“ประพันธ์” ชี้ หากไร้การเมืองข้างถนน ประชาธิปัตย์ไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปาก เหตุทุกครั้งหลังการชุมนุมทั้ง “14 ตุลา-พฤษภาทมิฬ-พันธมิตรฯ” ประชาธิปัตย์ถึงมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล ถาม “ชำนิ” จำได้มั้ยหลังออกจากป่าลงเลือกตั้ง “สนธิ” เคยให้ 1 ล้านบาทใช้ในการหาเสียงจนได้เป็น ส.ส.แต่วันนี้กลับเนรคุณต่อว่าการเมืองข้างถนนทำชาติวุ่น พร้อมย้ำเลือกตั้งครั้งนี้ไร้อนาคต “มาร์ค-ยิ่งลักษณ์” เด็กวานซืนทั้งคู่ เชื่อใครชนะก็จะถูกอีกฝ่ายโจมตี ดังนั้น “โหวตโน” ดีสุด อยู่บนภูดูหมากัดกัน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
วันนี้ (16 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวปราศรัยบนเวที “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ว่า เมื่อวานฟัง นายสนธิ พูดถึง นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ แต่ยังพูดไม่หมด ตนจึงขอพูดขยายความ
นายประพันธ์ กล่าวว่า นายชำนิ บอกว่า บ้านเมืองไม่สงบเพราะการเมืองข้างถนน นี่มาจากปากนายชำนิ อดีตคนเดือนตุลา คนที่ 2 ของประชาธิปัตย์ ที่พูดแบบนี้ คือ นายสุเทพ ที่พูดว่าเพราะเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง ที่ทำบ้านเมืองไม่สงบ คนที่ 3 คือ นายอภิสิทธิ์ ใช้วาทกรรมว่า 5-6 ปีที่ผ่านมานี้ บ้านเมืองไม่สงบเพราะการเมืองนอกสภา
สรุปแล้วประชาธิปัตย์ไม่สำนึกรู้บุญคุณของประชาชน ถ้าไม่มีการชุมนุม 14 ตุลา ประชาธิปัตย์ ไม่มีวันเผยอหน้ามาสู่การเลือกตั้ง ทำให้ได้โอกาสเป็นรัฐบาล โดย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกฯ เพราะการเมืองข้างถนนเป็นตัวทำให้ประชาธิปัตย์ได้ลืมตาอ้าปาก
มาถึงพฤษภาทมิฬ เพราะการชุมนุมข้างถนนขับไล่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร จึงมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น นายชวน ก็ได้เป็นนายกฯ มาคราวนี้ถ้าไม่ใช่พวกเราไล่นายทักษิณไป ประชาธิปัตย์ก็ต้องเป็นฝ่ายค้านไปอีก 500 ปี มันเห็นชัดอยู่แล้ว แต่มาวันนี้นายชำนิ เพื่อนรักที่เคารพของตน ทำไมวันนี้เวลาไปนั่งในประชาธิปัตย์ จึงเปลี่ยนสีแปรธาตุ ความจริงแล้วคุณก็มาจากการเมืองข้างถนนเช่นกัน
ที่สำคัญ ไม่พูดตอนออกมาจากป่ามาในเมืองลงเลือกตั้ง ในนามพรรคเอกภาพ ก็ได้พวกเราการเมืองข้างถนนนี่แหละที่ช่วยเหลือ นายสนธิ ให้เงิน 1 ล้านบาท ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง จำได้หรือไม่ อีกคนก็ นายอากร ฮุนตระกูล ที่มอบเงินช่วยเหลือจำนวนมากเช่นกัน แล้ววันนี้เนร คุณสนธิ ต้องทบทวนคำพูดเสียใหม่ ถ้าไม่ได้ได้รับความช่วยเหลือจากพวกการเมืองข้างถนน ไม่มีวันได้เป็น ส.ส.ภาคใต้หรอก
นายประพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า เพื่อไทย ได้ส่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงชิงตำแหน่งนายกฯในนามพรรคเพื่อไทย สรุปแล้วประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย ทั้ง 2 ขั้ว เป็นนอมินีไม่ต่างกันเลย ตามเนื้อผ้าความรู้ความสามารถของนายอภิสิทธิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ต่างกัน ทั้ง 2 คนก็เป็นเด็กวานซืน ในแง่ของประสบการณ์การทางเมือง นายอภิสิทธิ์ ผ่านการทดสอบการเป็นนายกฯมาแล้ว สุนัขยังเบือนหน้าหนี ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดูแลธุรกิจก็เป็นของพี่ชายไม่ได้สร้างมาด้วยตัวเอง จะหาว่ามีฝีมือทางการบริหารก็ฟังได้ไม่ถนัด
มาถึงวันนี้มันไม่มีใครเป็นของจริง ไม่มีใครเป็นทางเลือกเลย มีแต่นอมินีชาย นอมินีหญิง มาให้เลือก
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า การโหวตโนทำให้ประชาธิปัตย์กุมขมับ ขนาดกุนซือพรรคอย่างนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ยังกุมขมับคิดไม่ออกจนพูดในงานสัมมนา ส.ส.ประชาธิปัตย์ ว่า หวังคะแนนจากพันธมิตรฯไม่ได้แล้ว เนื่องจากหัวหน้าพรรคได้ผลักมิตรไปเป็นศัตรู เลยต้องไปหวังคะแนนพวกโนโหวต ไม่ให้นอนหลับทับสิทธิ
“ฝันกลางวันไม่มีทาง เพราะพวกนี้เบื่อการเมือง ถ้าอยากได้คะแนนจริง ต้องล้างพรรคครั้งใหญ่ ทางที่ดีต้องปลดหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค แน่จริงเสนอ นาบศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 สิ” นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวว่า เมื่อประชาธิปัตย์แก้ปัญหาไม่ได้ พวกในพรรคที่รอโค่นนายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ ก็มีความสุข เพราะเลือกตั้งครั้งนี้ใน กทม.ประชาธิปัตย์ จะแพ้อย่างหมดรูป พวกนี้จะรอโอกาสนั้นโค่น นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ เนื่องจากทำให้พรรคแพ้อย่างย่อยยับต้องรับผิดชอบ
นายประพันธ์ กล่าวว่า สรุปแล้วการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีอนาคตเลย จืดชืด ไร้สาระ น้ำเน่า นโยบายก็เพียงแต่หน้ากากบังหน้า เชื่อถือไม่ค่อยได้ ประชาธิปัตย์บอกเลือกตั้งเสร็จทำได้ทันทีประชาชนก็ถามเป็นนายกฯมา 2 ปีไม่ทำอะไรเลย
ส่วนเพื่อไทยบอกจะไม่ล้างแค้น จะปรองดองสมานฉันท์ ตกลงปรองดองกับใคร แสดงว่า นายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยอมรับว่า มีความแค้น ตกลงไม่แก้แค้นเฉพาะตอนหาเสียงใช่หรือไม่ เลือกเสร็จค่อยว่ากันใหม่
“สรุปแล้วก็คือมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ ใครเป็นฝ่ายชนะ อีกฝ่ายก็จะบอกว่าอีกฝ่ายโกง ฟัดกันเละ เพราะฉะนั้นเราอยู่บนภูดูหมากัดกัน โหวตโนก็คือการอยู่บนภูดูหมากัดกัน ไม่เอาเสียงเราไปแปดเปื้อน” นายประพันธ์ กล่าว
คำต่อคำ
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน กราบสวัสดีพี่น้องทางบ้านและพี่น้องที่รับชมอยู่ในต่างประเทศทุกท่านด้วยความเคารพอย่างยิ่งครับ หายไปอีก 1 วัน ก็กราบเรียนพี่น้องที่เคารพรักแล้วว่าไปเพื่อชาติจริงๆ ครับ เป็นภารกิจอันจำเป็น ที่มิอาจ .. ภาษากฎหมายเขาเรียกว่าเป็นความจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้ด้วยประการทั้งปวง ก็เลยต้องขาดไป 1 วัน รายละเอียดก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมากราบเรียนพี่น้อง แต่ก็เป็นความจำเป็นจริงๆ ที่ไม่ได้มาช แม้ไม่ได้มา แต่หัวใจก็อยู่กับพี่น้องที่มัฆวานฯ ตลอดเวลาเลยครับ ไม่ได้มาแหลนะครับ ไม่ใช่มาร์คแหลนะครับ นี่ประพันธ์นะครับ
ที่บอกว่าใจอยู่กับพี่น้องประชาชนก็คือว่า ทุกวันแม้ผมไม่ได้มา ผมก็จะติดตามรับฟังการปราศรัยบนเวทีตลอดเวลา วันที่ผมไม่ได้มาวันแรก เป็นวันที่คุณสนธิปราศรัยท่ามกลางสายฝน และพี่น้องก็อยู่กันหนาแน่นมาก วันนั้นเป็นวันที่ผมจิตใจเป็นกังวลที่สุด เพราะว่าเป็นความห่วงใยพี่น้องอย่างยิ่ง เห็นภาพบรรยากาศที่คุณสนธิปราศรัยไป ก็ต้องถอยโต๊ะเข้าไปเรื่อย แล้วก็ถามความเห็นพี่น้องว่า ตกลงจะให้ปราศรัยต่อมั้ยเพราะว่าฝนมันตก พี่น้องก็บอกว่าเอาต่อๆ ห้ามหยุด
ส่วนวันที่ 2 เมื่อวานนี้ ผมไม่มาก็ดี คือทำให้พี่สนธิได้ทำงานอย่างเต็มที่ แล้วก็นำข้อมูลข้อเท็จจริงมาอภิปราย มาพูดคุยกับพี่น้อง ด้วยเรื่องที่เป็นสาระอย่างยิ่ง ผมก็คิดว่า ถ้าวันไหนผมอยากให้พี่สนธิมันส์ และคุยกับพี่น้องอย่างสนุก ผมก็ต้องทำท่าว่าไม่มาจะดีที่สุด ใช่มั้ยครับ เพราะวันไหนถ้ารู้ว่าผมไม่มา พี่สนธิจะพูดได้ดีมาก แล้วผมก็ดูสดแล้วผมก็ต้องไปเปิดดูในเว็บอีกทีหนึ่ง เพราะว่าเป็นการเรียบเรียงเรื่องราวที่ดีมาก และเมื่อวานนี้ จากคำสัมภาษณ์ของคุณกอร์ปศักดิ์ก็ดี ของคุณชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ก็ดี และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ดี มันทำให้พี่สนธิมีอารมณ์ที่จะพูด ต้องอย่างนี้ครับ ต้องมีตัวช่วย ต้องมีตัวกระตุ้นอารมณ์ แล้วมันถึงจะมันส์ใช่มั้ยครับ ก็ทำให้เราได้รับสาระ ความรู้ มาก และได้รู้ความจริงว่า แหม..คุณกอร์ปศักดิ์ บังอาจมาให้สัมภาษณ์ว่าพวกประชาธิปัตย์วันนี้ตัดขาดจากกลุ่มคนเสื้อเหลืองแล้ว ปัดโธ่เอ๊ย ไอ้หนู กูต่างหากที่ตัดขาดพวกมึง ใช่มั้ย
พูดอย่างกับกลุ่มคนเสื้อเหลืองนั้นเป็นเครื่องมือ หรือเป็นเบี้ยในมือของพรรคประชาธิปัตย์กระนั้น ความจริงแล้ว พวกคุณต่างหากที่มาห้อยโหนและมาพึ่งบารมีของคนเสื้อเหลือง ใช่มั้ยครับพี่น้อง
พวกเราไม่ใช่เหมือนกลุ่มคนเสื้อแดงที่เป็นเครื่องมือและเป็นสมบัติส่วนตัวของคุณทักษิณ เราไม่ได้เป็นสมบัติส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เป็นสมบัติส่วนตัวของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะมาสั่งพวกเราซ้ายหัน-ขวาหัน เพราะพวกเราเป็นวิญญูชนของแท้ ไม่ใช่จอมปลอม
เพราะฉะนั้น บังอาจ จะมาให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ตัดขาดจากคนเสื้อเหลืองแล้ว เสื้อแดง พรรคเพื่อไทยก็ควรจะตัดขาดจากคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทยเขาคงไม่โง่เหมือนพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ตั้งพรรคมา ไม่เคยมีมวลชนที่สนับสนุนเขาอย่างมั่นคงและจริงจัง ไม่มีมวลชนให้จัดตั้ง ไม่มีมวลชนที่เป็นกลุ่มพลังที่แท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์อาศัยการตีกินและฉกฉวยสถานการณ์ แล้วก็อย่างที่คุณสนธิเคยพูดแล้ว พยายามจับจุดของพี่น้องประชาชน แล้วก็ทำให้ประชาชนสำเร็จความใคร่ทางการเมืองชั่วคราวเท่านั้นเอง แล้วก็ตีจากไป
พี่น้องครับ ความจริงแล้วคนในพรรคประชาธิปัตย์ เขาบอกว่า ยุคนายอภิสิทธิ์เป็นยุคผู้นำที่ล้มเหลวที่สุด ล้มเหลวอย่างไรครับ ในวาทกรรมของนักการเมือง ปราชญ์ทางการเมืองเขาบอกว่า ผู้นำทางการเมืองที่ล้มเหลวที่สุด ให้ดูจากอะไร เขาบอกว่า ให้ดูจากผู้นำทางการเมืองที่ทำให้มิตรกลายเป็นศัตรู
นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้นำทางการเมืองที่ล้มเหลวตรงที่ผลักไสพันธมิตรฯ มิตรที่ไว้วางใจได้ มิตรที่ดีที่สุด กลายเป็นศัตรู หรือยืนอยู่ตรงข้าม แสดงว่าผู้นำทางการเมืองคนนั้นมันใช้ไม่ได้ และล้มเหลวจริงๆ ครับ
แล้วนี่ไม่ใช่เฉพาะผมพูดนะครับ คนในพรรคประชาธิปัตย์เขาก็พูด ว่าตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเห็นผู้นำทางการเมืองคนไหนที่จะโง่เขลา หรือล้มเหลวอย่างนายอภิสิทธิ์ ตรงไหนครับ ความจริงแล้ว นายอภิสิทธิ์เพียงแค่หาเสียงขณะนี้นะครับ ถ้าอยากจะชนะพรรคเพื่อไทย ง่ายนิดเดียว ทำยังไง 1. เลิก MOU 2543 2. เอากำลังไปยึดปราสาทพระวิหาร คะแนนก็ถล่มทลายแล้ว ไอ้โง่ มึงคิดไม่เป็นหรือไง
เพราะฉะนั้น ผมถึงบอกว่า เวลาจะไปตอแหลไปพูดไปประชุมผู้สมัคร เสนอนโยบายโน้นนโยบายนี้ บอกจะเดินหาเสียงไปพบประชาชน แต่เรื่องแค่นี้ทำไม่เป็น ผมก็คิดว่าเป็นผู้นำที่โง่เขลาและล้มเหลวที่สุดครับ
เรื่องนี้คนในพรรคประชาธิปัตย์เองเขายังงง ว่า เอ๊ะ เรื่องแค่นี้ทำไมทำไม่ได้ มันเป็นอะไรกันนักกันหนา จะไปกอดไว้ทำไม MOU 2543 ขนาดว่าเอาเงินไปแจกโครงการนู้น ประชานิยมโครงการนี้ บ้านหลังที่ 1 บ้านหลังที่ 2 จะไปรีไฟแนนซ์ บัตรเครดิต หนี้ให้ประชาชน แจกเงินคนชราเดือนละ 500 บาท แจกเงิน อสม. เห็นนโยบายประชานิยมเยอะแยะ ความจริงแล้วก็เป็นนโยบายที่ลอกมาจากพรรคเพื่อไทย แล้วก็เป็นนโยบายประชานิยมแบบเดียวกัน ที่ทำให้ประชาชนเป็นง่อย ใช่มั้ยครับ
การใช้นโยบายประชานิยมมากๆ ทั้งสองพรรค ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์นั้น คุณอานันท์ ปันยารชุน ท่านก็พูดแล้ว บอกว่าถ้ารัฐบาลทั้งสองฝ่ายใช้นโยบายประชานิยมอย่างพร่ำเพรื่อ อย่าไม่รู้จักจบ ทำให้ประชาชนไม่สามารถยืนอยู่บนขาตัวเอง ท้ายที่สุดก็จะทำให้ประชาชนกลายเป็นขอทาน และแบมือขอ เรียกร้องความช่วยเหลือจากรัฐบาลแต่ฝ่ายเดียว แล้วประชาชนก็ต้องกลายเป็นง่อย ที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้
นี่คืออภิสิทธิ์ แล้วก็คืออีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อไทย ก็เหมือนกันครับ นโยบายเดียวกัน มาแบบเดียวกันทั้งสองฝ่าย จึงเป็นการเมืองที่ทำให้การเมืองล้มเหลว และทำให้ประชาชนอ่อนแอ เป็นง่อย ไม่สามารถยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเองได้ แล้วประเทศมันจะเจริญได้อย่างไร
เมื่อเป็นดังนี้ พี่น้องครับ คนในพรรคประชาธิปัตย์เขายังบอกว่า ความจริงแล้วถ้าวันนี้อภิสิทธิ์ประกาศเลิก MOU 2543 เอากำลังทหารขึ้นไปยึดบริเวณปราสาทพระวิหาร ขับไล่ทหารกัมพูชาออกไปเสีย แล้วเอากำลังตรึงไว้ตลอดแนวชายแดน คะแนนก็เทมา หลั่งไหลมาเทมา ใช่มั้ยครับ ก็ไม่ต้องมาเปิดศึก แล้วก็ไม่ต้องมาทะเลาะกับพี่น้องพันธมิตรฯ ก็ไม่ต้องผลักมิตรให้กลายเป็นศัตรู ไม่ต้องไปเชื่อนายแหลอย่างเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ผมถึงบอกว่าไอ้หมอนี้มันเส้นผมบังภูเขา ภาษาพระเขาเรียกว่า คนเราเมื่อจะถึงกาลวินาศ สติปัญญามันก็เสื่อมถอย
การเมืองมันแค่เนี้ย มันทำไม่เป็น มายืนกระต่ายขาแดง ขาเดียว กูไม่เลิก MOU43 กูไม่ไล่ทหารกัมพูชาออกไป กูไม่ถอนตัวจากมรดกโลก ก็ลองดูว่าลื้อจะสู้ชนะพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ลื้อจะสู้ชนะพรรคโหวตโนได้หรือไม่
คนในพรรคประชาธิปัตย์เขายังงงเลยครับ ว่า เอ๊ะ อภิสิทธิ์มันไปกินยาผิดอะไร ทำไมมันโง่งมงายขนาดนี้ ถึงไปเชื่อสุเทพ ประวิตร เนวิน ไม่ลืมหูลืมตา
พี่น้องครับ การเมืองวันนี้มาถึงจุดสำคัญแล้ว เมื่อวานนี้ผมฟังคุณสนธิพูดถึงคนๆ หนึ่ง ชื่อ ชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ แต่พี่สนธิพูดยังไม่หมด ผมก็เลยมาขยายความก่อนที่จะไปพูดถึงประเด็นต่อไป
ขยายความก็คือ คุณชำนิพูดว่าอย่างไร บ้านเมืองและการเมืองที่มันวุ่นวาย ไม่สงบอยู่ในขณะนี้ เพราะการเมืองการชุมนุม การเมืองข้างถนน หาว่าการเมืองอย่างพวกเราที่มาชุมนุมตามท้องถนนเป็นต้นเหตุต้นตอของความวุ่นวาย ความไม่สงบของบ้านเมือง นี่มาจากปากของนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ อดีตคนเดือนตุลาฯ เคยเข้าป่าแล้วก็ออกมาเข้าสู่ระบอบการเมืองการเลือกตั้ง นี่คือชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ครับ
คนที่ 2 ที่พูดแบบนี้ คือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ใช่มั้ย สุเทพบอกว่า บ้านเมืองที่ไม่สงบขณะนี้ เพราะเหลืองกับแดงเป็นปัญหาที่ทำให้บ้านเมืองไม่สงบ ไอ้คนนี้ก็พอๆ กันกับชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ ใช่มั้ยครับ คนที่ 3 ที่พูดแบบนี้ คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาร์คจอมแหลครับ แต่มาร์คจอมแหลใช้วาทกรรมว่า ที่บ้านเมืองไม่สงบมาในขณะนี้ 5-6 ที่ผ่านมา เพราะการเมืองนอกสภา และการชุมนุมตามท้องถนน เป็นต้นตอของความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง นี่ก็วาทกรรมในทำนองเดียวกัน
สรุปแล้วก็คือ พวกประชาธิปัตย์มันไม่รู้สำนึกบุญคุณของพี่น้องประชาชน ถ้าไม่มีการเมืองตามท้องถนน ไม่มีการชุมนุมตั้งแต่ 14 ตุลาฯ ก็ไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีวันได้เผยอหน้าขึ้นมาเข้าสู่ระบอบการเมืองการเลือกตั้ง ใช่มั้ยครับ
แล้วเพราะ 14 ตุลาฯ จึงทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้มีโอกาสเป็นรัฐบาล ได้เป็นนายกฯ โดย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เห็นมั้ยครับ การเมืองนอกสภา การเมืองตามท้องถนน การเมืองภาคประชาชน เป็นตัวทำให้ประชาธิปัตย์เงยหน้าอ้าปากและได้เป็นรัฐบาล ใช่มั้ยครับ
แล้วก็มาถึงการชุมนุมเมื่อพฤษภาฯ ไล่ พล.อ.สุจินดา โดย พล.ต.จำลอง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประพันธ์ คูณมี และกลุ่มพี่น้องประชาชน ออกไปชุมนุมตามท้องถนน ขับไล่รัฐบาล พล.อ.สุจินดา จึงมีการเลือกตั้ง 35/1 นายชวน หลีกภัย จึงได้เป็นนายกฯ ใช่มั้ยครับพี่น้อง การเมืองข้างถนนมั้ย ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ และมาคราวนี้ ถ้าไม่ใช่พวกเราไล่ทักษิณ ชินวัตร ออกไป 193 วัน พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องเป็นฝ่ายค้านไปอีก 500 ปี ก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล ไม่มีน้ำยาครับ
มันเห็นชัด แต่มาวันนี้ทำไมชำนิ ศักดิเศรษฐ์ พี่ หรือเพื่อนรักต่างวัยที่เคารพรักกับผม สนิท รักเคารพกันเป็นอย่างดี ทำไมวันนี้เวลาไปนั่งอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ เข้าสู่ระบอบการเมืองแล้ว จึงเปลี่ยนสีแปรธาตุ แล้วทรยศ ใส่ร้าย ด่าทอพี่น้องประชาชน ความจริงแล้วคุณก็มาจากการเมืองข้างถนนนั่นเองครับ
ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ มาจากการเมืองข้างถนน มาจากคณะกรรมการบริหาร องค์การบริหารนักศึกษารามคำแหง ถูกลบชื่อออก ต่อสู้ข้างถนน ชุมนุม เป็น 14 ตุลาฯ เข้าป่า ชุมนุมในเมืองและเข้าป่า คุณก็มาจากการเมืองภาคประชาชน การเมืองข้างถนนทั้งนั้น แล้วที่สำคัญ พี่สนธิยังไม่พูดอีก ตอนชำนิกลับมาในเมืองแล้วมาลงเลือกตั้ง ตอนนั้นชำนิลงในนามพรรคเอกภาพ ลงพรรคที่เป็นคู่แข่งกับพรรคประชาธิปัตย์ เขาจับคู่กัน 3 คน มีชำนิ มีวิทยา แก้วภราดัย มีสุธรรม แสงประทุม 3 คนนี้เป็นทีม ลงแข่งขันในเขตนคร จ.นครศรีธรรมราช สู้กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้พวกเราการเมืองข้างถนนนี่ล่ะช่วย และที่สำคัญ เงินที่เอาไปหาเสียงเลือกตั้ง สนธิให้ไป 1 ล้านบาท เงินสนธิ ลิ้มทองกุล ชำนิจำได้มั้ย
คุณมาขอเงินสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วอีกคนหนึ่งที่ให้เงินพวกคุณ 3 คน ไปหาเสียงสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ คือนายอากร ฮุนตระกูล ก็จ่ายให้ไปเป็นล้านเหมือนกันครับ แล้ววันนี้มาเนรคุณสนธิล่ะ มาด่าว่าสนธิเป็นหัวหน้าแก๊งข้างถนนได้อย่างไร ชำนิต้องทบทวนคำพูดเสียใหม่ครับ
ถ้าคุณไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องประชาชน ที่เป็นคนรักความเป็นธรรมรักความก้าวหน้า อย่างอากร ฮุนตระกูล อย่างสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วพวกผมก็ช่วยพวกคุณด้วย คุณไม่มีวันได้เป็น ส.ส.ในภาคใต้หรอก แล้วเพราะคุณเป็น ส.ส.ที่เอาชนะพรรคประชาธิปัตย์ได้ พรรคประชาธิปัตย์มันจึงดูดเอาชำนิไปเป็น ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์ครับ
แต่ถ้าจะว่าไปแล้ว ที่ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยฯ มหาดไทยครั้งแรก ชำนิลืมไปแล้วหรือ ว่าชำนิเป็นรัฐมนตรี และเป็น ส.ส.ในนามพรรคอะไร ออกจากพรรคเอกภาพ พรรคก้าวหน้า หลังพฤษภาฯ ชำนิมาลงเลือกตั้งในนามพรรคพลังธรรม ที่มี พล.ต.จำลอง เป็นหัวหน้าพรรค
ไอ้ 3 ตัวนี้คือชำนิ วิทยา สุธรรม ยกทีมมา อยู่พรรคพลังธรรม พล.ต.จำลอง เป็นหัวหน้าพรรค แล้วไปลงเลือกตั้งในเขตนครศรีธรรมราช ในนามพรรคพลังธรรม ได้เป็น ส.ส.ก็ด้วยเงินของพวกข้างถนน พฤษภาทมิฬนั่นล่ะครับ จะบอกให้ แล้วในยุคนั้น คนที่เป็นที่ปรึกษาพรรคพลังธรรม ต้องถาม พล.ต.จำลอง คือผม คือ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ คือนายบุญชู โรจนเสถียร คือ ดร.รชฎ กาญจนวนิช คือ พล.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชร พล.อ.อ.เปรื่องวิทย์ หงสนันทน์ คือ พล.ต.อ.โอภาส รัตนศิลป ทำไมนายประพันธ์มันจำแม่น จำที่ปรึกษาพรรคพลังธรรมครบทั้ง 6 คนเลยครับ
เวลาเขาจะตั้งคณะรัฐมนตรี เพราะพรรคพลังธรรมได้ 46 เสียง ไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล นายชวน เป็นหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกในชีวิต นายชวนได้เป็นนายกฯ ก็มาจากการเมืองข้างถนน จากพฤษภาทมิฬครับ ลูกชาวบ้าน ลูกแม่ค้า ได้เป็นนายกฯ สมัยแรก เพราะการเมืองข้างถนน ทำไมไม่นึกถึงบุญคุณประชาชน อ้าว แล้วนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ได้เป็นรัฐมนตรีครั้งแรก คือรัฐมนตรีช่วยฯ มหาดไทย ในสมัยนั้น คนที่เสนอชื่อให้นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เป็นรัฐมนตรี คือผมกับ น.ต.ประสงค์ ครับ เพราะ พล.ต.จำลอง มอบให้ น.ต.ประสงค์ เป็นคนบริหารจัดการพรรคในยุคนั้น และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีครั้งแรก 11 คน คนที่ได้เป็นรัฐมนตรี เพื่อนผม 2 คน ที่ได้เป็นรัฐมนตรี และผมมีส่วนเสนอชื่อ บอกไว้ได้เลย คือ 1. นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ 2. นายอดิศร เพียงเกษ ไปเป็นรัฐมนตรีช่วยฯ ศึกษาฯ ครับ 2 คนนี้เป็นเพื่อนยุค 14 ตุลาฯ ด้วยกัน ผมก็สนับสนุนให้เป็นรัฐมนตรี โดยที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาเสนอต่อท่าน พล.ต.จำลอง และเห็นพ้องด้วย
รัฐมนตรีพรรคพลังธรรมยุคนั้นจึงมี 11 คน ประกอบด้วย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พ.อ.วินัย สมพงษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุเทพ อัตถากรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย พ.อ.ชินวุธิ สุนทรสีมะ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายถวิล ส.ส.นนทบุรี สามีของนาง... เพื่อไทย เป็นรัฐมนตรีช่วยฯ เกษตร หมออุดมศิลป์ ศรีแสงนาม เป็นรัฐมนตรีช่วยฯ สาธารณสุข และก็คนที่เป็นรัฐมนตรีช่วยฯ คมนาคม จำรัส พั้วช่วย อีกคนหนึ่ง ช่วยมหาดไทย คือชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ช่วยศึกษาฯ คืออดิศร เพียงเกษ ผมจำได้เกือบหมดทุกคนนะครับ
เพราะฉะนั้นผมถึงมาเติมคุณสนธิให้ว่า พี่สนธิไม่พูดอย่างเดียวว่า ตอนมันจะลง ส.ส.มันมาขอเงินพี่ด้วย พี่ให้มันไปตั้ง 1 ล้านบาท สมัยเมื่อ 20 ปีมาแล้ว เกือบ 20 ปีมาแล้ว มันไม่ใช่น้อยนะครับพี่น้อง แต่ทำไมวันนี้ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ถึงมาดูถูกพี่น้องประชาชนว่าเป็นการเมืองข้างถนน ผมคิดว่าพูดผิด พูดใหม่ได้ และขออภัยพี่น้องประชาชนเสีย
พี่น้องครับ นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะเพิ่มเติม แสดงว่าผมฟังคุณสนธิ ลิ้มทองกุล พูด ใช่มั้ย เมื่อคืนผมไม่ได้หนีไปไหน จึงรู้ว่าคุณสนธิพูดอะไร
ทีนี้ พี่น้องครับ มาถึงการเมืองวันนี้ การเมืองวันนี้ชัดเจนแล้วว่าขณะนี้เป็นการสู้กันระหว่างพรรคอะไรครับ ประชาธิปัตย์ ที่เป็นแกนนำ กับเพื่อไทยที่เป็นแกนนำปีกอีกปีกหนึ่ง ที่ทั้งสองข้างกำลังชิงกันจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และเสนอตัวบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ฝ่ายประชาธิปัตย์ ซึ่งเขาก็เชื่อว่าเขาสามารถที่จะรวมพรรค 5 พรรคร่วมรัฐบาล ที่มีชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน อะไรเนี่ย มารวมกัน อาจจะดึงมาตุภูมิ ดึงภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ มารวมกันเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล
ฝ่ายนี้ก็เชื่อว่าตัวเองจะได้เสียงมากกว่าครึ่งหนึ่ง 251 เสียง อาจจะตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ถ้าตั้งรัฐบาลพรรคเดียวไม่ได้ ก็เชื่อว่าจะสามารถดึงพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นพวก จะเรียกว่าอะไรดี โสเภณีการเมืองก็ได้ พร้อมจะเสพสมกับใครก็ได้ ไอ้ 5 พรรคร่วมมันก็คือโสเภณีการเมืองดีๆ นี่เองใช่มั้ยครับ มันอยู่ที่ว่าเจ้าสัว เถ้าแก่ฝ่ายไหนจะให้ราคาค่าตัวมันมากกว่า ให้ประโยชน์มันมากกว่า มันก็พร้อมจะไปเสพสังวาสทางการเมืองกันได้
ปัญหาก็คือ 2 ขั้วนี้เขาเสนอใครมาเป็นนายกฯ เวลานี้เห็นตัวแล้ว ฝ่ายทักษิณ เสนอยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ เตรียมที่จะเปิดตัวเพื่อเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 และถ้าได้เสียงข้างมากก็จะเสนอเป็นนายกฯ อายุ 44 ปี ผ่านการสมรสมาแล้ว แต่ไม่เปิดเผย ซึ่งอันนี้พรรคประชาธิปัตย์จะเสียคะแนนตรงที่ปากเสีย ปากหมา คือไปด่าเขาเรื่องส่วนตัว
เขาจะผ่านการสมรสมาแล้ว ชีวิตสมรสเขาจะมีความสุข/ไม่มีความสุข ไม่ใช่เรื่องอะไรของแกที่จะเสือกทะลึ่ง เพราะถ้าพูดเรื่องนี้ ในพรรคประชาธิปัตย์เละเทะกว่าเขาอีกต่างหาก
ส่วนทางฝ่ายนี้ พรรคประชาธิปัตย์ เสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อายุ 46-47 ปี ก็เด็กพอๆ กัน สรุปแล้วทั้ง 2 ขั้วเสนอ 2 คนที่เป็นนอมินีเหมือนกัน ไม่ต่างกันเลย ถ้าดูแล้ว ตามเนื้อผ้า ความรู้ความสามารถไม่ต่างกัน ทั้งสองก็เป็นเด็กวานซืน ถ้าเทียบประสบการณ์ทางการเมือง อ่อนหัดกว่าประพันธ์ คูณมี เยอะ หลายโยชน์ครับ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผ่านการทดสอบในการเป็นนายกฯ มาแล้ว สรุปแล้วคือ สุนัขยังเบือนหน้าหนีเลย พัดลมยังส่ายหน้าเลย คือเป็นนายกฯ มาแล้ว ผลงานไม่มีใครจำได้เลยว่ามึงทำอะไรเป็นบ้าง นอกจากแหลไปวันๆ เกาะโพเดียมหาเสียงอย่างเดียว ส่วนยิ่งลักษณ์ คนก็รู้แล้วว่าเป็นนอมินี เป็นหุ่นเชิดที่ทักษิณชักใยอยู่ข้างหลัง ถูกต้องมั้ยครับ ถามว่ายิ่งลักษณ์ เคยทำงานอะไรมาสำเร็จบ้าง นอกจากดูแลธุรกิจแทนพี่ชายในระหว่างที่พี่ชายมาเล่นการเมืองเท่านั้น แต่ไม่ได้ทำธุรกิจที่สร้างความสำเร็จมาด้วยตนเอง เป็นเพียงนอมินีระหว่างที่พี่มาเป็นนายกฯ ก็เลยโอนหุ้น โอนตำแหน่งบริหารให้น้องดูแล ความจริงแล้ว พี่ชาย ทักษิณ ก็ยังเป็นคนบริหารธุรกิจในกลุ่มชินวัตรอยู่เหมือนเดิม จะบอกว่ามีฝีมือในการบริหารก็ยังฟังไม่ถนัดใช่มั้ยครับ
แต่เดี๋ยวอีกไม่กี่วัน เขาจะมีกระบวนการเปิดตัวว่าที่นายกฯ หญิง จะใช้วิธีการแบบสตีฟจ๊อบ จะเปิด iPad 1 จะเปิด iPhone ก็แบบเดียวกับบริษัทโฆษณาที่ทำเทปเพลงน่ะ ที่ไม่ได้เน้นที่เสียง เน้นที่เสียวครับ คือนักร้องสวยเข้าว่า บุคลิกดี หน้าตาดี เปิดแม่งทุกวัน ร้องคล่อมคีย์บ้าง ร้องผิดโน้ตบ้าง ร้องแบบเสียงกาละมังแตกบ้าง แต่เปิดทุกวัน โชว์เต้าบ้าง โชว์นมบ้าง โชว์เสียวเข้าว่า พอโชว์เสียวเข้าว่า ไม่ได้เน้นที่เสียง ไม่ได้เน้นที่คุณภาพ เดี๋ยวเขาจะมีเปิดตัวเหมือนกัน บุคลิก หน้าตาสวย ดี จะเตรียมมาเสนอ โรดแม็ปเสนอแนวทางวิสัยทัศน์ นโยบาย ส่วนใหญ่ก็มาจากการซ้อม การติว ในสตูดิโอ แล้วก็มาพรีเซนต์กับประชาชน เรียกว่ามาเปิดตัวแบบแหกตาพี่น้องประชาชนเหมือนเดิม
แบบเดียวกับอภิสิทธิ์ อภิสิทธิ์ แหมจะออกทีวี จะไปเปิดตัว จะไปเสนอนโยบาย จะไปพรีเซนต์เรื่องอะไร จะไปเกาะโพเดียมเรื่องอะไร ซักซ้อมเกาะโพเดียม เตรียมวาทกรรม เตรียม wording อย่างดีว่าจะพูดอย่างไร เขียนเป็นสคริปต์ไว้ แล้วก็มาพูดตามสคริปต์ พวกนี้เป็นนักการเมืองแบบตอแหล ไม่เหมือนผม ผมไม่ต้องเตรียมเลย มาพูดของจริงเลยครับ พูดของจริงเลย ไม่ต้องไปเขียนสคริปต์
เดี๋ยวเขาจะเปิดตัวอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะฉะนั้นวันนี้การเมืองในระบอบนี้ก็เป็นการเมืองแบบปาหี่ เป็นการเมืองแบบน้ำเน่า เป็นการเมืองแบบมายา หลอกลวง หลอกต้มประชาชนเท่านั้นเอง ไม่มีของจริงครับ ทั้งสองคนนี้ไม่มีกึ๋นพอๆ กันครับ ไอ้หมอหนึ่งขี้คุยว่าจบออกซ์ฟอร์ด จบอีต้ม อีตั้น พอมาแล้วเป็นยังไง ไม่มีน้ำยาเลย เจอประพันธ์ทีเดียว กระเจิงเลยครับ จำบ้านเลขที่ไม่ได้ กลางคืนฮะๆ กลางวันจ๊ะจ๋า กลางวันแป๊ะๆ ไปไหนก็ไม่รู้
เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่าการเมืองประเทศไทยมันหาแต่พวกประเภทตอแหลอย่างนี้ สร้างภาพแล้วมาแสดงละครตบตาประชาชน วันนี้พอรู้ว่าเป็นยิ่งลักษณ์จะมาสมัครเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 นายมาร์คท้าเลย ดีเบตมั้ยๆๆ โธ่ นายแหลเอ๊ย ทีกูท้ามึงดีเบต มึงไม่เห็นรับคำท้าเลย เพราะมันคิดว่าถ้าดีเบตระหว่างมาร์คหน้าเหลี่ยม หน้าหล่อแต่ใจเหลี่ยมนี่นะ ไปสู้กับยิ่งลักษณ์ มันนึกว่ามันคงบดขยี้ยิ่งลักษณ์ เอาชนะได้ด้วยการดีเบต ตกลงว่าประเทศนี้มาฟัง 2 คนแหลแข่งกันเหรอครับ เพื่อเลือกนายกฯ
การดีเบตของนายอภิสิทธฺ์ เป็นการดีเบตที่เลอะเทอะและไร้สาระที่สุด ผมจะบอกให้ นายอภิสิทธิ์เป็นเพียงพวกนักโต้วาที มันต้องไปแข่งกับพวกสภาโจ๊ก อย่างนายณัฐวุฒินู่น ไปแข่งกับพวกนู้น มันแหลไปแหลมา อย่างเช่นหญิงดีกว่าชาย ชายดีกว่าหญิง พลิกพลิ้วไปพลิ้วมา ถ้ามึงบอกกูเลว มึงก็ชั่ว ถ้าบอกว่ามึงชั่ว กูก็เลว ใครเลวกว่ากัน มาเถียงกันไปเถียงกันมาเรื่องไร้สาระทั้งสิ้น ดีเบตประเทศไทย
เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่า จะไปท้ากันดีเบต ถ้าดีเบตเมื่อไร รับรองนะครับ รองเท้าจะเขวี้ยงใส่ทีวีทั่วประเทศเป็นล้านๆ เครื่องแน่ มันไม่มีใครอยากฟังหรอก ไอ้คนหนึ่งก็หน่อมแน้ม ไอ้คนหนึ่งก็ทำเป็นจัดจ้าน แต่ตอแหล แล้วใครอยากจะฟังล่ะครับ
ไอ้ที่มาแข่งกันเนี่ย คือนโยบายแบบสามานย์ หาเสียงแข่งกันแบบเอาเงินประชาชนไปแจกทั้งนั้น ทำให้ประชาชนเป็นเป็ดง่อยทั้งนั้น ไม่ใช่นโยบายที่จะสร้างการเมืองที่ดี หรือสร้างชาติ เพราะฉะนั้นการเมืองวันนี้มาถึงวันนี้พี่น้องครับ มันไม่มีใครเป็นของจริง มันไม่มีใครเป็นอนาคต มันไม่มีใครเป็นทางเลือกเลย มันมีแต่ตัวตลกและนอมินีมาแข่งกัน 2 ฝ่ายเท่านั้นเอง ระหว่างนอมินีชาย กับนอมินีหญิง มาแข่งกันเพื่อให้เราเลือก แล้วมันคิดว่าประชาชนอย่างพวกเรากินแกลบหรืออย่างไร
การตัดสินใจของพวกเราวันนี้ที่เราตัดสินใจโหวตโน พี่น้องครับ เป็นยุทธการที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ปวดกระหม่อมมากครับ เรียกว่าขนาดกุนซือ ที่เป็นกุนซือทางการเมืองชั้นเยี่ยมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่คิดแก้เกมการเมืองแบบเอาชนะ และแหวกวงล้อม แก้ไขสถานการณ์มาได้ด้วยดีตลอด ไม่มีใครเกินคุณบัญญัติ บรรทัดฐาน ครับ ในพรรคประชาธิปัตย์
ขนาดกุนซืออย่างบัญญัติ บรรทัดฐาน ยังกุมขมับ เอาตีนก่ายหน้าผากเลย กูคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะช่วยอภิสิทธิ์ยังไง พี่หยัดบอกว่าไง ไปพูดในที่ประชุมสัมมนาพรรค ผู้สมัครพรรค บอกว่า เมื่อมันมีโหวตโนอย่างนี้ เราหวังคะแนนจากพี่น้องพันธมิตรฯ ไม่ได้แล้ว เพราะว่าหัวหน้าพรรคเราไปทำงานการเมืองผิดพลาด ล้มเหลว ผลักมิตรไปเป็นศัตรู หรือผลักมิตรให้อยู่เพิกเฉย และกลายจากผู้สนับสนุนเป็นผู้ไม่สนับสนุน และอยู่เฉยๆ เสียแล้ว ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ผิดพลาดและเสียคะแนนนิยมไปอย่างน่าเสียดาย และเป็นความรับผิดชอบของนายอภิสิทธิ์ ที่หน้าด้านไม่ยอมรับผิดชอบด้วย
ทีนี้ เมื่อเป็นดังนี้ พี่หยัดบอกจะแก้เกมยังไง พี่หยัดบอกว่า ต้องไปหาทางเอาคะแนนพวกโนโหวต พวกโนโหวต คือพวกที่นอนหลับทับสิทธิ์ จะไปทำยังไงให้มันลุกออกมาใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด โธ่ พี่ครับ พี่ก็อย่าเอายานอนหลับไปให้เขากินสิครับ ก็ไอ้ที่พี่ทำอยู่ทุกวันนี้ หัวหน้าพรรคพี่ทำอยู่ทุกวันนี้ มันเหมือนเอายานอนหลับไปให้พี่น้องกิน ทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายการเมืองและพรรคการเมือง เขาเลยนอนหลับทับสิทธิ์ เขาเคยนอนหลับยังไง กูก็นอนหลับต่อไป พวกโนโหวต ไม่มีทางที่พี่จะไปปลุกเขาตื่น ใช่มั้ยครับ
เพราะฉะนั้นความหวังที่จะไปดึงเอาคะแนนโนโหวตให้มาช่วยถัวเฉลี่ยกับคะแนนโหวตโน ผมว่าฝันกลางวันมากกว่าครับ ไม่มีวันเป็นจริง ไม่มีทาง เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้คะแนนโหวตโน และคะแนนโนโหวตไปเป็นคะแนนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์จะต้องล้างพรรคครั้งยิ่งใหญ่เลยครับ จะต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ถ้าให้ดีคือปลดหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค อย่าไปเสนอนายอภิสิทธิ์มาเป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 เป็นไปได้ เสนอคนอื่น แน่จริงเสนอศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 สิ ยังจะดีกว่า
นายอภิสิทธิ์มันเด็ก ซึ่งล้มเหลวแล้ว ทำงานไม่ได้ ไม่มีผลสำเร็จ ยังจะมายัดเยียดให้พวกเราอีก เพราะฉะนั้นวันนี้พรรคประชาธิปัตย์กลุ้มใจครับ แก้ปัญหาไม่ได้ เมื่อแก้ปัญหาไม่ได้ พี่น้องรู้มั้ยใครมีความสุขที่สุดในพรรคประชาธิปัตย์ คนที่มีความสุขที่สุดขณะนี้ คือพวกที่รอโค่นอภิสิทธิ์ กับรอโค่นสุเทพครับ เพราะเขาเชื่อแน่ว่า ถ้าเลือกตั้งครั้งนี้ ในกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์จะแพ้แบบหมดรูปเลยครับ และจะเป็นโอกาสดีที่ทำให้พวกที่รอโค่นอภิสิทธิ์ รอโค่นสุเทพอยู่ ถือโอกาสนั้นโค่นอภิสิทธิ์ กับโค่นสุเทพ โดยถือว่าคุณทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ต้องรับผิดชอบครับ
วันนี้หนทางแก้ของเขา นอกจากข้อคำแนะนำของพี่บัญญัติเป็นอย่างนี้แล้ว สุเทพบอกว่า คงไม่ไหวนะพี่บัญญัติ ใช้วิชามารของผมดีกว่า สุเทพก็เลยกำลังคิดวิชามาร วิชามารคือ เอาทหารไปเตรียมประกบ ไปเตรียมอุ้มพวก ส.ส.ฝ่ายคู่ต่อสู้ คู่แข่งขัน ส่วนมหาดไทย ให้เนวิน และชวรัตน์ ใช้กลไกมหาดไทยช่วยอย่างเต็มกำลัง เลือกตั้งมายังไงก็ตามแต่ ต้องประกาศว่า พวกเราชนะ ประชาธิปัตย์มากกว่าฝั่งนู้น รับรองบ้านเมืองจลาจลแน่นอน
คนบอกว่า เอ๊ะมันจะมีเลือกตั้งหรือเปล่า ระหว่างนี้ ตอนนี้วงการพนันเขาเดิมพันกันว่ายังไง เขาเดิมพันว่ามันอาจจะไม่มีเลือกตั้ง ระหว่างนี้ หรือจะไม่มีเลือกตั้ง หลังจากการเลือกตั้งแล้วถูกล้มกระดาน ขณะนี้เขาเล่นกันว่า อาจจะถูกล้มกระดานระหว่างที่กำลังหาเสียงเลือกตั้ง อาจจะมีการยิง การฆ่า มีจลาจล มีเหตุวุ่นวาย เลยถูกล้มกระดานไปก่อน หรือว่าพอเลือกตั้งเสร็จ ปรากฏว่ามันโกงกันฉิบหายเลย มันแข่งขันกัน แย่งชิงกัน ยิงฆ่ากัน เกิดเหตุวุ่นวาย ก็เลยโดนล้มกระดาน ขณะนี้วงการเดิมพันการพนันกำลังสู้กัน 2 ประเด็นนี้ ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะถูกล้มก่อนเลือกตั้ง หรือจะถูกล้มหลังจากเลือกตั้ง
ผมก็เลยบอกว่า ผมเป็นพวกเดียวกับพวกประชาธิปัตย์ คือพวกแทงกั๊ก ผมก็บอกว่า มีโอกาสเป็นไปได้ทั้งสองทาง คืออาจจะถูกล้มก่อนเลือกตั้ง หรืออาจจะถูกล้มหลังเลือกตั้ง พูดกำปั้นทุบดินอย่างนี้ มีโอกาสถูกมากกว่าใช่มั้ยครับ
สรุปแล้วก็คือการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีอนาคตอะไรเลยครับ ไม่มีอะไรเลย เป็นการเลือกตั้งที่จืดชืด ไร้สาระ ล้มเหลว น้ำเน่า สกปรก สามานย์ นโยบายก็เป็นเพียง เขาเรียกว่าหน้ากากบังหน้า เชื่อถือไม่ค่อยได้
พรรคประชาธิปัตย์ ก็เสนอนโยบาย บอกว่า เลือกตั้งเสร็จทำได้ทันที ประชาชนก็ถาม แล้วมึงเป็นรัฐบาลมา 2 ปี ไม่เห็นทำห่าอะไรเลย มึงจะมาทำอะไรทันที หลอกต้มประชาชนยังไม่พออีกเหรอ เป็นรัฐบาลมา 2 ปี ไม่เห็นทำอะไรเลย แล้วทำไมยังมาหาเสียงบอกจะทำได้ทันที
ส่วนทางฝ่ายเพื่อไทย ก็บอกเลือกตั้งเสร็จ ไม่เอาแล้ว ไม่ล้างแค้นแล้ว จะปรองดอง จะสมานฉันท์ เสนอยิ่งลักษณ์มาเพื่อปรองดอง ตกลงจะปรองดองกับใครครับ คุณจะปรองดองกับใคร แสดงว่าทักษิณ กับยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย ก็ยอมรับว่ามีความแค้น จึงประกาศนโยบายว่าตัวเองจะไม่แก้แค้นแล้ว อ๋อ ตกลงจะไม่แก้แค้นเฉพาะตอนกำลังหาเสียงเลือกตั้งใช่มั้ย เลือกตั้งเสร็จกูไม่รับประกัน ใช่มั้ย
แล้วเขาบอกจะยอมรับผลการเลือกตั้ง (ถ้าไม่มีการโกง และการทุจริต) พี่น้องครับ มีด้วยเหรอการเลือกตั้งประเทศไทยที่โจรแข่งกันแล้วไม่มีโกง ไม่มีทุจริต มีด้วยเหรอครับพี่น้อง เพราะงั้นทักษิณมันมีเงื่อนไข บอกว่ากูจะยอมรับถ้าไม่มีการโกงการทุจริต ถ้าโกงเล็กๆ น้อยๆ พอยอมรับได้ แต่ถามความเป็นจริงครับ พอเลือกตั้งแล้วมันมีด้วยเหรอโกงเล็กๆ น้อยๆ มีแต่มันโกงแบบโคตรโกง และโกงแบบมหาบรรลัยกัลป์เลย อภิมหาโคตรโกงเลย
สรุปแล้วก็คือ มีการเลือกตั้งเมื่อไร จบเมื่อไร มันไม่ยอมรับกันหรอก ทั้งสองฝ่าย ไอ้นี่ก็จะบอกว่าไอ้นู่นโกง ไอ้นู่นก็จะบอกว่าไอ้นู่นโกง ถึงมึงได้มาก กูก็จะไม่ยอมให้มึงตั้งรัฐบาล รับรองมันฟาดกันเละแนะ พี่น้องอยู่เฉยๆ เราอยู่บนภูดูหมากัดกัน
เพราะฉะนั้น โหวตโนมันเป็นยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ประเภทอยู่บนภูดูหมากัดกัน เราไม่จำเป็นต้องไปแปดเปื้อน เสียงของเรา สิทธิ์ของเรา มือของเรา กาให้กับการไม่ยอมรับพวกเสือ สิงห์ กระทิง แรด แล้วเราไม่ปล่อยสัตว์เข้าไปสู่สภาอย่างแน่นอนครับ ถูกต้องที่สุด เพราะฉะนั้นวันนี้มาพบกับพี่น้อง เดี๋ยววันหลังจะเอาเรื่องนโยบายของแต่ละพรรคมาชำแหละให้ฟัง จะเอาเรื่องจุดยืน ทัศนคติ อุดมการณ์ ของนักการเมืองแต่ละพรรค พรรคเพื่อไทยนี่เรารู้แล้ว เรารู้ค่อนข้างจะถึงจุดแล้ว พี่สนธิก็เตรียมข้อมูลที่จะพูดพรรคอื่น เพราะพรรคเพื่อไทยนี่พวกเรารู้จนเอียนแล้วว่ามันเป็นพรรคสไตล์ไหน
พวกประชาธิปัตย์อาจจะบอกว่า โอ๊ย เวทีนี้พูดถึงพรรคการเมืองพรรคเพื่อไทยน้อยเกินไป ปัดโธ่ ไอ้หนู กูน่ะพูดถึงพรรคเพื่อไทย นี่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยพรรคเดียวนะ พูดมาตั้งแต่มันเป็นพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน มาจนพรรคเพื่อไทย พวกกูฟาดจนมันยุบไป 2 พรรคแล้ว เหลือพรรคสุดท้ายเนี่ย คุณไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าจะพูดถึงพรรคเพื่อไทย พูดเมื่อไรมันก็ถูกเมื่อนั้น แล้วทุกคนค่อนข้างจะมีข้อมูลรู้แล้ว แต่ที่คนยังไม่รู้ก็ไอ้พวกอีแอบ ไอ้พวกปลวกอย่างพวกคุณที่เกาะกินบ้านเมืองไงครับ
พวกนี้มันเป็นปลวก ไอ้พวกที่ถือขวานมาอย่างที่คุณสนธิว่า ไอ้พวกนี้ มึงมาสิ ขวานก็เจอลูกซอง 5 นัด เท่านั้นเอง เราไม่กลัว
ทีนี้ พี่น้องครับ ผมมีความกังวลใจอยู่นิดหนึ่ง คือปรากฏว่าขณะนี้มีคนเอาเทป เอาซีดี คำปราศรัยของผม ไปเผยแพร่ตามเวทีปราศรัยทั่วประเทศเลยตอนนี้ ผมยังไม่ได้ค่าลิขสิทธิ์เลย เขาเอาไปปราศรัยทั่วประเทศเลยตอนนี้ เขาโหลดออกไปจากเว็บไซต์ manager online พอเขาอยากจะ ฝ่ายประชาธิปัตย์อยากจะด่าเพื่อไทย อยากจะด่าพรรคไทยรักไทย อยากจะด่าฝ่ายนู้น มันก็เอาคำปราศรัยสมัยเราสู้กับทักษิณ 193 วัน ไปเผยแพร่ ฝ่ายนี้มันอยากจะอัดไอ้มาร์คจอมแหล มันก็เอาคำปราศรัยที่เราชุมนุมอยู่ตอนนี้ไปเปิด พี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดก็โทรมาบอก ตกลงคุณประพันธ์ คุณยืนอยู่ตรงไหนกันแน่ ผมก็เลยบอกว่า ก็กูไม่เอามันทั้งสองฝ่ายล่ะวะ เพราะฉะนั้นที่คุณเอาไปเปิดนั่น ไอ้ฝ่ายนู้นด่าทางนี้ ไอ้ฝ่ายนี้เอาไปเปิดด่าทางนู้น ก็แสดงว่ากูไม่เอาทั้งสองฝ่าย ใช่มั้ยครับ
เพราะฉะนั้นวันนี้ เพื่อที่จะให้พี่น้องมีรายได้สูงที่สุด ผมก็เลยเตรียมทีมทนายความว่า กูจะไปขอวางบิลส่ง notice เก็บค่าลิขสิทธิ์ทุกคนที่เอาไปเปิด เพราะตอนนี้มันเกิดปรากฏการณ์แบบนี้ไปแล้ว ไอ้พวกเสื้อแดงเพื่อไทยอยากจะด่าไอ้มาร์คแหล ก็เอาเทปปราศรัยของเราไปเปิด ไอ้ประชาธิปัตย์อยากจะด่าฝ่ายนู้น ก็เอาเทปผม เทปสนธิ สมัยผมอัดพวกนู้นไปเปิด แล้วกูยังไม่ได้ค่าลิขสิทธิ์เลย มึงไปเปิดได้ยังไง ใช่มั้ยครับ
แต่เวลาประชุมกัน เสวนากัน แล้วมาดูถูกพวกเราว่าเป็นพวกการเมืองข้างถนน แต่เวลามันจะด่ากันเอง มันก็มาเอาภูมิปัญญาของการเมืองข้างถนนไปฟาดกันเอง
เพราะฉะนั้นผมก็เลยต้องคิดหาวิธีว่า จะทำยังไง หาเงินมาช่วยพ่อแม่พี่น้องในการชุมนุม นอกจากทำเหรียญ ร.5 แล้ว คงต้องหาทางเก็บค่าลิขสิทธิ์ให้จงได้
เอาล่ะครับ พี่น้อง วันนี้ก็ดีใจที่ได้กลับมาพบพี่น้องและทุกคนยังหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส และทุกคนที่ผมเห็นหน้านี่ยังอยู่ครบถ้วนหมดนะเนี่ย ไม่อยากเอ่ยชื่อ เดี๋ยวเอ่ยชื่อแล้วเขาจะหาว่าเรามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน เรามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพี่น้องทุกคนเลย ไม่มีปัญหา ไม่มีเปลี่ยนแปลง แล้วก็มีเรื่องราวที่จะมาพูดคุยกับพี่น้องทุกวัน ตอนนี้ก็สะสางภารกิจการงานที่เป็นภารกิจ รับรองจะพยายามลางานให้น้อยที่สุด เพื่อมาพบกับพ่อแม่พี่น้องทุกวัน ยิ่งวันไหนฝนตกหัวใจมันร้าวรานเหลือเกินที่เห็นพี่น้องอยู่อย่างนี้
แล้วพี่น้องที่ยังไม่มีเหรียญ ร.5 ก็อย่าลืมหาไว้นะครับ เพราะว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายแล้ว ใครยังไม่มีก็รีบหาไว้เป็นที่ระลึก เดี๋ยวพอเลิกการชุมนุมแล้วเราจะไม่มีทำต่อไปอีกแล้ว แล้วอีก 50 ปี เหรียญนี้จะมีมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท
เอาล่ะ ไหนๆ ก่อนจบก็ขอสักเพลงก็แล้วกัน เพื่อความสนุกและความบันเทิง เราต้องมีความเชื่อมั่นในการต่อสู้ ผมก็เอาเพลงที่เคยร้องกับพี่น้อง ชื่อเพลง "ศรัทธา"
(เพลง : ศรัทธา)
มันส์จริงๆ ขอบคุณมากครับ