xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” จี้ “ประวิตร-กษิต” แจงปล่อยอิเหนาสำรวจพื้นที่ ยันนิรโทษไม่ทำปรองดอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ
โฆษกพันธมิตรฯ ค้าน “ประวิตร” ปล่อยอิเหนาพรางตัวสำรวจ 4.6 ตาราง กม. ส่อมีผลการเปลี่ยนแปลงอาณาเขต ทำไทยผลักดันเขมรไม่ได้จนเสียดินแดน จี้ รมว.กห.-กต.แจง เล็งยื่นฟันแน่ แนะอย่าส่งทนายฝรั่งเศสแจงศาลโลก ให้ทูตกรุงเฮกไปแทน พร้อมถอนตัวภาคีมรดกโลก ซัด “ยิ่งลักษณ์” นิรโทษกรรมไม่ทำปรองดอง “จำลอง” ห่วงเลือกตั้งทำคนเมินปัญหา ส่อทำรัฐสมคบกัมพูชา



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (22 พ.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพัธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.เตีย บัญ รมว.กลาโหม กัมพูชา ออกมาระบุว่าฝ่ายไทยโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้ให้ความยินยอมในการนำชุดล่วงของคณะผู้สังเกตการณ์ชาวอินโดนีเซียเข้ามาสำรวจพื้นที่ 4.6 ตร.กม. โดยจะมีการพรางตัวใส่ชุดพลเรือนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ราษฎรไทยทราบ ว่าเรื่องนี้ภาคประชาชนมีความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะการส่งทีมล่วงหน้าเข้ามานั้นก็เพื่อต้องการไม่ให้เกิดการปะทะขึ้นอีก โดยที่เข้ามาเป็นสักขีพยานทหารกัมพูชายังยึดครองดินแดนไทยอยู่ ซึ่งถือว่ามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศอย่างชัดเจน ทำให้ทหารไทยไม่สามารถใช้กำลังผลักดันให้กัมพูชาออกจากแผ่นดินไทยได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เท่ากับว่ากัมพูชาจะสามารถยึดครองแดนไทยไว้ได้จนกว่าจะมีการเจรจาที่ทำให้ฝ่ายกัมพูชาพอใจ หรือมีสิทธิ์ครอบครองออกไปอย่างไม่มีกำหนดระยะเวลานั่นเอง เท่ากับไทยต้องเสียดินแดนในท้ายที่สุด

นายปานเทพกล่าวอีกว่า ข้อตกลงเป็นเริ่มมาจากที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้ตกลงเจรจากับฝ่ายกัมพูชามาก่อนหน้านี้ แต่กลับไม่เคยได้รับคำชี้แจงที่ออกมาจากกระทรวงการต่างประเทศเลย เราจึงขอเรียกร้องให้ทั้ง พล.อ.ประวิตร และนายกษิต ออกมาชี้แจงในประเด็นนี้ให้ชัดเจนว่าได้มีการตกลงกับฝ่ายกัมพูชาล่วงหน้าหรือไม่ รวมทั้งยังตกลงในเงื่อนเวลาที่กัมพูชาวางไว้ โดยไม่ได้มีเงื่อนไขที่ให้กัมพูชาถอนกำลังออกจาดินแดนไทยแต่อย่างใด

“จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลไทยต้องออกมาแถลงจุดยืนให้ชัดว่าได้ไปทำการตกลงที่ทำให้ประเทศต้องเสียเปรียบเช่นนี้หรือไม่ หากเป็นจริงก็จะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119-120 และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เพราะเป็นข้อตกลงที่เกี่ยวกับอาณาเขตดินแดน แต่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ภาคประชาชนจึงจำเป็นที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป” นายปานเทพกล่าว

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กระแสการเลือกตั้ง ทำให้ประชาชนไม่ได้ให้ความสนใจในข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาเท่าที่ควร ทั้งที่กัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลโลก และศาลได้พิจารณารับคำร้องใน 2 ประเด็น คือ การสั่งคุ้มครองชั่วคราวพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร และตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2505 เพิ่มเติม ซึ่งเรียกให้ฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทยเข้าให้ข้อมูลในวันที่ 30 พ.ค.นี้ ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในกรณีนี้รัฐบาลต้องห้ามส่งทนายความฝรั่งเศสไปเด็ดขาด ควรมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของเอกอัครราชทูตประจำกรุงเฮก ในการไปแก้ต่างว่าศาลโลกไม่มีอำนาจพิจารณาใดๆ เพิ่มเติม เพราะไทยไม่ยอมรับคำวินิจฉัย และไม่ได้ต่อสัญญาการเป็นอนุภาคีศาลโลก แม้แต่การส่งกองกำลังสันติภาพของสหประชาชาติเข้ามา ก็ไม่เป็นอำนาจของศาล เพราะเรื่องนี้ต้องเป็นมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) รวมไปถึงกรณีที่คณะกรรมการมรดกโลกจะเดินหน้าในการพิจารณาแผนบริหารจัดการมรดกโลกต่อ โดยยังไม่มีสัญญาณว่าจะเลื่อนการประชุม ในวันที่ 26-29 มิ.ย.นั้น เท่ากับเอื้อประโยชน์ให้แก่กัมพูชา และเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อประเทศไทย ดังนั้นไทยต้องรีบถอนตัวออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลกก่อนที่จะมีการลงมติ

“หากรัฐบาลไทยพลาด ปล่อยให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนพร้อมแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารสำเร็จ ก็เชื่อว่ากระแสโหวตโนจะรุนแรง ชัดเจน และกว้างขวางมากขึ้น เพราะความผิดพลาดที่รัฐบาลก่อไว้ ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขในจุดนี้ทันที” นายปานเทพกล่าว

ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้ายในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับคนทุกกลุ่ม นายปานเทพให้ความเห็นว่า ความพยายามดังกล่าวไม่ได้สร้างให้เกิดความปรองดองในสังคมอย่างแท้จริง เพราะเรื่องนี้เคยมีความพยายามมาแล้วเมื่อปี 2551 ในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งไม่สำเร็จ และทำให้เกิดความขัดแย้งในหมู่ประชาชน อย่างไรก็ตามจากการที่โพลล์ทุกสำนักระบุตรงกันว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะมีกระแสโหวตโนหรือไม่นั้น ก็สะท้อนให้เห็นว่าการเลือกพรรคที่อยู่ตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย ก็ยังจะไม่สามารถหยุดยั้งชัยชนะได้ ทั้งยังเป็นการยอมจำนนต่อระบบสภา ยอมให้แกนนำคนเสื้อแดงเข้าไปเป็น ส.ส. แล้วให้ออกกฎหมายใดๆ ก็ได้ตามอำเภอใจ เพราะอ้างว่าได้รับสิทธิ์จากประชาชน

“การโหวตโนจึงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เกิดการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ภายหลังการเลือกตั้ง โดยที่รัฐบาลไม่สามารถกระทำการที่ลุแก่อำนาจได้ เพราะหากมีเสียงประชาชนร่วมโหวตโนเป็นจำนวนมาก ก็คงไม่มีผู้ใดจะสามารถมาคัดง้างหรือกล้าที่จะทำลายระบบนิติรัฐลงได้” นายปานเทพกล่าว

ขณะที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนขอย้ำอีกครั้งว่าพันธมิตรฯ เคารพในกระบวนการยุติธรรม และไม่ต้องการการนิรโทษกรรม เนื่องจากมั่นใจในสิ่งที่กระทำลงไปนั้นเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง จึงไม่ต้องออกกฎหมายเผื่อแผ่มาถึงเรา เพราะเราไม่ต้องการฝืนกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยที่จะนำมวลชนไปกดดันกระบวนการ ทั้งตำรวจ ศาล หรือเรือนจำ

พล.ต.จำลองยังได้แสดงความเป็นห่วงอีกว่า ในระหว่างช่วงหาเสียงเลือกตั้งนี้อาจทำให้ประชาชนไม่ได้ให้ความสนใจปัญหาไทยกับกัมพูชามากนัก ซึ่งอาจเป็นผลให้รัฐบาลแอบไปสมยอมบางสิ่งบางอย่างกับกัมพูชาได้ เพราะประชาชนไม่ได้ให้ความสนใจ จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก ทั้งนี้ยังมีกระแสข่าวว่านายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรฯ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้เจรจามรดกโลกฝ่ายไทย ได้พยายามขอให้ฝ่ายกัมพูชาเลื่อนการพิจารณาแผนบริหารจัดการมรดกโลกออกไป แต่ไม่ได้รับการตอบรับ เรื่องนี้ตนเห็นว่าหากรัฐบาลทำตามที่ภาคประชาชนเสนอไปเป็นปีแล้ว ก็คงไม่จำเป็นที่ต้องไปเจรจาความใดๆ กับทางกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ตนขอย้ำอีกครั้งว่ามติของคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยต่อการชุมนุมนั้น กำหนดไว้ว่าจะรอดูผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในวันที่ 29 มิ.ย.ก่อนพิจารณาแนวทางในการชุมนุมต่อไป โดยที่ยังไม่ได้มองถึงวันที่ 3 ก.ค.ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งแต่อย่างไร เพราะจุดประสงค์หลักของเราคือการเรียกร้องให้รัฐบาลทำหน้าที่ปกป้องดินแดน

กำลังโหลดความคิดเห็น