โฆษกภูมิใจไทยหมายหัวลูกพรรคปราศัยชูนายกฯ ชี้ยังเป็นเรื่องไกลตัว เตรียมนัดประชุมกำหนดขอบเขต ห่วงสื่อโหมกระแสช้าง 2 ตัวชนกัน หวั่นหญ้าแพรกแหลกราญ วอนพรรคใหญ่เน้นนโยบายมากกว่าชูตัวบุคคล ยัน มท.ใช้งบฯ มีเหตุผล ขู่ ขรก.แสดงความเห็นเท่ากับไม่เป็นกลางระวังโดนร้องเรียนได้ ปฏิเสธเป็นใบเฟิร์นในงานศพ
วันนี้ (30 พ.ค.) นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายภิรมย์ พรหมวิเศษ ผู้สมัครเขต 5 จ.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ปราศรัยว่ามั่นใจหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 1 เป็นนายกฯ พรรคภูมิใจไทยพร้อมร่วมรัฐบาลว่า พรรคไม่ได้กำหนดแนวทางในการหาเสียง ความจริงพรรคก็มุ่งไปในเรื่องรณรงค์หาเสียง ทุกพรรคก็กำลังทำเหมือนกัน พรรคภูมิใจไทยยังไม่คิดไกลขนาดว่าใครจะมาเป็นนายกฯ หรือจะสนับสนุนพรรคใดชัดเจน หากผู้สมัครปราศรัยอย่างนั้นก็มีสิทธิ์ แต่ถามว่าพรรคไฟเขียวหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ใช่ซึ่งเรื่องดังกล่าวพรรคจะได้มีการประชุมกันถึงท่าทีว่าควรอยู่ในขอบเขตเรื่องใด
ผู้สื่อข่าวถามถึงพรรคชาติไทยพัฒนาจะทาบชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินเพื่อเป็นพรรคขนาดกลางเพื่อจัดตั้งรัฐบาล นายศุภชัยกล่าวว่า ยังไม่มีพฤติการณ์ปรากฏ ทุกฝ่ายรู้ว่าเราจับมือร่วมกันกับชาติไทยพัฒนา ทั้งหมดจบตรงเลือกตั้งเสร็จ อย่างไรก็ตามสังคมยอมรับหรือไม่ว่ามันมีลักษณะที่เกิดขึ้นคือ เหมือนพรรคใหญ่ 2 พรรค ซึ่งแต่ละพรรคชูนายกฯ ใครจะจัดตั้งรัฐบาล น้ำหนักในเรื่องจะทำอะไร นโยบายอะไรทำให้ประชาชนกลับเป็นเรื่องรอง
“มันมีเผชิญหน้าระหว่างชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และสื่อเสนอข่าวลักษณะอย่างนั้น เป็นการทำให้ช้าง 2 ตัวชนกัน มีการเผชิญหน้ารุนแรง เมื่อคิดจะเป็นนายกฯ แปลว่าหลังเลือกตั้งเราห่วงว่าเผชิญหน้ากันร้ายแรง ประเทศไทยจะตกอยู่ในวังวนเดิมๆ หรือไม่ และประชาชนก็มีแนวคิดว่าถ้าใครเป็นนายกฯ บ้านเมืองไปได้จริงหรือ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ประเทศไทยมีเพียง 2 คนเท่านั้นหรือที่จะเป็นนายกฯ ได้ ไม่ได้หมายความว่าเราจะชูใคร หลังนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคออกมาพูด หลายฝ่ายเห็นด้วย นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เสนอ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนาขึ้นมา” นายศุภชัยกล่าว
เมื่อถามว่าจะหานายกฯปรองดองหรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า ช้าง 2 ตัวชนกันมันพังกันเป็นแถบ มันปรองดองได้หรือไม่ ส่วนตัวมองว่าบ้านเมืองจะตกอยู่วังวนเดิมๆ แต่ละฝ่ายลงชื่อหาเสียงสมานฉันท์กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว เราอยากให้ชูนโยบาย ชูตัวคนให้มันลดลง ฝากทุกภาคส่วน และสื่อเอาภาพกิจกรรมที่ 2 พรรคใหญ่ทำเป็นหลักทำให้สาระแก้ปัญหาบ้านเมือง ลดความสำคัญลง ซึ่งเราเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียว ที่ไม่นำเสนอคนในพรรค เรานำเสนอนโยบายมากกว่า
เมื่อถามถึงเรื่องเฟิร์น นายศุภชัยกล่าวว่า เรื่องแจกันดอกไม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุมาก่อน ซึ่งใบเฟิร์นก็เหมือนพรรคเล็ก พรรคขนาดกลาง ที่มาแซมในแจกัน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณเปรียบตัวเองเป็นดอกไม้ในแจกันที่ต้องมีใบเฟิร์นแซม อย่างไรก็ตาม ใบเฟิร์นก็แซมกับดอกไม้ในงานศพได้ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าจะไม่เป็นใบเฟิร์นงานศพแน่นอน
ต่อข้อถามถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทยสรุปตัวเลขการใช้งบประมาณในโครงการอาสามัครปกป้องสถาบัน (อสป.) ซึ่งงบประมาณได้ไปใช้ในจังหวัดบุรีรัมย์ถึง 600 ล้าน ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์จากข้าราชการประจำว่าจะผันเงินจำนวนนี้ไปในการเลือกตั้ง นายศุภชัยกล่าวว่า จากการทำโพลทุกครั้ง คะแนนพรรคก็เป็นที่น่าพอใจ และ อสป.ก็มีจำนวนไม่มาก ไม่ใช่ตัวปัจจัยหลักที่จะทำให้คะแนนเขตชนะหรือไม่ชนะ
“ยืนยันว่าการใช้เงินมหาดไทยผ่านการตรวจสอบมีเหตุผลทั้งสิ้น ข่าวปล่อยทำลายขอให้มีข้อมูล หรือใครรู้ชัดเจนออกมาพูด หากเสียหาย เราจะดำเนินการกับท่าน ร้องเรียนผู้บังคับบัญชา หรือ กกต. ฝากข้าราชการประจำในการแสดงความเห็นก็คือการไม่วางตัวเป็นกลาง หากยังไม่เกษียณเรายังดำเนินการกับท่านได้” นายศุภชัยกล่าว