“สุมิตร” ระบุ เตรียมล่มสลายหากปล่อย ปท.ติดหล่มการเมืองเก่า ถามไม่สะอิดสะเอียนบ้างหรือเลือกตั้งทีแห่ไปจับมือนักการเมืองโกง เผาบ้านเผาเมือง ท้าหาก รบ.จริงใจแก้ทุจริต ต้องให้ ปชช.มีอำนาจฟ้องนักการเมืองโดยตรง วอนอย่าให้งบ ลต.4 พันล้านสูญเปล่า ถึงเวลาใช้กรรมเอาสังคมที่ดีกลับคืนมา
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสุมิตร นวลมณี”
วันที่ 3 มิ.ย.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุมิตร นวลมณี พันธมิตรสงขลา กล่าวว่า เราปล่อยปะละเลยให้สังคมเน่าแฟะมามากแล้ว ถึงเวลาต้องชดใช้กรรมที่เราเคยทำร้ายสังคม ต่อสู้เอาสังคมที่ดีกลับคืนมา ดูจากป้ายหาเสียงวันนี้ นักการเมืองกำลังดูถูกประชาชน เขามองเหมือนกับว่าเราเป็นคนไร้ปัญญา เลือกตั้งก็คิดอย่างเดียว หานโยบายอะไรที่ประชาชนถูกใจมากที่สุด หลอกล่อด้วยจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้ สุดท้ายก็แค่ตัวอักษร เมื่อเข้าไปมีอำนาจก็ไม่ได้ดำเนินการตามที่โฆษณาไว้ นักการเมืองไทยไม่ใช้ภูมิปัญญา ขบคิดว่าต้นเหตุปัญหาเกิดจากอะไร เพราะหากเขาคิดเมื่อไร จะพบว่าต้นเหตปัญหาทั้งหมดเกิดจากนักการเมืองเท่านั้น
ทั้งนี้ หากเราปล่อยให้สังคม มองแต่เรื่องความเจริญทางวัตถุ จากคารมชวนฝันของนักการเมือง บ้านเมืองจะไม่มีวันเจริญ จะเดินหน้าประเทศหรือปฎิรูปอะไรก็ไม่ได้ ตนเคยบอกว่านักการเมืองครอบครองที่ดินมากที่สุด หากจะให้นักการเมืองมาปฎิรูปที่ดินให้กับคนเดือดร้อนได้ทำกิน จึงไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้นการปฏิรูปจะต้องเกิดจากประชาชนเป็นหลัก
นายสุมิตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราฝากความหวังให้แก้กฎหมาย ซึ่งก็แก้จริง แก้กฎหมายเลือกตั้งให้ดูแลการเลือกตั้ง ควบคุมการซื้อเสียงได้ง่ายขึ้นคิดได้แค่นั้น ส่วนปัญหาใหญ่ๆที่นำไปสู่ความล่มจมของชาติไม่คิด อย่างเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน กินจนพี่น้องผอมโซหมดแล้ว ปัญหายาเสพติดไปที่ไหนก็มีการขายยาเสพติด 2 ปีที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย เพิ่งได้ยินก็ตอนหาเสียงนี่แหละ ปัญหายาเสพติดลูกหลานเราถูกบันทอน เจ้าหน้าที่ปล่อยปะละเลย แถมเจ้าหน้าที่ยังเป็นคนขายเองเสียอีก ถามตำรวจรู้หรือป่าว ตอบได้เลยรู้ แต่ไม่ดำเนินการ ส่วนโต๊ะพนันเกลื่อนเมือง แหล่งอบายมุขทุกอย่าง ถามว่าตำรวจรู้ไหม่ รู้ แต่ไม่ดำเนินการ เพราะสิ่งเหล่านั้นมีผลประโยชน์ใช่หรือไม่
“โหวตโนเที่ยวนี้ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเราจะยอมให้สังคมอยู่ในวังวนเดิมหรือจะให้ดีขึ้น ส่วนจะดีขึ้นอย่างไรพี่น้อง นักวิชาการ ต้องช่วยกันคิดไม่ไช่ผูกขาดอยู่ที่พันธมิตรฯฝ่ายเดียว ประเทศนี้จะให้นักการเมืองไม่กี่คนขับเคลื่อนอย่างนั้นหรือ แล้วคนอีก 50- 60 ล้านคนอยู่ตรงไหน ไม่ต้องคิดอื่นไกลขนาดยุคเรายังขนาดนี้ หากปล่อยไปแล้วลูกหลานเราจะอยู่อย่างไร ถ้าไม่ลุกขึ้นมาสู้เสียแต่ตอนนี้”
นายสุมิตร กล่าวถึงระบบการศึกษา ว่า ขอถามพี่น้องจริงๆ การศึกษาของไทยก้าวหน้าหรือถดถอย มีวาทกรรมของนักการเมืองชูประเด็นหากเสียงบอกจะสร้างคอมพิวเตอร์ให้เด็กนักเรียนทุกคน เรื่องอย่างนี้สมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคยเอาไปแจกตามโรงเรียน สุดท้ายก็เป็นซากเดนของอุปกรณ์ชนิดหนึ่ง ไม่ได้คำนึกว่าใช้ได้สมประโยชน์หรือไม่ คิดอย่างเดียวจะได้คอมมิชชันจากบริษัทที่ขายเท่าไร ปีหนึ่งเราใช้งบประมาณด้านการศึกษานับแสนล้านแทนที่จะเอามาพัฒนาครู พัฒนาคน กลับเอาไปพัฒนาทางด้านวัตถุ สร้างตึกอาคารหรูหรา ถ้านักการเมืองไม่ฉกฉวยผลประโยชน์ ตนเชื่อว่าเขาทำได้ดีกว่านี้เยอะ
นายสุมิตร กล่าวอีกว่า นักการเมืองพยายามสร้างวาทกรรม ชวนฝันให้ประชาชน เหมือนกรณีนายอภิสิทธิ์ ที่เคยหลอกล่อเรา บอกเข้ามาเป็นรัฐบาลจะจัดการการเมืองที่ล้มเหลว แต่ที่ผ่านมาไม่เห็นการแก้ปัญหา ไม่เห็นเอาจริงเอาจังปราบทุจริตคอร์รัปชัน หากจริงใจแก้ปัญหาทุจริตจริง ขอให้ประชาชนมีอำนาจ ฟ้องนักการเมืองโดยตรงไม่ต้องล่ารายชื่อเป็นหมื่นชื่อได้หรือไม่ ปัจจุบันใครจะต่อสู้ต่อกรกับนักการเมืองถ้าไม่เจ็บตัวก็เสียชีวิต เลือกตั้งที่เราก็เอาดอกไม้ไปให้ชื่นชมนักการเมืองโกง มือที่เคยเปื้อนเลือด มือที่เผาบ้านเผาเมือง มือที่คอร์รัปชั่น พี่น้องที่สัมผัสมือคนเหล่านั้นไม่สะอิดสะเอียนบ้างหรือ เราจะอยู่ในสังคมอย่างนี้กันต่อไปหรือ
“พี่น้องต้องตัดสินใจเลือกทางเดินให้ประเทศ เราเสียเงิน 4 พันล้านบาทกับการเลือกตั้ง อย่าให้การเลือกตั้งครั้งนี้เสียเปล่า หากมีการเลือกตั้งแล้วได้นักการเมืองอย่างที่พี่น้องเห็น เข้าไปสร้างความบอบช้ำให้ประชาชน แล้วจัดให้มีการเลือกตั้ง อ้างคืนอำนาจอธิปไตย ได้นักการเมืองเข้าไปโกงกินเหมือนเดิม ประเทศชาติจะตกอยู่ในวังวน เหมือนคนติดโรคผอมโซ พร้อมที่จะล่มสลายในอนาคต”
นายสุมิตร กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงใดๆ แรกเริ่มเกิดจากคนกลุ่มน้อยทั้งนั้น เลือกตั้งเที่ยวนี้โหวตโนได้เท่าไรไม่ต้องสนใจ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด การที่ภาคประชาชนกำลังเติบใหญ่ คือ ภัยที่นักการเมืองกลัวที่สุด จึงเห็นภาพมีการใส่ร้ายป้ายสีต่างๆนาๆ เพื่อทำลายล้างขบวนการภาคประชาชนไม่ให้โต้ เพราะนักการเมืองกลัวคนที่มีสติปัญญาเหนือกว่าเขา แต่เขาลืมไปว่าตลอดการต่อสุ้ของพี่น้องได้สร้างคุณให้กับสังคม สังคมได้กลับมามองปัญหาว่าแท้จริงแล้วปัญหาเกิดจากนักการเมือง แต่สังคมไทยยังขาดคนดี ที่กล้าออกมาทำความดี
“ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ถือเป็นการเปิดหน้าชกไม่ต้องเป็นอีแอบ เพราะเห็นๆกันอยู่พ.ต.ท.ทักษิณ ชักใยอยู่เบื้องหลัง ก็ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา กลัวจริงๆกับพ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมา โดยเฉพาะขี้ข้าของพรรคประชาธิปัตย์ จะกลัวอะไร กลัวถูกเช็กบิลหรือ อย่ามาทำกลัวเลยเพราะที่ผ่านมา คุณสมรู้ร่วมคิดกันมาตลอด ท้ายที่สุดก็สมยอมกันด้วยผลประโยชน์”