xs
xsm
sm
md
lg

“เทพมนตรี” แนะปิดห้องคุยอินโดฯ ย้อนสถานการณ์กลับช่วงสีหนุปีนบันไดหัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายเทพมนตรี ลิมปพยอม
“เทพมนตรี” แนะวันสำรวจวัดแก้วฯ ให้ทหารไทยยืนห่างจากบันไดนาค แค่ 20 เมตร พร้อมถือโอกาสนี้ปิดห้องคุยอินโดนีเซีย แล้วเอารั้วลวดหนามไปกั้นใหม่หมด แย้มมีทหารอินโดนีเซียไปฝึกยุทธ์ให้ทหาร ฮุนมาเนต เผยแนวสันปันน้ำถ่ายโดยกรมพัฒนาที่ดินหลักฐานใหม่ใช้ยันเขมร


วันที่ 25 ก.พ. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ กล่าวว่า ที่กัมพูชาอยากให้อินโดนีเซียเป็นตัวกลาง เพราะ ฮุนเซน ไปจ้างทหารอินโดนีเซียมาฝึกทหารให้ ฮุนมาเนต ในกองพัน 911 ที่น่าสนใจหลังฝึกเสร็จทหารเขมรพูดเป็นภาษาอังกฤษ ว่า การฝึกมีข้อตกลงร่วมทางทหาร เหตุนี้จึงไม่ต้องสงสัยที่ ฮุนเซน ตอบรับอย่างรวดเร็วใจที่ให้อินโดนีเซียเข้าไกล่เกลี่ย นอกจากนี้ อินโดนีเซีย ยังมีผลประโยชน์ในประเทศกัมพูชาอีกมา อาทิ ในเรื่องของน้ำมัน การบิน ธุรกิจประมง

ทั้งนี้ ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บอกว่า แผนที่ระวางดงรัก ไม่นับรวมแผนที่1:200000 นั้นแต่สหประชาชาติ ยูเสนโก นับรวม เพราะไทยไปเขียนใน MOU43 บอกว่า มีผลผูกพันทางกฎหมาย ดังนั้น ทางเดียวที่แก้ไขได้ คือ ต้องยกเลิก MOU43 โดยการอ้าง (1) เขมรละเมิด MOU43 ดูได้จากกระทรวงการต่างประเทศประท้วงหลายครั้ง (2) ผิดรัฐธรรมนูญไทย เนื่องจากไม่ผ่านสภา และ (3) ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญของกัมพูชา ที่ให้ใช้แต่แผนที่1:100000 ทุกระวาง หากไม่เชื่อให้ทำหนังสือไปถาม ฮุนเซน ได้เลยว่าแผนที่ 1:200000 ผิดรัฐธรรมนูญกัมพูชาจริงหรือไม่ ส่วนที่ต่างคนต่างกอด MOU43 เพราะเขมรได้เปรียบ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ก็คิดว่าได้เปรียบ แต่ความจริงจากที่พวกตนวิเคราะห์แล้วไทยเสียเปรียบและเป็นมหันตภัยต่อชาติ



จุดๆ สีแดงในแผนที่เป็นผืนแผ่นดินไทย ที่กัมพูชาต้องการได้เพื่อเอาไปเป็นส่วนควบกับแผนบริหารจัดการเขาวิหาร ภูมะเขือ สัตตะโสม ในอนาคตต้องไปเป็นของกัมพูชา แม้เวลานี้ทหารไทยจะยืนอยู่ที่ภูมะเขือ และ สัตตะโสม บ้างประปราย แต่ยังเป็นห่วงที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย ยังอ่อนแอ เพราะท่านกษิต อ่านหนังสือไม่ได้ ดังนั้น ต้องเอาคนที่อ่านหนังสือได้มาทำหน้าที่เนื่องจากจำเป็นต้องอ่านเอกสาร


นี่คือ แผนที่แผนที่ 1:200000 ที่ นายอภิสิทธิ์ บอกไม่รวมระวางดงรัก ขณะที่ ฮุนเซน ยึดถือตลอด และแผนที่นี้เองที่ ฮุนเซน ฟ้องเราไปยังยูเนสโกว่าไทยรุกราน ส่วนจุดสีแดง คือ จุดปะทะที่ภูมะเขือ ที่บอกว่าทำไมต้องเชื่อกัมพูชา เนื่องจากกัมพูชาทำเอกสารแล้วเปิดเผยไปทั่วประเทศ ขณะที่ไทยไปตกลงอะไรกับเขมรจะตีตราเป็นเอกสารลับหมด

นายเทพมนตรี กล่าวว่า ศาลโลกวินิจฉัย 9 ต่อ 3 เสียงให้เขาวิหารตั้งอยู่บนพื้นที่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ตรงนี้เขมรขอใช้อำนาจอธิปไตยเหนือเขาวิหารไม่ได้ขอดินแดน ศาลโลกก็ให้อำนาจอธิปไตย แต่ไม่ได้ให้ตัวพื้นดินที่ตัวปราสาทตั้งอยู่ เพราะศาลโลกไม่สามารถยกดินแดนให้ใครได้ ทั้งนี้ หากตีความเจาะลงไปตามคำจำกัดความศาสนสถาน คำว่า ตัวปราสาท หมายถึงเฉพาะตัวปราสาทประธาน ส่วนระเบียงคตโดยรอบ พลับพลาข้างหน้า เสานางเรียง ไปจนถึงบรรไดนาค กัมพูชาไม่มีสิทธิ์ ที่รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ ยอมกัมพูชาในนอนนั้นเพราะมองว่าเป็นการให้อำนาจอธิปไตยชั่วคราว เนื่องจากเรายังตั้งข้อสงวนไว้

เราแค่ขอคืนอำนาจอธิปไตย เพราะตัวปราสาทและพื้นที่รองรับ คือ ส่วนควบ ตามความหายอสังหาริมทรัพย์ อีกอย่างเรามีพระราชบัญญัติโบราณสถานประกาศตั้งแต่ พ.ศ.2502 ว่า โบราณสถาน คือ อสังหาริมทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้ ตัวปราสาทเป็นส่วนควบกับพื้นดิน เรื่องนี้ยูเนสโกรู้ดี เพราะมีหน่วยอนุรักษ์โบราณสถาน ฉะนั้นประเด็นนี้เราจะต้องใช้ข้อสงวนสิทธิตอบโต้กัมพูชา ตรงนี้เป็นสิ่งที่ ฮุนเซน กลัวมาก และนายอภิสิทธิ์ก็ไม่พูดทวงคืนตัวปราสาทเลยตั้งแต่เป็นนายกฯ



แผนที่ 1:4,000 ชี้ให้เห็นแนวของสันปันน้ำที่ถ่ายโดยกรมพัฒนาที่ดิน ชัดเจนเป้ยตานี อยู่ตรงรูปกรวยที่เป็นรังผึ้งซึ่งเป็นของไทยแน่ นี่เป็นหลักฐานใหม่ที่เราจะไปสู้กับเขมร แต่ไม่ต้องขึ้นศาลโลก แค่ทำหนังสือขอคืนตัวปราสาทต่อสหประชาชาติ ด้วยการแปล 5 ภาษาตามกฎ แล้วส่งกำลังทหารไปยึดคืนได้เลย โดยให้เหตุผลว่าตลอดระยะเวลาที่ให้กัมพูชาใช้อำนาจอธิปไตยเหนือเขาวิหาร ก่อให้เกิดความเดือดร้อนของทั้งสองประเทศ และใช้อำนาจรุกลำไทยอย่างต่อเนื่อง อีกอย่างไทยไม่เคยรับคำพิพากษาศาลโลกจึงได้ตั้งข้อสงวนไว้



นายเทพมนตรี กล่าวว่า วันที่ทหารอินโดนีเซียเข้ามาสำรวจเขาพระวิหาร ทหารไทยควรจะไปอยู่ที่ไหน นั้น ประเด็นนี้เรามีมติคณะรัฐมนตรี บอกให้ไปกั้นอาณาบริเวณ ฉะนั้น หากยังไม่กล้าที่จะใช้ข้อสงวนสิทธิ์เรียกคืนตัวปราสาท ทหารไทยต้องไปยืนเป็นแนวรั้วตามเส้นสีแดง คือ ยืนหางจากบันไดนาค 20 เมตร สามารถถืออาพีจีไปได้เลยเป็นสิทธิของเราหมด ถ้าไม่เชื่อไปถาม สีหนุ ได้เลยขึ้นมาชักธงเมื่อปี 2505 ทำไมต้องขึ้นทางช่องบันไดหัก แนะนำถือโอกาสนี้ปิดห้องคุยอินโดนีเซีย ซึ่งตนยินดีไปอธิบายให้ แล้วเอารั้วลวดหนามไปกั้นใหม่หมด แล้วอย่าลืมไล่ทหารกัมพูชาเข้าไปอยู่เฉพาะในกรอบเส้นสีแดงด้วย อย่างไรก็ดี ทหารต้องปฏิบัติหน้าที่รักษาแผ่นดินไว้ ส่วนนักการเมืองจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันเดี๋ยวมันก็ไปแล้ว คิดว่า ทหารคงรู้ดี ว่าตรงนี้คืออุทยานเขาพระวิหาร ลงประปรมาภิไทยเป็นพระราชกฤษฎีกา
กำลังโหลดความคิดเห็น