xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” กล่อมคนไทย ลั่นพร้อมยกระดับตอบโต้ ไม่ยอมให้เขมรยึดพื้นที่เด็ดขาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“มาร์ค” ซัด “เขมร” พยายามรุกยึดดินแดนไทย กร้าวถ้าไม่หยุดไทยพร้อมยกระดับตอบโต้ คุยโวหากอ่อนแอทหารไทยคงไม่ได้ครองพื้นที่ และสกัดการขึ้นมรดกโลกมาถึง 2ปี ปฏิเสธเป็นฝ่ายตั้งรับลูกเดียว ชี้กองทัพมีกลยุทธ์ตอบโต้ตามสถานการณ์ หวังศาลรธน. พิจารณากฎหมายลูก เสร็จใน 1 สัปดาห์พร้อมทูลเกล้าฯ ยุบสภาทันที

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2554 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าเหตุการณ์ยังมีการปะทะกันอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ บางพื้นที่การปะทะ เกิดจากการความเข้าใจผิดและเป็นการสั่งการอะไรต่างๆ ที่เป็นปัญหาของฝ่ายกัมพูชา เช่น ที่บริเวณ ภูมะเขือ ที่อ้างว่ามีเครื่องบินอะไรต่างๆ แต่บางส่วนเห็นได้ชัดว่าเป็นความพยายามของฝ่ายกัมพูชาที่ใช้วิธีการโจมตีเรา ทำให้เราต้องตอบโต้ เพราะเราไม่ยอมให้เข้ามายึดพื้นที่เด็ดขาด ตรงนี้คณะรัฐมนตรีพูดกันชัดเจน และทางกองทัพ ก็ตอบโต้เต็มที่ และทำมาต่อเนื่องหลายวัน เราคิดว่าน่าจะทำให้หยุดหลายสิ่งหลายอย่างได้ เมื่อคืนที่ผ่านมา (25 เม.ย.) ก็มีการไปยึดอาวุธอะไรต่างๆ ได้ด้วย ซึ่งเราทำเต็มที่อยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากการตอบโต้ตามนโยบายทางการทหาร จะมีการทบทวนในส่วนอื่นๆ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรามีมาตรการหรือเครื่องมืออื่นๆ หลายตัว จะใช้อะไร เวลาไหน จะดูจังหวะเวลา ประเมินสถานการณ์ และประเมินความเหมาะสมทั้งจังหวะ ระดับ และมาตรการที่จะใช้ ไม่จำเป็นและไม่ควรที่จะใช้ทุกอย่างพร้อมกัน เมื่อถามว่าถึงเวลาที่จะใช้ด้านเศรษฐกิจมากดดันแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องของด่านบางตัวปิดไปโดยธรรมชาติและตัวอื่นๆ อาจสามารถดำเนินการได้

เมื่อถามว่า บางฝ่ายห่วงการตอบโต้ของเรา อาจตกเป็นเหยื่อของกัมพูชาที่อาจไปร้องต่อนานาชาติ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรายืนยันเป็นปัญหาของพื้นที่และแนวทางที่จะแก้ไขปัญหา ยังเป็นเรื่องของสองฝ่าย ทุกอย่างที่เราทำยังสอดคล้องอยู่กับจุดยืนตรงนี้ เมื่อถามว่าคิดว่ามาตรการขณะนี้เพียงพอกับสถานการณ์ตอนนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าขณะนี้ในส่วนของกองทัพได้ตอบโต้ไปพอสมควร ขอเรียนว่าบางทีเราอยู่ฝั่งนี้ไม่ทราบข่าวผลที่เกิดขึ้นกับทางฝั่งโน้นทั้งหมด ฉะนั้น เราจะดูเป็นเรื่องๆ เป็นพื้นที่ไปก่อน และคิดว่าสัญญาณที่ขณะนี้จะให้มีการคุยกันถือเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น เพราะเราต้องการให้เหตุการณ์สงบลงโดยที่เราสามารถปกป้องอธิปไตยและดินแดนได้ทุกประการ

เมื่อถามว่าดูเหมือนเราเป็นฝ่ายตั้งรับตลอดเวลา นายอภิสิทธิ์กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ คำพูดพูดง่าย อะไรตั้งรับอะไรรุก แต่อย่างจะบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด ถ้าเราอ่อนแอมันไม่มาถึงจุดนี้ วันนี้กัมพูชาต้องพยายามทำทุกทางที่จะหาทางลากประชาคมโลกเข้ามา เพราะเขาไม่ประสบความสำเร็จกับหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำและรุกคืบเข้ามา และตัวปราสาทที่มีปัญหาปะทะกันในขณะนี้ คือเราครอบครองพื้นที่อยู่ เขาก็พยายามที่จะรุกคืบเข้ามา ทีนี้ถามว่าถ้าจะให้เราไปเกินเขตแดนของเรา ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราอยู่เฉยๆ มาตรการต่างๆ เราทำไปพอสมควร

ในส่วนการเจรจาระดับพื้นที่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ล่าสุดคือระดับ รมว.กลาโหม ไม่ใช่ระดับพื้นที่ และคิดว่าน่าจะคุยกันในวันที่ 27 เม.ย.นี้ เมื่อถามต่อว่า พฤติกรรมรุกคืบของกัมพูชา สะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชาไม่สนใจทวิภาคี นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นความพยายามของเขาที่จะพยายามยึดพื้นที่ได้ เขาก็อยากจะทำ ซึ่งเราไม่ยอมเด็ดขาด และจะไม่ให้ประสบความสำเร็จเด็ดขาด และเมื่อมีการปะทะกันก็หวังจะใช้เงื่อนไขนี้ในการยกระดับไปสู่เวทีสากล ฉะนั้น เวลาที่เราตอบโต้เพื่อจะให้หยุด และถ้าไม่หยุดก็จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในการตอบโต้ แต่เราก็ระมัดระวัง ไม่ให้ไปเข้าตามแนวทางที่ทางกัมพูชาวางยุทธศาสตร์ไว้

เมื่อถามว่า ถ้าทวิภาคีไม่เกิดก็เสี่ยงกับการปะทะแบบนี้เรื่อยไป นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เวลานี้ทางกัมพูชาก็เชิญฝ่ายเราไปคุยแล้ว เมื่อถามต่อว่านายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะสามารถจำกัดวงได้ ไม่ขยายผลเป็นสงครามระหว่าง 2 ประเทศ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราไม่สามารถที่จะตอบได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และต้องไม่ลืมว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่ม ถ้ากัมพูชาไม่เริ่มทำอะไรก็ไม่มีปัญหา หากเขาจะทำอะไร เราก็จับตาดู และเตรียมความพร้อมอยู่ตลอด เราไม่ได้ตั้งรับเฉยๆ เรามีแนวทางของเรา

เมื่อถามว่า สถานการณ์หลายวันที่ผ่านมาพอจะมองออกหรือไม่ สุดท้ายทางกัมพูชาจะยอมยุติในสิ่งที่ทำอยู่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กัมพูชาต้องประเมินผลที่ได้รับเหมือนกัน เมื่อถามว่ากัมพูชามันแย่หรือไม่ พอจะเพลี่ยงพล้ำก็เชิญฝ่ายไทยไปคุย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ให้เขาคุยกันก่อน

ต่อกรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาจะส่งผลกระทบต่อการยุบสภาและการเลือกตั้งหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีประเด็น คิดว่าทิศทางและนโยบายชัดเจนอยู่แล้ว กองทัพได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการปกป้องอธิปไตย และกองทัพก็ทราบดีว่าจุดพื้นที่ต่างๆ ที่ตรึงอยู่ไม่มีถอย ฉะนั้น รัฐบาลเปลี่ยน ตนก็ไม่เปลี่ยน เขาก็ต้องทำหน้าที่ของเขา ขณะเดียวกัน ประเทศไทยไม่มีแนวความคิดที่จะไปรุกรานใคร ฉะนั้นมีความชัดเจน ส่วนมาตรการต่างๆ ก็บูรณาการประสานงานกันไป

“การยุบสภาไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยไม่มีรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องแบบนี้ ผมคิดว่าทำได้เต็มที่อยู่แล้ว มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการที่จะมีประโยชน์ได้เสียกันในการทางการเมือง และเอารัดเอาเปรียบพรรคการเมืองระหว่างกัน” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า กฎหมายลูกที่ผ่านขั้นตอนของสมาชิกวุฒิสภาแล้วมีความสบายใจมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าตารางเวลาดูสอดคล้องดีกับที่คิดเอาไว้ ซึ่งถ้าผ่านขั้นตอนจากสภาไปแล้วจะสามารถส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ในวันนี้หรือไม่ก็วันพรุ่งนี้ (28 เม.ย.)และทางประธานสภาคงแจ้งสภาผู้แทนราษฎร โดยตนหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะกรุณาพิจารณาให้ได้ภายใน 1 สัปดาห์ก็จะพอดี เมื่อถามว่าทันที่ที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเสร็จจะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าได้เลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ มีความเป็นไปได้ว่าจะเสร็จก่อนวันที่ 6 พ.ค. ซึ่งตนได้ดูอยู่ คงจะใกล้เคียงมากๆ และตารางเวลาคงจะสอดคล้องกันหมดไม่มีปัญหา ถามว่าบรรยากาศขณะนี้ยังมีอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีแต่ปัญหาอื่น พูดตรงๆ เรื่องยุบสภา เลือกตั้งเรื่องรอง ตอนนี้ต้องการดูแลปัญหาของประชาชนและผลกระทบที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดน

“ผมอยากจะขอให้ประชาชนคนไทยมั่นใจและหนักแน่น ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ระหว่างการที่เราต้องยืนหยัดในการปกป้องอธิปไตย และกองทัพได้ยืนยันมั่นใจ และรัฐบาลก็สนับสนุน และเราได้ปรึกษาหารือกันตลอดเวลาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ผมไม่อยากให้หวั่นไหวไปกับกระแสข่าวเรื่องที่มีปัญหาและทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่ากองทัพสามารถปฏิบัติภารกิจของตนเองได้หรือไม่ ผมกับรัฐมนตรีกลาโหม และ ผบ.ทบ.ได้คุยกันวันหนึ่งหลายรอบเพื่อติดตามสถานการณ์ตลอด และย้ำว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนเต็มที่ แต่ว่าเราต้องมีการระมัดระวัง เราจะไปคิดอะไรตามใจชอบไม่ได้ และเราต้องทราบว่าฝ่ายเขาคิดอะไรอยากทำอะไร เราต้องไม่ไปตกหลุมหรือเข้าทางเขาเหมือนกัน” นายอภิสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า สนามรบและเวทีการเมืองระหว่างประเทศเราตกเป็นรองกัมพูชาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ และคิดว่าถ้าเราตกเป็นรองเรื่องนี้คงไม่เกิดตั้งแต่ต้น วันนี้จะเห็นได้ว่ากัมพูชาหงุดหงิดกับเรื่องที่เราพยายามไปสกัดกั้นมรดกโลกใน 2 ปีแล้วที่ไม่สามารถรุกคืบได้ เรื่องของการที่พยายามจะนำเรื่องไปสู่สหประชาชาติ ยังไม่ประสบความสำเร็จ นั่นคือเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศในพื้นที่ เขาต้องการที่จะเข้ามาในพื้นที่ตัวปราสาทที่ปะทะกัน ก็เพราะว่าเราครอบครองอยู่ เมื่อถามว่าเป็นรองไหม ตนว่าไม่เป็นรอง

เมื่อถามว่า หาก 2 รัฐมนตรีกลาโหม 2 ประเทศได้คุยกันแล้ว เสียงปืนจะหยุดลงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า นั่นคือเป้าหมายที่ 2 ฝ่ายควรจะมุ่งไปสู่จุดนั้น ซักต่อว่าฝ่ายกัมพูชาดูหงุดหงิดมากขึ้นเป็นเพราะว่าเวทีมรดกโลกกำลังจะเปิดใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้

“คือหลายคนก็บ่นว่าทำไมจะต้องเกิดเหตุเหล่านี้ ผมต้องเรียนตรงๆ ว่าไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ว่าเรายอมไม่ได้จริงๆ ถ้าจะให้ถอยออกมาจากจุดที่ทหารเราอยู่ เราไม่ถอย และถ้าจะให้เราไปโอนอ่อนเรื่องมรดกโลกหรือเรื่องอะไร เราไม่ทำ เพราะเราต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศ” นายกฯ กล่าวอย่างมั่นใจ

เมื่อถามว่า เรื่องที่ทางกัมพูชากำลังรุกคืบไทย เราจะนำไปพูดในเวทีมรดกโลกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราพูดตลอด ยิ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และภาพที่มีอาวุธอยู่ในปราสาทพระวิหาร มันขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ และขัดต่อหลักของการเป็นมรดกโลกอย่างชัดเจน

เมื่อถามว่าคณะกรรมการมรดกโลกควรเรียนรู้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกัมพูชา อย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราหวังว่าเขาจะเข้าใจแล้วเพราะในช่วงที่มาพบกับตนในช่วงต้นปีก็ดูเข้าใจมาก ขึ้น แต่อยากให้เขารวดเร็วกว่านี้ในการชี้ให้เห็นว่าปัญหาดังกล่าวต้องเลื่อนออก ไป

เมื่อถามว่านโยบายระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาต้องมีการทบทวนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตัวนโยบายหลักทิศทางจุดยืนหลักคิดว่าขณะนี้เหมาะสม ตัวเครื่องไม้เครื่องมือ คิดว่าการใช้วิธีการต้องปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ซักว่าจุดไหนที่ถึงต้องมีการปรับเปลี่ยน นายกฯ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องกล่าวล่วงหน้า

ส่วนจำนวนคนอพยพคนมีเท่าไหร่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบตัวเลขที่ จ.ศรีสะเกษ แต่ถ้าเป็นอย่างที่ประเมินกัน ขณะนี้ค่อนข้างที่จะเป็นความเข้าใจผิด ก็ไม่น่าลุกลาม แต่เราต้องเอาความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนไว้ก่อน ตนจึงอยากจะเน้นย้ำตรงนี้ว่า ด้วยความเห็นใจว่าพี่น้องประชาชนคงไม่อยากจะอพยพออกมา แต่อะไรที่มีความเสี่ยงเราไม่อยากให้มีเพราะว่าเราต้องให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ก่อน และต้องขอความเห็นใจจากพี่น้องประชาชนว่า ที่เรายังต้องดำเนินการ และมีการปะทะกันอยู่ เพราะว่าเราต้องรักษาอธิปไตย

เมื่อถามว่า ขวัญและกำลังใจของทหารเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าววา กำลังใจดี วันนี้ ผบ.ทบ.และรัฐมนตรีกลาโหมได้อยู่ในพื้นที่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น