xs
xsm
sm
md
lg

สมาชิกรัฐสภาไม่เชื่อ “น้ำยา” มาร์คหมดท่า-ไปไม่เป็น!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ต้องยอมรับว่าการที่ “สภาล่ม” ซ้ำซาก โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาต้องลงมติบันทึกผลการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) จำนวน 3 ฉบับถือว่าเป็นเรื่อง “ไม่ธรรมดา” แน่นอน เพราะนี่คือความ “จงใจ” ของสมาชิกรัฐสภาที่ไม่ยอมทำตามความต้องการของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อีกต่อไปแล้ว

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นาย ชัย ชิดชอบ ให้สัมภาษณ์  

หากสังเกตให้ดีจะพบว่า ไม่ใช่เพียงแค่สมาชิกวุฒิสภาเท่านั้นที่มีท่าทีชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย ยังมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคนที่ฉวยโอกาสในวันสุดสัปดาห์ และพี่น้องชาวใต้ประสบภัย “กระโดดชิ่ง” หนีประชุมไปก่อน เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ทำให้เสียดินแดน เสียเปรียบฝ่ายตรงข้ามคือกัมพูชา

ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศประสานเสียงกันอย่างกลมเกลียวในการผลักดันให้บันทึกเจบีซี 3 ฉบับดังกล่าวผ่านการรับรองจากรัฐสภาให้ได้ เพื่อที่จะได้มีการประชุมเจบีซีครั้งต่อไปในวันที่ 7-8 เมษายน ที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภาจำนวนมากมีท่าทีไม่เห็นด้วย เนื่องจากสุ่มเสี่ยงหลายประการดังกล่าว

ที่สำคัญทำให้ตัวเองต้องติดร่างแหมีความผิดไปด้วย!!

นอกจากนี้ ภายนอกสภายังมีกลุ่มภาคประชาชนที่รักชาติยังปักหลักประท้วงคัดค้านกันอย่างเอาจริงเอาจัง และเข้มข้นขึ้นเรื่อย อีกทั้งยังเตรียมที่จะยื่นเรื่องเพื่อเอาผิดกับสมาชิกรัฐสภาทุกคนที่ลงมติสนับสนุนบันทึกเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ หลังจากก่อนหน้านี้กลุ่มคนไทยรักชาติในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้เอาผิดกับนายกรัฐมนตรีฐานทำให้สูญเสียอธิปไตยหรือ “ขายชาติ” มาแล้ว

เรื่องบันทึกเจบีซี 3 ฉบับดังกล่าวถูกยื้อมาเป็นเวลานาน โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภามาตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2553 จนต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีก มีการตั้งคณะกรรมาธิการที่มี เจริญ คันธวงศ์ เป็นประธาน ต่อมาเมื่อพิจารณาเสร็จแล้วก็นำเข้าที่ประชุมเมื่อวันที่ 25 มีนาคม แต่องค์ประชุมไม่ครบ ทำให้ต้องเลื่อนมาเป็นวันที่ 29 มีนาคม และองค์ประชุมไม่ครบอีก ต้องเลื่อนมาเป็นวันอังคารที่ 5 เมษายนที่จะถึงนี้อีกครั้ง

อย่างไรก็ดี ในคราวนี้ถือว่ามีนัยสำคัญที่ซ้อนเข้ามาพร้อมกันหลายอย่าง เป็น “ไฟท์บังคับ” อย่างแรกก็คือศาลรัฐธรรมนูญได้ตีกลับไม่รับวินิจฉัยว่าบันทึกเจบีซี 3 ฉบับดังกล่าวเป็นหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ต้องให้รัฐสภาลงมติรับรองหรือไม่ โดยศาลฯบอกว่ายังไม่ถึงขั้นตอนต้องส่งมาให้วินิจฉัย

ประการต่อมา เป็นความรู้สึกที่เปิดเผยออกมาจากปากของ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สุเทพ เทือกสุบรรณ ยอมรับว่าสาเหตุที่องค์ประชุมสภาล่มซ้ำซากที่ผ่านมาเป็นเพราะสมาชิกรัฐสภา “ไม่เต็มใจ” ที่จะต้องมาลงมติรับรองบันทึกเจบีซีดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ล่าสุดเมื่อวานนี้ (31 มีนาคม) ประธานรัฐสภา ชัย ชิดชอบ ได้ออกมาเปิดเผยซ้ำเติมเข้ามาอีกว่า หากการประชุมรัฐสภาในวันอังคารที่ 5 เมษายนนี้ไม่สามารถประชุมได้ หรือ ไม่ผ่านสภาก็จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภา อย่างไรก็ดีก็ได้ “ขยัก” เอาไว้ล่วงหน้าเสียก่อนว่า อาจบรรจุเข้าวาระไม่ทันก็เป็นได้

แม้ว่าคำพูดดังกล่าวของประธานชัย ที่บอกว่าจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภานั้นอาจเป็นอาการประชดประชันสมาชิกรัฐสภาก็เป็นได้เพราะในช่วงการประชุมสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาต้องทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมต้อง “กดออด” จนเมื่อยมือ ทำให้เขาต้องปะทุอารมณ์ออกมาหลายครั้ง
 

อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาในภาพรวมและเป็นคำตอบออกมาให้เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือสมาชิกรัฐสภาจำนวนมาก “ไม่เอาด้วย” หรือ “ไม่เชื่อน้ำยา” นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อีกต่อไปแล้ว เพราะถ้าให้การสนับสนุนก็ต้องเดินหน้าลงมติให้การรับรองบันทึกเจบีซี คงไม่ต้องใช้วิธี “โดดร่ม” ไม่เข้าประชุมเพื่อให้พิจารณาต่อไปได้แบบนี้แน่นอน

นาทีนี้เป็นการชี้ให้เห็นแล้วว่า วาทะและคำพูดของนายกรัฐมนตรีคนนี้ใช้ไม่ได้ผล เพราะที่ผ่านมาแทบทุกอย่างได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันออกมาในทางตรงกันข้าม พูดอย่างทำอย่าง หรือทำไม่ได้อย่างที่พูด และยิ่งกรณีการรับรองบันทึกเจบีซี 3 ฉบับยิ่งสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย มิหนำซ้ำยังถูกประณามว่า “ขายชาติ” มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ เป็นใครก็ต้องชิ่งหนีไปให้ไกล

แต่สำหรับนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือว่าได้ถลำลงลึกไปเรื่อยๆ แล้ว และถ้าสัปดาห์หน้ารัฐสภายังไม่อาจรับรองบันทึกดังกล่าวได้อีก หรือถูกสมาชิกโหวตคว่ำเขาก็ต้องรับผิดชอบเต็มๆ จะปฏิเสธไม่ได้!!
กำลังโหลดความคิดเห็น