xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” ชี้ต่อให้ไม่ “โหวตโน” ปชป.ก็แพ้เพื่อไทย แนะต้องพิจารณาตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” ย้ำอย่าไปเชื่อคนที่บอก “โหวตโน” ไม่มีประโยชน์ เพราะถ้าไม่มีผลอะไรคงไม่ออกมาโอดครวญกันขนาดนี้ ชี้ต่อให้ไม่โหวตโน ปชป.ก็แพ้เพื่อไทย เหตุ “มาร์ค” ไร้ผลงาน-พรรคไม่มีมวลชนสนับสนุนที่เข้มแข็ง แนะต้องตักน้ำใส่กระโหลกพิจารณาตัวเอง ขนาดเพื่อไทยทำประเทศเสียหายมากมาย ปชป.ยังเอาชนะใจประชาชนไม่ได้เลย

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”  

วันนี้ (23 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า ทั้งฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ และนายอภิสิทธิ์พยายามเสนอตัวรับใช้ประชาชน ทุกคนบอกจะมาทำคุณงามความดีสร้างประโยชน์ให้ประเทศ แต่ความจริงแล้วทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้เป็นไปตามคำหาเสียง

นายประพันธ์กล่าวว่า ปกติการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก เป็นการสู้ระหว่าง 2 ฝ่ายที่มีนโยบายต่างกัน เพื่อนำประเทศเดินไปข้างหน้า มีการเสนอบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถมาแข่งขันกัน การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ส่วนใหญ่ก็เป็นการที่ให้ประชาชนตัดสินใจว่านโยบายที่รัฐบาลเสนอนั้นล้มเหลว หรือที่บริหารงานไปควรได้รับความไว้วางใจต่อหรือไม่ ประชาชนจะใช้สิทธิโดยมีความหวังว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี แต่นักรัฐศาสตร์ที่ศึกษามาจะเอาหลักการเลือกตั้งมาอธิบายการเลือกตั้งของไทยไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เป็นการเลือกคนดี กับดีน้อยกว่า แต่มันเป็นการหนีเสือปะจระเข้

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า อีกฝ่ายบอกไม่ได้มาแก้แค้นแต่จะมาแก้ไข อีกฝ่ายก็บอกว่าจะมาแก้แค้นหรือมาแก้ตัว คำที่ว่าคนดีชอบแก้ไขคนจัญไรชอบแก้ตัว ตนเห็นว่าต้องเปลี่ยนเป็นคนอัปปรีย์ชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว แก้ไขคือแก้จากผิดเป็นถูก แก้รัฐธรมนูญเพื่อนิรโทษกรรมไม่ต้องติดคุก

ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ เลือกยิ่งลักษณ์ได้ทักษิณ และยังมีแนวคิดที่ยังไม่ตาย ที่เคยประกาศไว้ในสมัยการชุมนุม 2 ครั้งว่าจะสถาปนารัฐไทยใหม่ พวกนี้มีความคิดล้มล้างสถาบัน ถ้าได้เป็นรัฐบาล นักโทษทั้งหลายที่ซ่องสุมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นไอ้กี้ร์ นายวิสา คัญทัพ นายใจ อึ๊งภากรณ์ นายจักรภพ เพ็ญแข ฯลฯ ตบเท้ากลับไทยแน่นอน เมื่อล้างระบอบการเมือง ล้มสถาบันแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นรัฐไทยใหม่ได้ แล้วใครจะเป็นประธานาธิบดีล่ะ

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ทีนี้มามองดูประชาธิปัตย์ ได้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ 2 ปีที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ทำอะไรบ้าง

ขบวนการล้มเจ้า ขบวนการของทักษิณทั้งหมด รัฐบาลไม่เอาจริงเอาจังในการกวาดล้างเลย และไม่มีปัญญาชนะคนเหล่านั้นได้ เพราะประชาธิปัตย์ไม่มีมวลชนเป็นฐานสนับสนุนที่เข้มแข็งเพราะมวลชนที่สนับนุน ก็ถูกเนรคุณถีบหัวไปส่งแล้ว

ถ้าเพื่อไทยชนะแล้วประชาธิปัตย์มาปล้นเขาอีก บ้านเมืองก็สงบไม่ได้ ขบวนการของทักษิณจะฮึกเหิมขึ้นอีก และคราวนี้แกนนำเสื้อแดงเข้าไปในสภาเต็มเลย รับรองสภายิ่งกว่าหมากัดกัน นอกจากไม่ทำอะไรแล้ว ยังผลักดันให้ประชาชน ตำรวจ ทหาร ไปตายแทน โดยที่นายอภิสิทธิ์ไม่ทำอะไรเลย และยังปล่อยให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ต่างจากสมัยนายทักษิณเลย

เราจึงไม่โหวตเลือกใครเลย เพราะมันโกงทั้ง 2 ฝ่าย ทั้ง 2 พรรคหลัก ต่างเห็นประชาชนเป็นเพียงเบี้ยและหลอกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเท่านั้น ส่วนพรรคร่วม ก็รอร่วมกินกับทุกฝ่าย ใครเป็นรัฐบาลก็พร้อมร่วมรับประทานกับเขาด้วย ที่หนักกว่านั้นขั้วที่ 3 ก็รอต่อรองเป็นนายกฯเสียเอง ขึ้นอยู่กับผลเลือกตั้ง ถ้าเสียงจากพรรคร่วมเทไปฝั่งไหนฝั่งนั้นจะได้เป็นรัฐบาล ก็จะมีการต่อรองขอเป็นนายกฯแน่ อย่างที่นายบรรหารบอกว่านารีขี่ม้าขาว อาจจะเป็นนารีตกม้าขาวก็เป็นได้

“วันนี้ผมจึงชวนพี่น้องว่า มีพรรคเดียวที่เราจะเลือกได้ คือ พรรคโหวตโน ตนขอเรียกว่าถ้าเกลียดทักษิณ ไม่ชอบคนเผาบ้านเผาเมือง เบื่ออภิสิทธิ์ เราต้องเลือกประเทศไทย เลือกพรรคประเทศไทย พรรคนี้ใหญ่สุดแล้ว นักวิชาการที่บอกว่าโหวตโนไม่มีผล อันนั้นไม่จริง เพราะถ้าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้จริง ก็คงไม่ออกมาโอดครวญหรอก” นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์กล่าวว่า การโหวตโนทำให้นักการเมืองจะหน้าด้านใช้อำนาจตามอำเภอใจโดยไม่ปรับปรุงตัวเองไม่ได้ ที่บอกว่าจะไม่มีผลอย่าไปเชื่อมันแหล และที่ว่าจะทำให้ทักษิณกลับมา ไม่ต้องโหวตโน เพื่อไทยก็ชนะประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ปัจจัยที่ทำให้ชนะ คือ 1.นายอภิสิทธิ์ไม่มีผลงานให้จดจำเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ที่สำคัญดีแต่พูดทำงานไม่เป็น นี่คือปัญหาใหญ่ พูดเยอะพูดมากแต่ไม่มีวาทะเด็ดให้ใครจำได้เลย นี่คือสาระสำคัญที่ทำให้แพ้การเลือกตั้ง

2.ประชาธิปัตย์ตีนลอย ไม่ติดดิน ไม่มีประชาชนเป็นมวลชนอันเข้มแข็งของพรรค คะแนนที่ชนะการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ก็มาจากการตีกินในแต่ละสถานการณ์เท่านั้น แต่อีกฝ่ายมีมวลชนภาคเหนือ ภาคอีสานอย่างเหนียวแน่น แม้มวลชนเผาบ้านเผาเมืองก็ยังโอบอุ้มกัน เขาไม่สนคะแนนจากพันธมิตรฯอยู่แล้ว เพราะอย่างไรก็ไม่ได้จากพวกเราอยู่ดี ที่มาบอกว่าทางโน้นจะมา ต้องไปตักน้ำใส่กะโหลกดูตัวเอง ขนาดเขาทำความเสียหายให้ประเทศเท่าไหร่ คุณยังเอาชนะใจประชาชนไม่ได้เลย

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรัก สวัสดีกันอีกครั้งเป็นรอบที่ 2 มารอบหัวค่ำโดนแซวหนักไปหน่อย เขาสงสัยว่ามาผิดคิวรึเปล่า พี่ทำไมแต่งตัวมาตอนหัวค่ำ ไม่รู้ว่าผมซุ่มจะมาออกคอนเสิร์ต มาร้องเพลงร่วมกับคุณครูอุดม คราวหน้าจะเพราะกว่านี้ ผมเอาจริงนะครับ ต้องขอบคุณท่าน พล.ต.จำลอง ท่านมานั่งฟัง เดินมาหลังเวทีบอกว่า ไม่นึกว่าปราศรัยเป็นอย่างเดียว ร้องเพลงก็เพราะด้วย พล.ต.จำลอง ชมก็ถือว่าใช้ได้ ยิ่งกว่ามาตรฐาน ISO
กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องทางบ้าน และที่รับชมอยู่ในต่างประเทศ ผมคิดว่ามีอะไรที่ทำให้พ่อแม่พี่น้องมีความสุข และคลายเครียด ที่สำคัญคือ กำลังใจและความเชื่อมั่น ความศรัทธาที่เราคิด เราทำอยู่ในขณะนี้ ต้องไม่โยกคลอนและหวั่นไหว ยอมรับว่าการชุมนุมและการต่อสู้ของพ่อแม่พี่น้องประชาชนคราวนี้ เป็นการต่อสู้ในสถานการณ์ใหม่ ไม่เหมือนการชุมนุม 193 วัน แต่วันที่ 25 พ.ค.เราคงจะได้มาร่วมรำลึก 3 ปีของการชุมนุม 193 วัน ว่าลักษณะเฉพาะ พิเศษ ที่แตกต่างกันระหว่างการชุมนุม 193 วัน กับการชุมนุมคราวนี้ มีนัยความหมายทางการเมือง ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง มีความสำคัญต่อประเทศชาติบ้านเมือง แตกต่างกันอย่างไร เป็นเรื่องที่น่าสนใจและศึกษาอย่างยิ่ง ถ้าเราขบความคิดตรงนี้ให้แตกว่า เรากำลังทำอะไร เรามีเป้าหมายเพื่ออะไร เรากำลังเดินไปสู่จุดมุ่งหมายใด กำลังใจและความเชื่อมั่นศรัทธาของพวกเราจะยิ่งมากขึ้น และมีความหวัง มีความเชื่อมั่นโดยลำดับ
ทั้ง 2 เพลงที่ผมร้องเมื่อหัวค่ำ ผมถือว่าเป็นเพลงที่ปลุกเร้า ให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชน ถ้าเราเข้าใจสถานการณ์ของทั้ง 2 เพลง ตามความเข้าใจของผมนะครับ เพลงแรกคือ "ชะตาชีวิต" ท่านนึกดูครับ เมื่อปี 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงขึ้นครองราชย์ ขณะนั้นต้องยอมรับว่า พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังไม่มีเหมือนปัจจุบัน ทั้งสถานการณ์บ้านเมืองในยามนั้น พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลฯ รัชกาลที่ 8 ทรงสิ้นพระชนม์ไม่นาน เหตุการณ์บ้านเมืองขณะนั้น สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในภาวะไม่มั่นคง ว่าจะเดินทางยาวไกลมาจนถึงการครองราชย์ 60 กว่าปี ในวันนี้หรือเปล่า เพลงชะตาชีวิต ผมคิดว่ามันสะท้อนบริบทของบ้านเมืองในยุคสมัยนั้น แต่ด้วยพระองค์ท่านมีปฐมบรมราชโองการว่า จะปกครองแผ่นดินโดยธรรม และยึดมั่นแนวทางนั้นมาตลอด อยู่กับพี่น้องประชาชน คำนึงถึงทุกข์สุขของราษฎร บำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้วยความทุ่มเท ห่วงใยพสกนิกร ตลอดระยะเวลาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ใครจะนึกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กลายเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก และเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีประชาชนในประเทศให้ความรัก ให้ความศรัทธา ให้ความจงรักภักดีสูงที่สุด หาพระมหากษัตริย์องค์ใดเทียบยาก นั่นเป็นเพราะการบำเพ็ญเพียร และการตั้งตนอยู่ในธรรมของพระองค์ ผมนึกดู เพลงชะตาชีวิต เดินมาถึงวันนี้
มาถึงเพลงความฝันอันสูงสุด เกิดขึ้นในปี 2514 บ้านเมืองไม่ค่อยดีเหมือนกัน อย่างไรครับ ปี 2508 มีสงครามกลางเมือง เป็นการต่อสู้กันระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กับรัฐบาล มีขบวนการแบ่งแยกดินแดน มีกองทัพ มีการจับอาวุธขึ้นต่อสู้ มีความแตกแยกในประเทศอย่างหนัก มีการรบราฆ่าฟันกัน ทหารบาดเจ็บล้มตาย ประชาชนบาดเจ็บล้มตายไม่เว้นแต่ละวันเหมือนกัน ปี 2514 ผ่านเหตุการณ์การต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธมาประมาณ 6 ปี สถานการณ์รุนแรงขึ้นโดยลำดับ จนกระทั่ง 2519 หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา ยิ่งรุนแรง ในช่วงนั้นเพลงความฝันอันสูงสุด เป็นเพลงที่เกิดขึ้นในยุคสมัยที่ ให้กำลังใจคนที่ต่อสู้เพื่อปกป้องชาติบ้านเมือง และทำความดี แม้ว่า ความฝันอันสูงสุดมันจะเป็น Impossibles แต่เป็นความจริงที่มนุษย์ทุกคนต้องฝันถึงสิ่งที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับพวกเราในวันนี้ เรากำลังฝันเห็นบ้านเมืองที่จะต้องดีขึ้น แม้ว่าบ้านเมืองจะอยู่ในภาวะไม่สงบ การเมืองไม่แน่นอน การเมืองเค้าลางความรุนแรง การเมืองยังมีเค้าลางการปะทะ ช่วงชิงอำนาจ การเมืองยังเต็มไปด้วยนักการเมืองทุจริต ฉ้อฉล คดโกง และไม่เห็นประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชนเหนือกว่าผลประโยชน์ตนเอง เห็นแก่ประโยชน์พวกพ้องเป็นใหญ่ ประชาชนอย่างพวกเราจึงกลายเป็นเพียงเครื่องเล่น เป็นบันไดให้นักการเมืองไต่เต้า เหยียบ หรือหลอกใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อจะก้าวไปสู่อำนาจ แต่วันนี้ประชาชนอย่างพวกเรา คือ พวกที่ไม่ยอมเป็นทาสและเป็นเบี้ยล่างของนักการเมืองต่อไปแล้ว ความฝันของเราต้องเป็นจริง เราจะต้องชนะ และฝ่าฝันอุปสรรคทางการเมือง และความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ความมืดมนของบ้านเมืองที่ปกคลุมประเทศอยู่ไปได้
สิ่งที่พวกเราทำในขณะนี้ เป็นเรื่องใหญ่ที่ผมจะมาคุยกับพ่อแม่พี่น้องในวันนี้ แต่ก่อนจะคุยกันเรื่องของบ้านเมือง ผมอยากคุยเรื่องเบาๆ ที่เป็นความริเริ่มตั้งใจของพี่น้องประชาชน ที่พวกเรามาชุมนุมที่นี่ และเราเดินหน้ารณรงค์โหวตโน รณรงค์ให้คนทั้งประเทศกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกใคร เรามีประชาชนที่ตื่นตัวเข้าร่วมมากขึ้นโดยลำดับ ผมอยากให้ไปดูพี่น้องอีสานกลุ่มหนึ่งที่เขารวมกลุ่มกัน และอยู่ จ.ร้อยเอ็ด ที่ใครบอกว่าร้อยเอ็ดเป็นดงของคนเสื้อแดง แผ่นดินอีสานเป็นดงคนเสื้อแดง มีพี่น้องชาวอีสานรวมกลุ่มกันรณรงค์โหวตโน ต้องปรบมือให้กำลังใจ ไม่เพียงรณรงค์อย่างเดียว เขายังรวมกลุ่มกันทำเพลงพื้นเมืองของร้อยเอ็ด ไม่ใช่ของแอลเอ คือ เพลงหมอรำ แล้วส่งมาให้ผมฟัง ผมคิดว่าฟังคนเดียวไม่ได้ เลยต้องเอามาเปิดให้พี่น้องช่วยฟังว่า พี่น้องที่ร้อยเอ็ดรำและโหวตโน รวมกลุ่มกันด้วยความคึกคัก มีกำลังใจ ผมอยากให้พี่น้องดูด้วยกันว่า พี่น้องที่อีสานมีความตื่นตัวและอยากมีส่วนร่วมในการรณรงค์โหวตโน เหมือนพี่น้องที่กรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ เช่นกัน ไปดูกิจกรรมของพวกเรา เพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ว่ากระแสโหวตโนกำลังขยายตัวไปทั่วประเทศอย่างไร ว่าพวกเราสนุกสนาน คึกคักด้วยบทรำที่แต่งขึ้นโดยทนายความหรือครู ของพี่น้องพันธมิตรฯ ร้อยเอ็ด

(เพลงหมอรำ)

นี่เป็นผลงานของพี่น้องพันธมิตรฯ ที่ร้อยเอ็ด คนที่แต่งเนื้อร้องคือ อ.เดชอนันต์ ญาตินิยม ขับร้องหมู่โดยพี่น้องพันธมิตรฯ ร้อยเอ็ด เครื่องเสียงโดยพี่สมชาย ช.ประเสริฐ บันทึกภาพโดย นายจิ้งจก ถือว่าเป็นไอเดีย ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ที่สำนักงานเขาขึ้นป้าย"อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา" และร่วมกันรณรงค์โหวตโน ต้องปรบมือให้พ่อแม่พี่น้องชาวร้อยเอ็ด ที่ร่วมมือกันขับเคลื่อนกระบวนการโหวนโน ถ้าแปลภาษาอีสานมาเป็นภาษาภาคกลาง ก็คือ เรียกร้องให้พี่น้องไปร่วมกันลงคะแนนใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน เพราะถ้าเลือกตั้งบ้านเมืองคงจะได้คนอัปรีย์ไปจัญไรมา นี่คือเนื้อหาที่เขารำ ร้อง และถ้าอยากเห็นบ้านเมืองปฏิรูป เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เพื่อช่วยชาติบ้านเมือง พวกเราต้องช่วยกันรณรงค์โหวตโน เพื่อลงโทษนักการเมือง และไม่ส่งเสริมนักการเมืองโกง ทุจริต คอร์รัปชั่นเข้าไปมีอำนาจปกครองบ้านเมืองนั่นเอง นี่เนื้อหาโดยสรุป แต่เป็นท่วงทำนอง ลีลาแบบหมอรำ แบบเพลงพื้นเมืองพี่น้องอีสาน เข้ากับบรรยากาศพี่น้องชาวอีสาน บทรำอันนี้คงเผยแพร่ไปในYoutube แล้วตอนนี้ ท่านเข้าไปดูได้ สามารถโหลดไปแชร์กันได้
พี่น้องครับ การที่พี่น้องประชาชนแต่ละท้องถิ่น ช่วยกันคิดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นมานั้น เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า พี่น้องเราแม้จะอยู่ต่างจังหวัดห่างไกล เขาก็สนใจปัญหาบ้านเมือง และเข้าใจปัญหาประเทศชาติ บ้านเมืองเป็นอย่างดี เมื่อวานนี้ ผมได้คุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านไปปฏิบัติราชการที่ต่างจังหวัด ห่างไกลมาก ไปทางเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย ชายแดนติดพม่า ปรากฏว่า บางหมู่บ้านสามารถรับชม ASTV ได้ ที่ร้านแห่งหนึ่งเปิด ASTV บรรดาบุคคลเหล่านี้ท่านเข้าไปนั่งฟัง แต่ท่านเป็นนายทหาร เข้าไปนั่งฟัง เจ้าของร้านตกใจ นึกว่าจะมาสั่งปิด หรือคุกคาม ปรากฏว่า บรรดาทหาร ผู้หลักผู้ใหญ่เหล่านั้น เข้าไปที่ร้านบอกว่า ไม่ต้องปิด ที่มาเพราะอยากจะมาดูข่าว มาฟัง ASTV ท่านก็ถามว่า ดู ASTV ประจำหรอ บอกว่าหนูดูประจำ เมื่อก่อนไม่ค่อยรู้ข่าวสารบ้านเมือง ตั้งแต่มี ASTV ทำให้ได้ความรู้ และหูตาสว่างมากขึ้น และรู้ว่านักการเมืองไทยเป็นอย่างไร จากนั้นมาก็ดู ASTV มาโดยตลอด พี่น้องที่อยู่ไกลๆ ที่ไหนมี ASTV เหมือนแสงสว่างทางปัญญาไปถึงพี่น้องประชาชน เขาบอกกับบรรดาเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเหล่านั้นว่า เขาพยายามจะติดตามดูรายการทางฟรีทีวี ปรากฏว่าไม่มีรายการอะไรให้ความรู้เหมือนที่ดู ASTV หลังจากดู ASTV แล้วไม่เปลี่ยนใจดูช่องอื่นเลย ผู้ใหญ่ท่านนั้นถามว่า อยู่ไกลๆ อย่างนี้ แถวนี้ดงเสื้อแดง ไม่กลัวหรอ แรกๆ ก็กลัว ตอนนี้พวกเสื้อแดงมาขอดูด้วย ถึงเวลามาดูด้วย ส่วนใหญ่คนเสื้อแดงในหมู่บ้านเป็นคนรู้จักกัน บางคนเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องรู้จักกัน ไม่มีปัญหาทะเลาะเป็นส่วนตัว แรกๆ เขาไม่ค่อยสนใจ แต่หลังจากมีการชุมนุมครั้งนี้ ที่เราวิพากษ์วิจารณ์ พูดถึงความไม่เป็นธรรม พูดถึงความล้มเหลวในการบริหารราชการของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ฟังแรกๆ เอ๊ะ วิจารณ์รัฐบาลอภิสิทธิ์ ลองฟังดู ฟังไปฟังมาติดใจ ทั้งเหลืองทั้งแดงนั่งฟัง ASTV ร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเย็นๆ ช่วงเวทีวิชาการ และช่วงที่ผม คุณสนธิมาพูดจาปราศรัย ก็มานั่งล้อมวงกันที่ร้านติดตาม ASTV รู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นอย่างดี รู้ว่าใครเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นวันนี้ที่ไหนมี ASTV ประชาชนจะได้ความรู้ทางการเมืองเพิ่มขึ้น เงินทุกบาททุกสตางค์ที่พี่น้องบริจาคช่วย ASTV ไม่ให้จอดับ เท่ากับช่วยไม่ให้พี่น้องปัญญาดับ ทำให้ประเทศมีแสงสว่างไปด้วยในตัว
นี่เป็นเรื่องจริง คนที่ไปเห็นมา ท่านแปลกใจว่า แสดงว่าชาวบ้าน เขาก็ถามว่า ลองอธิบายซิโหวตโนเป็นอย่างไร ต่างอะไรกับโนโหวต คือ บรรดาทหาร ข้าราชการที่มีความรู้ อยากทดลองปัญญาชาวบ้านว่ารู้จริงหรือเปล่า ปรากฏว่าชาวบ้านอธิบายได้อย่างดี ทั้งโหวตโน โนโหวต ต่างกันอย่างไร อันนี้เป็นอานิสงส์ ASTV เพราะเขาดูเวทีเสวนาวิชาการทุกเย็น เขารู้ว่า โนโหวต คือ นอนหลับทับสิทธิ์ ไม่ไปใช้สิทธิ์ โหวตโน คือ ไปใช้สิทธิ์กาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน อธิบายได้ฉะฉาน
เล่าเรื่องเบาๆ ให้พี่น้องฟังว่า เราไม่ได้โดดเดี่ยวในการต่อสู้ ในการชุมนุม แม้ว่านักการเมืองทั้ง 2 ปีก ไม่ว่าจะเป็นระบอบทักษิณ ก็พยายามจะประเมินว่า พันธมิตรฯ ช่วงนี้อ่อนแรง ไม่เหมือนเมื่อก่อน ก็ลองดูซิพ่อเจ้าประคุณ ลองกลับมาอีกครั้งซิแล้วจะได้รู้ว่าพันธมิตรฯ เป็นอย่างไร อยากรู้ก็กลับมาอีกครั้งซิ กลับมากราบแผ่นดินอีกครั้ง แล้วมานิรโทษ มาแก้กฎหมาย ขณะเดียวกัน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ดูถูกพี่น้องประชาชน เขาพยายามมองว่า พันธมิตรฯ เป็นคนส่วนน้อย ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ พยายามเดินหาเสียง ไม่สนใจเสียงเรียกร้อง ไม่ฟังเสียงประชาชน ไม่ว่าเรื่องดินแดน เรื่องเอกราช เรื่องอธิปไตย เรื่องที่เราเรียกร้องให้ยกเลิก MOU2543 เรื่องการขึ้นทะเบียนมรดกโลก เรื่องที่ควรจะขับไล่คนกัมพูชา ทหารกัมพูชาออกไป อภิสิทธิ์ทำเป็นไม่สนใจ แล้วยังพยายามเดินหน้าแหลไปแหลมา อย่างวันนี้ก็บอกว่า ให้อินโดนีเซียเข้ามาสำรวจพื้นที่เฉยๆ แต่ไม่ได้เป็นผู้สังเกตการณ์ ตอแหลไหมครับ ก็อย่างที่เวทีเสวนาวิชาการ มันสะท้อนให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์เองก็เป็นพวกลูกขุนนาง ลูกศักดินา ลูกข้าราชการชั้นสูง เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ และไม่เคยมีความรู้สึกว่า ทุกวันนี้ที่มานั่งตำแหน่งนายกฯ เพราะมีคนประมาทพลังพี่น้องพันธมิตรฯ มาก่อนถึงไม่มีแผ่นดินอยู่ แล้วคุณถึงได้มาเป็นนายกฯ แล้ววันหนึ่งคุณจะรู้
คนเรา พวกที่เคยเป็นเทวดามันจะเจ็บที่สุดตอนเทวดาตกสวรรค์ ผมจะรอดู ในวันที่แกไม่ได้เป็นนายกฯ แกจะทำหน้าอย่างไร ในวันที่แกหลุดจากเก้าอี้ อำนาจ นายอภิสิทธิ์จะทำหน้าอย่างไร สิ่งที่พูด สิ่งที่ทำเอาไว้ วันนี้กรรมติดจรวด อะไรที่ทำไว้กับประเทศชาติ กับประชาชน ไม่นานจะได้เห็นผล เหมือนเพลงชะตาชีวิต สักวันบุญมาชะตาคงดี แต่ว่าสักวันกรรมตามทันชะตาก็ถึงกาลอวสานเหมือนกัน ถ้าคนมีบุญทำกรรมดี บุญดีมาถึง มันก็ผ่านพ้นภยันตราย ทำการสิ่งใดสำเร็จ แต่ถ้าคนทำกรรมชั่ว กรรมตามมาเมื่อไหร่ หายนะวิบัติจะอยู่ข้างหน้า
พี่น้องครับ สิ่งที่ผมอยากพูดคุยในวันนี้ ผมคิดว่าทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาลก็ดีฝ่ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฝ่ายทักษิณก็ดี พยายามเสนอตัวเป็นทางเลือกกับประชาชน และพยายามบอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายที่จะมาดูแลประเทศชาติบ้านเมือง แก้ไขปัญหาของบ้านเมืองให้ประโยชน์พี่น้องประชาชน ทุกคนบอกว่าตัวเองจะมาทำคุณงามความดี สร้างประโยชน์ให้ประชาชนทั้งนั้น แต่โดยความเป็นจริง ถ้าเราดูโดยละเอียดจะเห็นว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ไม่เป็นไปอย่างคำโฆษณาหาเสียง ปกติแล้ว การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย เป็นการสู้กันระหว่าง 2 ฝ่ายที่มีแนวทาง นโยบายแตกต่างกัน 2 ฝ่ายที่มีแนวคิดเสนอทางเลือก ทางออก และแนวทางในการสร้างชาติบ้านเมืองที่แตกต่างกัน เพื่อนำประเทศเดินไปข้างหน้า ทั้ง 2 ฝ่าย พยายามเสนอบุคคล บุคลากร นักการเมืองที่จะเข้ามาสู่ตำแหน่งบริหาร ที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณภาพ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีฝีมือในการบริหารที่มีประสิทธิภาพ แข่งขันกัน นี่เราพูดโดยหลักการของการเมืองและการเลือกตั้ง และถ้ามีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นการให้ประชาชนตัดสินว่า สิ่งที่รัฐบาลบริหารที่ผ่านมา และต้องยุบสภาไปนั้น เป็นการบริหารที่ประสบความล้มเหลว หรือนโยบายรัฐบาลที่บริหารอยู่แล้วยุบสภานั้น เสนอต่อประชาชนนั้น ควรเป็นแนวทางนโยบายที่ประชาชนจะให้การสนับสนุนหรือยอมรับให้บริหารบ้านเมืองต่อไปหรือไม่ หรือพรรคอื่นที่มาเป็นคู่แข่ง เสนอแนวทาง นโยบายที่ดีกว่า เสนอแนวทางในการพัฒนาชาติบ้านเมืองและบุคลากรที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ เป็นผู้นำประเทศ เป็นผู้บริหารที่มีความน่าเชื่อถือ ศรัทธามากกว่า ประชาชนจะไปใช้สิทธิ์โดยมีอนาคต และมีความหวังของบ้านเมืองว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิม แต่การเลือกตั้งแบบนั้น หรือตามทฤษฎีในการเลือกตั้งทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย เหมือนนักรัฐศาสตร์ไทยไปเรียนมาจากทั่วโลก มาอธิบายการเลือกตั้งประเทศไทยไม่ได้ เพราะประเทศไทยเป็นการแข่งกันระหว่างคนชั่วกับคนชั่ว คนเลวกับคนเลว ไม่เป็นการเลือกระหว่างสิ่งที่ดีกว่า กับสิ่งที่ดีน้อยกว่า แต่เป็นการหนีเสือปะจระเข้ ของพี่น้องประชาชน สำหรับการเลือกตั้งในประเทศไทย
เพราะฉะนั้นวันนี้ ปีกฝ่ายหนึ่งพยายามบอกว่า เขาจะไม่แก้แค้นแต่จะแก้ไข อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่า จะมาแก้แค้นหรือจะมาแก้ตัว ผมเลยให้สมญานามทั้ง 2 ฝ่าย จริงๆ แล้วคำพระบอกว่า คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว วันนี้ประเทศไทยต้องเปลี่ยนใหม่ นิมนต์พระที่วัดเปลี่ยนใหม่ เพราะจริงๆ ต้องเขียนว่า คนอัปรีย์ชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว ถึงจะถูก ทำไมถึงบอกว่า คนอัปรีย์ชอบแก้ไข คนอัปรีย์คือ บอกไม่มาแก้แค้นแต่จะมาแก้ไข แก้ไขอะไร แก้ไขจากผิดให้เป็นถูก จากมีคำพิพากษาติดคุกให้เป็นไม่ติดคุก แก้ไขกฎหมายว่าการกระทำที่ผ่านมาเป็นความผิดต้องเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง คนอัปรีย์จะมาแก้ไขรัฐธรรมนูญบอกว่า ต่อไปนี้การกระทำที่เป็นการเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองไม่เป็นความผิด นี่เขาเรียกว่า คนจัญไรมาแก้ไข สิ่งที่ดีอยู่แล้วให้เป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะฉะนั้นที่บอกว่า ไม่แก้แค้นแต่จะมาแก้ไข คงพอฟังได้ แต่มันเป็นการแก้ไขให้เลวกว่าเดิม ไม่ใช่เป็นการแก้ไขให้ดีขึ้น
จะเห็นได้ว่า ฝั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพรรคเผาไทย เป็นพวกที่มีผลงานเผาบ้านเผาเมืองมาแล้ว 2 รอบ คนก็เห็น เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะแก้ไข คุณจะแก้ไขอะไร ต้องมาแก้ไขให้การกระทำที่เผาบ้านเผาเมืองทั้ง 2 รอบไม่เป็นความผิดใช่ไหม แล้วตอนนี้บรรดาแกนนำคนเสื้อแดง นปช. ที่ตบเท้าเข้ามาเป็นบัญชีรายชื่อ ประกาศแล้วว่า ถ้ากลับมามีอำนาจ จะแก้ไขเหมือนกัน คือ เอาพวกที่ฆ่าพวกเขามาลงโทษ แต่เอาพวกเผาบ้านเผาเมืองแก้ไขให้เป็นผู้บริสุทธิ์ นี่เขาเรียก อัปรีย์ชอบแก้ไข มันแก้ไขแบบนี้ ประกาศแล้ว นอกจากนั้นบรรดาข้าราชการที่เป็นพวกระบอบทักษิณแล้วถูกโยกย้ายไปที่อื่น เขาจะแก้ไขเหมือนกัน แก้ไขคำสั่ง เอาพวกของเขากลับมาสู่อำนาจเหมือนเดิม ขณะเดียวกันคนของระบอบอภิสิทธิ์ที่เข้ามากินตำแหน่ง มีอำนาจ เขาจะแก้ไขเหมือนกัน คือ ให้ย้ายกลับไปนั่งตบยุง เหมือนอย่างที่ เฉลิมขู่ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ทั้งๆ ที่ ม.ล.ปนัดดา ท่านเป็นลูกเป็นหลานรัชกาลที่ 5 ถูกเฉลิมขู่จะย้ายจากเชียงใหม่กลับกรมกอง มานั่งตบยุงเป็นผู้ตรวจราชการ
ดังนั้นการเลือกตั้งในวันนี้ ถ้าเราเลือกฝ่ายนี้เป็นการเลือกทักษิณ เลือกยิ่งลักษณ์ได้ทักษิณ ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ชัดเจนมีความผิด มีผลงานเผาบ้านเผาเมือง 2 รอบ และมีแนวคิดที่ยังไม่ตาย ยังไม่เลิก ซึ่งพี่น้องต้องจำได้ นั่นหมายความว่า ในการชุมนุม 2 ครั้ง เขาประกาศว่าเขาจะสถาปนารัฐไทยใหม่ เพราะฉะนั้นตัวแทนความคิดของปีกฝ่ายนี้จึงเป็นการเข้ามาเพื่อล้างระบอบทางการเมืองที่เป็นอยู่ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ไม่รู้ว่าจะกลายร่าง แปลงร่างไปเป็นระบอบอะไร เขาเรียกว่า มาคราวนี้ ความคิดที่จะล้างระบอบการเมืองนั้นยังอยู่ เพียงแต่ว่า เขาต้องเข้าสู่การเลือกตั้ง เพื่อให้ได้อำนาจรัฐ โดยการเลือกตั้งเป็นรัฐบาล ก็เปลี่ยนแปลงประเทศได้หมดถ้ามีอำนาจรัฐ นี่คือแนวคิดของเขา นอกจากล้างระบอบแล้วยังมีความคิดล้มสถาบัน กลุ่มคนที่มีความคิดล้มล้างสถาบันส่วนหนึ่งยังซ่องสุมตัวอยู่ที่กัมพูชา จักรภพ เพ็ญแข, นายใจ, นายกี้ร์ คนทั้งหลายที่หลบหนีไปอยู่ จรัล ดิษฐาอภิชัย ใครต่อใครหลบหนีไปยังไม่กลับมา วิสา คัญทัพ ที่หลบหนีไปแล้วยังไม่กลับมามอบตัว รอเวลาว่า ถ้าเขาเป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ พวกนี้ต้องตบเท้ากลับเข้ามา รับรองทักษิณเป็นคนรักใครรักจริงไม่ทิ้งกัน ต่อให้เป็นโจรเผาบ้านเผาเมือง สังเกตเขายังเอาชื่อใส่ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับต้นๆ เพราะฉะนั้นพวกที่ซ่องสุมที่เขมร ไม่ต้องห่วงทักษิณเอากลับมาแน่ เมื่อล้างระบอบการเมือง ล้มสถาบันแล้ว ต้องเปลี่ยนประเทศได้ นั่นคือ จากประเทศไทยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อาจจะสถาปนาเป็นรัฐไทยใหม่ แล้วใครจะเป็นประธานาธิบดีของรัฐไทยใหม่
นั่นคือสิ่งที่ไม่มีหลักประกันเลยว่า เขาจะไม่เดินหน้า เพราะวันนี้เขาอำพรางตัวเองอยู่ภายใต้ระบอบการเลือกตั้ง การเลือกตั้งจึงเป็นเสื้อคลุมอำพรางแผนการร้ายทางการเมือง ที่เขายังไม่เคยละทิ้งเป้าหมายที่ดำรงอยู่ นอกจากนั้น ในเรื่องที่จะสร้างรัฐไทยใหม่ นิรโทษกรรมความผิดแล้ว ผมถามว่า ถ้าทักษิณกลับมาจะกลับมาได้อย่างไร ถ้าไม่นิรโทษความผิด เพราะเขามีคดีติดคุกอยู่ 2 ปี ศาลตัดสินไปแล้ว ถึงที่สุดแล้ว จะกลับมาได้ต้องล้างมลทิน นิรโทษความผิดซะก่อน นอกจากนั้นยังมีอีกหลายคดี ถ้ามาแล้วไม่แก้กฎหมาย ไม่ล้างความผิด เขาก็กลับมาไม่ได้ ต้องมาเผชิญกับคดีในศาล และอาจถูกตัดสินลงโทษจำคุกอีกหลายคดี ที่ผมบอกว่า คนอัปรีย์ต้องแก้ไข ก็คือ อัปรีย์มาต้องแก้ไขหลายเรื่อง แก้ขาวเป็นดำ แก้จากผิดเป็นถูก นั่นคือ แก้ความผิดให้กับพวงตัวเอง ส่วนเรื่องการโกง ทุจริต ปกป้องความผิดของตัวเองที่ทำไว้ แน่นอนเมื่อเขามีอำนาจรัฐ มีเสียงข้างมากในสภา ฝ่ายนิติบัญญัติเขาก็คุมเสียงข้างมาก ฝ่ายรัฐบาลก็คุมอำนาจบริหาร เมื่อคุมทั้งนิติบัญญัติและบริหาร การจะเสนอกฎหมาย หรือพิจารณาเรื่องใดที่เอื้อประโยชน์ให้ตัวเองนั้นทำง่าย
แม้กระทั่งวันนี้ขนาดยังไม่มีอำนาจกลับคืนมา ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ซึ่งเป็น จปร.10 รุ่นเดียวกับทักษิณ บอกว่า การนิรโทษกรรมถ้าคิดว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง และนำมาซึ่งความสมานฉันท์ ปรองดอง เป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้ เป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายการเมืองที่จะตัดสินใจ แบะท่ารอกันแล้ว จึงไม่มีหลักประกัน ส่วนทหารคนอื่น เหลืออยู่ 2 เหล่าทัพ ทัพเรือคือพวกทักษิณแน่ๆ ส่วนอีก 2 เหล่าทัพ คือ ทหารบก กับทหารอากาศ ทหารบก ประยุทธ์หรอ ถ้าหือ ไม่ปฏิบัติตามนโยบายการเมือง ประยุทธ์พูดตลอดเวลาว่า เราเป็นทหาร เป็นข้าราชการประจำ ฝ่ายการเมืองมีนโยบายอย่างไรต้องปฏิบัติตาม เพราะฉะนั้นฝ่ายนโยบายเมื่อเป็นทักษิณมา นโยบายทักษิณคือ เปลี่ยน ผบ.ทบ.คุณต้องปฏิบัติตามใช่ไหมครับ เมื่อเปลี่ยน ผบ.ทบ.แล้ว แม่ทัพอากาศเดี๋ยวเกษียณ เขาก็ตั้งคนใหม่ เอาคนที่เขาไว้วางใจเข้าไปสู่อำนาจได้
เมื่อเป็นดั่งนี้ การเลือกพรรคอีกฝ่ายหนึ่ง เรามองเห็นอนาคตของการเมืองแล้วใช่ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง ทางที่จะเดินไปข้างหน้า เห็นแล้วว่า ถ้ากลุ่มคนเหล่านี้ครองอำนาจรัฐ และยึดกุมนิติบัญญัติ คดีทั้งหลายที่ติดตัวแกนนำ นปช. เขาสามารถหาทางล้างความผิดให้คนเหล่านี้ได้ แต่พวกเราพันธมิตรฯ จะคัดค้านเต็มที่ ว่าคุณไม่ต้องล้างความผิดให้พวกเรา ถ้าใครทำผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย แต่พวกเราไม่ได้ เขาจะต้องหาทางล้างความผิด เพราะฉะนั้นเมื่อเราเลือกฝ่ายนี้ เราก็เห็นแล้วว่า เลือกฝ่ายนี้อะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง
ส่วนความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองจะเกิดขึ้นอย่างไร คงไม่แตกต่างจากช่วงที่ทักษิณเป็นรัฐบาล ช่วงทักษิณเป็นรัฐบาล ยอมรับ ประเทศเจริญ เจริญเฉพาะธุรกิจในตระกูลชินวัตร เท่านั้นเอง บริษัทไหน เครือข่ายไหนไม่สวามิภักดิ์ ไม่มาสยบ ไม่มีวันจะได้งาน บริษัทรับเหมายักษ์ใหญ่ เขาต้องเป็นคนจัดให้ทั้งนั้น ระบอบเดิมจะกลับมาแน่นอน กระบวนการแทรกแซงสภา แทรกแซงองค์กรอิสระ คงไม่แตกต่างจากเดิม เพราะเขารู้ว่า อำนาจของเขาจะอยู่ได้ต้องเผด็จศึกยึดกุมอำนาจทุกองค์กรให้อยู่ในมือ ตีเหล็กต้องตีในช่วงร้อน พอเข้ามาเป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ต้องทำทันที เหมือนคราวที่สมัครมา เขาย้ายอธิบดีดีเอสไอก่อนเลย ย้ายทุกจุดสำคัญ วันนี้ก็เหมือนกัน ไม่มีหลักประกัน เพราะทุกคนรู้ว่า ยิ่งลักษณ์เป็นโคลนนิ่ง ที่สำเนาพันธุกรรมมาจากทักษิณ ไม่ใช่นายกฯ ที่จะเป็นความหวังของประชาชน
หันมามองพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเราเลือกพรรคประชาธิปัตย์ แล้วได้แกนนำโดยมีนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ พี่น้องเห็นแล้ว 2 ปีที่ผ่านมา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำอะไรบ้าง 1.เกี่ยวกับขบวนการล้มเจ้า เกี่ยวกับขบวนการเปลี่ยนประเทศ ล้มระบอบการเมือง ล้างระบอบการเมือง ขบวนการของทักษิณทั้งหมดนั้น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เอาจริงเอาจังในการกวาดล้างขบวนของระบอบทักษิณเลยแม้แต่น้อย ไม่แตะต้องเลย และไม่มีน้ำยาเอาชนะกลุ่มคนเหล่านั้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีมวลชนเป็นฐานสนับสนุน เพราะมวลชนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ก็เนรคุณ ถีบหัวส่ง เรื่องอะไรเขาจะเป็นฐานสนับสนุนคุณ เขาจึงไม่จัดการใดๆ เลยกับกลุ่มคน ขบวนการล้มเจ้า ขบวนการก่อการร้าย จลาจลเผาบ้านเผาเมือง ตรงกันข้าม กลับปล่อยให้เข้มแข็งต่อไป แม้อภิสิทธิ์มา พวกนั้นจะเหิมเกริมอยู่เหมือนเดิม และก่อกวนการบริหารบ้านเมืองของนายอภิสิทธิ์อยู่เช่นเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนเหล่านี้ปล่อยข่าวไปแล้วว่า เขาต้องชนะการเลือกตั้ง โพลทุกสำนักบอกว่าเขาต้องชนะ ถ้าฝ่ายนั้นชนะ มารวมแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยปล้นเขาอีก เหมือนคราวที่แล้วเขาก็ไม่ยอม บ้านเมืองหาความสงบไม่ได้อีกเหมือนเดิม ขบวนการของระบอบทักษิณยังจะมีเสรีภาพในการเคลื่อนไหวอย่างฮึกเหิม และยิ่งจะฮึกเหิมกว่าเดิม เพราะเขาได้รับการเลือกตั้ง อาจจะมีเสียงในสภามากกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วคราวนี้ แกนนำเสื้อแดงเข้าไปในสภาเต็มเลย ไม่มีแต่นายจตุพรคนเดียว ขนาดมีนายจตุพรคนเดียว พรรคประชาธิปัตย์ยังรับมือไม่ไหวเลย นี่เจอเข้าไปเป็นแผง รับรองสภายิ่งกว่าหมากัน
นอกจากไม่แก้ไขปัญหาแล้ว อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังจับประชาชนและประเทศเป็นตัวประกัน นอกจากไม่ทำอะไรแล้วยังผลักไสประชาชนออกหน้าไปรบ ปะทะ เจ็บตายแทนตัวเอง เช่น พยายามยุกลุ่มคนหลากสีออกหน้าปกป้องตัวเอง พยายามใช้ตำรวจ ทหารเป็นเครื่องมือในการปกป้องอำนาจตัวเอง กลายเป็นประชาชน ตำรวจ ทหาร ไปตายแทนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยนายอภิสิทธิ์ไม่ทำอะไรเลย แถมมาทวงบุญคุณอีก บอกว่าถ้ากลัวพวกนั้นจะมาต้องเลือกเขา ก็เลือกคุณแล้วคุณ ไม่อยากใช้คำไม่สุภาพ ก็เลือกคุณๆ ก็ไม่ทำอะไร ไม่ปกป้องประชาชน ไม่ดูแลประเทศชาติบ้านเมือง ก็คงชั่ว เลวพอๆ กัน สร้างความเสียหายให้บ้านเมืองพอๆ กัน ถ้าเลือกคุณแล้วเอาจริงเอาจังกับคนทำผิดกฎหมาย คุณเอาจริงกับขบวนการล้มเจ้า เอาจริงกับขบวนการเผาบ้านเผาเมือง และขบวนการก่อการร้าย ขจัดคนทำชั่ว ทำผิด ปกป้องประชาชนสุจริต ที่สำคัญ เลือกคุณแล้ว คุณมาต่อสู้ ปราบปรามการทุจริต คดโกง คนโกงกินบ้านเมืองด้วยซิ เราถึงจะเห็นว่าคุณควรได้รับการคัดเลือก แต่คุณไม่ทำอะไรเลยแม้กระทั่งเรื่องทุจริต คอร์รัปชั่น คุณปล่อยให้พรรคร่วมรับประทาน โกงกินหนักพอๆ กับรัฐบาลอีกปีก
ซึ่งเรื่องนี้ข้อเท็จจริงยืนยันได้ ไม่ใช่ว่าปักปรำใส่ร้าย ข้อเท็จจริงชัดเจนว่ารัฐบาลนี้ มีพฤติกรรมการทุจริต คอร์รัปชั่นหนักกว่ารัฐบาลชุดที่แล้ว และไม่ใช่คำพูดของผม เป็นคำพูดของประธานกรรมการหอการค้าไทย นายดุสิต นนทะนาคร บอกกับนักข่าว แถลงข่าวบอกว่า อัตราการจ่ายเงินใต้โต๊ะที่ส่งให้เจ้าหน้าที่รัฐ ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ คนที่มีอำนาจอนุมัติโครงการต่างๆ จะต้องจ่ายถึง 50% ของมูลค่าโครงการ ถ้าโครงการนี้พันล้าน 500 ล้านต้องจ่ายให้ผู้มีอำนาจอนุมัติโครงการ 10,000 ล้าน ก็ 5,000 ล้าน พี่น้องลองคิดดูว่าการทุจริตรุนแรงแค่ไหน 50% คือตัวเลขที่นายดุสิต ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจในประเทศไทย ได้ข้อมูลมาจากผู้ประกอบการธุรกิจ พูดตรงกันหมด เพราะฉะนั้นการจ่าย 50% เอกชนเป็นคนจ่ายย่อมจะรู้ดีว่า สถานการณ์หนักหน่วงแค่ไหน ก่อนหน้านี้ 20-30 ปี จ่ายไม่เกิน 3-5% แต่วันนี้ หรือรัฐบาลชุดที่แล้ว เขาบอกว่าไม่ถึง 50% แต่มาชุดนี้หนักถึง 50% เป็นเงินส่วย ส่วนแบ่งที่แบ่งให้หมาแดก เพราะฉะนั้นในภาคนักธุรกิจ เขามองว่านี่เป็นการปล้นชาติ และการปล้นชาติเกิดขึ้นในยุครัฐบาลนี้อย่างหนักหน่วง โดยจับใครไม่ได้เลย ยุคทักษิณเรายังจับมาหลายสิบคดี แต่ยุคนี้ยังไม่ได้ดำเนินคดีกับใครแม้แต่คนเดียว สรุปแล้วคือ นักการเมืองในรัฐบาลอภิสิทธิ์ พยายามสร้างเมกะโปรเจกต์ โปรเจกต์แล้วโปรเจกต์เล่า ยิ่งเมกะโปรเจกต์เท่าไหร่ พี่น้องคิดดูว่า 50% ของเมกะโปรเจกต์เป็นเงินเท่าไหร่ ทางรถไฟ 30,000 ล้าน จ่ายพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 10,000 ล้าน ทุกโครงการเมกะโปรเจกต์เป็นแบบนี้หมด ประเทศจะเหลืออะไร
คำถามคือ ถ้าไม่เลือกเขาแล้วเลือกคุณ ถามว่า คุณมีอะไรดีกว่าเขา คุณก็แย่กว่าเขา แล้ววันนี้เรื่องคอร์รัปชั่นไม่มีพรรคไหนพูดถึงเลย ไม่มีพรรคไหนมีนโยบายปราบคอร์รัปชั่น ไม่ใช่เฉพาะผมพูด วันนี้คอลัมน์ของคุณสุทธิชัย หยุ่น กาแฟดำ พูดว่าอย่าแปลกใจถ้าไม่มีพรรคไหนหาเสียงต่อต้าน ฉ้อฉล ทุจริต คอร์รัปชั่น ไม่มีพรรคไหนเลยครับ แล้วพี่น้อง วันที่ 1 มิ.ย. องค์กรภาคเอกชนที่เขาต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น เขาจะออกมาประกาศจุดยืน ยุติจ่ายเงินใต้โต๊ะให้นักการเมืองและพรรคการเมือง ดูความอัปยศของประเทศไทยซิครับ ถ้า 21 องค์กรภาคเอกชน และประชาชน หรือผู้ประกอบการกล้าหาญออกมาประกาศเป็นกบฎต่อนักการเมือง พรรคการเมือง และผู้มีอำนาจว่า ต่อไปนี้ไม่ว่าโครงการใดๆ จะไม่ยอมจ่ายเงินใต้โต๊ะนักการเมือง และข้าราชการทุจริตคอร์รัปชั่น พวกเรายินดีเข้าร่วมสนับสนุนครับ ขอให้พี่น้องภาคเอกชนทำจริง พวกเราพร้อมเป็นแนวร่วมที่เข้มแข็ง ปรบมือให้กำลังใจ 21 องค์กร พวกเราจะติดตามดูว่า วันที่ 1 มิ.ย.ที่ท่านจะออกมาแถลง จะทำจริงหรือเปล่า ถ้าเอาจริงเอาจัง ก็เพื่อล้างบ้านล้างเมือง ไม่ต่างจากที่พวกเรา เราจึงไม่โหวตเลือกใครเพราะโกงทั้ง 2 ฝ่าย
พี่น้องการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้ง 2 พรรคที่เป็นแกนหลัก ที่มีโอกาสตั้งรัฐบาลนั้น ต่างเห็นประชาชนเป็นเพียงเครื่องมือ เป็นเพียงเบี้ย และหลอกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเท่านั้น ทั้งประชาธิปัตย์ก็มีลักษณะแบบนี้ เพื่อไทยก็มีลักษณะแบบนี้ การคิดจะแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองจริงๆ จังๆ ไม่เป็นไปอย่างที่โฆษณาหาเสียง เมื่อเป็นดั่งนี้ ไม่ว่าเราจะเลือกใครทั้ง 2 ขั้วนั้น ล้วนแต่เป็นปัญหาของแผ่นดิน เป็นปัญหาของบ้านเมืองทั้งนั้น เลือกใครไม่ได้เลย ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งกลายเป็นพรรครอร่วมรับประทาน คือ รอโกงรอกินร่วมกับทุกขั้วทุกฝ่าย ใครเป็นขั้วตั้งรัฐบาลตัวเองพร้อมร่วมรับประทานกับเขา ก็พึ่งไม่ได้เช่นกัน ที่หนักกว่านั้น พรรคขั้วที่ 3 ที่รอร่วมรับประทาน รอต่อรองเป็นนายกฯ เสียเอง ไม่ใช่ธรรมดานะครับ ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง ถ้าเสียงของเขารวมกันแล้วไปฝั่งไหนฝั่งนั้นได้เป็นรัฐบาล เขาจะต่อรองเอาตำแหน่งนายกฯ แน่นอน เพราะบรรหารบอกแล้วว่า นารีอาจจะตกม้าขาว คือไม่ได้เป็นนายกฯ พี่น้องลองนึกดู นายกฯ ของประเทศไทยต่อไปนี้ ไม่ว่ามาจากขั้วไหน ปีกหนึ่งอยู่ภายใต้กำกับบงการของทักษิณ อีกปีกถ้าเป็นอภิสิทธิ์ ก็อยู่ภายใต้กำกับบงการของสุเทพ-เนวิน ถ้าเป็นขั้วพรรคร่วมรับประทาน อาจจะถูกกำกับโดย บรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งพ่อเจ้าประคุณ เป็นตำนานของบรรดานักกินเมืองมาแล้ว
วันนี้ผมจึงมาชวนพี่น้อง มีพรรคเดียวที่เราจะเลือกได้ พรรคโหวตโน คือเราต้องกาลงคะแนนช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน แต่ผมอยากเรียกว่า ถ้าเราเกลียดทักษิณ ไม่ชอบคนเผาบ้านเผาเมือง เบื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องเลือกประเทศไทย เลือกพรรคประเทศไทย เราต้องเลือกประเทศไทย เอาชาติไทยไว้ก่อน ไม่ใช่เลือกนักการเมืองไว้ก่อน เมื่อเลือกประเทศไทย เอาชาติไทย เอาผลประโยชน์ของบ้านเมือง ของประชาชนเป็นที่ตั้ง มีอะไรให้เราเลือกนอกจากการกาไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกใครเท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะไม่ว่าเลือกใครล้วนแต่เป็นตัวแทนของการเมืองระบอบโกงกิน ปล้นชาติ ขายชาติทั้งสิ้น ไม่มีใครเป็นอนาคต เป็นที่พึ่ง เป็นความหวัง เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่า ถ้าไม่ชอบคนเผาบ้านเผาเมือง เราเกลียดระบอบทักษิณ เพราะเราได้รับบทเรียนเจ็บปวดมาแล้ว และเบื่อระบอบอภิสิทธิ์ เกลียดระบอบอภิสิทธิ์ ก็ไม่มีทางเลือก วันนี้การโหวตของเราจึงมีความหมายในทางประวัติศาสตร์ ถ้าท่านจะเอาบ้านเมือง จะเอาประเทศ เอาผลประโยชน์แห่งชาติ ท่านต้องกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน เพื่อให้นักการเมืองที่จะเข้ามานั้นอ้างประชาชนไม่ได้ว่า ประชาชนเป็นคนมอบอาญาสิทธิ์ให้คุณมาบริหารชาติบ้านเมือง การทำหน้าที่โหวตโน หรือรณรงค์ให้ประชาชนไม่ประสงค์ลงคะแนน จึงเป็นการทำบุญให้บ้านเมือง เป็นการเลือกชาติบ้านเมืองไว้ก่อน เรียกว่า เราต้องเลือกพรรคประเทศไทย พรรคนี้ใหญ่ที่สุดไม่มีพรรคไหนใกญ่กว่าพรรคนี้ พรรคประเทศไทย พรรคชาติไทย และพี่น้องประชาชนไทย ทั้งหมดคือคนสำคัญที่สุดที่เราต้องเลือก และวิธีเลือกคือ ต้องปฏิเสธนักการเมืองเหล่านั้นทั้งหมดโดยไม่ลงคะแนนให้ใคร
เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งวันนี้มาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ท่านจะได้ยินวาทะกรรมของคนพวกนี้ทำให้เราไขว้เขวตลอดเวลา ฝ่ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์ พยายามบอก เสียดายคะแนนถ้าโหวตโนก็ทิ้งคะแนนเปล่าๆ ความจริงไม่ใช่ทิ้งคะแนน เป็นการทำให้คะแนนของเรามีคุณค่ามากที่สุด อย่าเชื่อ การกาเลือกปีกใดปีกหนึ่งคือการทำให้คะแนนของเราไร้ความหมาย ไม่มีคุณค่า เพราะนักการเมืองไม่เห็นความสำคัญพวกเรา คะแนนของพวกเราซื้อไม่ได้ และไม่ขายให้ใครด้วย คะแนนอย่างนี้จึงเป็นคะแนนที่สำคัญที่สุด และนักการเมืองต้องการที่สุด ส่วนคะแนนที่ซื้อขายได้นั้น นักการเมืองจ่ายเงินซื้อแล้วเขาไม่เห็นความสำคัญ จ่ายเงินคุณแล้วก็จบกัน แต่ถ้าเขาอยากได้การสนับสนุนจากพี่น้องเขาก็เอาเงินไปฟาดหัวอีกครั้ง เขาจะไม่เห็นคุณค่าความสำคัญ เพราะฉะนั้นวันนี้ปีกนี้จึงพยายามอ้อนวอน ขอร้อง คุกเข่า โอดครวญอยากได้คะแนนอันทรงคุณค่าของพวกเราเหลือเกิน แต่เราไม่ให้ใคร เราจะให้กับประเทศไทย และประชาชาติไทย คือ โหวตไม่ลงคะแนนให้ใคร พรรคประเทศไทยคือพรรคที่ใหญ่ที่สุดแล้ว เราต้องเอาคะแนนของเราให้กับประเทศไทย เราอย่าหลงกล
อีกฝ่ายบอกว่า คะแนนพันธมิตรฯ อ่อนแรง อย่าเชื่อเลยโหวตโนไม่เกิดประโยชน์ เลือกเราดีกว่า เรากลับมาเราจะไม่แก้แค้นเราจะแก้ไข ผมก็บอกแล้ว ก็อัปรีย์ชอบแก้ไข คือ แก้ไขเพื่อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง ไม่ใช่แก้ไขเพื่อประโยชน์ชาติ ประโยชน์ประชาชน นอกจากนี้ นักวิชาการพยายามบอก โหวตโนมีไม่กี่เสียง ไม่มีผล ไม่เกิดพลังในการเปลี่ยนแปลง พี่น้องอย่าเชื่อ เขากลัวถึงพยายามต่อต้าน พยายามร้องขอ พยายามโน้มน้าวจูงใจให้เราใจอ่อน หันไปโหวตให้เขา ถ้าเขาไม่กลัว ไม่มีความหมาย ไม่มีความสำคัญ ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอะไร เขาไม่อ้อนวอนร้องขอโอดครวญให้เราหันไปหาพวกเขา
เพราะฉะนั้นโหวตโน กลายเป็นหนามทิ่งแทงใจนักการเมืองมากที่สุด เพราะเขารู้ว่า ถ้าคะแนนโหวตโนมากเท่าไหร่ เป็นตัวฟ้อง ประจาน และเป็นตัวทำลายความชอบธรรมนักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามา จะได้เห็นว่า และวันนี้ที่เราลุ้นที่สุดคือ เราอยากเห็นว่า พี่น้องทั่วประเทศ ที่ผมบอกแล้ว ขนาดร้อยเอ็ด เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง ชายแดนเขายังรู้เรื่องโหวตโน และเขาเตรียมไปลงคะแนนไม่เลือกใคร เพราะเขาเบื่อนักการเมืองเหมือนกัน มันพึ่งไม่ได้ พี่น้องเชื่อผม ตัวนี้จะทำให้นักการเมือง หน้าด้านและจะตะแบงใช้อำนาจตามอำเภอใจ โดยไม่ปรับปรุงตัวเองไม่ได้ พี่น้องดูอย่างประเทศสิงคโปร์ นายลี กวน ยู เป็นนายกรัฐมนตรี ปกครองประเทศมายาวนาน ครองอำนาจมายาวนาน ตั้งแต่ประเทศเปลี่ยนแปลง ได้เอกราชมาจากอังกฤษ พรรคพีเอพี หรือพรรคอังกฤษประชาคม พีเพิลแอคชั่น ปาร์ตี้ พรรคกิจประชาคม เป็นพรรคที่ปกครองสิงคโปร์มายาวนาน ปรากฏว่า พอลี กวน ยู ลงจากอำนาจ ลี กวน ยู ให้นายจ๊ก ก๊ก ตง ขึ้นมาเป็นนายกฯ ตัวเองไปเป็นรัฐมนตรีอาวุโส คือ วางอำนาจแต่ไม่วางจริง ยังเป็นรัฐมนตรีอาวุโส ถ้า ครม.จ๊ก ก๊ก ตง ประชุมแล้วต้องมาผ่าน ครม.อาวุโสของลี กวน ยู พอจ๊ก ก๊ก ตง จะหลุดพ้นจากอำนาจ ก็โอนอำนาจการปกครองไปให้ลูกชาย นายลี เซียน ลุง มาเป็นรัฐมนตรี ทั้งหมดอยู่ภายใต้กำกับของลี กวน ยู เหมือนเดิม จ๊ก ก๊ก ตง เลื่อนไปเป็นรัฐมนตรีอาวุโส ลี กวน ยู ตั้งตำแหน่งใหญ่กว่ารัฐมนตรีอาวุโสขึ้นมาคลุม ปรากฏว่า เลือกตั้งคราวที่แล้ว มีคนไปลงคะแนน เลือกฝ่ายค้าน เพราะเขาเบื่อรัฐบาล เบื่อพรรคการเมืองที่เป็นอยู่ เขาไม่มีทางเลือก เขาก็เลือกฝ่ายค้าน ซึ่งธรรมนูญของประเทศสิงคโปร์แปลก อนุญาตให้มีฝ่ายค้านได้ไม่เกิน 7 คน นี่เป็นประเทศเผด็จการรูปแบบหนึ่ง แต่เขาเจริญรุ่งเรืองมาได้ แต่ปรากฏว่า คนส่วนใหญ่เริ่มเบื่อนักการเมืองเก่าๆ เริ่มเบื่อลี กวน ยู จึงแสดงออกด้วยการโหวตเลือกฝ่ายค้าน เป็นการประท้วง และกดดันลี กวน ยู ท้ายที่สุดลี กวน ยู ต้องปฏิรูปการเมืองสิงคโปร์ เปลี่ยนแปลงได้
นักการเมืองประเทศไทยทุกวันนี้ ทั้งอภิสิทธิ์ ทั้งทักษิณ ทั้งเสี่ยวหาร ไม่ฟังเสียงประชาชน ทั้งเตี้ยทั้งห้อย ไม่ฟังเสียงประชาชน เขาจะฟังเสียงประชาชนตอนไหน ถ้าคะแนนโหวตโนมาก นักการเมืองพวกนี้จะหวั่นไหว ว่าจะอยู่ในอำนาจต้องนับถอยหลัง ที่ใครบอกว่า คะแนนโหวตโนไม่มีผล ไม่มีนัยสำคัญ อย่าเชื่อ มันแหล มันกลัวพวกเราจึงพยายามออกมาพูดทำนองนี้เพื่อโน้มน้าวพวกเรา
อีกประเด็น พยายามบอกว่า ถ้าโหวตโนมากๆ เดี๋ยวทักษิณจะกลับมา โธ่ไอ้หนู ไม่ต้องโหวตโนทักษิณก็ชนะแกอยู่แล้ว เพราะอะไร ปัจจัยที่ทำให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสชนะอภิสิทธิ์ใครก็ดูออก คือ 1.อภิสิทธิ์ทำงานไม่เป็นและไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันที่ทำให้ประชาชนจดจำได้แม้แต่เรื่องเดียว มีผลงานอะไรในรัฐบาลชุดนี้ เรื่องโกงเรื่องกินไม่ต้องพูดถึง เรื่องแก้ปัญหาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง แย่กว่าเขาเผาบ้านเผาเมืองตั้ง 2 รอบ ตายในภาคใต้ไม่รู้เท่าไหร่ ปัญหาดินแดนเอกราชอธิปไตยไม่ต้องพูดถึง ที่สำคัญ นายอภิสิทธิ์พูดอย่างเดียว ดีแต่พูดทำงานไม่เป็น นี่ปัญหาใหญ่ หลังจากนั้นดีแต่พูด พวกดีแต่พูดไม่เหมือนคนอื่น นักการเมืองคนอื่นพูดคนยังจำได้ แต่อภิสิทธิ์พูดเยอะ พูดมากแต่ไม่มีใครจำได้เลยว่าพูดอะไรบ้าง นายกฯ ชาติชาย ยังมีคนจำได้ "โนพล็อมแพลม" ไม่มีปัญหา นายกฯ อานันท์ ปันยารชุน ยังมีคนจำได้"โปร่งใส" เป็นวาทะประจำตัว พล.อ.เปรม คนยังจำได้"กลับบ้านเถอะลูก" คนยังจำได้ คือมีวาทะเด็ดที่คนจำได้ แต่นายอภิสิทธิ์พูดเยอะแต่ไม่มีวาทะเด็ดคนจำได้ คนยังจำประพันธ์พูดได้มากกว่าว่า เลวจนกูงง โกงจนกูมึน ทึ่มจนกูเอียน เถียงจนกูอาย คนยังจำได้ หรือว่าพันธ์ คี มูน คนยังจำได้มากกว่าอภิสิทธิ์พูด นี่คือสาระสำคัญที่ทำให้คุณต้องแพ้เลือกตั้ง ถ้ายุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่มีโอกาสจะชนะนั้น ผลงานต้องมีคนประทับใจถึงจะมีโอกาสชนะ
อันที่ 2. ประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตีนลอย ขาลอย ตีนไม่ติดดินขาลอย คือไม่มีประชาชนเป็นมวลชนเข้มแข็งของพรรค คะแนนที่ชนะเลือกตั้ง เป็นคะแนนแบบภาพลอย ตีกินอาศัยกระแสแต่ละช่วงสถานการณ์เท่านั้น วันนี้สถานการณ์ไม่เป็นใจ และตัวเองไม่มีฐานมวลชนในพื้นที่ ฝั่งนู้นมีมวลชนเป็นฐาน ภาคเหนือ ภาคอีสาน สร้างฐานมวลชน เปิดโรงเรียนการเมือง อบรม จัดสัมมนา พาไปเที่ยว งบประมาณทั้งปี มีวิทยุชุมชน ทีวี หนังสือพิมพ์ มีกิจกรรมตลอดปี แม้ว่ามวลชนจะเผาบ้านเผาเมืองเขาก็โอบอุ้มกันเอาไว้ เขามีมวลชนจัดตั้ง เขามีพลังมวลชนสนับสนุน เขาไม่สนใจคะแนนพวกเราอยู่แล้ว แม้เราไม่เลือกคุณ เราก็ไม่เลือกเพื่อไทย ถ้าหากพรรคการเมืองใหม่ลงเลือกตั้งถ้าเคราแพะไม่มีปัญหาซะก่อน เราไปโหวตการเมืองใหม่ ยังไงคุณก็ไม่ได้คะแนนจากพวกเราอยู่ดี เพราะฉะนั้นที่คุณบอกว่า ถ้าโหวตโนทางนู้นจะมา ทางนู้นจะมาคุณต้องตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาหัวตัวเอง ขนาดเขาเผาบ้านเผาเมือง สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ประชาชน โกง หนีคดี ทำความเสียหายให้บ้านเมืองเท่าไหร่ คุณยังไม่มีปัญญาเอาชนะใจประชาชน คุณต้องตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเอง
ทุกประเด็นที่พูดมา ผมแก้ให้หมด คุณจะบอกว่าโหวตโนทำให้เขามา ผมก็บอกว่า แม้ไม่มีโหวตโนเราก็ไม่เลือกคุณ เพราะถ้าเราลงเลือกตั้งเราก็เอาพรรคการเมืองใหม่สู้ในสนามเลือกตั้ง เราก็โหวตให้พรรคการเมืองใหม่ ตอนนี้เรารณรงค์โหวตโน เราไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ลงแข่งขัน การที่พรรคเพื่อไทย ทักษิณจะกลับมาได้ หรือกลับมาไม่ได้ เป็นความผิดของนายอภิสิทธิ์เท่านั้น บรรดาแม่ยกกองเชลียร์ประชาธิปัตย์จำเอาไว้ ว่าเป็นความผิดของคุณโดยตรง ที่คุณมีนายกฯ ทำงานไม่เป็นดีแต่พูด แล้วมาแหลกับประชาชน ส่วนโหวตโนผิดกฎหมายไหม เป็นประชาธิปไตยไหม วันนี้พี่น้องที่ไปรณรงค์ก็กลับมาว่า ตำรวจพยายามไปขู่ ผมอธิบายกฎหมายไปแล้วว่าไม่ผิดกฎหมาย ตำรวจไม่มีอำนาจ วันนี้ตำรวจทำได้อย่างเดียวถ้าอยากจะสอพลอนักการเมือง คือขู่น้องๆ เด็กๆ หรือพี่ป้าน้าอาของเราที่ถือป้ายรณรงค์ มันผิดกฎหมายนะ มันก่อความวุ่นวาย ขู่แต่ปาก ไม่มีปัญญาและไม่มีอำนาจตามกฎหมายจะดำเนินการใดๆ กับพวกเรา พอจะจับเด็กๆ ที่ถือป้าย สักพักนายโทรมาบอก อย่าไปยุ่งกับเขาปล่อยเขาไป เพราะฉะนั้นตำรวจเองก็ไม่อยากยุ่งกับพวกเรา เพราะรู้ว่าไม่มีอำนาจทำอะไรตามกฎหมาย เมื่อคืนผมเอาเพลงมาเปิดให้ฟังแล้ว ขนาดอัสนี-วสันต์ ยังร้องเพลงให้ ถ้าคุณไม่ประสงค์เลือกใครก็กาช่องไม่ลงคะแนนให้ใคร
ทั้งหมดนี้เคลียร์หมดแล้วว่า เป็นสิทธิ์ตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ผิดกฎหมาย และจะโต้แย้งเรื่องอะไร จะไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีผล คอยดู พี่น้องครับผมเชื่อว่าโหวตโนคราวนี้จะมีคนไปร่วมกับพวกเรามาก ที่มากที่สุดผมเชื่อว่า ข้าราชการตำรวจ ทหาร ก็เบื่อ เกลียดนักการเมือง แต่เขาไม่พูด เขาจะแสดงออกตอนเข้าคูหากาลงคะแนน แล้ววิธีนี้ปลอดภัยกับเขามากที่สุด ไม่รู้ว่าใครจะมา เพื่อไทย หรือประชาธิปัตย์ ใครจะมาก็ตาม โหวตโนไม่เลือกใครวางตัวเป็นกลาง ใครมาเป็นนายเราต้องอยู่เพราะเราเป็นข้าราชการไปไหนไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผมกราบเรียนพี่น้องข้าราชการ วิธีที่จะปลอดภัยที่สุด อย่าเอียงข้างใดข้างหนึ่ง เพราะนักการเมืองมาแล้วก็ไป อยู่ได้ไม่นาน อำนาจวาสนาไม่จีรังยั่งยืน ถ้าเพื่อไทยมา ก็อาจจะอายุสั้นกว่า อภิสิทธิ์มาก็อาจจะอายุสั้นกว่า เพราะปัญหามันรออยู่ข้างหน้าพอๆ กัน ผมไม่เชื่อว่า ทั้ง 2 ฝ่ายนี้มาจะอยู่ได้ยาว เพราะทั้ง 2 ฝ่ายคนเห็นกำพืดหมดแล้ว
วันนี้อยู่เป็นเพื่อนคุยกับท่าน 2 รอบ มาร้องเพลง และมาปราศรัย พี่น้องดูเอาแล้วกันจะร้องเพลงหรือปราศรัยดี แต่ดูแล้วท่าทางจะไปด้วยกันทั้ง 2 อย่าง แต่วันนี้ขอพักเสียงก่อน แล้วพรุ่งนี้จะมีเพลงใหม่ๆ มาฝาก รับรองว่าไม่ทำให้พี่น้องเหงา เพราะเรายังอยู่ด้วยกันอีกนาน จนกว่าจะรู้ผลการประชุมมรดกโลก ดีไม่ดีอาจจะอยู่จนรู้ผลการเลือกตั้ง เห็นความพ่ายแพ้ของใครต่อใคร รวมทั้งคนที่ไม่เชื่อพวกเราด้วย ซึ่งไม่รู้ว่า กกต.จะประกาศรับรองให้เป็นผู้มีคุณสมบัติสมัครได้หรือไม่ ยังต้องรอฟังก่อน ที่สมัครไปแล้วสมัครได้ แต่พอเขาตรวจคุณสมบัติ ตรวจเอกสารแล้ว พอเขาประกาศว่า สมัครไม่ได้ คุณสมบัติไม่ครบ กรรมการบริหารไม่มีมติ ผิดเงื่อนไข ผิดข้อบังคับพรรค ผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง จึงประกาศไม่ให้เป็นผู้สมัคร เบอร์ 20 โบ๋เบ๋เลยพี่น้อง แต่หลายคนบอกว่า อยากให้ลองดู อยากให้ลงเลือกตั้ง อยากให้ กกต.รับรอง ให้ไปตายในสนามรบ จะได้จบหายสงสัย บางคนบอกอย่างนั้น เพราะฉะนั้นวันนี้ คนที่ไม่เชื่อพี่น้องประชาชนไม่ค่อยมีอนาคต วันนี้ที่ทำการพรรค พวกเราไปช่วยกันขนของกลับมาแล้ว เครื่องถ่ายเอกสารผมบอกให้น้องๆ ไปขนมาไว้ใช้ที่นี่แล้ว เพราะว่าเขาไล่ออกจากที่ทำการแล้ว ถ้าไม่มีพี่น้องประชาชนสนับสนุน จะมีกำลังที่ไหนไปสู้กับเขา วันนี้พรรคของเราคือ พรรคประเทศไทย แนวทางของเราคือ โหวตโน ผมอยากให้พี่น้องท่องไว้ว่า เราเลือกประเทศไทยไม่เลือกใครทั้งนั้น ไม่ว่าพรรคไหนคนไหน เราเลือกประเทศไทยด้วยการเข้าคูหากาไม่ประสงค์ลงคะแนน โหวตโนครับพี่น้อง ขอบคุณมากครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น