xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ผวาแผนแตก-เดินหน้าสลายพันธมิตรฯ ชุมนุม!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

หากพิจารณาจากปฏิทินตารางเวลาก็ต้องบอกว่า ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป เชื่อว่าอุณหภูมิทางการเมืองจะร้อนแรงไม่ต่างจากจากอุณหภูมิของสภาพอากาศในเดือนมีนาคม และเมษายน เริ่มจากวันนี้ (15 มีนาคม) ก็มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล

จากนั้นก็จะมีการพิจารณาร่างกฎหมายลูกจำนวน 3 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งเพื่อให้ทันกับเป้าหมายในการยุบสภาช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมท่ามกลางเสียงคัดค้านของพรรคร่วมรัฐบาล

วันที่ 19 มีนาคม “คนเสื้อแดง” นัดชุมนุมใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่ได้ชุมนุมมาแล้วเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ซึ่งคาดว่าจะมีการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างแรงกดดันแบบคู่ขนานในช่วงที่บรรดาแกนนำ “ฮาร์ดคอร์” หลายคนที่หลบหนี “คดีก่อการร้าย” ต่างทยอยเข้ามอบตัว และต้องได้รับการประกันตัวหมดทุกคน

ถัดมาวันที่ 22 มีนาคม คาดว่าจะมีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อรับรองบันทึกการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) จำนวน 3 ฉบับ ที่คณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนฯได้พิจารณาแก้ไขเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อวานนี้ (14 มีนาคม) ตัวแทนคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยที่นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้เดินทางไปที่อาคารรัฐสภาเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านไม่ให้สมาชิกรัฐสภาลงมติรับรองบันทึกการประชุมดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว

กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องหลักเกี่ยวเนื่องกันอีกกรณีหนึ่งที่เป็นสาเหตุให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและคนไทยรักชาติต้องออกมาปักหลักชุมนุมในครั้งนี้ และที่ผ่านมารัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พยายามซื้อเวลาด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาบันทึกเจบีซีดังกล่าว มีการขยายเวลาในการพิจารณาออกไปจนกระทั่งมีกำหนดนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภาในวันดังกล่าว แม้ว่า ประธานรัฐสภา ชัย ชิดชอบ จะอ้างว่ายังไม่ได้เห็นวาระบรรจุเข้าที่ประชุมก็ตาม

เมื่อพิจารณาในแต่ละเรื่อง แต่ละเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่น่าหวาดเสียวและหมิ่นเหม่ต่อการเกิด “อุบัติเหตุ” ด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะกรณีบันทึกเจบีซีทั้งสามฉบับดังกล่าวนั่นแหละที่จะมีโอกาสสร้างอารมณ์เดือดให้กับกลุ่มคนไทยรักชาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะสาเหตุที่ออกมาเพื่อปกป้องอธิปไตยเรียกร้องกดดันให้รัฐบาลผลักดันกัมพูชาออกไป แต่กลายเป็นว่าตรงกันข้าม กลับเสนอให้รัฐสภารับรองบันทึกการประชุมเจบีซี 3 ฉบับตามความต้องการของฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ทำให้มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดน โดยเฉพาะเรื่องการรับรองแผนที่อัตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ระวางดงรัก

ที่ผ่านมาหากติดตามข่าวสารก็จะพบว่า ฮุนเซนได้ประกาศท่าทีชัดเจนมาตลอดว่าจะไม่เข้าร่วมเจบีซีครั้งต่อไป หากรัฐสภาไทยไม่รับรองบันทึกเจบีซีทั้ง 3 ฉบับที่ผ่านมาเสียก่อน ซึ่งฝ่ายไทยก็กระเหี้ยนกระหือรือว่าจะประชุมกันในวันที่ 24-25 มีนาคมนี้

ดังนั้น หากพูดกันแบบไม่เกินเลยมันก็เหมือนกับว่า รัฐบาลไทยต้องการเอาใจ ฮุนเซน เพื่อที่จะให้เข้าร่วมประชุมเจบีซี อีกครั้งในปลายเดือนนี้

ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันถึงเจบีซี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ บันทึกความเข้าใจเรื่องการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชาปี 2543 (เอ็มโอยู 43) ซึ่งทางกลุ่มพันธมิตรฯได้คัดค้านมาโดยตลอด พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาล นายกฯ อภิสิทธิ์ ยกเลิกเอ็มโอยู 43 ดังกล่าวโดยทันที รวมทั้งให้ถอนตัวจากกรรมการมรดกโลก เนื่องจากทำให้ไทยเสียเปรียบ ทำให้เสียดินแดนให้กับกัมพูชาอย่างถาวร

ที่สำคัญการยอมรับเอ็มโอยู 43 และเจบีซีดังกล่าวย่อมหมายความว่า ไทยได้ยกเลิกข้อตกลงเมื่อกว่าร้อยปีก่อนระหว่างสยามกับฝรั่งเศสที่ได้ปักปันเขตแดนเรียบร้อยแล้ว โดยยึดเอาสันปันน้ำเป็นเส้นเขตแดน กลายเป็นว่า เราจะต้องมีปักปันเขตแดนใหม่ที่ใช้อัตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ของกัมพูชาที่ยึดเอาแผนที่ฝรั่งเศส ทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบ

หากมีการประชุมรัฐสภาเพื่อรับรองผลการประชุมเจบีซี ในวันที่ 22 มีนาคมตามข่าวจริง มันก็ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อรัฐบาลที่พยายามปิดบังและปิดเบือนไม่ให้ชาวบ้านได้รับรู้ แต่ที่ผ่านมาได้ถูกพันธมิตรฯและคนไทยที่รักชาติได้เปิดโปงและขัดขวางมาตลอด และหากยังเดินหน้าให้มีการประชุมรัฐสภาเพื่อรับรองบันทึกดังกล่าวตามกำหนด ทางหนึ่งมันก็ต้องผลักดันผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ออกไปให้ได้เสียก่อน และนี่คือเหตุผลสำคัญที่มีคำสั่งให้สลายกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งคาดว่าก่อนจะถึงสัปดาห์หน้าจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

กรณีบันทึกการประชุมเจบีซี 3 ฉบับที่กำลังจ่อเข้าสภา ถือว่า “ล่อเป้า” พันธมิตรฯได้เป็นอย่างดี เพราะเชื่อว่าจะต้องมีการเคลื่อนไหวคัดค้านอย่างเต็มที่แน่นอน ดังนั้นเชื่อว่ารัฐบาลต้องการ “ตัดเกม” เสียก่อนด้วยการหาทางสลายการชุมนุมให้พ้นไปจากพื้นที่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกทั้ง ตั้งแต่วันนี้ (15 มีนาคม) ก็จะเริ่มรายการ “ซักฟอก” มันก็ยิ่งสุ่มเสี่ยงเป็นทวีคูณ

ขณะเดียวกัน ในทางตรงกันข้าม การสลายการชุมนุมมันก็ทำให้เกิดการหายนะให้กับรัฐบาลได้เหมือนกัน แล้วแต่ว่าจะเสี่ยงแบบไหน!!
กำลังโหลดความคิดเห็น