xs
xsm
sm
md
lg

พธม.เตือนสภาผ่านเจบีซีเจอฟันอาญาแน่ แฉทุนพรรคร่วมฮั้ว “ฮุนเซน” หาประโยชน์พระวิหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (แฟ้มภาพ)
“ลุงจำลอง” เผยไปสภาเตือนสมาชิกรัฐสภา หนุนเจบีซีมีสิทธิโทษถึงประหาร “ปานเทพ” ย้ำเสี่ยงเสียดินแดน สละการปักปันเขตแดนในอดีต เล็งยื่น ป.ป.ช.ฟันอาญา “ประพันธ์” แฉทุนพรรคร่วมรวมหัว “ฮุนเซน” หาประโยชน์พื้นที่พระวิหาร ดึงมหาอำนาจเอี่ยว


วันนี้ (14 มี.ค.) ที่สะพานมัฆวานฯ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวถึงกรณีการคัดค้านการพิจารณารับรองบันทึกผลการประชุมคณะกรรมาธิการ เขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี ทั้ง 3 ฉบับของที่ประชุมรัฐสภา ด้วยว่า เราคัดค้านเรื่องนี้มาตั้งการนำเรื่องนี้เข้าสู่รัฐสภาครั้งแรก ตั้งแต่ 26 พ.ย.53 และ 2 ธ.ค.53 ที่มีการชุมนุมหน้ารัฐสภา เมื่อเห็นประชาชนจำนวนมากไม่เห็นด้วย ทางรัฐสภาจึงเลื่อนการพิจารณา โดยตั้งกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณา และคาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาในวันที่ 22 มี.ค.ที่จะถึงนี้ ทางพันธมิตรฯและคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย จึงต้องทำหนังสือเพื่อเป็นการเตือนถึงสมาชิกรัฐสภาทุกคนว่า หาก ส.ส.หรือ ส.ว.คนใด สนับสนุนให้ร่างบันทึกการประชุมทั้ง 3 ฉบับ ผ่านการรับรองของรัฐสภา จะต้องมีความผิด และถูกฟ้องคดีให้ถึงที่สุด โดยมีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต

ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า ในเวลา 11.00 น. พล.ต.จำลอง นายประพันธ์ และตน จะเดินทางไปยื่นหนังสือเพื่อเป็นลายลักษณ์อักษรให้ ส.ส.และ ส.ว.ทราบว่า หากมีการพิจาณารับรองบันทึกเจบีซี 3 ฉบับ จะก่อให้เกิดผลที่จะทำให้ประเทศไทยสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดน โดยในบันทึกเจบีซีนี้ได้มีข้อกำหนดว่าต้องมีการปักปันหลักเขตแดนบริเวณเขาพระวิหาร จากเดิมซึ่งมีการปักปันกันเรียบร้อยแล้วเมื่อกว่า 100 ปีก่อน โดยยึดขอบหน้าผาเป็นสันปันน้ำ การทำหลักเขตแดนใหม่เท่ากับสละผลงานการปักปันเขตแดนระหว่างสยามและฝรั่งเศส ทั้งยังมีการระบุถึงการรับรองเอ็มโอยู 2543 และทีโออาร์ 2546 รวมทั้งแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่จะนำไปจัดทำหลักเขตแดนนี้ด้วย ซึ่งรัฐบาลไทยไม่เคยยืนยันในเวทีนานาชาติ ย่อมทำให้ประเทศสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน

นายปานเทพกล่าวอีกว่า ยังมีในส่วนของข้อตกลงชั่วคราวให้ถอนกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ออกจากพื้นที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ทั้งที่เป็นผืนแผ่นดินไทย ซึ่งหากไม่มีกำลังทหารประจำการอยู่ กัมพูชาสามารถนำพื้นที่เข้าสู่แผนบริหารจัดการมรดกโลกได้ต่อไป ที่สำคัญยังระบุให้ทั้ง 2 ประเทศยึดถือการเจรจา โดยการถอนทหาร และเปิดโอกาสให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซง ซึ่งถือเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการสูญเสียดินแดน ดังนั้นการยื่นหนังสือครั้งนี้ เพื่อให้ ส.ว.และ ส.ส.รู้ว่าหากมีการรับรองบันทึกเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119, 120 และ 157 โทษมีเพียง 2 ทางคือ จำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตแม้จะอ้างว่ารัฐบาลจะแก้ไขในอนาคต ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแผลงบันทึกการประชุมที่รับรองไปแล้ว และกัมพูชาจะสามารถนำไปอ้างในเวทีนานาชาติ โดยเฉพาะในเวทีคณะกรรมการมรดกโลกว่า รัฐสภาไทยให้การรับรองแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 รวมทั้งยอมรับว่าฝ่ายไทยรุกรานกัมพูชาตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 จากคำปราศรัยของนายวาร์ คิมฮง ประธานแทนเจบีซีฝ่ายกัมพูชาอีกด้วย

“หากรับทราบแล้วยังดำเนินการต่อไป พันธมิตรฯ จะยื่นต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ดำเนินคดีทางอาญา หลังจากที่รัฐสภาลงมติแล้ว เพราะจะเป็นผลเสียหายต่อประเทศไทย และเป็นข้อได้เปรียบของกัมพูชา ทั้งนี้ยังจะเป็นหลักฐานว่าสมาชิกรัฐสภารับรู้ข้อเท็จจริงแล้ว ก่อนมีการลงมติ หากยังฝืนลงต่อไป ก็จะมีองค์ประกอบที่ครบถ้วนว่า กระทำผิดกฎหมายโดยที่รู้อยู่แล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่ลงมติรับรอง” นายปานเทพกล่าว

ขณะที่ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวเสริมว่า ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากประชาชนและผู้รู้ จึงน่าแปลกใจว่าเหตุใดรัฐบาลจึงเดินหน้าในทุกเรื่องที่ทำให้ประเทศเสียเปรียบ ซึ่งตนทราบมาว่า ขณะนี้ความร่วมมือของรัฐไทย โดยกลุ่มทุนในพรรคร่วมรัฐบาลกับนายฮุนเซน นายกฯกัมพชา ในการหาประโยชน์ร่วมกัน โดยมีการดึงประเทศมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งประเทศญี่ปุ่น ที่จะมีประโยชน์ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และบ่อนกาสิโนในบริเวณปราสาทพระวิหาร รวมทั้งผลประโยชน์ด้านพลังงานอีกมหาศาล
กำลังโหลดความคิดเห็น