"ประทีป" ฝากกองทัพ วิเคราะห์รัฐบาล แนะหากเห็นพาชาติไปสู่หุบเหว ต้องจับมือ ปชช. ต่อต้่าน ชี้นายกฯตาม ม. 7 มีได้เสมอ อัด รบ. "มาร์ค"เสียงไปสูญเสียดินแดนทางบกและทางทะเล สลัดไม่หลุดกับข้อหาคอร์รัปชั่น สุดแสบ"เสนาะ" บอกยุคแม้วโกงทุกอย่างที่ขวางหน้ายังไปซบเพื่อไทยอีก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" การเสวนา "ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน"
วันที่ 8 เม.ย. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ กรรมการรวมพลังปกป้องดินแดน กล่าวว่า น่าปลื้มระหว่างดินเท้าจากแยกมิสกวันมาขึ้นเวที พบ พลเอกจากกองทัพบก พลเรือเอกจากกองทัพเรือ และพลตำรวจโทจากกองบัญชาการตำรวจ แต่ยังไม่ได้พบ พลเอกจากกองทัพอากาศ ที่พูดไม่ได้น้อยใจที่ไม่ได้พบทหารอากาศ เพียงแต่ยังไม่เห็นท่าน เหมือนเมื่อครั้งชุมนุม 193 วัน อย่างไรก็ดีท่านอาจมาเดินแถวนี้แล้วแต่เผอิญตนไม่พบ สิ่งที่พูดเพียงเพื่ออยากบอกเราไม่โดดเดี่ยว เดินไปข้างหน้ามีเพื่อนร่วมทางกำลังกระโดดจากข้างทาง มาสู้บนเส้นทางกับเรา
ทั้งนี้ ตนในฐานะที่เคยเป็นทหาร สารสำคัญของ การปรากฎตัวของ ผบ.เหล่าทัพ แถลงการณ์ผ่านทีวี ไม่ยินยอมไปประชุม จีบีซี ในประเทศที่สาม ไม่เห็นด้วยที่มีกำลังประเทศที่สามเข้ามายุ่ง กองทัพขอวางตัวเป็นกลางเป็นการเมือง ให้หลักประกันจะไม่มีการปฏิวัติ และจะไม่มีรัฐบาลตามมาตรา7 หลังการเลือกตั้ง นั้น การชุมนุมของเราถือว่าประสบความสำเร็จไประดับหนึ่ง ทำให้ ผบ.เหล่าทัพ เห็นผลกระทบหากให้ทหารอินโดฯเข้ามา หรือประชุมประเทศที่สามย่อมเสียเกียติและจารีตธรรมเนียมที่เคยมีมา
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวว่า ผบ.เหล่าทัพ ประกาศตัวจะเป็นกลางทางการเมือง จะไม่ปฏัติ ประเด็นนี้ ตนเคยแสดงความเห็นบนเวทีพันธมิตรฯ ตั้งแต่ยุคพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพแล้ว ว่า ไม่เห็นด้วยที่กองทัพจะวางตัวเป็นกลางตลอดเวลา เพราะบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 บอกรัฐบาลต้องสร้างกองทัพเพื่อรักษาเอกราชของชาติ รักษาผลประโยชน์ของชาติ ดีกรีความมั่นคงตาม 77 จะมีมากหรือน้อยมีผลสืบเนื่องจากความมั่นคงของรัฐบาล ดังนั้น ตนไม่เห็นด้วยกับ ผบ.เหล่าทัพ จะวางตัวเป็นกลางโดยไม่มีขอบเขต แต่เห็นด้วยกับกองทัพวางตัวเป็นกลางการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี ตราบใดที่การขับเคลื่อนของประเทศชาติ ภายใต้การนำของนักการเมือง ที่เราเรียกว่ารัฐมนตรี นำมาซึ่งควมมสั่นคลอนของรัฐ ชาติ พระมหากษัตริย์ กองทัพต้องออกมาทำหน้าที่ตามบทบัญญัติในมาตรา 77 ด้วย
ส่วนที่ออกมาการันตรี ว่า ทหารจะไม่ปฏิวัติ ตรรกะง่ายๆที่ผ่านมา คนที่ออกมาปฏิวัติเขาจะไม่ออกมาประกาศจะปฎิวัติทั้งสิ้น ดังนั้น การแถลงการของ ผบ.เหล่าทัพ เป็นแถลงการที่ไม่มีราคา
และที่ ผบ.เหล่าทัพ การันตรีจะไม่มีรัฐบาลตามมาตรา 7 เรื่องนี้ตนไม่สามารถขัดแย้งท่านโดยตรง แต่อยากให้ความเห็น ว่า ในเหตุการณ์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะมีนายกชื่อ นายอานันท์ ปันยารชุน หรือรัฐบาลเฉพาะการที่ผ่านมา ที่เราเรียกว่านายกฯพระราชทานนั้น เป็นการเรียกที่บิดเบือน ไม่ใช่นายกฯ หรือรัฐบาลพระราชทานทั้งสิ้น แต่เป็นการได้มาซึ่งรัฐบาล ที่พระองค์ท่านประฏิบัติตามรัฐธรรมนูญตาม มาตรา 3 ระบุว่า พระมหากษัตริย์ สามารถใช้อำนาจอธิปไตยผ่านระบบรัฐสภา กับมาตรา 7 ระบุว่าหากเกิดกรณีใดๆในประเทศนี้แล้วไม่มีหนทางเลือก ให้ปฎิบัติตามจารีตประเพณีการปกครองที่ผ่านมา ดังนั้น หากพระองค์ทานใช้อำนาจผ่านสภา เพื่อให้ได้นายกฯ ให้ได้รัฐบาล ถือว่า พระองค์ท่านปฎิบัติภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ และที่ผ่านมาการมีนายกฯจากพระองค์ทานมาจาก รองประธานรัฐสภาจะ ทูลเกล้าถวายรายงานคนที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯ โดยผ่านกระบวนการของรัฐสภา แล้วเสนอให้พระองค์ท่านลงพระปรมาภิไธย เหตุการณ์อยางนี้สามารถเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต ไม่ใช้นายกฯพระราชทาน แต่เป็นนายกฯที่มาจากมาตรา 3 และมาตรา 7
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวถึงการประชุมเจบีซี ตนเรียกว่าทวิภาคีจอมปลอม ชี้วัดความมั่นคงของชาติได้ว่าล่อแหลมง่อนแง่นแล้ว โดยเฉพาะเรื่องอธิปไตยของชาติ เป็นสิ่งยืนยันว่า กองทัพไม่สามารถยืนกระต่ายขาเดียว ว่าจะเป็นกลางทางการเมืองได้ตลอดกาล หากตราบใดที่กองทัพเห็นว่าการขับเคลื่นทางการเมืองพาชาติไปสู่หุบเหว ต้องออกมา และกองทัพก็ออกมาาแล้วบอกจะไม่ไปประชุมประเทศที่สาม ไม่ยอมให้ทหารอินโดเข้ามาในประเทศไทยในพื้นที่ที่มีปัญหา
“ ขอชีแนะอยากให้ ผบ.เหล่าทัพ ศึกษาอดีตที่ผ่านมา ว่า นักการเมืองทำอะไรกับประเทศชาติ และนักการเมืองในระบอบอภิสิทธิ์ทำอะไรกับประเทศ หากนักการเมืองเหล่านี้กลับมาอีก มันจะทำอะไรกับประเทศชาติ”
พล.ร.ท.ประทีป เปรีบบเทียบยุคทักษิณ กับยุคอภิสิทธิ์ โดยที่ยุคทักษิณ ในส่วนของอธิปไตยเขตแดน ทำให้เขมรขั้นทะเบียนเขาวิหารเป็นมรดกโลก และแบ่งปันผลประโยชน์ในพื้นที่ทางทะเล และในด้านความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์ หากจำได้เมื่อเดือนเมษายน 2552 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศดูใบ "ไม่มีใครสามารถทำให้ประเทศสงบสุขได้ตอนนี้ นอกจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผมขอเรียกร้องให้พระองค์ท่านได้โปรดลงมาคลี่คลายสถานการณ์ หากพระองค์ท่านยังไม่ทรงใช้พระราชอำนาจ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในคืนนี้ คุณจะเห็น่ประชาชนเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก" เรื่องนี้ตนไม่มันใจคำว่า คุณ เป็นการพิมพ์ผิดของสื่อหรือไม่ หากพิมพ์ไม่ผิด อยากย้อนถามทักษิณ คำว่าคุณ หมายถึงใคร เรื่องนี้กองทัพต้องตระหนัก
ต่อมาเมษา 2553 ช่วงเสื้อแดงกำลังเผาบ้านเผาเมือง ผู้ใหญ่ที่ชื่อ จิ๋ว ออกมาพูดว่า "หวังในสิ่งนี้ว่า จะมีพระมหากรุณาธิคุณ ให้พวกเรายุติความขัดแย้งที่มีมานานพอสมควร และสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองที่มีอย่างมหาศาล กระผมคิดว่า ถ้าไม่มีพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว กระผมไม่แน่ใจต่อการสูญเสีย ใน 2-3 วันข้างหน้านี้มันจะเป็นตราบาปหรือสิ่งที่พี่น้องคนไทยไม่ต้องการจะเห็นในชีวิต" คำว่าจะมีพระมหากรุณาธิคุณ คนที่ชื่อจิ๋วต้องหมายถึงใคร และคำว่า ตราบาป ที่ท่านว่านั้นเกิดจากใคร สิ่งเหล่านี้กองทัพต้องกลับไปทบทวนบทบาทของนักการเมือง ตราบใดที่บุคคลเหล่านี้ยังวนเวียนอยู่ในการเมือง
ทั้งนี้หากจะพูดถึงผลงานการบริหารประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าไว้วางใจได้ได้หรือไม่ คนที่จะให้ความเห็นดีที่สุด คือนายเสนาะ เทียนทาอง เคยพูดว่า “ผมอยู่ในเวทีการเมืองมานาน กว่า 30 ปี ไม่เคยเห็นรัฐบาลชุดไหนเลวทรามเท่ารัฐบาลชุดทักษิณ โกงทุกอย่างที่ขวางหน้า”
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวถึงการบริหารประะเทศของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ว่าไม่ตองบรรยายมากเพราะ สองเทพของเรากล่าวไปเยอะแล้ว ที่เห็นแน่ๆ พาประเทศชาติสุ่มเสียงต่อการเสียดินแดนมากที่สุด ขับเคลื่อนประเทศเสียเกียติภูมิศักดิ์ศรี ด้านการเมืองระหว่างประเทศ ให้ฮุนเซน กดขี่อย่างน่าอดสูใจ และปัจจุบันเริ่มเห็นการผสมพันธ์ นักการเมืองที่มาจากระบอบทักษิณ ที่เคยบอกนักการเมืองระบอบทักษิณแม้แต่ผีก็จะไม่เผา วันนี้มากอดกับระบอบทักษิณได้ ทั้งหมดแสดงให้เห็นล้วนเป็นนักการเมืองที่นำพาประเทศชาติ สุ่มเสียงไปสูญเสียดินแดนทางบกและทางทะเล สลัดไม่หลุดกับข้อหาคอร์รัปชั่น
“ฝากกองทัพ ขอให้วิเคราะห์ จากอดีตถึงปัจจุบันและมองไปในอนาคต กองทัพในฐานเป็นหนวยหลักความมั่นคงของชาติ จะฝากความหวังไว้กับนักการเมืองชุดนี้อีกหรือไม่ ถ้าไม่ กองทัพจะต้องเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน เพราะประชาชนมือเปล่าไม่สามารถผลักดัน ขับไล่นักการเมืองออกจากสารระบบได้ กองทัพต้องสนับสนุนประชาชน แล้วประชาชนจะเป็นกำแพงให้กองทัพพิง ในการขจัดนักการเมืองชั่ว"พล.ร.ท.ประทีป กล่าวทิ้งท้าย