ปธ.กุนซือ ชทพ.แย้มเพื่อไทยชนะเกินครึ่งได้ตั้ง รบ.มีพรรคร่วม ชี้ได้ “ยิ่งลักษณ์” นายกฯ หญิงก็ไม่เลว แต่ต้องดู “นช.แม้ว” ชี้นิ้วให้ใครนั่ง เผย ปชป.หาหัวหน้าพรรคคนใหม่ยาก “มาร์ค” ต้องเป็นต่อ ยันตั้งรัฐได้ต้องใช้ 300 เสียงขึ้น รอดูวันเลือกตั้งจะรู้อะไรเป็นอะไร ชู “เสธ.หนั่น” ก็เป็นได้ ปัดพี่ชายปูโทร.หา ยันสัญญาจับมือ “ห้อย” ยังอยู่ คาดนัดถกสัปดาห์หน้า แนะจับตาใครหายไปไหนในคืนวันที่ 2 ก.ค. ย้ำหนุน พท.นิรโทษกรรม
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งสองพรรคใหญ่ไม่มีใครได้เป็นนายกฯ ว่า วันนี้ความเห็นอากับหลานอาจไม่ตรงกัน เพราะการที่นายเนวินให้ข่าวก็เป็นความคิดของท่าน แต่ตนเห็นว่าถ้าหากพรรคเพื่อไทยชนะเกินครึ่งได้จัดตั้งรัฐบาล และเข้าใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย ที่พูดมาว่าในอดีตมีอุทาหรณ์การเป็นรัฐบาลพรรคเดียวมีปัญหาเมื่อปี 48 ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนแจกันกับดอกไม้ ต้องมีใบเฟิร์น เพราะฉะนั้นครั้งที่แล้วผิดพลาดไป ความจริงเรื่องนี้คนเคยพูดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี 48 ว่าถ้าเลือกตั้งได้ ส.ส.เกินครึ่งหนึ่งก็จัดรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก็โทร.หาตน ซึ่งตนก็บอกว่าจัดรัฐบาลไปแล้วพรรคชาติไทยขอเป็นฝ่ายค้าน
“การเลือกตั้งครั้งนี้ถ้าหากได้เสียงเกินแต่ไม่มาก แล้วไปเป็นรัฐมนตรีโหวตไม่ได้เสียงก็ไม่พอ ดังนั้นจำเป็นต้องมีพรรคร่วม แต่ก็มีปัญหาว่าหากเสียงไม่เกินกึ่งหนึ่งพรรคร่วมอาจต้องมีมาก เพราะฉะนั้นเมื่อโอกาสเป็นอย่างนี้ก็ขึ้นอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะชี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 พรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ ก็ได้ ก็ดีเมืองไทยจะได้มีนายกฯ หญิง ผมว่าก็ไม่เลว” นายบรรหารกล่าว
นายบรรหารกล่าวว่า ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ลาออกคงเป็นไปไม่ได้ แต่ขออภัยด้วย เพราะพรรคประชาธิปัตย์หาตัวเป็นหัวหน้าพรรคยาก เพราะนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ คงไม่กลับมามาเป็นเป็นแล้ว นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังก็ยังเป็นไม่ได้ เพราะฉะนั้น นายอภิสิทธิ์ต้องเป็นหัวหน้าพรรคถึงจะแพ้หรือชนะ แต่คราวนี้เคยพูดไว้แล้วว่าพรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากก็จัดรัฐบาลไปเลย เว้นแต่ได้เสียงมากกว่าพรรคเพื่อไทย ตอนนี้ก็แข่งกันว่าใครจะได้มากกว่ากัน ทำไม่ไม่คิดถึงพรรคชาติพัฒนาบ้างส่งไปตั้ง 170 เขต อาจจะได้ 170 คนก็ได้ บางพรรคก็บอกว่าจะได้ 100 เสียง ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนาประเมินแล้วอาจจะได้ 30 เสียง แต่ทุกคนมีสิทธิ์เป็นนายกฯ ได้ ใครได้เสียงมากก็มีสิทธิ์เป็นนายกฯได้ นายอภิสิทธิ์อาจจะได้กลับมาเป็นนายกฯ รอบสองก็ได้
เมื่อถามว่าเสถียรภาพในการจัดตั้งรัฐบาลควรจะเป็นเท่าไหร่ นายบรรหารกล่าวว่า ต้อง 300 กว่าเสียงขึ้นไป อย่าให้เกิดเหตุเหมือนปี 50 ทุกพรรคการเมืองบอกว่าจะได้เท่านั้นเท่านี้แต่ผิดคาด เพราะฉะนั้นครั้งนี้จะเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ ดังนั้นจะฟันธงสูตรไหนเป็นไปไม่ได้ ต้องดูตัวเลขในวันเลือกตั้งจะออกมาเท่าไหร่ ถึงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อถามว่า โอกาสที่จะมีตาอยู่ทางการเมืองเป็นไปได้หรือไม่จากพรรคขนาดกลาง นายบรรหารกล่าวว่า คงไม่มีเป็นเรื่องยากมากพรรคใหญ่คงไม่ยอม แต่ถ้าเป็นพรรคชาติไทยพัฒนาก็มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ถ้าจะเอาไปเป็นนายกรัฐมนตรีตนก็ยอมในฐานะคนชอบพอกันท่านก็เป็นได้
เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยอมรับผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับหนึ่งอาจจะไม่ได้เป็นนายกฯ แต่อาจเป็นคนอื่นได้ นายบรรหารกล่าวว่า ท่านอาจจะพูดถ่อมตัวก็ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้ชี้ว่าจะเป็นใคร เพราะฉะนั้นคนที่ชี้ได้คือคนที่อยู่ต่างประเทศ
เมื่อถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือไม่คนอื่นในพรรคเพื่อไทยจะมาเป็นนายกฯแทนเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง นายบรรหารกล่าวว่า เท่าที่มองตัวก็อยากเพราะการทำงานของพรรคเพื่อไทยต้องฟังจาก พ.ต.ท.ทักษิณด้วย อย่างเมื่อคราวนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ตนก็เคยโทรศัพท์ไปคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณว่าท่านพูดกับเขาได้แน่นะ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณตอบมาว่าได้ แต่ปรากฏว่าต่อมาลำบากเพราะท่านสมัครก็เป็นตัวของท่านเอง เพราะฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณคงจะพิจารณาอย่างดีว่าคนที่เป็นนายกฯ ได้จะต้องคุย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ เมื่อถามว่า แสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาคุยกันแล้ว นายบรรหารกล่าวว่า ไม่มี อันนี้เป็นเรื่องเก่าอดีตที่ผ่านามา เมื่อถามว่าได้โทรศัพท์มาฝาก น.ส.ยิ่งลักษณ์บ้างหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า ไม่ได้ฝาก จำนวนเกือบสองร้อยกว่าไม่จำเป็นต้องฝากเรามันพรรคเล็ก
เมื่อถามว่า การที่บอกว่าแจกันต้องมีใบเฟิร์นด้วย นายบรรหารกล่าวว่า เอาตามที่ท่านพูดมาเหมือนแจกันดอกไม้อย่างเดียวมันก็อยู่ไม่รอด ถ้ามีใบเฟิร์นประกอบบ้างก็ได้เพื่อความสวยงาม เมื่อถามว่า ตอนนี้สถานภาพระหว่างภูมิใจไทยกับชาติไทยพัฒนาเป็นอย่างไรหลังจากนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาประกาศว่าพร้อมจะจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคที่ได้เสียงอันดับหนึ่ง นายบรรหารกล่าวว่า ในฐานะหัวหน้านายชวรัตน์ ก็มีสิทธิ์พูดก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ถ้าหากพรรคอันดับหนึ่งเชิญมาก็ต้องไปคุยกับพรรคนั้น เมื่อถามว่าแล้วสัญญาที่เคยประกาศเป็นพันธมิตรยังอยู่หรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า ก็ต้องมาพูดคุยกัน แต่ตนไม่ได้คุยกับท่านชวรัตน์ หรอกแต่คุยกับอีกคนหนึ่งแทน แต่ยืนยันว่าสัญญาข้อนั้นก็ยังอยู่ไม่ได้ฉีกทิ้ง
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคชาติไทยพัฒนาจะเป็นใบเฟิร์นให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า เป็นเรื่องอนาคตทำไมไม่ถามตนบ้างว่าควรเป็นดอกไม้ในแจกันบ้าง (หัวเราะ) ไม่ใช่ใบเฟิร์น อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นพันธมิตรกับพรรคภูมิใจไทยเหมือนเดิมและคาดว่าจะหารือกันภายในสัปดาห์หน้า เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยจะเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งระหว่างชาติไทยพัฒนาหรือภูมิใจไทยก็ให้เขาเลือกมาก่อน นายบรรหารกล่าวว่า เขายังไม่เลือกเลยอนาคตค่อยมาตอบกัน เขายังไม่เลือกเลยจะตอบคำถามได้อย่างไร
เมื่อถามถึงสูตรในการจัดตั้งรัฐบาลประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นายบรรหารถึงกับร้องเสียงหลงว่า “มาได้อย่างไรผมยังไม่รู้เรื่องเลย ไม่จริง ไม่จริง คะแนนยังไม่ออกมาจะรู้ได้อย่างไร ของจริงให้ไปดูหลังวันที่ 3 ก.ค.และให้ไปเฝ้าให้ดีคืนวันที่ 2 ก.ค.ว่าใครหายไปไหนบ้าง เหมือนการเลือกตั้งที่แล้ว แต่คราวนี้ตนไม่หายไปแน่นอน เพราะตนไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแล้วอยู่วงนอก ตามหัวหน้าพรรคตัวจริงดีกว่า เอาเป็นว่าณ วันนี้พรรคชาติไทยพัฒนาคงจะมีพื้นที่สื่อบ้างนะ หลังจากปล่อยให้พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทยชิงพื้นที่สื่อไป และตอนนี้ก็มีพรรคภูมิใจไทย หวังว่าจะมีพื้นที่ให้พรรคชาติไทยพัฒนา และเดี๋ยวพรรคก็จะมีข่าวเล่นในพื้นที่สื่ออีก”
เมื่อถามว่า ยินดีที่จะรับสายโทรศัพท์จากทุกฝ่ายใช่หรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า รับทุกสาย พรรคประชาธิปัตย์ก็ยินดีรับ สายสองสลึงก็ยินดีรับด้วย
“ย้ำเลยนะถ้าตกลงหานายกรัฐมนตรีกันไม่ได้ ผมเสนอให้ พล.ต.สนั่น เป็นนายกฯพาดหัวได้เลย แหละนี่ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัว เพราะผมถูกล็อกทางการเมือง 5 ปี เหลืออีก 2 ปีกว่า และหากเพื่อไทยเสนอนิรโทษกรรมในเรื่องนี้ผมก็เอาด้วย หากมีการแก้ไขกฎหมายล็อกทางการเมือง 5ปี โดยเฉพาะมาตรา 237 และมาตรา 68 เพราะเป็นเรื่องที่พรรคชาติไทยเคยเสนอ ทุกคนอยากแก้กันทั้งนั้น ในส่วนของพรรคร่วมรวมถึงคนที่ตัดสิทธิ 111 และ 109 ก็อยากแก้ทั้งนั้น เพราะเป็นกฎหมายที่ออกมาในสมัย คมช.” นายบรรหารกล่าว
นายบรรหารกล่าวว่า ตนจะเล่าเบื้องหลังให้ฟัง การจัดตั้งรัฐบาลตอนนั้นที่มีการเสนอ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แข่งกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตนเสนอให้พล.ต.สนั่น เป็นนายกฯ ได้หรือไม่ ถ้าตอนนั้นตกลงทุกอย่างก็จบ แต่ไม่มีคำตอบ
เมื่อถามว่า แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาด้วยกับการนิรโทษกรรมพรรคชาติไทยพัฒนาก็จะไม่ร่วมรัฐบาล นายบรรหารกล่าวว่า ตนอยากพูดพรรคประชาธิปัตย์ตกลงที่จะแก้ไขมาตรา 237 ในช่วงที่ไปจัดตั้งรัฐบาลที่บ้าน ตนขอให้แก้อะไรก็บอกจะแก้ให้หมด ตอนหลังก็แก้ไม่ได้ ตอนนั้นแก้เสื้อ แก้กางเกง แก้หมด เหลือแต่ตัวล่อนจ้อนกว่าจะได้แก้ไข ระบบแบ่งเขตเลือกตั้งก็แทบแย่ หืดขึ้นคอ แต่แก้มาตรา 237 ไม่เอา ซึ่งก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อถามต่อว่า ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่าเอาพรรคเพื่อไทย ไม่เอาประชาธิปัตย์ นายบรรหารกล่าวว่า มาถามตนไม่ได้ตนไม่มีสิทธิ์ ตนอยู่นอกวงการ