"ประพันธ์" มั่นใจการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองใกล้เข้ามาทุกขณะ แจงหากมีเลือกตั้งพันธมิตรฯเดินหน้าโหวตโน แต่หากไม่มีก็พร้อมปรับกระบวนไปสู่การเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองในทางสร้างสรรค์และก้าวหน้า ชี้ตอนนี้มี 3 ก๊ก "มาร์ค - เหลี่ยม - พันธมิตรฯ" เชื่อก๊กของพี่น้องผู้รักชาติต้องปราบดาภิเษกขึ้นมาขจัดก๊กทั้ง 2 ลงไปได้อย่างแน่นอน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายประพันธ์ คูณมี"
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวบนเวที "รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" ว่าวันนี้ตนได้เขียนบทความเกี่ยวกับนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ตอนที่ 2 ลงในเอเอสทีวีผู้จัดการ เขียนว่านายเจิมศักดิ์จุดยืนเปลี่ยนแปลงไปและยืนอยู่ตรงข้ามกับพี่น้องพันธมิตรฯโดยสิ้นเชิง
และเล่าถึงการก้าวเข้าสู่วงการสื่อ การสร้างเนื้อสร้างตัว และเป็นเจ้าของบริษัทว๊อชด็อก ได้อย่างไร เพราะมีเริ่มต้น มีนายเกษมสันต์ วีระกุล และ นายอากร ฮุนตระกูล เป็นผู้ก่อตั้ง นายเจิมศักดิ์ ยังไม่ใช่ผู้ถือหุ้น แต่อยู่ไปอยู่มากลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แน่จริง ๆ
หลายคนที่มีส่วนช่วยให้นายเจิมศักดิ์ยืนอยู่วงการสื่อได้ รวมทั้งพันธมิตรฯด้วย แต่ตอนนี้เห็นนายอภิสิทธิ์เป็นเทวดา เลยลืมพี่น้องประชาชน และคนที่เคยช่วยเหลือ
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า เป็นเรื่องที่ต้องพูดอีกครั้ง หลังเห็นภาพนายอภิสิทธิ์ ไปเยี่ยมพี่น้องที่อพยพจากเหตุปะทะเขมร และทำเป็นปรุงอาหาร เห็นแล้วอดพูดถึงไม่ได้ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยโผล่ไปเลย แต่พอจะยุบสภา ทำเป็นลงไปแอ๊คถ่ายภาพลงหน้าหนึ่งกรุงเทพธุรกิจ ซึ่งหนังสือพิมพ์นี้มีกลุ่มทุนประชาธิปัตย์ถือหุ้นใหญ่ จึงเป็นเล่มเดียวที่ลงภาพ
เห็นภาพแล้วตนเศร้าใจ สะอิดสะเอียนมาก ที่เห็นนักการเมืองชอบแสดงมุขเก่าๆเดิมๆ ทำเหมือนว่าคลุกคลีเข้าถึงประชาชน แต่ความจริงแล้วร้อยวันพันปีเคยทำอาหารให้ภรรยาที่บ้านทานหรือเปล่า แล้วไม่รู้ทำเป็นหรือเปล่า นี่คือการแสดงของนักการเมืองที่ต้องการสร้างภาพเพื่อหาคะแนนนิยม น่าขยะแขยงไม่น้อย
"คำถามคือที่ประชาชนอพยพมาเป็นพันเป็นหมื่นคน โดนเขมรยิงใส่ มันฝีมือการบริหารประเทศของใคร ถ้าไม่ใช่ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่อภิสิทธิ์ไปแสดงภาพให้ประชาชนลืมว่าทั้งหมดที่เกิดเหตุ มันเกิดจากอะไร ก็เกิดจากความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองของนายอภิสิทธิ์ และล้มเหลวในการแก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดน ที่พวกเราเตือนมาตลอดว่าการกอดเอ็มโอยู 43 ทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการรุกรานของเขมร" นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า นายอภิสิทธิ์ตอนขึ้นเป็นนายกฯก็บอกเองว่าจะแก้การเมืองให้หลุดพ้นจากความล้มเหลว จะปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ แต่ก็ไม่ทำอะไรเลย จนกระทั่งเกิดเหตุเผาบ้านเผาเมือง กรณีกัมพูชาก็เหมือนกัน พันธมิตรฯก็เตือนว่าไม่ยกเลิกเอ็มโอยู 43 จะทำให้กัมพูชาเอาแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนมากล่าวอ้างสิทธิ์ตลอดแนวชายแดน กินดินแดนเข้ามา 1.8 ล้านไร่ และทุกอย่างก็เป็นความจริง สุดท้ายกัมพูชาเอาทหารไปยึดประสาทพระวิหาร จนถึงวันนี้ รัฐบาลก็ยังไม่ไล่ออกไปเลย
เหตุปะทะที่ปราสาทตาควาย ตาเมือนธม ก็มาจากเรื่องนี้ ที่นายวีระ น.ส.ราตรี ถูกจับในดินแดนไทย ก็เกิดจากความไร้เดียงสา ไม่เอาไหนของนายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลชุดนี้ จนเรื่องบานปลายถึงขั้นเขมรยิงอาวุธใส่ไทย ก็เพราะรัฐบาลเอาแต่ยื่นหนังสือประท้วง
ทั้งหมดก็เป็นผลงานของนายอภิสิทธิ์ทั้งหมด ที่ประชาชนไทยต้องมุดหัวในอุโมงค์ แทนที่จะสำนึกและรับผิดชอบ แต่ดันไปหาเสียงบนความฉิบหายของพี่น้องและบ้านเมือง หน้าด้าน ถ้าสงสารประชาชนจริง ควรไปให้พ้นจากแผ่นดินไทยซะ
นายประพันธ์ กล่าวว่า วันก่อนพูดไปแล้วถึงความล้มเหลวของนายอภิสิทธิ์ ที่นายเจิมศักดิ์ คนที่อุตส่าห์ไปจบด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด เป็นนักวิจัยค้นคว้าเรื่องโน้นเรื่องนี้ ช่วยเอาหลักบริหารที่ถูกต้องไปประเมินการทำงานของนายอภิสิทธิ์ด้วย ถ้ายังเป็นคนที่ยึดถือความจริงเอา ถ้ายังซื่อสัตย์ต่อหลักเศรษฐศาสตร์ที่ร่ำเรียนมา
เกณฑ์วัดความสำเร็จในการบริหาร วัดจาก 1.การทำงานตามนโยบายที่แถลงไว้ว่ามากน้อยหรือล้มเหลวอย่างไร 2. แถลงนโยบายด้านความมั่นคง ลองประเมินตลอดเวลาที่ขึ้นมาปกครองประเทศมีคนเจ็บตาย บ้านเมืองเกิดจลาจล ความเสียหายประเมินไม่ได้เลย รายได้ประชาชน ปัญหาเศรษฐกิจการแก้ปัญหาข้าวยากหมากแพง เอาเกณฑ์ทั้งหมดนี้ไปวัดจะรู้ได้เลยว่าล้มเหลว
การแก้ปัญหาการทุจริต ประสิทธิภาพการบริหารหน่วยงานราชการ ข้าราชการมีผลงานเพิ่มหรือลด การคอร์รัปชั่นมากหรือลด ถ้าเอาสิ่งเหล่านี้วัดนายอภิสิทธิ์สอบตก ตกต่ำกว่า 3 คะแนน ถ้าเป็นอย่างนี้ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้คือผลงานของอภิสิทธิ์ แต่ก็ยังหน้าด้านจะกลับมาเป็นนายกฯอีก แล้วยังมีนักวิชาการคอยเชลียร์ว่าเหมาะเป็นนายกฯทั้งๆที่ล้มเหลวโดยสิ้งเชิง ต่อให้นายเจิมศักดิ์ เชลียร์อย่างไรก็ตาม สินค้าตัวนี้ก็หมดอายุไปแล้ว ขายไม่ออก
นายประพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า วันก่อนพูดเรื่องนายอภิสิทธิ์ทำบ้านเมืองเสียหาย เฉพาะเรื่องความมั่นคง ตนไปรวบรวมตัวเลขการสูญเสียชีวิตมาทั้งหมด ฟังแล้วจะตกใจ เอาเหตุปะทะความไม่สงบในภาคใต้ แม้เหตุเกิดในยุคนายทักษิณแต่ก็ขยายตัวมาเรื่อย ๆ จนถึงยุคนายอภิสิทธิ์ ปรากฎว่าเหตุการณ์รุนแรงกว่าเดิมหลายร้อยเท่า แม้จำนวนเกิดเหตุไม่มากเท่ายุคทักษิณ ถึงขนาดมีคาร์บอมบ์ มีการโจมตีค่ายทหาร โจมตีฐานที่มั่นทางทหาร ตัวเลขขณะนี้คือตั้งแต่ 4 ม.ค. 2547 ถึง 28 ธ.ค. 2553 มีการเก็บตัวเลขเกิดเหตุในรอบ 84 เดือน เกิดเหตุความไม่สงบ 10,498 ครั้ง เสียชีวิต 4,524 ราย บาดเจ็บ 7,320 ราย สรุปแล้วตาย 2 คนต่อวัน เอาเหตุการณ์ในอิรัก คูเวต อัฟกานิสถาน มาบวกกัน ยังไม่เท่าภาคใต้ของไทยทุกวันนี้เลย และรัฐบาลจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
เหตุการณ์ที่สอง เหตุปะทะชายแดนกัมพูชา เมื่อ 4 ก.พ. 54 มีบาดเจ็บ 9 ราย สาหัส 7 ราย เสียชีวิต 4 ราย มาการปะทะครั้งนี้บาดเจ็บแล้ว 34 ราย เป็นทหาร 30 ราย พลเรือน 4 ราย เสียชีวิตน่าจะอยู่ที่ 6-8 รายแล้ว อพยพหลายหมื่นคน นี่คือผลงานรัฐบาลอภิสิทธิ์ล้วนๆ
แล้วจะไปนับรวมกับ พ.ค. อีก 91 ศพ บาดเจ็บเกือบ 2 พัน ถ้านับ 193 วันของพันธมิตรฯ ตอนนั้นประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน ถ้าทำงานเป็นย่อมหยุดความรุนแรงได้ ถ้าไม่มัวแต่หาเสียง ตอนนั้นพันธมิตรฯก็เจ็บหลายร้อย ตายสิบกว่าราย พิการอีกหลายสิบ ประชาธิปัตย์ไม่เคยออกมาขัดขวางการดำเนินการของรัฐบาลในการปราบปรามพี่น้องประชาชน ออกมาก็ตอนที่ผู้ชุมนุมโดนตีโดนสลายแล้วค่อยออกมาแอ๊คอาร์ทถ่ายรูปหาเสียง
ไม่ต่างจากครั้งนี้ ถ้าเขมรเหิมเกริมอย่างนี้ ต้องทำสงครามสั่งสอนแล้ว ถ้ามีนายกฯกล้าหาญ เข้มแข็ง จะไม่มีเหตุอย่างนี้ ไม่ใช่ให้ถูกถล่มก่อนค่อยมาทำเห็นใจ
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า สื่อมวลชนไทยก็ชอบการสร้างภาพ ประเทศถึงไปไหนไม่ได้ และยังมีนักวิชาการเชลียร์อีกเลยไปกันใหญ่ บ้านเมืองถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง ไม่ควรให้คนแบบนี้โผล่มาปกครองบ้านเมืองอีก ถ้าเลือกตั้งได้พวกนี้ก็จะอ้างว่าประชาชนเห็นว่าตัวเองดี เลยเลือกให้กลับมาเป็นนายกฯ แต่ถ้าเราไม่โหวตให้ คะแนนของเราก็จะพูดได้เต็มภาคภูมิว่ากูไม่ได้เลือกมึงเว่ย เราต้องการลงโทษนักการเมือง
มาถึงโค้งที่สำคัญ ยุบสภาต้นเดือนแต่คนก็ยังไม่มั่นใจว่าจะมีเลือกตั้งหรือไม่ เพราะเลือกตั้งแล้วบ้านเมืองก็คงยังวุ่นวายไม่รู้จบ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะทั้งสองฝ่ายไม่ได้คิดจะมาแก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างแท้จริง คิดแต่จะแสวงหาอำนาจ เมื่อเป็นอย่างนี้ประชาชนส่วนใหญ่ก็คงจะไม่ยอม จะเคลื่อนไหวต่อไปแน่นอน ไม่ว่าปีกใดจะมาเป็นรัฐบาล จนกว่าปัญหาบ้านเมืองจะได้รับการแก้ไข
โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรฯ กล่าวว่า อย่างที่กราบเรียนไปแล้วว่าบ้านเมืองตอนนี้ มีอยู่ 3 ก๊ก หนึ่ง ก๊กประชาธิปัตย์ มีอภิสิทธิ์ จรกา และทหารการเมือง ทหารพาณิชย์ สองคือก๊กเพื่อไทย มีทักษิณเป็นผู้นำ และเสื้อแดง สองก๊กนี้กำลังช่วงชิงกันเพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประวัติศาสตร์สอนไว้ว่าเมื่อบ้านเมืองแตกป็น 3 ก๊ก จะต้องมีก๊กใดก๊กหนึ่งมีอำนาจเด็ดขาด และปราบดาภิเษกขึ้นมาขจัดก๊กทั้ง 2 ลงไป บ้านเมืองถึงสงบสุข
ตนเชื่อว่าทั้ง 2 ก๊ก ก๊กมาร์ค และก๊กเหลี่ยม ต้องพ่ายแพ้พลังของพี่น้องประชาชนแน่นอน และก๊กของพันธมิตรฯเป็นก๊กที่รักชาติ รักประชาธิปไตย ตามตำราก็เป็นก๊กของเล่าปี่ ขงเบ้ง เชื่อว่าก๊กนี้ต้องปราบดาภิเษกขึ้นมาอย่างแน่นอน
แต่เมื่อปราบดาภิเษกแล้ว เราต้องเอาธรรมนำหน้า ก็จะสามารถรักษาบ้านเมือง แม้ว่ามีบางคนกระเด็นกระดอนออกไปอย่าอาลัยอาวรณ์ เป็นเรื่องธรรมดา
"ขอให้กำลังใจว่าวันเวลาของการต่อสู้ และเปลี่ยนแปลงเข้ามาใกล้ทุกขณะ พี่น้องอาจจะมองไม่เห็นว่าน้ำที่ต้มอยู่นิ่งๆ เวลาเดือดฝากาอาจเปิดออกอย่างไม่ทันรู้ตัวก็ได้ เชื่อมั่นว่าพลังที่ถูกต้องดีงามจะนำพาบ้านเมืองไปสู่การเปลี่ยนแปลง พลังเก่าที่ล้าหลังต้องถูกพลังของพี่น้องประชาชนบดขยี้ทำลายอย่างแน่นอน จงเชื่อมั่นพลังอันดีงามของเรา ขอให้กำลังใจว่าถ้าหากมีการเลือกตั้งก็ต้องปรับกระบวนท่าในการรณรงค์โหวตโน แต่ถ้าไม่มีเลือกตั้งก็พร้อมปรับกระบวนไปสู่การเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ในทางสร้างสรรค์และก้าวหน้า ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่ฟ้าดินลิขิต และเชื่อว่าฟ้ามีตา สวรรค์มีใจ บ้านเมืองต้องเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน" นายประพันธ์ กล่าวปิดท้าย
คำต่อคำ “ประพันธ์ คูณมี”ปราศรัย
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน กราบสวัสดีทางบ้านและพี่น้องชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศทุกท่าน เมื่อสักครู่ก่อนที่จะมาบนเวที ได้ไปให้สัมภาษณ์ทางช่องสปริงนิวส์ไปแล้ว วันนี้มีรายการปอกเปลือกข่าว ได้เชิญคุณพิเชฐ พัฒนโชติ คุณบุญส่ง ชเลธร และ ดร.ชลวิทย์ ไปออกรายการในประเด็นเรื่องโหวตโน กับพรรคการเมืองใหม่ เขาก็ให้เกียรติโฟนอินเข้ามา เขาเชิญจะให้ผมไปออกรายการด้วย แต่ผมบอกว่าผมไปไม่ได้ ติดรายการบนเวทีนี้ เขาก็โฟนอินเข้ามา และให้ผมเปิดรายการเป็นคนแรก ผมก็ให้สัมภาษณ์ไปแล้วเมื่อสักครู่นี้ ขณะนี้รายการก็ยังออนแอร์อยู่สดๆ แล้วก็บอกว่าจะโทรมาหาผมอีกในตอนสุดท้าย ปิดรายการ ให้ผมโฟนอินเข้าไปในรายการ ก็คงสงสัย ผมไม่ได้ไปร่วมรายการหรอกครับ สปริงนิวส์ก็เกี่ยวสัญญาณเอาที่ผมปราศรัยสดบนเวทีนี้ไปออกรายการแทนก็แล้วกันครับ
นอกจากนี้ เดี๋ยวสักครู่ ประมาณสัก 4 ทุ่ม ก็จะมีรายการตอบโจทย์ซึ่งผมได้ไปบันทึกเทปไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะออนแอร์ในวันนี้ เวลาประมาณ 4 ทุ่มตรง โดยประมาณ รายการที่ช่องไทยพีบีเอส เห็นบอกว่าไม่สามารถเอาออกอากาศได้ เอาออกอากาศหมายถึงที่นี่ใช่มั้ยครับ แต่ที่ไทยพีบีเอสออกได้ หมายถึงว่าถ้าออกรายการแล้ว ผมก็อยากจะให้เปิดให้พี่น้องดูด้วย จะได้รับปัญญาไปพร้อมๆ กันว่าผมตอบโต้ อ.เจิมสาก ไปว่าอย่างไรบ้าง
แต่ว่าเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สามารถเอามาออกรายการที่นี่ได้ ก็ไม่เป็นไรครับ พี่น้องที่อยู่ทางบ้านก็คงรับชมรายการทางไทยพีบีเอสได้
นั่นก็เป็นเรื่องที่เรามีความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงและชี้แจง เมื่อสักครู่พี่สนธิก็บอกว่า ทราบว่าคุณเจิมสากได้ไปตั้งทีมทนายว่าใครพูดพาดพิงถึง เขาจะฟ้อง แหม ผมก็พูดพาดพิงไปหลายวันแล้ว ถ้าจะฟ้องก็รีบฟ้องสิครับ ผมกลัวมาก เวลาคุณวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น คุณก็วิพากษ์วิจารณ์ได้ คุณเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์ผม ก็วิพากษ์วิจารณ์ได้ ผมก็ตอบโต้ไป ทำไมคุณกลัวคุณเสียหายอะไร ในเมื่อสิ่งที่คุณพูดผมก็ตอบว่า อะไรจริง อะไรไม่จริง ทำไมคุณเดือดร้อน ผมไม่ทราบครับคุณเจิมศักดิ์ ถ้าเป็นของจริง ของแท้ ไปกลัวอะไร และผมตอบไปแล้ว เขียนบทความก็เขียนบทความไปแล้ว ว่าคุณเวลานี้ทำตัวไม่ต่างจากนายสมัคร-ดุสิต ศิริวรรณ ที่คอยเชลียร์ปกป้องรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เหมือนสมัยที่สมัคร สุนทรเวช กับดุสิต ศิริวรรณ ปกป้องรัฐบาลเผด็จการ ไม่ผิดกันเลยครับ และคุณก็ทำตัวไม่ต่างอะไรกับนายพร้อมพงศ์ นายนพดล ปัทมะ เขาปกป้องทักษิณ คุณก็เป็นไม้กันหมา และเป็นปากกระบอกเสียงปกป้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถ้ามันไม่จริง คุณก็ฟ้องมาสิครับ ไม่งั้นทำไมคุณต้องลงทุนถึงขนาดเอาผ้าอนามัยมาซับหน้า ซับเหงื่อ ต่อหน้าประชาชนทั่วประเทศ คุณลงทุนขนาดนั้น
แล้ววันนี้ผมก็เขียนบทความถึงคุณด้วย เป็นตอนที่ 2 ลงใน ASTV ผู้จัดการ ว่าจุดยืนของคุณเปลี่ยนแปลงไป และยืนอยู่ตรงข้ามกับพี่น้องพันธมิตรประชาชนฯ โดยสิ้นเชิง และก็เล่าให้พี่น้องประชาชนฟังด้วยว่าการก้าวเข้าสู่วงการสื่อของคุณ คุณสร้างเนื้อสร้างตัวและเป็นเจ้าของบริษัท วอทช์ด็อก ได้อย่างไร ในขณะที่ผู้ก่อตั้งบริษัท วอทช์ด็อก คือนายเกษมสันต์ วีระกุล และคุณอากร ฮุนตระกูล ที่เป็นคนร่วมถือหุ้น คุณยังไม่ได้เป็นคนถือหุ้น แต่อยู่ไปอยู่มา ปรากฏว่าบริษัท วอทช์ด็อก กลายเป็นของนายเจิมศักดิ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คุณแน่จริงๆ ครับ
เพราะฉะนั้นหลายคนที่มีส่วนช่วยคุณ รวมทั้งพี่น้องพันธมิตรฯ ก็มีส่วนช่วยคุณ และหลายคน รวมทั้งตัวผม ก็มีส่วนช่วยทำให้คุณยืนอยู่ในวงการสื่อได้ วันนี้คุณเห็นนายอภิสิทธิ์เป็นเทวดา คุณเลยลืมพี่น้องประชาชน และคนที่เคยให้โอกาสและสนับสนุนคุณมาในอดีต
เพราะฉะนั้นจุดยืนของคุณมันเป็นอย่างไร ไม่ต้องอธิบาย ไม่ต้องตอบมาก แสดงว่าคุณคงเป็นมนุษย์พันธุ์เดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงได้เป็นทองเนื้อเดียวกันอย่างแยกไม่ออกในวันนี้ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บนเวทีนี้เราพูดถึงเขาอย่างไร เขาเป็นคนเช่นไรนั้น พี่น้องก็รู้ดีแล้ว ว่าเขาเป็นคนอย่างไร เพราะฉะนั้นอภิสิทธิ์ กับเจิมศักดิ์ก็คงเป็นมนุษย์พันธุ์เดียวกัน ถึงอยู่ร่วมกันได้อย่างแนบแน่น
พี่น้องครับ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ก็มีพี่น้อง ผมว่าท่านเขียนกลอนมาแล้วก็ให้ข้อคิดที่ดีมากกับพวกเรา ในเรื่องของคนร่วมขบวนการกับพวกเรา เวทีของพวกเราเป็นเวทีที่ไม่เคยกลัวปัญหา ไม่เคยกลัวความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่เคยกลัวเรื่องที่จะพูดความจริง ไม่ว่าใครก็ตาม ที่เคยอยู่ เคยไป เคยมา เคยขึ้นเวทีนี้ แล้ววันนี้ไปอยู่ที่อื่นนั้น เราไม่เคยปกปิด เพราะอะไร เพราะเราไม่เคยหวั่นไหวกับความเป็นจริง ใครเป็นอย่างไร ใครมีจุดยืนอย่างไร ใครทำอะไรไว้อย่างไร เป็นผลดี-ผลเสียอย่างไรกับพี่น้องประชาชน เราไม่เคยปกปิด และเราก็พูดความจริงกับพี่น้องประชาชนทุกเรื่องทุกราว
เหมือนอย่างวันนี้ เมื่อตอนช่วงเย็น คุณอำนาจ พลมี เขาก็ตอบคำถามเล่าที่มาที่ไปของ สรส.เป็นอย่างไร การตัดสินใจของคุณสมศักดิ์ คุณสาวิทย์ มีที่มาที่ไปอย่างไร ผมว่านั่นเป็นคำอธิบายที่ให้ความจริงกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาที่สุด แล้วพี่น้องประชาชนก็จะเป็นผู้ตัดสินเองว่าทำไม อะไร เกิดขึ้น และมันจะมีอนาคต มีทิศทางไปอย่างไร ความดี ความงาม ความถูกต้องอยู่ที่ไหน อย่างไร
ทีนี้มีท่านผู้หนึ่ง ผมว่าท่านเขียนกลอน ผมขออนุญาต ผมอ่านแล้วผมว่าดีมาก ชื่อคุณบุปผานะครับ คุณบุปผาเป็นคนที่มีความรู้และมีฐานะที่ดีในทางสังคม ผมก็เข้าใจและทราบตำแหน่งหน้าที่การงานของสามีท่าน เพราะสามีท่านผมก็รู้จัก จบการศึกษาสูงทีเดียวล่ะครับ ทั้งคู่ ทั้งครอบครัว และเป็นคนที่ให้บทกวีที่น่าสนใจมากกับพวกเรา ท่านเขียนว่า ทองแท้มั่นคง
ไม่ต้องเรียกใครให้มาสู้
แม้ต้องอยู่เดียวดายไม่กังขา
พันธมิตรฯ เรายืนหยัดด้วยศรัทธา
ด้วยสองขา หนึ่งสมอง และสองมือ
ดั่งเปลวเทียนละลายแท่งเปล่งแสงส่อง
นำครรลองด้วยปัญญาโลกตราชื่อ
อาจวูบไหวเพราะลมไกวพัดกระพือ
แต่ยังยื้อไม่ดับแสง ต้านแรงลม
คือตะแกรงร่อนทองเห็นทองแท้ (หาต่อไม่เจอ)
เอ้า โหวตโน โหวตโน ขออนุญาตนะครับพอดีผมมันพวกไฮเทคไม่ค่อยคล่อง หาไม่ค่อยเจอ แต่ไม่เป็นไร เมื่อท่านพูดถึงโหวตโน ผมก็เลยอ่านบทกลอนโหวตโนต่อเลยดีกว่า ถ้างั้น
บทกลอนโหวตโนบทนี้มาจากคุณศิระ ชวนะวิรัช นะครับ คือถ้าคนที่อยู่ในวงการการเมืองการทูตระหว่างประเทศ นามสกุลชวนะวิรัช จะรู้จัก ผมน่ะรู้จัก เพราะว่าคนที่นามสกุลนี้ ผมจำได้ว่าชื่อคุณสาโรจน์ ชวนะวิรัช คุณสาโรจน์ ชวนะวิรัช เป็นอดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในยุคสมัยที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ท่านเขียนบทกลอนโหวตโน คุณศิระ ชวนะวิรัช นี่เข้าใจว่าน่าจะเป็นญาติกับคุณสาโรจน์ เขียนมาดีมาก ผมก็เลยถือโอกาสอ่านให้พี่น้องฟังก่อน เขียนว่า
โหวตโนคือพลังมหาประชาชน
แก้ความจน แก้เชิงชั้น เล่ห์กลอันมากหลาย
คนชั่วกลัว โหวตโน เพราะกลัวตาย
คะแนนหาย อำนาจหด หมดตัวตน
โหวตโน คือพลัง มหาประชาชาติ
แก้ผูกขาด ในชีวิต และทรัพย์สิน
เราเป็นไท ไม่ใช่ทาส เป็นอาจิณ
นายทุนดิ้น สิ้นโคตร เพราะโหวตโน
โหวตโนคือ ประกาศิต จากสวรรค์
บันดาลพลัน อยู่หรือไป ใครนึกถึง
ไม้ไผ่ กลายกระบี่ ไร้เทียมทาน
แทงทะลุ จอมมาร ที่หัวใจ
อย่าประมาท โหวตโน ว่าบ้อท่า
นภากาศ ขาดลมพัด สะบัดไหว
โหวตโน คืออาวุธ ทั้งใจกาย
จะทำลาย คนขายชาติ ขายแผ่นดิน ให้สิ้นไป
โหวตโน เป็นกรรมดี อยู่ตรงไหน
จะบอกให้ สภาไทย ต้องสะอาดสมศักดิ์ศรี
เลือก ส.ส. เหมือนเลือกเปรต มาแทนผีอัปรีย์
แล้วจะดี ได้อย่างไร ไม่โหวตโน
ใครฝืนราษฎร์ คือคนเขลา เบาศึกษา
บอกว่าไม่ ก็ต้องไม่ ใช่อวิชชา
คนชั่วต้อง จำนนต่อทุกสิ่ง วิ่งเจรจา
สายแล้วหนา เพราะความจริง มีสิ่งเดียว
นี่จากคุณศิระ ชวนะวิรัช 18/68 เขตทวีวัฒนา 29 กทม. บอกที่อยู่มาเรียบร้อย อดีตเคยเป็นคนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ผมจำได้ครับ เพราะผมไปหาเสียงที่เขตบางกอกน้อย รู้จัก
พี่น้องครับ ต้องขอบคุณนะครับ แล้วจะแจ้งข่าวดีพี่น้องอีกอย่างหนึ่ง ก็คือว่า วันนี้มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่ติดตามรับชมรับฟังพวกเราอย่างใกล้ชิดอยู่มาก แล้วก็ให้ข้อคิด ให้ข้อสะกิดเตือนใจ ให้ข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์กับพวกเรามากมาย และยืนยันว่า การต่อสู้ การชุมนุมของพวกเราครั้งนี้ประสบความสำเร็จสูงยิ่ง พี่น้องครับ ปรบมือให้กับตนเองด้วย
ท่านยังอธิบายต่อไปว่า ความสำเร็จอยู่ตรงไหน คือท่านให้มองตรงนี้ การชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมเพื่อปลุกสำนึกของคนไทยในชาติให้ลุกขึ้นมาปกป้องชาติ ปกป้องแผ่นดิน ใช่มั้ยครับ และ 2 การชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมเพื่อบอกให้พี่น้องประชาชนไทยทั่วประเทศทราบว่า ประเทศไทยกำลังเสียดินแดน และประเทศไทยกำลังตกเป็นเบี้ยล่างแก่ประเทศกัมพูชา ภายใต้ความตกลง MOU 2543 ที่รัฐบาลชุดนี้ และรัฐบาลนายชวนทำเอาไว้
การชุมนุมที่นี่ ได้พูดเรื่องนี้และทำความจริงให้คนไทยทั้งประเทศเข้าใจ MOU 43 เข้าใจว่ารัฐบาลนี้ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน เพราะอย่างไร และทำให้ทหารและกองทัพตื่นตัวขึ้นมารับรู้ว่าประเทศไทยกำลังตกเป็นเบี้ยล่างและเสียเปรียบกับประเทศกัมพูชาด้วยเรื่องอะไร นี่คือความจริงที่เราได้นำมาตีแผ่และทำให้คนไทยทั้งประเทศเข้าใจอย่างดีร่วมกันทั้งประเทศ หลังจากที่ไม่เคยสนใจมาก่อน
นี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ท่านบอก แม้ว่ารัฐบาลจะยังไม่ยกเลิก MOU2543 ไม่ถอนตัวจากภาคีมรดกโลก ไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง แต่การกระทำของรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ ก็เท่ากับยอมรับและยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องของประชาชนทั้ง 3 ข้อ ไม่งั้นไม่มีเหตุการณ์ปะทะ และการที่ทหารต้องเอากำลังไปกดดัน และเกิดเหตุ มันเป็นบทพิสูจน์และเป็นหลักฐานชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่เราพูดนั้นถูกต้อง เป็นความจริงทุกประการครับ
ท่านจึงบอกว่านี่คือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพี่น้องพันธมิตรฯ และการชุมนุมครั้งนี้ เพราะการชุมนุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อปลุกพลังรักชาติ ให้ลุกขึ้นมาร่วมกันปกป้องแผ่นดินร่วมกัน ในจุดนี้ถือว่าพันธมิตรฯ ได้ทำและประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งครับ
แรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนในการชุมนุมต่อสู้ครั้งนี้จึงหลั่งไหลมาจากทั่วประเทศ และการชุมนุมครั้งนี้จึงยืนหยัดอยู่ได้ด้วยพลังการสนับสนุนของพี่น้องประชาชนผู้รักชาติ รักบ้านรักเมืองครับ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ประเมินการชุมนุมของพันธมิตรฯ ขณะนี้ในลักษณะที่ผิดเพี้ยน บิดเบือนไปจากจุดนี้ เขามองปัญหาและเข้าใจพี่น้องพันธมิตรฯ ผิดแล้ว เขามองและวิเคราะห์ด้วยสายตาและสวมแว่นอันบิดเบี้ยว จึงทำให้เขาต้องตกเวทีประวัติศาสตร์ และกลายเป็นคนที่ประชาชนไม่ต้อนรับ
ผมบอกแล้วครับพี่น้อง พลังของพันธมิตรฯ ยังเป็นพลังที่เข้มแข็ง ที่ใครจะมาดูแคลนไม่ได้ และประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด ใครที่ประมาทและดูแคลนพี่น้องพันธมิตรฯ เขาจะได้รับบทเรียนอันเจ็บปวด และได้รับการสั่งสอนจากพี่น้องพันธมิตรประชาชนฯ อย่างแน่นอนครับ ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ได้รับการสั่งสอนไปแล้ว รวมทั้งพรรคเพื่อไทย แต่วันนี้พรรคประชาธิปัตย์กำลังได้รับบทเรียนอันเจ็บปวดจากพี่น้องประชาชนพันธมิตรฯ ผู้รักชาติครับ พลังโหวตโนจะเป็นพลังที่จะสั่งสอนนักการเมืองที่เนรคุณและทรยศประชาชนได้อย่างมีพลังอย่างแน่นอนครับ
วันนี้ผมไปเจอพี่น้องชาวไทย มาจากอังกฤษ เป็นพันธมิตรฯ ไทยในอังกฤษ ได้บริจาคเงินมาทั้งสิ้น สนับสนุนการชุมนุมต่อสู้ของพวกเรา ควักออกมาสดๆ ให้ผมเลย แต่ว่าไม่ต้องเอ่ยนาม ท่านบริจาคมาทั้งสิ้น 10,000 บาทครับ ปรบมือให้กับพี่น้องพันธมิตรฯ ไทยในอังกฤษด้วยนะครับ
นอกจากนี้ ยังมีคุณป้าอีกท่านหนึ่ง ทราบว่า อ.เทพมนตรี จะเดินทางไปปราสาทพระวิหาร ก็สมทบทุนมาเป็นค่าใช้จ่าย ค่าเดินทางด้วย อีก 2,000 บาท โดยไม่เปิดเผยชื่อเช่นเดียวกัน เดินไปที่ไหนก็พบพี่น้องประชาชนที่พร้อมและยินดีสนับสนุนการต่อสู้ของพวกเรา และให้กำลังใจพวกเรา ปรบมือให้กับตนเองและพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ให้การสนับสนุนการต่อสู้ในครั้งนี้อย่างเข้มแข็ง เอาจริงเอาจัง เดี๋ยวก็จะมอบให้เจ้าหน้าที่ต่อไปนะครับ
พี่น้องครับ ผมพูดข่าวดีให้พี่น้องประชาชนฟังไปแล้ว วันนี้ผมอยากจะพูดอีกเรื่องหนึ่ง หลังจากที่ผมพูดไปเมื่อวันก่อน ว่า พี่น้องครับ สิ่งที่ทำให้ผมอยากจะพูดเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งก็ตรงที่ผมเห็นภาพนี้ครับ เดี๋ยวฝ่ายเจ้าหน้าที่รายการมีภาพนายอภิสิทธิ์ ไปแอ็คอาร์ท ถ่ายภาพทำท่าปรุงอาหารให้พี่น้องผู้อพยพจากภัยเขมร โจรเขมร ช่วยขึ้นให้ดูหน่อย
ผมเห็นภาพนี้แล้วผมอดที่จะพูดถึงไม่ได้ อดที่จะพูดถึงไม่ได้คืออะไรครับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยวันพันปีไม่เคยโผล่หัวโผล่หน้าไปให้พี่น้องประชาชนเห็นเลย ใช่มั้ยครับ แต่วันนี้ใกล้จะยุบสภา บอกจะยุบสภาวันที่ 6 ใกล้จะหาเสียงเลือกตั้งแล้ว สะเออะหน้าไปให้ประชาชนเห็นแล้วไปแอ็คถ่ายภาพ โดยมีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ เป็นผู้กำกับการแสดง ให้สื่อมวลชนมาถ่ายภาพแอ็คลง ขึ้นหน้า 1 กรุงเทพธุรกิจ ซึ่งเป็นหนังสือที่มีกลุ่มทุนพรรคประชาธิปัตย์ถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในขณะนี้ครับ จึงเป็นฉบับเดียวที่มีภาพนี้ขึ้นหน้าปกกรุงเทพธุรกิจครับ
พี่น้องครับ เห็นภาพนี้แล้ว พี่น้องคิดอะไร สำหรับผมนะครับผมรู้สึกเศร้า สะเทือนใจ ระอาใจ และรังเกียจ สะอิดสะเอียนกับภาพนี้มากครับ มันเป็นภาพนักการเมืองที่ชอบแสดงมุกเก่าๆ เดิมๆ คือเวลาไปเยี่ยมประชาชน ก็ทำท่าปรุงอาหาร ถ่ายภาพให้สื่อมวลชนไปลง ทำเหมือนกับตัวเองคลุกคลี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับประชาชน เข้าถึงประชาชน และก็เป็นห่วงเป็นใยชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเสียเหลือเกิน แต่ความจริงแล้วร้อยวันพันปีแกเคยทำกับข้าวให้ภรรยาที่บ้านรับประทานบ้านหรือเปล่า ไม่เคย แล้วผมก็ไม่รู้ว่าจะทำเป็นหรือเปล่า แล้วใครไปกินอาจจะท้องเสียนะครับ
นี่มันเป็นการแสดงของนักการเมืองที่ต้องการสร้างภาพ เพื่อหาคะแนนนิยม แต่ถ้าพี่น้องดูลงไปลึกๆ นี่มันเป็นความที่น่าขยะแขยงที่สุดสำหรับผมและพี่น้องประชาชนจำนวนไม่น้อย เพราะอะไรครับ คำถามก็คือว่า ไอ้ที่ประชาชนเขาต้องอพยพมา แล้วมาตั้งอยู่ในค่ายอพยพจำนวนเรือนพันเรือนหมื่นคน โดนเขมรยิงอาวุธสงครามร้ายแรงถล่ม มันฝีมือใครครับ มันฝีมือการบริหารประเทศของใคร ถ้าไม่ใช่ฝีมือการบริหารประเทศของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แต่นายอภิสิทธิ์พยายามจะไปแสดงภาพในลักษณะเหมือนจะทำให้ประชาชนลืมไปว่าทั้งหมดที่เกิดความอัปยศ เกิดโศกนาฏกรรม เกิดคนตาย เกิดบาดเจ็บ เกิดทหารเสียชีวิต แขนขาพิการ ประชาชน แพทย์ พยาบาล หนีตายอลหม่าน ประชาชนต้องมาซุกหัวอยู่ในค่ายอพยพ หลุมหลบภัยนั้น มันเกิดจากอะไร ก็เกิดจากความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองของนายอภิสิทธิ์ และล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่พวกเราเตือนมาตลอดร่วมเวลา 2-3 ปีนี้ ว่าการไปกอด MOU 2543 นั้น มันจะทำให้ประเทศเสียดินแดน และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้กัมพูชาเหิมเกริมก่อสงคราม ก่อเหตุรุนแรง บุกยึดแผ่นดินไทย เราพูด เราเตือนมาเช่นนี้ตลอด ใช่มั้ยครับ
พฤติกรรมอันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เราเตือนว่า กลุ่มคนเสื้อแดง วิทยุชุมชน เขามีการเคลื่อนไหว มีการฝึกอบรม มีการเปิดวิทยุชุมชนเคลื่อนไหวให้ความรู้ให้การศึกษา ปลุกระดมคน ตระเตรียมซ่องสุมกำลังอาวุธเตรียมจะก่อเหตุร้าย เหตุรุนแรง ก่อการชุมนุมที่จะก่อความเสียหายกับบ้านเมือง รัฐบาลควรจะดำเนินการอย่างไร เราเตือนมาตลอดตั้งแต่หลังจากเลิกการชุมนุม 193 วัน และนายอภิสิทธิ์ได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ นายอภิสิทธิ์ก็บอกเองว่าจะพยายามนำบ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบ จะทำการเมืองให้หลุดพ้นหนีจากการเมืองที่ล้มเหลว จะปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่แล้วเขาทำอะไรมั้ยครับ นายอภิสิทธิ์ ไม่ทำอะไรเลย จนกระทั่งเขาชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง นี่คือฝีมือการบริหารประเทศของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
กรณีปัญหาไทย-กัมพูชาก็เหมือนกัน การที่คุณไม่ยอมยกเลิก MOU 2543 มันจะทำให้กัมพูชาเอาแผนที่ 1:200,000 มาอ้าง และเอาเป็นข้ออ้างในการไปปลุกระดมคนกัมพูชาและทหารกัมพูชา และไปฟ้องกับชาวโลกว่า MOU 2543 นี้ รัฐบาลไทยไปยอมรับแผนที่ 1:200,000 ของเขาขึ้นมาแล้ว ทั้งๆ ที่ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ศาลโลกพิพากษาปี 2505 เราไม่เคยยอมรับเรื่องนี้เลย แต่รัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นคนไปยอมรับเรื่องนี้ และจะทำให้ปัญหาตลอดแนวชายแดนหาความสงบไม่ได้ และกัมพูชาจะหยิบยกเอามาเป็นข้ออ้างในการกล่าวอ้างสิทธิในดินแดนและอาณาเขตตลอดแนวชายแดน กินเข้ามาในประเทศไทย 1.8 ล้านไร่ เราพูดเราเตือนมาตลอด แล้วทุกอย่างมันเป็นความจริงมั้ยครับ
สุดท้ายทหารกัมพูชาก็อ้างเรื่องนี้ แล้วเอากำลังขึ้นไปปราสาทพระวิหาร ยึดอยู่จนเท่าทุกวันนี้ ทหารไทย รัฐบาลไทย ยังไม่ยอมไล่ทหารกัมพูชาออกไปจากปราสาทพระวิหารเลย และเหตุที่ปะทะกันที่ปราสาทตาควาย ตาเมือนธม ก็มาจากเรื่องนี้ เหตุที่คนไทย 7 คนถูกจับ วีระ ราตรี ถูกจำคุกอยู่ที่เปรย์ซอว์ก็มาจากความล้มเหลว ความไร้เดียงสา ความไม่เอาไหนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลนี้ ใช่มั้ยครับ
เหตุการณ์มันพัฒนามาจากเรื่อง MOU 43 มี JBC มีการประชุมทวิภาคี วันนี้เขมรมันดึงจนกระทั่งสหประชาชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ดึงอาเซียนเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วก็บานปลายจนกระทั่งนำมาซึ่งการเอากำลังอาวุธเข้ามายิงถล่มใส่ประชาชนไทย ทหารไทย มันบานปลายมาจนขณะนี้ เพราะการที่พ่อเจ้าประคุณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลนี้ เอาแต่ยื่นหนังสือประท้วง 125 ครั้งแล้ว ในขณะที่กัมพูชาละเมิด MOU มาโดยตลอด
นี่ไงครับคือต้นเหตุ แล้วพี่น้องที่อยู่สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลฯ ทุกจังหวัดตลอดแนวชายแดน ฟังผมครับ นายประพันธ์ คูณมี ลูกอีสาน ลูกเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่น้อง ผมน่ะอัปยศและอายจริงๆ ที่มีนายกฯ แบบนี้ แล้วยังไปเล่นละครแหกตาหลอกลวงพี่น้องคนบ้านผม ทำตัวเหมือนกับห่วงใยชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเหลือเกิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นผลงานการบริหารประเทศของแก่นั่นล่ะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ประชาชนไทยต้องมุดหัวอยู่ในอุโมงค์ แทนที่จะสำนึกและรับผิดชอบต่อความผิดของตัวเอง กลับมาหาเสียง หาเสียงบนความทุกข์ยาก ความพิบัติฉิบหาย และหายนะของชาติบ้านเมือง หน้าด้านมั้ยครับคนแบบนี้ หน้าด้านมั้ย ไม่ได้สำนึกเลยว่าตัวเองทำความล้มเหลว ผมถึงบอกว่าไอ้คนที่มันเป็นโรคหลงตัวเองมันจะหน้าด้านและไม่ได้สำนึกต่อความเสียหายชีวิตของคนที่บาดเจ็บ ล้มตาย มันกลับกลายเอามาตีกินและพยายามจะสร้างภาพหาเสียง ทำเป็นไปบีบน้ำตากับพี่น้องประชาชน ถ้าแกสงสารประชาชน แกควรจะไปให้พ้นจากแผ่นดินไทยเสียดีกว่า
วันก่อนผมพูดไปแล้วพี่น้องครับ ความล้มเหลวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่นายเจิมศักดิ์ อุตส่าห์ไปจบ ดร.จากมหาวิทยาลัยต่างประเทศ สแตมฟอร์ด โอ้โหเรียนจากมหาวิทยาลัยมีชื่อ จบเศรษฐศาสตร์ มาจัดรายการ เป็นนักวิจัยค้นคว้าเรื่องนั้นเรื่องนี้ เจิมสากครับ คุณช่วยเอาหลักการบริหารที่ถูกต้อง ไปประเมินคุณภาพ ไปประเมินผลงาน ไปประเมินการทำงานของนายอภิสิทธิ์ซิ ถ้าคุณยังมีความเป็นคนที่ยึดถือความจริงและความถูกต้อง
คุณเอาเกณฑ์ไปวัดซิว่านายอภิสิทธิ์บริหารบ้านเมืองประสบความสำเร็จหรือประสบความล้มเหลว ถ้าคุณเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ต่อหลักเศรษฐศาสตร์ ต่อวิชาการที่คุณร่ำเรียนมา ผมไม่ต้องไปเรียนเศรษฐศาสตร์หรอก ผมจบกฎหมาย แต่จบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ เขาจะมีเกณฑ์วัดประสิทธิภาพของผู้นำ ความล้มเหลวและความสำเร็จในการทำงาน เขาวัดจากอะไรครับ วัดจาก 1 การทำงานที่นโยบายที่แถลงไว้นั้น คุณสามารถทำงานได้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ได้มากน้อย ประสบความสำเร็จและล้มเหลวอย่างไร
2. คุณแถลงนโยบายด้านความมั่นคง จะปกป้องประเทศชาติ จะรักษาความสงบเรียบร้อย คุณลองเอาประเมินมาซิว่าตลอดเวลาที่นายอภิสิทธิ์ขึ้นมาปกครองประเทศ มีคนเจ็บ คนตาย ชีวิตประชาชน ทหาร บ้านเมือง เกิดจลาจลนั้น ความเสียหายนับคณาไม่ได้ครับ ประมาณการไม่ได้เลยว่านายอภิสิทธิ์คนเดียว ยุคเดียว เสียหายมากกว่าทุกคนในประเทศนี้ที่เป็นนายกฯ ปกครองประเทศมา
ด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รายได้ของประชาชน การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติ แก้ไขปัญหาข้าวยากหมากแพง คุณไปวัดซิ เอาเกณฑ์ทั้งหมดนี้ไปวัดคุณจะรู้ได้เลยว่านายอภิสิทธิ์ล้มเหลว ด้านการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น แก้ไขปัญหาประสิทธิภาพในการบริหารของหน่วยงานในราชการที่อยู่ในกำกับดูแลของตัวเอง มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นหรือลดลง ข้าราชการมีการทำงานที่มีผลงานเพิ่มขึ้นหรือลดลง การทุจริตคอร์รัปชั่นเพิ่มขึ้นหรือลดลง สิ่งเหล่านี้เป็นเกณฑ์ที่จะวัดความสามารถ ประสิทธิภาพในการทำงานของนายอภิสิทธิ์เป็นอย่างดี ถ้าเอาเกณฑ์เหล่านี้ไปวัด นายอภิสิทธิ์สอบตก ตกต่ำกว่า 3 คะแนนครับ
เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นอย่างนี้ ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นมาจากฝีมือผลงานของเขา แต่เขาก็ยังหน้าด้านและอยากจะกลับมาเป็นนายกฯ อีกเหมือนเดิม ดื้อด้านมั้ยครับ แล้วก็ยังมีคนที่อ้างตัวว่าจบ ดร.เศรษฐศาสตร์จากเมืองนอก เป็นนักจัดรายการ เป็นนักวิชาการ มีชื่อ คอยเชลียร์ว่านายคนนี้ยังเหมาะสมเป็นนายกฯ ต่อไป ทั้งๆ ที่ทำงานล้มเหลวไม่เป็นท่า
เพราะฉะนั้นความคิดของคุณมันจึงสวนทางกับพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่โดยสิ้นเชิง คุณจะเชลียร์กันอย่างไรก็ตาม สินค้าตัวนี้ แบรนด์นี้ มันขายไม่ออก มันเป็นสินค้าที่หมดอายุ มันแท้งตายไปแล้วครับ
วันก่อนผมพูดเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ทำให้บ้านเมืองเสียหาย เฉพาะเรื่องเดียว คือเรื่องนี้ ความมั่นคงและความไม่สงบในบ้านเมือง มีพี่น้องถามมาในเฟสบุ๊คว่า คุณประพันธ์ช่วยตอบหน่อยว่าตัวเลขจริงๆ มีคนบาดเจ็บล้มตายเท่าไร พี่น้องครับ ผมนี่ไปรวบรวมตัวเลขมาทั้งหมด พี่น้องฟังแล้วจะตกใจ เอาเหตุปะทะ ควาไม่สงบในภาคใต้ นี่เรื่องหนึ่ง เราแยกให้ได้ แม้ว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นในยุคทักษิณ เหตุปล้นปืนเมื่อ 4 มกราฯ 2547 มีการเกิดเหตุที่มีคนบาดเจ็บล้มตาย เนื่องจากการปะทะกัน เหตุปล้นปืนที่ว่านี้ 4 มกราฯ ก็จริง แต่ว่าเหตุความไม่สงบมันก็ขยายตัวบานปลายมาเรื่อยๆ มาถึงยุคอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เหตุความไม่สงบก็น่าจะลดลงถ้านายอภิสิทธิ์คุยโวโอ้อวดว่าตัวเองเป็นพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาลในนามประชาธิปัตย์ ส.ส.ประชาธิปัตย์ มากที่สุดในภาคใต้ น่าจะเข้าใจปัญหาในภาคใต้ดีที่สุด น่าจะแก้ไขปัญหาได้ และเป็นผู้เสนอรูปแบบการจัดการแก้ไขปัญหาแบบใหม่ เสนอนโยบายใหม่ขึ้นมา แต่ปรากฏว่าเป็นยังไงครับ ปรากฏว่าเหตุการณ์ภาคใต้รุนแรงกว่าเดิมมากขึ้นหลายเท่า
แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่มากเท่าเมื่อสมัยรัฐบาลทักษิณ แต่เหตุการณ์ในยุคสมัยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รุนแรงกว่ายุคสมัยทักษิณหลายร้อยเท่า เกิดเหตุถึงขนาดมีคาร์บอมบ์ มีการตีค่ายทหาร มีการโจมตีฐานที่มั่นทางทหาร มีการวางระเบิด ที่เรียกว่าคาร์บอมบ์ เข้าทำลายชีวิตคน คือเหตุในภาคใต้ขณะนี้รุนแรงมากกว่าเดิมภายใต้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ครับ
ตัวเลขขณะนี้ก็คือ ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2547 ถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2553 มีการเก็บตัวเลขเกิดเหตุในรอบ 84 เดือนนี้ เกิดเหตุความไม่สงบทั้งสิ้น 10,498 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 4,524 ราย พี่น้องฟังดูสิครับ มีผู้บาดเจ็บจำนวน 7,320 คน สรุปแล้วเหตุการณ์ภาคใต้ปัจจุบันนี้ มีคนตาย 2 คนต่อวัน ครับ ตายทุกวัน วันละ 2 คน ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พี่น้องตกใจมั้ยครับ เอาตัวเลขความสูญเสียในสงครามอิรัก คูเวต มาบวกสงครามอเมริกาบุกอิรัก มาบวกสงครามอัฟกานิสถานขณะนี้ ยังไม่เท่าเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ทุกวันนี้เลยครับ พี่น้องไทยเคยคิดบ้างไหม แล้ววันนี้รัฐบาลมันจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
ทีนี้หันมาดูเหตุการณ์ที่ 2 เหตุการณ์ที่ 2 คือการปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เหตุปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชา 4 กุมภาพันธ์ 54 มีคนบาดเจ็บล้มตาย บาดเจ็บ 9 ราย สาหัส 7 นาย เสียชีวิต 4 ราย ในเหตุการณ์ปะทะกันบนปราสาทพระวิหาร มาครั้งที่ 2 ไวๆ นี้วันที่ 4-6 พี่น้องรู้มั้ยครับ บาดเจ็บ 34 ราย ทหาร 30 นาย พลเรือน 4 ราย เสียชีวิตทั้งสิ้นขณะนี้ น่าจะอยู่ประมาณ 68 รายที่เป็นทหารและประชาชน มีผู้อพยพทั้งสิ้นหลายหมื่นคน ต้องหลบหนีภัยสงคราม นี่คือผลงานของรัฐบาลอภิสิทธิ์ล้วนๆ ครับ ไม่ใช่ผลงานใครเลย แล้วถ้าจะไปนับรวมเหตุการณ์พฤษภาฯ อีก 91 ศพ บวกกับทหาร ประชาชน ที่บาดเจ็บประมาณเกือบ 2 พันนาย แล้วถ้านับรวมเหตุการณ์ชุมนุม 193 วัน ของพี่น้องพันธมิตรฯ ซึ่งขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นฝ่ายค้านอยู่ด้วย ถ้าหากมันทำงานเป็น ย่อมจะสามารถหยุดยั้งความเสียหายและความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ ถ้ามันไม่คอยแต่จะหาเสียงอย่างเดียว ใช่มั้ยครับ
พี่น้องพันธมิตรฯ ก็บาดเจ็บล้มตาย ตาย 10 กว่าราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน พิการอีกหลายสิบคน นี่คือความรุนแรงในบ้านเมืองที่เกิดขึ้น ตอนเกิดเหตุความรุนแรง ใช่รัฐบาลนายสมัคร นายสมชาย แต่คนที่เป็นฝ่ายค้าน คือพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยออกมาทัดทาน ขัดขวาง คัดค้าน การดำเนินการของรัฐบาลในการที่จะใช้กำลังปราบปรามพี่น้องประชาชนเลย แต่มันจะออกมาตอนไหน ออกมาตอนที่พี่น้องประชาชนโดนตี โดนสลายที่สะพานมัฆวานฯ แล้ว นายอภิสิทธิ์จึงมาเดินเหยียบซากศพ หรือรอยเลือดของพี่น้องประชาชน แอ็คอาร์ท หาเสียง ถ่ายภาพลงหนังสือพิมพ์ และไปเยี่ยมประชาชนหลังจากที่พวกเราโดนตีสะบักสะบอม น่วมบาดเจ็บ กันไปเป็นทิวแถวแล้ว นี่คืออภิสิทธิ์
ไม่ต่างกันกับนี่ ประชาชนโดนยิง ทหารบาดเจ็บล้มตาย ประชาชนอพยพไปไม่รู้กี่พันกี่หมื่นคน เขาจึงเดินไปแอ็คอาร์ท ถ่ายภาพโชว์ แต่การป้องกันเหตุ การระงับเหตุ การที่จะไม่ให้กัมพูชาเหิมเกริมขึ้นมา เขาไม่จัดการ และไม่ตัดสินใจระงับเหตุตั้งแต่แรก ถ้ากัมพูชาเหิมเกริมอย่างนี้ มันต้องทำสงครามสั่งสอน ใช่มั้ยครับพี่น้อง
แล้วกัมพูชาจะไม่กล้าเหิมเกริมยิงสะเปะสะปะเข้ามาใส่ที่หมายพลเรือน โรงพยาบาล โรงเรียน วัด ชุมชน และพี่น้องประชาชน ถ้าเรามีนายกฯ ที่กล้าหาญเข้มแข็ง มันจะไม่มีเหตุแบบนี้ครับพี่น้อง
ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนถูกยิงถูกถล่มตายเสียก่อนแล้วค่อยทำท่ามาเห็นอกเห็นใจ
เหมือนกันครับ ตอนที่ชุมนุมเสื้อแดง โรงพยาบาลจุฬาฯ ถูกบุก พี่น้องสีลมโดนยิงโดนถล่ม คนทำมาค้าขายโดยสุจริตบาดเจ็บล้มตายไม่รู้เท่าไร มันมุดหัวอยู่ในราบ 11 เจ๊าะแจ๊ะกันอยู่ 2 กับศิริโชค โสภา ผมถึงบอกว่าคุณเจิมศักดิ์ ถ้าคุณประเมินว่านายกฯ แบบนี้เป็นนายกฯ ได้นะ เอาหมาที่ไหนมาเป็นนายกฯ ก็ได้
ถ้าคนเป็นนายกฯ แล้วทำงานได้แค่นี้แล้วยังหน้าด้านอยากจะเป็นนายกฯ อีกนะ ผมว่าเอาพี่น้องที่นี่ ใครก็เป็นนายกฯ ได้ครับ
ไอ้เรื่องเดินดูแล้วก็ไปถ่ายรูปทำท่าทำกับข้าว ใครก็ทำเป็น พี่น้องที่นี่ทำเก่งกว่านายอภิสิทธิ์อีกใช่มั้ยครับ ผมถึงบอกว่าพอเห็นภาพนี้แล้วผมสะอิดสะเอียน ดูหน้าแล้วผมรำคาญ ผมเบื่อ ว่าประเทศไทยนี่สื่อมวลชนไทย มันชอบภาพอย่างนี้ นี่คือคุณภาพของสื่อมวลชนไทย มันชอบการตอแหลและการสร้างภาพครับ
ประเทศไทยมันถึงไปไหนไม่ได้ พอทำอย่างนี้แล้วยังมีนักวิชาการมาเชลียร์อีก มันก็เลยไปกันใหญ่ พี่น้องครับ บ้านเมืองมันถึงเวลาถึงคราวจำเป็นแล้วที่จะมีการเปลี่ยนแปลง และไม่ควรจะเปิดโอกาสให้คนแบบนี้โผล่หน้ากลับมาปกครองบ้านเมืองได้อีก
ถ้าหากว่าเราจะมีการเลือกตั้ง แล้วเราก็ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเหมือนเดิม ไอ้พวกนี้มันก็จะมาอ้างความชอบธรรมว่าเห็นมั้ยประชาชนยังเห็นว่ามันทำงานดี จึงไปเลือกมันแล้วให้มันกลับมาเป็นนายกฯ อีก มันก็จะอ้างแบบนี้ขึ้นมาทันที แต่ถ้าเราไม่ไปเลือก ไม่ไปลงคะแนน ไม่ไปโหวตให้ คะแนนของเรานี้จะพูดได้อย่างเต็มภาคภูมิว่ากูไม่ได้เลือกมึงโว้ย
เราไม่ได้สนับสนุนให้เขากลับมาเป็นนายกฯ เราต้องการลงโทษนักการเมือง ไม่ว่าใคร ไม่ว่าพรรคใดก็ตาม เมื่อทำงานต่ำกว่ามาตรฐาน ต่ำกว่าสิ่งที่ได้พูดไว้และสัญญาไว้กับประชาชน ตระบัดสัตย์และไม่ยึดถือคำมั่นสัญญา เขาก็ควรต้องได้รับการลงโทษจากพี่น้องประชาชนใช่มั้ยครับ และการโหวตโนของเรา วันนี้ฉากของเราขึ้นมาแล้ว ดูง่ายเลยว่าช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนนอยู่ที่ไหน ทั้งหมดนี้เป็นสิทธิ์ของท่าน เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยทุกประการ ไม่มีจุดใดที่เป็นข้อผิดกฎหมาย เป็นสิทธิ์เสรีภาพของท่านที่ใครจะมาละเมิดไม่ได้ และวันนี้หลายคนกำลังพยายามที่จะออกมาขัดขวางคัดค้าน เพราะรู้ดีว่า ถ้าหากว่าคะแนนโหวตโนท่วมท้นนั้น มันจะทำให้พรรคและนักการเมืองอยู่ยาก อยู่ลำบาก และจะถูกกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นการตัดสินใจเดินแนวทางนี้ของพวกเรานั้นไม่ผิดหรอครับ และก็มีพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับพวกเราแน่นอน ไม่ต้องหวั่นไหวครับ
พี่น้องที่เคารพรักครับ การต่อสู้ของพวกเรานั้นกำลังมาถึงโค้งที่สำคัญ โค้งที่สำคัญคืออะไรครับ แม้ว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศว่าจะยุบสภาวันที่ 6 พฤษภาคม คือต้นเดือนนี้ แต่คนก็ยังไม่มั่นใจว่ามันจะมีเลือกตั้งหรือไม่ เพราะอะไรครับ เพราะขณะนี้มีความหวั่นไหวอย่างยิ่งว่าแม้เลือกตั้งแล้วบ้านเมืองก็ยังจะสงบและหาทางออกยาก ยังไม่สงบแน่นอน ที่แน่ๆ ก็คือไม่ว่าใครขึ้นมาเป็นรัฐบาล ระหว่างอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับพรรคเพื่อไทย บ้านเมืองก็ยังต้องวุ่นวายไม่รู้จบเช่นเดิมครับ
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะทั้งสองฝ่าย สองพวก ไม่ได้คิดที่จะมาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างแท้จริง ต่างคิดอย่างเดียวว่าจะขึ้นมามีอำนาจและแสวงหาอำนาจเพื่อตนและกลุ่มพวกตนอย่างไรต่างหาก แม้แต่ปัญหาเรื่องดินแดน เอกราช อธิปไตย ก็ยังไม่มีพรรคใดกล้าพูดว่าตัวเองจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เพื่อปกป้องเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของชาติไทย ปกป้องดินแดนของประเทศไทย เมื่อเป็นดังนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ก็คงจะไม่ยอม ยังจะต้องมีการเคลื่อนไหวต่อไปอย่างแน่นอนถ้าหากว่าปีกใดปีกหนึ่งมาเป็นรัฐบาล จนกว่าปัญหาของบ้านเมืองจะได้รับการแก้ไข
ผมกราบเรียนพี่น้องไปแล้วเมื่อวานนี้ว่า บ้านเมืองวันนี้มันมีอยู่ 3 ก๊ก ก๊กหนึ่งคือก๊กประชาธิปัตย์ ก๊กจรกา และทหารพาณิชย์ ทหารการเมือง กำลังสุมหัวกันที่อยากจะกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง อีกก๊กหนึ่งคือก๊กเพื่อไทย มีทักษิณเป็นผู้นำ และกลุ่มคนเสื้อแดง เขากำลังช่วงชิงอำนาจกันที่จะเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล พี่น้องจำไว้ประวัติศาสตร์มันสอนเราว่า เมื่อไรบ้านเมืองแตกเป็น 3 ก๊กอย่างนี้ มันต้องมีก๊กใดก๊กหนึ่งมีอำนาจโดยเด็ดขาดและปราบดาภิเษกขึ้นมา ขจัดก๊กทั้งสองก๊กลงไปเท่านั้น บ้านเมืองจึงจะสงบสุขครับ
และผมเชื่อแน่ว่าทั้งสองก๊กนี้ ก๊กอีมาร์คนี่ล่ะ กับก๊กไอ้เหลี่ยม ยังไงมันก็ต้องแพ้พ่ายพลังของพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน
และพลังของประชาชน เราก็คงไม่ได้มีประชาชนแต่เพียงมือเปล่า ผมเชื่อแน่ว่าคนที่รักชาติรักบ้านรักเมืองยังมีอยู่ครับ ไม่เอาทั้งสองก๊กนั้น มีแน่นอน แต่เห็นแล้วว่าพวกเราเป็นก๊กที่รักชาติ รักประชาธิปไตย รักบ้านรักเมือง ถ้าว่าตามตำรา 3 ก๊ก ก็ต้องเป็นก๊กเล่าปี่ ขงเบ้ง ล่ะครับ
ผมเชื่อแน่ว่าในที่สุดก๊กนี้ต้องปราบดาภิเษกขึ้นมาอย่างแน่นอน เพราะเมื่อไรบ้านเมืองมันเป็นแบบนี้ ประวัติศาสตร์มันต้องเป็นแบบนี้ แต่เมื่อปราบดาภิเษกแล้ว เราต้องเอาธรรมนำหน้า ถ้าเอาธรรมนำหน้าก็สามารถรักษาบ้านเมืองและรักษาแผ่นดินไว้ได้ พลังของพี่น้องประชาชนพันธมิตรฯ ที่มีอยู่ แม้ว่าจะมีบางคนกระเด็นกระดอนออกไป พี่น้องอย่าได้ไปอาลัยอาวรณ์ มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการต่อสู้ ย่อมมีคนที่หลงไปบ้าง มีคนที่หลุดรอดออกไปจากแนวทางบ้าง มีคนที่เหนื่อย อยากหยุดพักหยุดเดินบ้าง แต่คนส่วนใหญ่ยังจะรุดเดินไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง และไม่มีวันท้อไม่มีวันถอย เพราะเราเป็นพลังแห่งศีลธรรม คุณธรรม และความถูกต้อง เราเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงามกับบ้านเมืองแล้ว ต้องมีคนเห็นด้วยและเข้าร่วมกับพวกเรามากขึ้นอย่างแน่นอนครับ
เพราะฉะนั้นวันนี้ผมก็ไม่ต้องการที่จะพูดมาก เพราะยังไงก็มีเวลาที่จะมาพูดคุยกับพี่น้องทุกวันอยู่แล้ว ก็ขอให้กำลังใจพี่น้องประชาชนว่าวันเวลาของการต่อสู้และการเปลี่ยนแปลงมันใกล้เข้ามาทุกที พี่น้องอาจจะมองไม่เห็นว่าน้ำที่เราต้มอยู่ ดูมันเหมือนนิ่งๆ เวลามันเดือดแล้วฝากาอาจจะเปิดโดยเราไม่ทันรู้ตัวก็ได้ครับ
ผมเชื่อมั่นว่าพลังที่ถูกต้องดีงามของพวกเรานั้นจะต้องเป็นพลังที่จะนำพาบ้านเมืองไปสู่การเปลี่ยนแปลง และพลังเก่าที่ล้าหลัง การเมืองที่สามานย์ของนักการเมืองในระบอบเก่านั้น จะต้องถูกพลังของพี่น้องประชาชนบดขยี้และทำลายอย่างแน่นอน เราจงเชื่อมั่นในพลังอันดีงามของพวกเรา และก็ขอให้กำลังใจพี่น้องประชาชนทุกท่านว่า ถ้าหากว่ามีการเลือกตั้งเราก็จะต้องปรับกระบวนท่าของเราเพื่อนำไปสู่การรณรงค์โหวตโน และไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกใคร ให้เป็นพลังเพื่อการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้จงได้ แต่ถ้าไม่มีการเลือกตั้งเราก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนกระบวนของเราไปสู่การเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองในทางที่สร้างสรรค์และก้าวหน้า ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับฟ้าดินจะเป็นผู้ลิขิต และผมเชื่อแน่ว่าสวรรค์มีตาฟ้ามีใจ บ้านเมืองต้องเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน วันนี้ก็พูดคุยกับพี่น้องเพียงเท่านี้ และขอขอบคุณทุกท่าน สวัสดีครับ