด ทนายเสื้อแดง ได้ยื่นคำร้องแยกเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มแรก เป็นแกนนำ นปช.10 คน เป็นผู้สมัคร ส.ส.ทั้งระบบบัญชีรายชื่อและระบบเขต โดยให้เหตุผลว่าต้องออกไปหาเสียงเลือกตั้งทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด

กลุ่มที่ 2 เป็นแกนนำ นปช.และสมาชิกพรรคการเมือง ต้องเตรียมการเลือกตั้ง

และกลุ่มสุดท้าย  แกนนำ นปช.ที่ถูกควบคุมในเรือนจำ แจ้งว่าหากดีเอสไอ แจ้งข้อกล่าวหาอาจได้รับผลกระทบต่อการหาเสียง โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 กลุ่มยืนยันว่าจะไม่หลบหนี และจะมาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 7 ก.ค.54

จากคำร้องข้างต้น ทำให้"ธาริต เพ็งดิษฐ์"ต้องจำยอมให้โอกาสเหล่าผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 กลุ่ม โดยอนุญาตให้แกนนำ นปช.ทั้ง 19 คน เลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากวันที่ 2 มิ.ย.ออกไปเป็นวันที่ 7 ก.ค. เวลา 09.00 น.ซึ่งเป็นวันที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นและน่าจะรู้โฉมหน้ารัฐบาลใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนสุดท้ายหากถึงวันนั้น เป็นวันของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย...ธาริต เพ็งดิษฐ์ จะว่าอย่างไร โปรดติดตามไม่นานเกินรอมีคำตอบ...