xs
xsm
sm
md
lg

“พล.ร.ท.ประทีป” ชี้ชาติรอวันล่ม หนุน “ศ.ดร.อมร” ชูโหวตโนกวาดนักการเมืองขยะได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์
“พล.ร.ท.ประทีป” ระบุชอบธรรมหากใช้ทหารขจัดความขัดแย้งอธิปไตยชาติ ไม่อย่างนั้นจะมีกองทัพไว้ทำไม แนะ “มาร์ค” เปลี่ยนรับเป็นรุก ทำตาม 3 ข้อเสนอพันธมิตรฯ ดักคอ “นช.แม้ว” อย่าปฏิเสธหากโคลนนิ่ง “ปูแดง” ทำบ้านเมืองเสียหาย พร้อมถามยังไม่เข็ดหรือคิดแก้ กม.นิรโทษ จนต้องยุบพรรค ถูกยึดทรัพย์ ยัน “มาร์ค” ขาดความกล้าหาญไม่เหมาะเป็นนายกฯ พร้อมยกแนวคิด “ศ.ดร.อมร” ชูโหวตโนกวาดนักการเมืองขยะได้


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์”  

วันที่ 5 มิ.ย. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ กรรมการรวมพลังปกป้องดินแดน กล่าวถึงคำพูดของ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ ว่าไทยควรรับข้อเสนอของฮุนเซน ที่เสนอมาว่า 1.ขอให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท 2.เอาพื้นที่พิพาทมาทำธุรกิจรวมกัน 3.ปล่อยให้การปักปันเขตแดนเป็นหน้าที่ของของคณะกรรมการปักปันร่วมนั้น พวกเราภาคประชาชนเห็นต่าง คือ

1.เมื่อถอนทหารออกจะทำให้เป็นพื้นปราศจากความขัดแย้ง เข้าเกณฑ์สามารถผ่านแผนบริหารจัดการได้ อย่างไรก็ดี ตามความเห็นตนนอกจากไม่ถอนทหารไทยแล้ว กองทัพไทยจะต้องบุกไปขับไล่ทหารเขมรออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรด้วย 2.เรื่องอธิปไตยของชาติต้องแยกให้ขาดจากเรื่องทำธุรกิจ ในการนี้ขอเตือน พล.อ.วิชิต ในฐานะที่เป็นอดีตเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกันว่า “ถ้าคิดใหม่ได้ก็คิด”

และ 3.ที่อ้างว่า หากปล่อยให้สถานการเป็นอย่างนี้ต่อไปจะกระทบเป็นลูกโซ่ จาก ผู้นำรัฐบาล ถึงกองทัพ ถึงประชาชน นั้น ดูเหมือนเป็นเหตุผลน่ารับฟัง แต่ก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดี เพราะความขัดแย้งหากมันจะเกิดขึ้นโดยเฉพาะเรื่องอธิปไตยของชาติ เป็นความขัดแย้งที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันระหว่างรัฐบาล กองทัพ และประชาชน ซึ่งต้องร่วมมือร่วมใจเป็นหนึ่งต่อสู้ เราไม่สามารถปล่อยให้เป็นความขัดแย้งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียวได้ ทั้งนี้มันจะเป็นอะไรหากปัญหาความขัดแย้งของชาติ จำเป็นต้องใช้กำลังทหาร บนความขัดแย้งที่ชอบธรรม ไม่อย่างนั้นจะมีกองทัพไว้ทำอะไร เมื่อถึงช่วงนั้นตนเชื่อว่าคนไทยทุกคนไม่ปฎิเสธ และยินดีรับผลกระทบ

พล.ร.ท.ประทีปกล่าวถึงท่าทีของนายอภิสิทธิ์ ต่อข้อ 3 ข้อเสนอของฮุนเซนว่า ถ้าฮุนเซน จริงใจแก้ปัญหาชายแดนจริง ขอให้ถอนเรื่องออกจากศาลโลก ขอให้หยุดการเดินหน้าขับเคลื่อนแผนบบริหารจักการ และเคารพเอ็มโอยู43 ข้อ 5 ห้ามแปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม และข้อ8 หากเกิดปัญหาให้ยึดหลักเจรจา ข้อเสนอนายอภิสิทธิ์ฟังดูเหมือนดี แต่ตนมีความเห็นต่าง เพราะสิ่งที่ท่านเสนอเป็นยุทธวิธีเชิงรับเสนออ้อนวอนร้องขอ ฮุนเซน ไทยมีศักดิ์ศรีพอควรใช้ยุทธิวธีเชิงรุก ด้วยการทำตาม 3 ข้อเสนอของพันธมิตรฯ ซึ่งได้ผลลัพธ์เหมือนกัน ไม่ต้องไปอ้อนวอน ฮุนเซน

พล.ร.ท.ประทีปกล่าวว่า ท่ามกลางบรรยาการหาเสียงเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่ากลับมาบริหารประเทศ ไม่ว่าด้วยตัวเองหรือจากโคลนนิ่ง ภายใต้แนวคิดทักษิณคิดเพื่อไทยทำ เรื่องนี้ตนอยากให้แง่คิด ดังนี้ ทั้นทีที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เปิดหน้าบนเวทีการเมืองไทย เขาบอกว่า จะไม่แก้แค้นแต่แก้ไข และจะขอนิรกรรมให้พี่ชาย นั้น คำว่าโคลนนิ่ง หมายความว่าถ้าทำดีก็คือดีด้วย แต่ถ้าทำเลวก็ต้องทำเลวเหมือนกัน ดังนั้นหาก นางสาวยิ่งลักษณ์ มีโอกาสนั่งเก้าอี้นายกฯ แล้วเกิดทำเลวขึ้นมา พ.ต.ท.ทักษิณ อย่าปฎิเสธว่าผมไม่ได้ทำ

จากเจตนารมณ์คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ “หากเพื่อไทยได้รับชัยชนะขาวสะอาด เป็นเครื่องการันตรีอย่างหนึ่ง พรรคเพื่อไทยไม่ซื้อสิทธิขายเสียงหากไม่ได้ขึ้นเป็นรัฐบาบ เชื่อว่าคนเสื้อแดงไม่ยอมอยู่เงี่ยบ หากบ้านเมืองเกิดความรุนแรงอย่ามาโทษทักษิณ” ตรงนี้พี่น้องจะเชื่อได้หรือว่าไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง ก็อย่ากเรียนถามนายอภิสิทธิ์จะว่าอย่างไร สะใจหรือยังกับนโยบายปรองดอง ในเมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ กำหนดระบอบประชาธิปไตย ว่า การเลือกตั้งเขาต้องชนะเป็นรัฐบาลเท่านั้น หากนายอภิสิทธิ์มาเป็นที่สองแล้วได้จัดตั้งรัฐาล อาจเกิดการเผาบ้านเมืองเผาอีกรอบ

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังบอกว่าวิธีการสร้างความปรองดองของ นายอภิสิทธิ์ ยังไม่ดีพอ ทำให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น ขณะนี้หน้าที่ของพรรรคเพื่อไทยจะตอ้งสร้างการปรองดองแห่งชาติ นั้น ตรงนี้พี่น้องจะเชื่อหรือ ว่า พรรคเพื่อไทยจะสร้างการปรองดองได้ดีกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ขนาดนโยบายปรองดองของพรรคประชาธิปัตย์ ยังขับเคลื่อนสุ่มเสียงนำอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ ไปทำลายอำนาจตุลาการ แล้วนโยบายปรองดองของพ.ต.ท.ทักษิณ มุ่งเดินหน้านิรโทษกรรม ย่อมทำให้บ้านเมืองมีโอกาสกลับคืนสู่ความเสียหายอีกรอบ

พ.ต.ท.ทักษิณบอกเข็ดแล้วกับการเป็นพรรคชนะเด็ดขาด การเลือกตั้งครั้งนี้หากพรรคเพื่อไทยชนะเด็ดขาดสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไรก็ต้องเอาพรรคอื่นเข้าร่วมด้วย ตนก็อยากถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่เข็ดอีกหรือ ครั้งที่แล้วในนามพรรคพลังประชาชน มีเสียงชนะเด็ดขาดก็เอาพรรคอื่นไปร่วม แต่พอนายสมัคร สุนทรเวช เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดช่องนิรโทษกรรม ก็มีประชาชนออกมาต่อต้าน ทำให้เกิดการยุบกรรค หนีออกนอกประเทศ ถูกยึดทรัพย์

พล.ร.ท.ประทีปกล่าวว่า หันกลับมามองฝากนายอภิสิทธิ์ รู้ดีว่าพฤติกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ ปากพูดว่าปรองดอง แต่อีกทางใช้วาจาข่มขู่ เรื่องนี้นายอภิสิทธ์ รู้มานานเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ แสดงท่าทีมานาน จนกระทั่งนายอภิสิทธิ์ กลัวคำขู่จนขี้หดส่งผลให้นำไปสู่การปรองดอง กล้าจัดตั้งคณะกรรมการปรองดอง โดยไม่แคร์ว่าคนที่ปรองดองด้วย คือคนเผาบ้านเผาเมือง ดังนั้นหากนายอภิสิทธิ์ กลับเป็นนายกฯ อีกรอบ เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ขู่ เท่ากับบ้านเมืองกำลังรอความฉิบหายอยู่ข้างหน้าเหมือนเดิม เพราะนายอภิสิทธิ์ ขาดความกล้าหาญ

พล.ร.ท.ประทีปกล่าวถึงกระแสโหวตโน กับ Statesman (รัฐบุรุษ) สอดคล้องกัน ดังที่ ศ.ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ บอกว่าการปฏิรูปต้อนนำโดยรัฐบุรุษ เท่านั้น และคนที่จะเป็นรัฐบุรุษไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติประกอบด้วย มีอำนาจ มีปัญญา มีความกล้าหาญเสียสละ รัฐบุรุษอาจมาด้วยวิธีการใดก็ได้ แต่มาแล้วขอให้เป็นรัฐบุรุษมีคุณลักษณะครบ 3 ประการก็พอ ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ เป็น รัฐบุรุษไม่ได้เพราะขาดความกล้าหาญ

นอกจากนี้ ศ.ดร.อมรยังบอกว่า โหวตโน คือก้าวแรกของการเริ่มต้นการมองปัญหาของประชาชน แสดงว่าพันธมิตรฯ เริ่มต้นโหวตโน เพราะมองเห็นปัญหาของบ้านเมือง และที่ ศ.ดร.อมร บอกว่าหากโหวตโน มีพลังมากพอกลุ่มคนโหวตโนจะต้องไปแสวงหารัฐบุรุษ แล้วรัฐบุรุษนั้นจะเป็นผู้รวบรวมดำเนินการสร้างโครงสร้างปฎิรูปประเทศไทย เมื่อเราพอมองเห็นได้แล้ว ว่าการขับเคลื่อนด้วยแนวทางโดยโหวตโน สามารถกวาดนักการเมืองทั้งหมดลงไปจากกระดานได้
กำลังโหลดความคิดเห็น