xs
xsm
sm
md
lg

พธม.ยื่น ป.ป.ช.ฟัน “มาร์ค” อีกพรุ่งนี้ เมินรัฐต่อ พ.ร.บ.มั่นคง ซัดพวกขายชาติรับรอง JBC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปานเทพ” ขู่ใครรับรองเจบีซีระวังเจอคดีอาญา ถูกตราหน้าเป็นคนขายชาติ แฉบันทึกเจบีซี 43 ตบหน้า “มาร์ค” ยันไทยถกทวิภาคีเขมรก่อนมีเอ็มโอยูแล้ว เชื่อเลื่อนถกที่อินโดฯ หวังสอดรับสภาไทยผ่านร่างฯ เมินรัฐต่อ พ.ร.บ.มั่นคง ยันชุมนุมไม่กระทบผังงานกาชาด - ยื่นฟ้อง ป.ป.ช.ฟัน “มาร์ค” อีกพรุ่งนี้

วันนี้ (20 มี.ค.) ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนจะเป็นตัวแทนคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยเพื่อไปยื่นหนังสือ เพื่อคัดค้านการพิจารณาร่างบันทึกการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ทั้ง 3 ฉบับ ของที่ประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 29 มี.ค.นี้ โดยครั้งนี้ถือเป็นการเตือนครั้งที่ 2 หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยได้เพิ่มบทความเรื่อง “จุดยืนที่เหนือกว่า” โดย ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล ในหนังสือที่จะยื่นถึงสมาชิกรัฐสภาทุกคนผ่านทางสำนักเลขาธิการวุฒิสภาในวันนี้ด้วย

นายปานเทพกล่าวต่อว่า ในบทความของ ศ.ดร.สมปอง ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และยังเป็นอดีตคณะทนายผู้ประสานงานคดีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 ด้วย ได้ให้แสดงข้อคิดเห็นว่าเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาได้ปักปันแล้วเสร็จมากว่า 103 ปี ตั้งแต่สมัยที่เป็นสยามและฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมของกัมพูชา แต่หากที่ประชุมร่วมรัฐสภารับรองร่างบันทึกเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ จะเป็นการยอมรับให้มีการปักปันเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชาใหม่ และสละผลงานการปักปันเขตแดนที่เสร็จสิ้นไปเมื่อ 103 ปีที่แล้วที่ยอมรับใช้สันปันน้ำเป็นเส้นเขตแดนบริเวณเขาพระวิหารอีกด้วย

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ศ.ดร.สมปองยังได้ระบุด้วยว่า เอ็มโอยู 2543 นั้นเป็นมหันตโทษต่อประเทศชาติ เนื่องจากมีเงื่อนงำหมกเม็ดแผนที่มาตราส่งวน 1 ต่อ 200,000 ที่ฝรั่งเศสกระทำโดยฝ่ายเดียวอีกด้วย ทางคณะกรรมการฯจึงได้ทำหนังสือขอให้สมาชิกรัฐสภาลงมติไม่รับรองบันทึกเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ เพื่อเป็นหนทางให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ของชาติครั้งนี้ และได้กล่าวเตือนอีกว่าหาก ส.ว.และ ส.ส.คนใดลงมติรับรองบันทึกการประชุมดังกล่าว นอกจากจะถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่าได้ทำให้ประเทศชาติสูญเสียดินแดนอธิปไตยอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน และยังถือเป็นการกระทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119, 120 และ 157 ซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต ซึ่งภาคประชาชนจำเป็นต้องดำเนินคดีอาญาอย่างถึงที่สุด

“การพิจารณาบันทึกการประชุมเจบีซีครั้งนี้เป็นการพิจารณาเพื่อรับรองหรือไม่รับรอง ไม่สามารถแปรญัตติหรือแก้ไขข้อความได้ ดังนั้น การรับปากของนายกฯหรือการตั้งข้อสังเกตที่คณะกรรมาธิการฯของรัฐสภา นั้นก็ไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้น หากรัฐสภาไทยรับรองบันทึกเจบีซีที่เสร็จสิ้นไปแล้ว ทางกัมพูชาก็สามารถนำไปอ้างในเวทีนานาชาติได้ว่า ประเทศไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 และยังยอมรับว่าไทยรุกรานกัมพูชาตามคำปราศรัยของนายวาร์ คิม ฮง ผู้แทนเจบีฝ่ายกัมพูชาอีกด้วย” นายปานเทพกล่าว

ในโอกาสนี้ นายปานเทพยังได้เปิดเผยร่างบันทึกรายงานการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ครั้งที่ 2 ลงวันที่ 9 มิ.ย.2543 ที่ระบุถึงการเตรียมการจัดทำเอ็มโอยู 2543 พร้อมกล่าวว่า หนังสือฉบับนี้แสดงให้เห็นว่าแม้จริงแล้วเอ็มโอยู 2543 เกิดมาจากการประชุมของคณะกรรมการเจบีซี เนื่องจากการประชุมครั้งที่ 2 ของเจบีซีนั้นเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 มิ.ย. 2543 แต่เอ็มโอยู 2543 ลงนามในวันที่ 14 มิ.ย. 2543 โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รมช.ต่างประเทศในขณะนั้น ซึ่งหมายความว่าที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พยายามกล่าวอ้างบิดเบือนต่อสาธารณชนว่าหากมีการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 จะทำให้ไม่มีกลไกการเจรจาแบบทวิภาคีนั้นเป็นการกล่าวเท็จ เนื่องจากมีหลักฐานที่ระบุชัดเจนว่าก่อนหน้าที่จะมีเอ็มโอยู 2543 นั้น ไทยและกัมพูชาก็มีการเจรจาในระดับทวิภาคีอยู่แล้ว ผ่านคณะกรรมาธิการเจบีซี

“การยกเลิกเอ็มโอยู 2543 ไม่ได้เป็นการทำลายกลไกระดับทวิภาคี เพราะก่อนมีเอ็มโอยู 2543 ไทยกับกัมพูชาก็มีเจบีซีอยู่แล้ว และมีการประชุมกันอย่างต่อเนื่อง เราจึงขอยืนหยัดเรียกร้องเหมือนเดิมให้รัฐบาลไทยยกเลิกเอ็มโอยู 2543 รวมทั้งไม่รับรองบันทึกเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งจะทำให้คณะกรรมาธิการเจบีซีต้องไปประชุมกันใหม่เพื่อให้เกิดข้อตกลงที่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย” โฆษกพันธมิตรฯ กล่าว

นายปานเทพ ยังตั้งข้อสังเกตกับการเลื่อนการประชุมเจบีซีซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซียจากวันที่ 24-25 มี.ค.ไปเป็นวันที่ 7-8 เม.ย.ที่จะถึงนี้ว่า สอดรับการกับการเลื่อนพิจารณาร่างบันทึกการประชุมเจบีซีของรัฐบาลไทยจากวันที่ 22 มี.ค.เป็นวันที่ 29 มี.ค. โดยตนเห็นว่าเป็นการวางเกมให้มีการผ่านบันทึกเจบีซีทั้ง 3 ฉบับก่อน เพื่อให้อาเซียนสามารถส่งทหารอินโดนีเซียเข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่ได้อย่างชอบธรรม เนื่องจากในบันทึกมีระบุถึงการให้ทหารของทั้งไทยกับกัมพูชาออกจากพื้นที่

ส่วนแนวโน้มที่จะมีการเสนอให้ขยายการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงออกไปอีก 30 วันนั้น โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า ไม่กระทบต่อการชุมนุม ที่ผ่านมาก็มีการประกาศโดยไม่ได้กระทบการชุมนุม รวมทั้งการอ้างถึงพื้นที่การจัดงานกาชาด ก็ตรวจสอบจากผังงานในปีนี้ และในปีก่อนๆแล้วปรากฎว่าไม่ได้กินพื้นที่มาถึงพื้นที่การชุมนุมแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อปี 53 ทางตำรวจเองก็เป็นผู้เสนอให้กลุ่มคนเสื้อแดงใช้พื้นที่การชุมนุมบริเวณถนนพิษณุโลก ในขณะที่มีการจัดงานกาชาด ซึ่งใช้พื้นที่มากกว่าคณะของกองทัพธรรมในตอนนี้ด้วยซ้ำ

“เรายังคงชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีความกังวลใดๆ เพราะโดยสิทธิหรือข้อกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะมาสลายการชุมนุมได้ อีกทั้งการดดำเนินการที่ผ่านมาตรวจสอบแล้วพบว่า ในคำสั่งและปฏิบัติการทั้งหมดไม่มีคำสั่งที่ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง รวมทั้ง ผบ.ตร.ด้วย ดังนั้น หากเกิดเหตุก็จะมีคนรับผิดเพียงไม่กี่คน โดยที่ไม่เกี่ยวกับบุคคลในระดับสั่งการเลย ดังนั้นเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติก็ต้องพิจารณาและประเมินความเสี่ยงในการถูกดำเนินคดีทางกฎหมายด้วย” นายปานเทพกล่าว

ขณะที่ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยมีคณะกรรมการเจบีซี ซึ่งย่อมาจาก Joint border committee กับทุกประเทศที่มีชายแดนติดต่อกัน ทั้งพม่า ลาว หรือมาเลเซีย โดยมีหน้าที่พิจารณาข้อพิพาทเกี่ยวกับชายแดนที่เกิดขึ้น โดยยึดถือสนธิสัญญาที่สองประเทศมีต่อกัน แต่มีเพียงกัมพูชาเท่านั้นที่เรามีข้อตกลง หรือเอ็มโอยู เพิ่มเติมขึ้นมาด้วย เนื่องจากมีผลประโยชน์ของนักการเมือง ทั้งทางการค้าและด้านพลังงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น การที่รัฐบาลไทยยังพยายามยึดถือเอ็มโอยู 2543 และเดินหน้าให้รัฐสภาพิจารณารับรองบันทึกเจบีซี ก็เป็นไปเพราะต้องการแสดงความจริงใจกับทางกัมพูชา และนายฮุนเซน ทั้งที่ประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์ใดๆ

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า หากนายอภิสิทธิ์มีความตั้งใจว่าจะยุบสภาในช่วงต้นเดือน พ.ค.จริง เหตุใดจึงต้องเร่งรีบที่จะให้รัฐสภารับรองบันทึกเจบีซี ทั้งที่สามารถชะลอการพิจารณาออกไปได้ โดยอ้างว่าจะมีการยุบสภาในไม่ช้า แต่รัฐบาลกลับเลือกที่จะตอบสนองความต้องการของรัฐบาลนายฮุนเซนที่กดดันมาโดยตลอด กลายเป็นความสมประโยชน์ให้แก่นายฮุนเซน

อนึ่ง ในวันพรุ่งนี้ (22 มี.ค.) เวลา 11.00 น. นายปานเทพจะเป็นผู้แทนคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย เพื่อไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินคดีต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและพวก ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีที่ยึดแนวทางตามเอ็มโอยู 2543 ทั้งที่ไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา



กำลังโหลดความคิดเห็น