“มาร์ค” ออกโทรทัศน์ ยันให้พรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 มีสิทธิ์เจรจาจัดตั้งรัฐบาลก่อน ฟุ้งแม้นโยบาย ปชป.เสนอสิทธิประโยชน์ให้ประชาชนน้อยกว่าพรรคอื่นแต่ให้ได้จริง ลั่นหาก ปชป.ได้ ส.ส.น้อยกว่าเดิม พร้อมแสดงความรับผิดชอบ เปิดโอกาสคนอื่นมาเป็นหัวหน้าแทน
วันนี้ (3 พ.ค.) เมื่อเวลา 17.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ถึงนโยบายการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดวง ตนให้ความสำคัญกับประชาชนเพราะประชาชนเป็นผู้เลือก ซึ่งเรื่องดวงตนไม่ได้ยินเพราะพระท่านพูดหลายเรื่อง ไม่เป็นไร ตนยอมดวงไม่ดีแต่ขอให้ได้คะแนนดี ซึ่งตนไม่หวั่นไหว และเชื่อว่าขณะนี้ประชาชนมีอนาคตของตัวเอง ของประเทศเป็นเดิมพันในการเลือกตั้ง โดยต้องตัดสินใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวเขาหรือประเทศมากกว่ามาสนใจว่าใครดวงไม่ดี
เมื่อถามว่า ที่นายกฯ พูดเรื่องอนาคตของประเทศ หากประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาล ประเทศจะล่มสลายเลยหรือ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนคงไม่พูดอย่างนั้น เพียงแต่บอกว่ามีความเสี่ยงเรื่องอะไรบ้าง เพราะเป็นความเสี่ยงของพี่น้องประชาชน เช่น เรื่องเกษตรกรที่พรรคเพื่อไทยพูดชัดเจนว่าจะกลับไปใช้การจำนำราคา และอีกหลายโครงการที่อาจถูกยกเลิก ตนก็ยังไม่ทราบเพราะยังไม่ได้ยินเรื่องของการพูดถึงแหล่งที่มาของเงิน ฉะนั้นนโยบายอื่นอาจจะถูกยกเลิกก็เป็นความเสี่ยง
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนย้ำมาตลอดคือหนทางที่จะนำไปสู่ความปรองดอง คือบ้านเมืองต้องใช้กฎหมาย หลักนิติรัฐนิติธรรม และให้คนที่ไม่มีส่วนได้เสียเป็นผู้คิดว่าจะทำอะไร และสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศชัดเจน ในเรื่องปากท้อง ของแพง ยาเสพติด สิ่งที่เป็นความเดือดร้อนความต้องการของประชาน แต่ถ้ามีสิ่งอื่นเข้ามาตรงนี้ก็เป็นความเสี่ยง เมื่อซักต่อว่า หากรับบาลประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นก็จะทำต่อ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถูกต้อง ถามต่อว่า ฝ่ายตรงข้ามระบุว่าหากอภิสิทธิ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีจะมาชุมนุม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ด้วยเหตุผลอะไร ถ้าอย่างนั้นจะเลือกตั้งไปทำไม เพราะการเลือกตั้งเป็นการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรับธรรมนูญในระบบของรัฐสภา คนที่เป็นรัฐบาลก็คือคนที่มีเสียงข้างมากในรัฐสภา
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยอ้างว่า หากเขาได้คะแนนเป็นที่ 1 ก็จะจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็มีคนที่ไม่ยอมรับ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แล้วทำไมในระบบรัฐสภาเราก็ต้องเคารพเสียงประชาชน ถ้ามีใครชนะก็ไม่ต้องคุยกัน อย่างประเทศอังกฤษที่เลือกตั้งมา ปรากฏกว่าสองพรรคใหญ่ไม่มีใครได้เสียงข้างมากก็ต้องไปเจรจากับพรรคที่สาม ตรงนี้เป็นเรื่องปกติ สำหรับตนก็ยินดีหากใครเป็นที่หนึ่งก็ไปเจรจาจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน
เมื่อถามว่าก็จะเหมือนปี 50 ที่พรรคพลังประชาชนได้อันดับ 1 ประชาธิปัตย์ได้อันดับ 2 แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เมื่อปี 2518 เมื่อประชาธิปัตย์ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งแต่ไม่ได้เป็นรัฐบาล ซึ่งสมาชิกก็ไม่มีการไปชุมนุมต่อต้าน เพราะเราเคารพกติกา อย่าไปกังวล ให้ดูก่อนว่าใครจะได้ที่หนึ่ง และหากคิดจะปรองดองต้องไม่มีการข่มขู่และคุกคาม ตรงนี้เป็นการข่มขู่ว่าหากไม่เป็นรับบาลจะมีการทำอย่างนั้นอย่างนี้
“ผมเคยประกาศไปแล้ว พรรคอันดับ 1 ต้องมีสิทธิจัดตั้งรัฐบาล และไม่ควรจะพูดว่าจะมีการปั่นป่วนทำบ้านเมืองให้วุ่นวาย ตรงนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า คิดอย่างไรเมื่ออีกฝั่งหนึ่งระบุว่าจะมีอำนาจแทรกซ้อนเข้ามาในการจัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มี เป็นไปตามอำนาจรัฐสภา ตนต้องการให้อำนาจประชาชน และการพูดอะไรต่างๆ ก็ควรเป็นไปตามความเป็นจริง ซึ่งสิ่งที่ตนพูดเป็นการพูดเชิงหลักการ ที่พรรคได้คะแนนอันดับหนึ่งจะได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน ซึ่งนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์พูดจะต้องทำได้จริง และการที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอตัวเลขต่ำกว่าที่อื่น เพราะคำนวณแล้วว่าจะทำได้ในกรอบของงบประมาณ ปี 55 ซึ่งยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ให้สิทธิประโยชน์น้อย แต่ก็ให้ได้จริง
เมื่อถามว่า หากประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็จะเป็นรัฐบาลผสม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เวลานี้ตอบอะไรไม่ได้ และหากได้ร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย นโยบายที่พรรคภูมิใจไทยเสนอนั้น ตนก็ยืนยันในนโยบาย และการที่ใครมาร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ เราก็ยืนยันว่า จะยึดหลักนโยบายของเราเป็นหลัก แต่ถ้ามีนโยบายบางเรื่องทำได้ก็จะไปเจรจากัน ส่วนนโยบายลด Vat จาก 7 เปอร์เซ็นต์เหลือ 5 เปอร์เซ็นต์ของพรรคภูมิใจไทยนั้น ตนคงไม่ทำ เพราะไม่ใช่นโยบายที่จะแก้ไขปัญหาได้
“วันนี้เรื่องการปรองดองเป็นการทดสอบของประเทศ กำลังเป็นบททดสอบสำคัญของประเทศ ว่าเราคิดว่าการปรองดอง ใครเสียงดัง ใครข่มขู่ ต้องได้ดังใจ และวันนี้เราต้องก้าวให้พ้นว่าประชาชนจะมาสนับสนุนพรรคที่จะทำให้บ้านเมืองนี้ปกครองด้วยกฏหมาย เป็นนิติรัฐ นิติธรรม เราอยากไปอยู่ในบ้านเมืองที่คนกลัวกฎหมาย หรืออยากไปอยู่ในบ้านเมืองที่คนกลัวคนเสียงดังกว่า ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สำคัญเพราะสิ่งเรากำลังพูดไปอีกหลายเรื่อง คำว่านิรโทษกรรมฟังดูอาจจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ความผิดจะนิรโทษกรรม มีการคอร์รัปชันมีการทำลายทรัพย์สินทางราชการ เราจะยอมรับกระบวนการอื่นๆ หรือไม่” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า แม่อีกฝั่งจะอ้างว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความไม่เป็นธรรมหากมีคนกลางมานำเสนอ มาแก้ไขเรายินดี อย่างกับข้อเสนอของคณะกรรมการปฎิรูปชุดต่างๆ 2 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งวิกฤตการเงิน วิกฤตการเมือง ภัยธรรมชาติ ก็ต้องแก้ไขกันไป และหากเรากลับมาเป็นรัฐบาลจะเป็นการพิสูจน์ศักยภาพความเติบโตทางวุฒิภาวะทางการเมืองและประชาธิปไตย และจะเดินหน้าแก้ปัญหาที่สะสมมานาน
เมื่อถามว่า หวั่นไหวหรือไม่ที่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และพรรคภูมิใจไทย แห่ไปหาพรรคเพื่อไทย โพลต่างๆ ที่ออกมาในทิศทางที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดอย่างนั้น พรรคการเมืองแต่ละพรรคก็ต้องเปิด เป็นเรื่องปกติธรรมดา ซึ่งตนเคยพูดมาโดยตลอดว่าบางเรื่องที่เห็นว่าไม่ควรทำก็จะไม่ทำ ถ้าสมมุติว่าถ้าบางพรรคไม่สามารถรับเงื่อนไขบางอย่างได้ แต่ตนก็ต้องรักษาสิ่งที่ถือว่าเป็นหลักการ เป็นนโยบาย
เมื่อถามว่า นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาเคยขอให้เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีจริงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลายเรื่องที่ตนไม่เห็นด้วยก็ไม่ได้ตามใจ เพราะตนถือว่ามาเป็นนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ หลายโครงการที่ไม่ผ่าน ในทรรศนะนั้นไม่ควรจะผ่านมา ก็มาคุยกันด้วยเหตุและผล และตอนนี้ตนก็ไม่ได้โดดเดี่ยว เมื่อถามว่ายังมั่นใจ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไปพบปะประชาชนในหลายพื้นที่ ซึ่งทำให้มั่นใจว่าประชาชนต้องการเดินหน้าประเทศ นโยบายบางนโยบายที่ทำไปแล้วก็ได้รับการตอบรับ แต่เรื่องปัญหาของแพงที่ยังหงุดหงิดกันอยู่
เมื่อถามว่า คิดว่าพรรคประชาธิปไตยจะได้กี่ที่นั่ง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่อยากประเมินตัวเลข แต่มั่นใจว่าจะได้ส.ส.เพิ่มขึ้นกว่าเดิม และการเลือกตั้งครั้งนี้สูสี เมื่อถามย้ำว่า จะได้ส.ส.ถึง 200 หรือไม่ หัวหน้าพรรคฯ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะสูสีมาก ส่วนการสร้างกระแสว่าบางพรรคจะชนะถล่มทลาย ตนไม่เชื่อ และตัวเขาเองก็ไม่เชื่อ ถ้าเขาเชื่อคงไม่มาคาดคั้นว่าทำไมต้องให้พรรคที่ได้ที่ 1 จัดตั้งรัฐบาลก่อน เพราะถ้าได้ 270 ก็เป็นรัฐบาลอยู่แล้ว เมื่อถามว่า 2 พรรคใหญ่จะแย่งชิง 100 คะแนน จาก 400 ส.ส. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่า 2 พรรคใหญ่จะได้ ส.ส.รวมกันประมาณ 400 คน จะชนะแพ้กันไม่มาก
เมื่อถามว่า ที่นายเนวินวิเคราะห์ว่าหากแพ้การเลือกตั้งแล้วจะออกหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าตนทำพรรคเสียหายก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นระบบที่สุด นึกภาพว่าเที่ยวนี้ได้ ส.ส.สัก 150 คน คุณคิดว่าพรรคจะให้ตนอยู่เป็นหัวหน้าพรรคหรือเปล่า ไม่มีทาง ตนรู้อยู่แล้วต้องรับผิดชอบกับผลงานที่เกิดขึ้นกับพรรคในฐานะหัวหน้าพรรค ฉะนั้นถ้าตนทำให้พรรคถดถอยก็ต้องเปิดโอกาสให้คนอื่นมาบริหาร โดยพิธีกรถามว่าหมายถึงได้เสียงน้อยกว่าเดิม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นั่นอย่างน้อยที่สุดแล้ว