xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” เหน็บมาตรฐาน รบ. ใครหน้าด้าน-ตอแหล-แจกเงินเป็นก็เป็นนายกฯ ไทยได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 นายประพันธ์ คูณมี
“ประพันธ์” สับ “มาร์ค” รายวัน ชี้ทำมาตรฐานนายกฯ ไทยต่ำสุดขีด ใครหน้าด้าน ตอแหล แจกเงินเป็น ก็เป็นนายกฯ ได้แล้ว ระบุจ่อตอกฝาโลงไทยสูญเสียแผ่นดินเป็นลายลักษณ์อักษร ยังดื้อตาใสเดินหน้าขายชาติ คาดนำเจบีซีเข้าสภาเร็วๆ นี้ สุดเดือด! อัดตระกูลเวชชาชีวะไม่เคยสั่งสอนให้รู้จักรักชาติรักแผ่นดิน ย้ำเจบีซีผ่านสภา “มาร์ค” ผิดอุกฉกรรจ์เตรียมรับกรรม ทำให้เสียดินแดน-เจตนาไม่ผ่านประชาพิจารณ์



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”  

วันที่ 20 มี.ค. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ต่อสู้ด้วยเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ปกป้องราชอาณาจักร และเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎกติกาของรัฐธรรมนูญ เป็นการรวมยอดภารกิจที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมด นอกจากขับไล่คนขายชาติแล้วเรายังปกป้องแผ่นดินด้วย

นายประพันธ์กล่าวว่า เป็นความคิดที่โง่เขลาที่สุดของรัฐบาลที่ไม่เคยให้ความสนใจต่อข้อท้วงติงของประชาชน คิดว่าการนิ่งเฉยจะทำให้รัฐบาลสามารถชนะพลังประชาชนได้ และสามารถมอมเมาประชาชนไม่ให้เข้าร่วมต่อสู้กับพวกผู้ชุมนุม พยายามคิดโดดเดี่ยวการต่อสู้ของพวกพวกเรา ทั้งที่บนเวทีชุมนุมได้พิสูจน์แล้วโดยมีหลักฐานต่างๆ มากมายที่เราสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน กลับพยายามทำลายหนทางการเรียกร้องของประชาชนทุกวิถีทาง ดังนั้น การกระทำของรัฐบาลคือการทำลายประเทศชาติ ทำลายประชาชนของตัวเอง

“นายอภิสิทธิ์ปากแข็ง บอกประเทศไทยยังไม่เสียดินแดนตราบใดที่ยังไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญา หรือยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา แม้จะมีกองกำลังของกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานปืนใหญ่บริเวณเขาวิหาร สร้างถนนก็ตามที อย่างไรก็ดี ในช่วงแรกนายอภิสิทธิ์ออกมาเถียงข้างๆ คูๆ เมื่อพันธมิตรฯ ไขความจริงออกมาทำให้รัฐบาลหุบปากไม่กล้าโต้แย้งเวทีชุมนุม ไม่กล้าชี้แจงประชาชนว่าทำไมถึงไม่ดำเนินการใดๆ ต่อฝ่ายกัมพูชา กลับยิ่งถล่ำลึกให้อินโดนีเซียเข้ามาแทรกแซง”

นายประพันธ์กล่าวว่า ร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทยกัมพชา หรือเจบีซี นายอภิสิทธิ์เสนอเข้ารัฐสภาไปนานแล้ว และเราก็เคยชุมนุมคัดค้านที่หน้ารัฐสภามาแล้ว ทำให้เรื่องนี้ค้างอยู่ในวาระการประชุม แต่ทั้งนี้หลังจากผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอภิสิทธิ์ยังเดินหน้าเอาเรื่องนี้เข้าสภาต่อ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นวันที่ 22 ถ้าไม่ทันก็วันที่ 29 มี.ค. 2554 แสดงให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์ยังเดินหน้าขายชาติขายแผ่นดินต่อไป

อย่างไรก็ดี หากให้ร่างเจบีซีผ่านสภาจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่สุด เพราะถือเป็นการยอมรับการสูญเสียแผ่นดินเป็นลายลักษณ์อักษร โดยความเห็นชอบของสภาไทย เท่ากับเรายอมยกแผ่นดินไทยให้กัมพูชา ไปรับรองการปักปันสำรวจเขตแดนใหม่โดยสละหลักเขตที่มีอยู่ดังเดิมทั้งหมด แล้วจะเอาอะไรไปโต้แย้งเขมรไม่ได้เลยความผิดอุกฉรรจ์ร้ายแรงนี้กัมพูชาจะเอาเป็นข้ออ้างในทุกเวทีโลก นายอภิสิทธิ์จะโยนความผิดไปให้รัฐสภาไม่ได้ เพราะเสียงข้างมากคือพรรคร่วมรัฐบาล นี่คือการบริหารที่ผิดพลาด ไร้เดียงสา อ่อนหัดและปัญญาอ่อนของนายอภิสิทธิ์

“หากเจบีซีผ่านสภา ความผิดของนายอภิสิทธิ์นอกจากผิดอาญาฐานทำให้เสียแผ่นดิน ส.ส.ทุกคนที่ลงนามให้ความเห็นชอบจะต้องได้รับโทษเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังเจตนาทำความผิดเพราะร่างเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ ยังไม่เคยผ่านการทำประชาพิจารณ์จากประชาชนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190”

นายประพันธ์กล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ที่บริหารบ้านเมืองโดยทำผิดกฎหมายสร้างความเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างมาก แต่ยังไม่สำนึก มีแต่ความหน้าดั้านสมเป็นตระกูลด้านชาชีวะ ตนไม่นึกว่าจะมีนักการเมืองเลวอย่างนายอภิสิทธิ์อยู่บนแผ่นดินไทย ดังนั้นจำเป็นต้องประณามคนคนนี้ไปตลอดชาติว่า คุณคือคนเลว ระยำ บัดซบ ไมน่าเกิดเป็นคนไทยบนแผ่นดินไทยเลย ขอกราบเรียนตรงๆ หากนายอภิสิทธิ์ไม่พอใจจะเอาอย่างไรกับตนก็ได้ บอกเลยว่า โคตรเหง้าคุณไม่เคยสั่งสอนให้คุณรู้จักรักชาติรักแผ่นดิน สั่งสอนให้เห็นแก่้ตัวเห็นแก่ตัว ละโมบโลภมาก อยากเป็นใหญ่แต่ไม่มีสำนึก ตนอ่านประวัติโครตเหง้าของคุณไม่มีแม้แต่คนเดียวเคยออกศึกปกป้องบ้านเมือง มีแต่วิ่งเต้นแสวงหาอำนาจสอพลอเจ้าขุนมูลนาย

บ้านเมืองมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่สำนึกนั่งหน้าด้านอยู่อีก พูดเอาดีใส่ตัวคิดยุบสภาหาทางมาเป็นนายก ตนบอกได้เลยน้ำหน้าอย่างคุณไม่มีวันได้กลับมาเป็นนายกฯ อีก ถ้าตนยังไม่ตาย แล้วคุณยังโชคดีได้กลับมาเป็นนายกฯ รับรองได้เลยชาตินี้ไม่มีวันอยู่เป็นสุข ตนไม่ได้พูดเพราะแค้นเป็นการส่วนตัว แต่เกลียดคนทรยศชาติ

นายประพันธ์กล่าวว่า ตั้งแต่ประเทศไทยมีนายกฯ มาไม่เคยมีใครน่าสมเพชเวทนาอย่างนายอภิสิทธิ์ ทำให้มาตรฐานนายกฯ ตกต่ำที่สุด ไม่เคยมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันให้ชื่นชมได้เลย มีแต่แหลไปแหลมา ที่บอกมาตรฐานต่ำ เพราะหากใครตอแหลเป็น แจกเงินเป็น หน้าด้านมีปัญหาอะไรก็ท่องด้านไว้ ประชาชนจะตายก็ช่างมัน และที่สำคัญหากยอมให้เขาเชิด ทนอยู่กับความทุจริตได้ เท่านี้ก็เป็นนายกฯ ได้แล้ว

ตนถึงบอกว่าวันนี้มาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ เราผ่านการเลือกตั้งมา 25 ครั้ง มีรัฐธรรมนูญใช้มา 18 ฉบับ เราไม่ได้ต้องการนักเลือกตั้งแต่เราต้องการผู้นำประเทศ นำพาบ้านเมืองไปข้างหน้า ทำให้ประชาชนอยู่อย่างเป็นสุข ทั้งนี้ หากรัฐบาลดึงดันผ่านเจบีซี วันนั้นจะต้องเป็นวันสำคัญที่สุดของชาติ ประชาชนทั่วประเทศจะผนึกกำลังครั้งใหญ่หยุดสภาไม่ให้ขายชาติให้จงได้

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า แม้สภาจะโหวตไว้วางใจรัฐบาลอย่างไรก็ตาม แต่หากมองตามความรู้สึกประชาชนและความถูกต้องแล้ว รัฐบาลไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนถึง 70% มาถึงวันนี้น่าจะจบแล้ว รัฐบาลตายไปจากความรู้สึกของประชาชนนานแล้ว ตนอยากเรียนเชิญพี่น้องเราต้องออกมาทำเพื่อชาติบ้านเมือง มิเช่นนั้นนักการเมืองจะคิดว่าเรายอมจำนนยอมก้มหัวให้เขาจะโกงกินบ้านเมืองอย่างไรก็ได้

คำต่อคำ “ประพันธ์ คูณมี”ปราศรัย

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่านครับ และกราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องที่รับชมรับฟังอยู่ทางบ้าน และที่ติดตามการชุมนุมอยู่ที่ต่างประเทศทุกท่านนะครับ ด้วยความคารวะอย่างยิ่งครับ

พี่น้องที่เคารพรักครับ วันนี้ผมมาพบกับพี่น้องในเวลาที่จบจากเวทีเสวนาเช่นเคยครับ ผมเข้าใจว่า ตั้งแต่เช้ามาแล้ว พ่อแม่พี่น้องคงจะได้ติดตามข้อมูลข่าวสาร สถานการณ์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และในช่วงเช้ามืดก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาข่มขู่พวกเราอยู่เป็นระยะๆ

คงเป็นเรื่องที่ไม่ผิดปกตินะครับพี่น้อง เพราะว่าความพยายามของรัฐบาลที่จะสลายการชุมนุมของพวกเรานั้นมีอยู่ตลอดเวลา อย่างที่ท่าน พล.ร.ท.ปทีป กล่าวกับพี่น้องเมื่อช่วงเย็น สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ครับพี่น้อง ผมคิดว่าไม่มีเหตุผลอื่นใดเลยที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องการสลายการชุมนุมของพี่น้องประชาชน มันแปลกไหมครับ การชุมนุมของพี่น้องประชาชนพันธมิตรฯ และกลุ่มพลังรักชาติ รวมพลังปกป้องแผ่นดิน ปกป้องราชอาณาจักร ที่เรายืนหยัดมาจนกระทั่งถึงวันที่ 55-56 แล้วนะครับ เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยทุกอย่าง อยู่ภายใต้กฎกติกา กฎหมายรัฐธรรมนูญทุกประการครับ ปรบมือให้กับพวกเราด้วยครับ ผมคิดว่าไม่มีการชุมนุมครั้งใดของพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ผมได้มีโอกาสสัมผัสและเข้าร่วมทุกครั้ง จะเป็นการชุมนุมที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความสง่างาม และมีความชัดเจนในภารกิจว่า การมาชุมนุมครั้งนี้ มาชุมนุมเพื่อปกป้องแผ่นดิน พิทักษ์เอกราชประชาธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนและอาณาเขตของประเทศไทยทุกตารางนิ้ว ด้วยความยากลำบากของพี่น้องประชาชน เป็นการชุมนุมที่เป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นการต่อสู้ที่มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครับพี่น้อง

การชุมนุมขับไล่รัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านๆ มา เป็นการกำจัด หรือขับไล่บุคคลที่ใช้อำนาจในการบริหารชาติบ้านเมืองแล้วทำให้เกิดความเสียหาย นั่นก็คือ เรามุ่งไปที่ตัวบุคคล มุ่งไปที่คณะผู้บริหารบ้านเมือง แต่ว่าครั้งนี้รวมศูนย์ทั้งหมด รวมยอดทั้งหมด และมีคุณค่าทั้งหมด เพราะไม่เพียงเป็นการชุมนุมเพื่อปกป้องแผ่นดิน ปกป้องเอกราช อธิปไตยของเราเท่านั้น ยังเป็นการชุมนุมเพื่อขจัดคนที่ขายชาติ ทำลายชาติ และไม่ปกป้องอธิปไตย ยังเป็นการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลที่ทรยศชาติ ทรยศประชาชน ทุจริต คดโกง รวมความทั้งหมด รวมทั้งการต่อสู้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ว่าด้วยเรื่องปากท้อง ชีวิตความเป็นอยู่ และความไม่เป็นธรรมทั้งหมดในบ้านเมือง ผมถึงกล่าวได้ว่า การชุมนุมครั้งนี้รวมภารกิจที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดมาอยู่ในการชุมนุมครั้งนี้ เพราะฉะนั้นความภาคภูมิใจ และความมีคุณค่า ความมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของพี่น้องประชาชนนั้น ผมจึงคิดว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมครั้งที่มีความหมาย และยิ่งใหญ่ที่สุดครับพี่น้องครับ

พี่น้องที่เคารพรัก ผมคิดว่าจำเป็นต้องพูดทวนอีกครั้งหนึ่งกับพ่อแม่พี่น้องที่นี่ และที่รับชมรับฟังอยู่ทางบ้าน หรือที่อยู่ต่างประเทศ ทั่วโลกก็ตาม เราชุมนุมมา 55-56 วันแล้ว แต่ก่อนที่เราจะมาชุมนุมนั้น เราได้จัดเวทีทางวิชาการ เสวนาไปทั่วประเทศ เพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับพี่น้องประชาชน เพื่ออธิบายและชี้แจงถึงความเป็นมาและเหตุผลว่า ทำไมเราจึงไม่มีทางเลือก และทำไมต้องมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลทำหน้าที่ของตนเองเพื่อปกป้องดินแดนและอธิปไตยของประเทศ ผมคิดว่าตลอดเวลาที่เราได้ทุ่มเทเพื่อให้ข้อมูลให้ความรู้กับประชาชนทั้งชาตินั้น ก็เพราะว่า เราเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องสำคัญ แต่มันตรงกันข้ามครับพี่น้อง ในขณะที่พวกเราเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญมากๆ และสำคัญที่สุดในชีวิตของประชาชนที่เกิดมาเป็นคนไทย แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และบรรดานักการเมือง พรรคการเมืองทุกพรรค ไม่เคยให้ความสำคัญ ให้ความสนใจ และทำเป็นหูทวนลมตรงกันข้าม กลับหาทางทำลายทำร้ายการต่อสู้ของพี่น้องประชาชนทุกวิถีทาง นี่จึงเป็นเรื่องที่เราจะต้องสรุปให้ได้ ค้นหาคำตอบให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลประเทศไทย กับนักการเมืองไทย และพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ว่าทำไมจึงเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่สำคัญ และคิดว่าการทำเป็นนิ่งเฉย ทำเป็นหูทวนลม ทำเป็นไม่สนใจใยดี จะทำให้เขาสามารถเอาชนะพลังของประชาชนได้ และคงจะสามารถหลอกลวง มอมเมาให้ประชาชนไทยไม่มาร่วมต่อสู้กับพวกเรา และพยายามคิดว่าจะเป็นการโดดเดี่ยวการต่อสู้ของพวกเรา พี่น้องครับ นั่นเป็นความคิดที่อัปยศและโง่เขลาที่สุดของนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลชุดนี้ การที่เขาทำทุกวิถีทาง เพื่อจะเอาชนะประชาชนผู้ชุมนุมนั้น มันก็คือ การทำร้ายทำลายประเทศชาติ แผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง และทำลายคนไทยทุกคนในแผ่นดินนี้ หาได้มีเกียรติภูมิอะไรเลย แต่นายอภิสิทธิ์และรัฐบาลคณะนี้ยังมิได้สำนึก

พี่น้องครับ การชุมนุมครั้งนี้ผมจะต้องขออนุญาตทบทวนกับพี่น้องอีกนิดนึง เพราะว่ากำลังจะถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งสำคัญ ที่ผมกราบเรียนพี่น้องว่า เป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งสำคัญ เพราะว่า เราชุมนุมที่ผ่านมานั้น รัฐบาลนายอภิสิทธิ์และกลุ่มนักวิชาการที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ แม้กระทั่งนักการเมืองบางพวกบางเหล่าที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์อยู่ พยายามจะบอกกับประชาชนว่า ประเทศไทยยังไม่เสียดินแดน ตราบใดที่เราไม่ได้ลงนามในสนธิสัญญายกดินแดนอธิปไตยให้กับกัมพูชา และยังไม่ผ่านกระบวนการ ขั้นตอนความเห็นชอบของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ ถือว่าประเทศไทยยังไม่เสียดินแดน นี่คือคำพูด คำแถลง และคำแก้ตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

แม้ว่าจะมีกองกำลังของกัมพูชาเข้ามายึดครองดินแดนไทยบริเวณปราสาทพระวิหาร ตัดถนนขึ้นมาบริเวณภูมะเขือ ตั้งฐานปืนใหญ่และกองกำลังบริเวณปราสาทพระวิหาร ยิงใส่คนไทย คนไทย 7 คนไปตรวจพื้นที่ตามคำร้องเรียนของพี่น้องประชาชนในเรื่องที่ทำกิน บริเวณบ้านหนองจาน ก็ถูกกัมพูชาจับตัวไป เอาตัวขึ้นศาลตัดสินจำคุก จนกระทั่งทุกวันนี้ คุณวีระ ราตรียังไม่ได้ออกจากคุก นายอภิสิทธิ์ก็ยังปากแข็ง และยังหน้าด้าน บอกว่าประเทศไทยยังไม่เสียดินแดนครับพี่น้อง ไม่ว่าเราจะบอก ให้ข้อมูล ให้ข้อเท็จจริง ให้รายละเอียดถึงพฤติกรรมของรัฐบาลประเทศกัมพูชา และทหารกัมพูชาที่คุกคามเข้ามายึดครองดินแดนประเทศไทย ตลอดแนวอาณาเขตระหว่างไทย-กัมพูชา เพียงใดเขาก็ไม่ฟัง และทำเป็นหน้าด้าน ดื้อด้าน เถียงข้างๆ คูๆ อยู่ตลอดเวลาในช่วงแรกๆ ของการชุมนุม แต่ครั้นเมื่อต่อมาไม่สามารถโต้แย้งพวกเราได้ เขาก็เงียบ หุบปากไม่กล้าโต้เถียง โต้แย้งเวทีการชุมนุมนี้แต่อย่างใดเลย

แต่พี่น้องครับ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่หุบปากและไม่ยอมโต้แย้งกับพี่น้องประชาชน ไม่ยอมโต้แย้งกับเวทีชุมนุมนี้ ไม่ยอมชี้แจงอธิบายประชาชนในประเทศนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่ดำเนินการใดๆ กับฝ่ายกัมพูชาที่เข้ามายึดครองดินแดนไทย นายอภิสิทธิ์กลับไม่นิ่งเฉยครับ เขากำลังเดินหน้าจะถลำลึกเข้าไปในการจะให้อินโดนีเซีย และ UNSC เข้ามาแทรกแซง ก้าวก่ายข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา ดังที่ผมได้กราบเรียนไปแล้วว่า จะมีการนัดหมายเพื่อประชุมคณะกรรมการเจบีซี หรือการประชุมทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 7-8 เมษายน นี่คือการเดินหน้าเพื่อให้อินโดนีเซียส่งตัวแทนมาฝ่ายไทย 15 คน ฝ่ายกัมพูชา 15 คน เข้ามาสังเกตการณ์บริเวณตลอดแนวชายแดนที่มีปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา เรื่องนี้ยังเดินหน้าอยู่ไม่หยุดครับพี่น้องครับ

แต่เรื่องที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ร่างบันทึกการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือที่เราเรียกว่า JBC 3 ฉบับนั้น ขณะนี้นายอภิสิทธิ์เสนอเข้าสภาไปนานแล้ว และเราเคยไปชุมนุมประท้วงคัดค้านที่หน้ารัฐสภา มาตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน มาแล้ว ที่จะคัดค้านการนำร่าง JBC ทั้ง 3 ฉบับ เข้าขอความเห็นชอบต่อรัฐสภา เรื่องนี้ยังอยู่ในวาระการประชุมของรัฐสภา และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ หลังจากผ่านญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังจะเดินหน้าเอาเรื่องนี้เข้าสภา ซึ่งเราคาดว่าจะเข้าวันที่ 22 ถ้าไม่ทันวันที่ 22 น่าจะเลื่อนไปเป็นวันที่ 29 มีนาคม 2554 แสดงให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ยังเดินหน้าขายชาติขายแผ่นดินอยู่ต่อไปครับพี่น้อง ปัญหาเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก และเป็นเรื่องสำคัญครับ

เมื่อวันศุกร์ผมมาปราศรัยบนเวทีนี้ไปแล้ว และได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนไปแล้ว และเมื่อวาน ท่าน อ.สมปอง สุจริตกุล ได้เขียนบทความยืนยัน และสนับสนุนแนวความคิด แนวทางที่พวกเราต่อต้านคัดค้านเรื่องนี้ อย่างมีหลักเกณฑ์ หลักวิชาการ และหลักกฎหมาย หลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นหลักปฏิบัติของสากล จุดยืนของประเทศไทย หากว่าเดินหน้าในการจะให้ร่าง JBC 3 ฉบับ ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภานั้น จะเกิดมหันตภัยและความเสียหายอย่างร้ายแรงที่สุดครับพี่น้องครับ และจะเป็นการยอมรับการสูญเสียดินแดน แผ่นดินไทยอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร โดยความเป็นชอบของรัฐสภาไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย

อ.สมปอง ต้องถือว่า ท่านเป็นนักกฎหมายระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไทย เคยเป็นทนายความและทีมทนายความสู้คดีปราสาทพระวิหารมาตั้งแต่ปี 2505 และเคยเป็นเลขาฯ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พ.อ.ถนัด คอมันตร์ เป็นผู้ที่รู้เรื่องดีที่สุดในเรื่องข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับเรื่องปราสาทพระวิหาร ที่สำคัญครับ ท่านเป็นคนไทยคนแรกและคนเดียวที่ได้รับเชิญจาก The Hague Academy of International Law ที่กรุงเฮก ซึ่งเป็นสำนักอบรม บรรยายกฎหมาย ให้กับนักกฎหมายระหว่างประเทศ ได้รับการศึกษาอบรม เป็นสถาบันกฎหมายระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก และท่านเป็นคนไทยคนแรก คนเดียว ที่ได้รับเชิญเป็นผู้บรรยาย ณ สถาบันแห่งนั้นครับพี่น้อง จึงเป็นผู้ที่มีความรู้ เชี่ยวชาญเรื่องการเมือง การทูต และกฎหมายระหว่างประเทศเป็นอย่างดี ท่านถึงเตือนว่า แม้ว่ารัฐสภาไทยนำร่างบันทึก JBC ทั้ง 3 ฉบับนี้เข้าไปขอความเป็นชอบจากรัฐสภา และถ้ารัฐสภาให้ความเป็นชอบ ความเห็นชอบของรัฐสภาครั้งนี้ จะลบล้างการแบ่งปันอาณาเขต เขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ที่เคยปักปันกันเสร็จแล้วเมื่อร้อยกว่าปี จะลบล้างสิ่งที่ตกลงกันไว้โดยถูกต้อง เรียบร้อย มีหลักเขต มีสันปันน้ำแบ่งปันอย่างถูกต้องตามสนธิสัญญา และเป็นการตกลงครั้งสุดท้าย ก่อนที่ฝรั่งเศสจะถอนตัวจากอาณานิคมบริเวณนี้ และทำให้กัมพูชาได้เอกราช เราจึงยอมแรกและเสียดินแดนเสียมราฐ พระตะบอง ศรีโสภณ ไปเพื่อการแบ่งปันเขตแดนเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว ตามสนธิสัญญา 1904, 1907 ถ้าเอาร่าง 3 ฉบับนี้เข้าสภาจะเป็นการแบ่งอาณาเขตใหม่ เพราะเป็นการไปรับรองการปักปัน สำรวจเขตแดนใหม่ ตั้งแต่หลักเขตที่ 23-51 ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เท่ากับเป็นเรื่องที่ประเทศไทยสละหลักเขตแดนที่มีอยู่แต่ดั้งเดิมไปหมดเลย เท่ากับยอมยกแผ่นดินให้กับกัมพูชา นี่คือผลร้ายแรง และผลร้ายแรงที่ผมพูดไปวันก่อน คือ MOU2543 ซึ่งไม่เคยผ่านความเป็นชอบจากสภา เขมรจะทึกทักได้ว่า บัดนี้รัฐสภาไทยให้ความเป็นชอบ JBC 3 ฉบับ เท่ากับให้ความเป็นชอบ MOU2543 ซึ่งไม่เคยผ่านความเป็นชอบรัฐสภาไทยมาก่อนเลย

ถ้าการประชุมวันที่ 22,29 เกิดขึ้น และรัฐสภาไทยให้การรับรอง เท่ากับว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กระทำการอันเป็นการให้รัฐสภาให้การรับรอง MOU43 JBC 3 ฉบับ และเป็นการรับรองหลักเขตที่ปักปันกันโดยไม่ชอบ และเป็นการทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนครับพี่น้อง ความอัปยศอดสู และความผิดอุกฉกรรจ์ร้ายแรงนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะโยนความผิดไปให้รัฐสภาไม่ได้ เพราะเสียงข้างมากก็คือเสียงพรรคร่วมรัฐบาล เพราะฉะนั้นการกระทำครั้งนี้ของนายอภิสิทธิ์ ถ้าหากเดินหน้าเรื่องนี้เท่ากับเป็นการยอมรับให้ประเทศไทยสูญเสียแผ่นดินอย่างเป็นทางการ และเป็นความเห็นชอบของฝ่ายนิติบัญญัติ คือ รัฐสภาไทย อันเป็นข้อที่กัมพูชาจะยกขึ้นมาอ้างในเวทีทุกเวทีทั่วโลก มันหนักยิ่งกว่าสมัยก่อนที่เราถูกฝรั่งเศสเอาแผนที่ที่เราไม่ยอมรับ ไปสู้ในศาลโลก และผู้พิพากษาศาลโลกสมคบประเทศกัมพูชาและประเทศมหาอำนาจ หยิบแผนที่ที่ประเทศไทยไม่ยอมรับมาปิดปากประเทศไทยและตัดสินให้เราเสียปราสาทพระวิหาร

กรณีนั้นยังเป็นเรื่องแผนที่ และเป็นแผนที่ที่เราไม่ยอมรับ แต่วันนี้ถ้ารัฐสภาลงมติให้ความเห็นชอบ คุณจะอ้างว่าคุณไม่ให้การยอมรับเหมือนการต่อสู้ในครั้งที่สู้คดีปราสาทพระวิหาร และเราเคยมีข้อสงวนเอาไว้นั้น ถ้ารัฐสภาไทยผ่านความเป็นชอบแล้ว จะอ้างอะไรไปโต้ไปเถียงไปแย้งเขา ไม่ได้เลยแม้แต่น้อยครับ นี่คือเรื่องใหญ่ของบ้านเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยน้ำมือการบริหารประเทศแบบไร้เดียงสา อ่อนหัด และปัญญาอ่อนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

พี่น้องครับ นอกจากนี้การนำร่างนี้ ถ้านำเข้าสู่การพิจารณาของสภานั้น นายอภิสิทธิ์ยังจะมีความผิดมากกว่านั้นอีกก็คือ นอกจากเป็นความผิดที่ทำให้ประเทศต้องเสียดินแดนและอธิปไตย เป็นความผิดอาญา ถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต ประหารชีวิตแล้ว ส.ส.ทุกคน ส.ว.ทุกคนที่ลงนามให้ความเป็นชอบ จะต้องได้รับโทษได้รับความผิดเช่นเดียวกันครับพี่น้อง แต่ความผิดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวโดยเฉพาะส่วนตัวยังมีอีก และคณะรัฐมนตรี ก็คือ ร่างทั้ง 3 ฉบับนี้ ยังไม่เคยผ่านการเห็นชอบประชาพิจารณ์ รับฟังความเห็นของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เพราะเป็นการรับรองสัญญาที่มีผลทำให้เสียดินแดนและอธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญต้องรับฟังความเห็นของประชาชนก่อน และต้องมีมาตรการจะคุ้มครอง ป้องกันผลกระทบที่จะเกิดความเสียหายต่อประชาชนตลอดแนวชายแดน ก่อนว่าต่อไปบ้านเรือนที่อาศัยถ้าไม่ทำมาหากินได้ และได้รับผลกระทบนั้น รัฐบาลจะมีมาตรการอยางไร รัฐบาลไม่เคยผ่านกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เลย นี่เป็นความผิดโดยจงใจเจตนาที่จะทำผิดรัฐธรรมนูญอีกความผิดหนึ่งด้วยครับ

ผมถึงบอกว่า วันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีที่บริหารบ้านเมืองโดยกระทำผิดกฎหมาย และทำให้เกิดความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองอย่างมากมาย แต่นายอภิสิทธิ์ไม่เคยมีสำนึก ไม่มียางอาย มีแต่ความหน้าด้าน สมกับเป็นตระกูลด้านชาชีวะจริงๆ ครับ ผมไม่นึกว่าจะมีนักการเมืองที่เลวระยำบัดซบอย่างนายอภิสิทธิ์เกิดอยู่บนแผ่นดินไทย ผมจำเป็นต้องด่าและประณามคนเลวคนนี้ไปตลอดชาติครับ ผมขอบอกว่า คุณคือคนเลว ชาติชั่ว ระยำ บัดซบ ไม่น่าจะเกิดมาเป็นคนไทยบนแผ่นดินไทยเลย และผมขอกราบเรียนอย่างตรงไปตรงมา ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่พอใจผมจะเอาอย่างไรกับผมก็ได้ทั้งนั้นตระกูลนี้ ผมบอกเลยว่า โคตรเหง้าคุณไม่เคยสั่งสอนคุณรู้จักรักชาติรักแผ่นดิน ผมขอประณามพวกคุณทั้งโคตรเหง้า โคตรเหง้าของคุณสั่งสอนให้คุณเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ละโมบโลบมากอยากได้อำนาจ อยากเป็นใหญ่แต่ไม่มีสำนึก ผมไม่เคยเห็นคุณแสดงความรู้สึกรักชาติบ้านเมืองเลย พอถึงเกณฑ์เป็นทหารเสือกหาทางหนีทหารอย่างเดียว ผมอ่านประวัติศาสตร์โคตรเหง้าตระกูลคุณแล้ว ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ออกสู้รบทัพจับศึกเพื่อปกป้องชาติบ้านเมือง มีแต่แสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ ลาภยศความเจริญรุ่งเรืองทางตำแหน่งราชการ และหาประโยชน์โดยการวิ่งเต้นสอพอเจ้าขุนมูลนาย เกาะสถาบันกินเท่านั้นเองครับ

บ้านเมืองมาถึงขั้นนี้แล้วยังไม่สำนึก ยังหน้าด้านลอยไปลอยมา ลอยชายพูดเอาดีใส่ตัว คิดจะเลือกตั้ง คิดจะยุบสภา คิดจะหาทางกลับมาเป็นนายกฯ ใหม่อีก น้ำหน้าอย่างคุณ ผมบอกไว้เลยว่า คุณไม่มีวันได้กลับมาเป็นนายกฯ อีก และบอกไว้เลย ถ้าผมยังไม่ตาย คุณกลับมาชาตินี้คุณไม่มีวันอยู่เป็นสุข ไม่มีวันเลยชาติตระกูลนี้

พี่น้องครับ ผมไม่ได้พูดโดยมีความแค้นหรืออาฆาตเป็นส่วนตัว แต่ผมเกลียดทุกคนที่ทรยศชาติและอยากได้แต่ตำแหน่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่ไม่เคยลงมือลงแรงทำห่าอะไรเลยครับพี่น้อง คนระยำบัดซบอย่างนี้ได้ตำแหน่งใหญ่โตทำไมครับพี่น้อง ชาติบ้านเมืองมีกรรมเวรอะไรจึงส่งไอ้อัปยศอดสูนี้มาให้ประชาชนครับ

พี่น้องดูนะครับ ตั้งแต่ประเทศไทยมีนายกฯ ผมจะไล่ชื่อ ไม่มีใครดูแล้วน่าสมเพศเวทนาเหมือนคนๆ นี้เลย ท่านแรกที่เป็นนายกฯ ประเทศไทย ท่านพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นอดีตกรรมการองคมนตรีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 อย่างน้อยเป็นคนอาวุโส วัยวุฒิ คุณวุฒิ มีความรู้ ไม่ปัญญาอ่อน ไม่ขายชาติเหมือนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ท่านที่ 2. พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ท่านเป็นนายกฯ 4-5 สมัย เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบกในคณะราษฎร์ ท่านที่ 3. จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้บัญชาการทหารบก เคยร่วมเปลี่ยนแปลงการปกครองกับคณะราษฎร์ ท่านที่ 4. แม้ว่าจะเป็นอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ดูแล้วยังมีอาวุโส มีวัยวุฒิ คุณวุฒิพอจะนับได้ว่าคงไม่เลวมากเท่ากับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือ นายควง อภัยวงศ์ ท่านที่ 5. นายทวี บุณยเกตุ นี่ก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ มีประสบการณ์ มีความรู้ มีอาวุโส ไม่ใช่เด็กปัญญาอ่อนประเภทไม่เคยทำอะไรสำเร็จซักอย่าง ไม่เคยผ่านการบริหารบ้านเมืองมาเลยกระโดดขึ้นมาเป็นนายกฯ ท่านที่ 6. อดีตหัวหน้าพรรคคุณเหมือนกัน ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อย่างน้อยไม่ใช่เด็กละอ่อน แต่บริหารชาติบ้านเมืองดีเลวอย่างไร ผมยังเชื่อว่า ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช คงไม่มีจิตกมลสันดานขายชาติ อย่างน้อยท่านยังเคยเป็นเสรีไทย เคยต่อสู้ปกป้องเอกราชอธิปไตยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านต่อมา ศาสตราจารย์ปรีดี พนมยงค์ นี่เป็นหัวหน้าคณะราษฎร์ เป็นผู้นำเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ดูความรู้ วัยวุฒิ คุณวุฒิ ความมีอาวุโสของท่านแล้ว ผมคิดว่ายังไงก็ดูดีกว่านายกฯ ที่ชื่ออภิสิทธิ์ ท่านต่อมา พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์, นายพจน์ สารสิน, จอมพลถนอม กิตติขจร, พล.อ.สฤษดิ์ ธนะรัชต์, ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์, ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช, นายธานินทร์ กรัยวิเชียร, พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์, พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์, พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ, นายอนันต์ ปันยารชุน, พล.อ.สุจินดา คราประยูร และนายชวน หลีกภัย, นายบรรหาร, พล.อ.ชวลิต มากระทั่งถึงทักษิณ, สมัคร, สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ครับพี่น้องครับ ผมดูแล้วทุกคน ส่วนคนที่เคยรักษาการนายกฯ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล, นายมีชัย ฤชุพันธุ์ แต่ว่าดูแล้วบรรดานายกฯ ที่ผมเอ่ยชื่อมาทั้งหมด คนที่แย่ที่สุดคือเด็กวานซืน คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นคนเดียวที่ไม่เคยทำอะไรสำเร็จ ผลงานในการบริหารปกครองประเทศ ไม่เคยมีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้ประชาชนได้ชื่นชมแม้แต่เรื่องเดียว นอกจากแหลไปแหลมาแหลมาแหลไปเท่านั้นเอง

พี่น้องครับ ผมถึงบอกว่า วันนี้มันเป็นความอัปยศ ประเทศไทยมาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อแล้ว เราผ่านการเลือกตั้งมา 25 ครั้ง มีรัฐธรรมนูญใช้ 18 ฉบับ ไม่มีครั้งใดสมัยใดที่บ้านเมือง การเมืองของประเทศตกต่ำเท่ากับครั้งนี้ และมีนายกฯ ที่ตกต่ำ มาตรฐานต่ำที่สุดครับ

ทำไมผมถึงบอกมาตรฐานต่ำ การเป็นนายกฯ ปัจจุบัน 1.ถ้าใครสามารถแหลไปแหลมา โกหกตอแหลได้ ก็เป็นนายกฯ ได้ครับพี่น้องครับ 2. เอาเงินงบประมาณของประเทศไปแข่งกันแจกหาเสียงกับชาวบ้าน ถ้าแจกเงินเป็นก็เป็นนายกฯ ประเทศนี้ได้ครับพี่น้อง ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องคิดอะไร 3. ถ้าหน้าด้าน มีปัญหาอะไรก็ท่องคาถาว่า หน้าด้าน หน้าด้าน ด้านไว้ ด้านชาชีวะอย่างเดียวประชาชนจะตายช่างแม่งมัน ไม่ว่าน้ำท่วม ไม่ว่าเกิดแผ่นดินไหว ไม่ว่าเกิดเผาบ้านเผาเมือง ไม่ว่าข้าวยากหมากแพง ข้าวของราคาแพง ไม่ว่าประชาชนจะมาชุมนุมเรียกร้องเสียชาติเสียดินแดน กูไม่รู้กูไม่เห็น กูไม่ออก กูนั่งหน้าด้านอย่างเดียว ถ้าไปฝึกวิชาหน้าด้านได้ก็เป็นนายกฯ ได้ครับประเทศนี้ ไม่เห็นต้องจบออกฟอร์ด อีต้มอีตั้น จมมาหาพระแสงอะไร ความรู้เท่าหางอึ่ง สู้ประชาชนก็ไม่ได้ เอามาใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้สักเรื่อง ที่สำคัญถ้าสามารถเสบสังวาสและทนอยู่กับความชั่ว นักการเมืองโกง นักการเมืองทุจริตได้ก็เป็นนายกฯ ประเทศนี้ได้ ยอมให้เขาเชิดเป็นหุ่น ไม่ต้องสนใจอะไร พรรคร่วมรัฐบาลหรือคนในพรรคจะทำมาหารับประทานอะไรไม่ต้องสนใจปล่อยให้ทำมาหากินกอบโกง โกงกินไปตามอำเภอใจ แค่นี้ก็เป็นนายกฯได้ ใครก็เป็นได้ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ผมถึงบอกว่า วันนี้มาตรฐานนายกรัฐมนตรียคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตกต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีนายกฯ มา ขนาดบรรหาร ศิลปอาชา ว่าต่ำแล้วนะ เตี้ย ตัวเตี้ยกว่าเพื่อนแล้วนะ นายอภิสิทธิ์ยังเตี้ยกว่านายบรรหารอีก อย่างน้อยคุณบรรหารยังลาออก แม้ถูกบีบออกยังยอมออกจากตำแหน่ง แต่นายอภิสิทธิ์ อภิมหาโคตรด้าน

พี่น้องครับ ผมถึงบอกว่าวันนี้ประเทศไทยไม่ต้องการนักเลือกตั้ง นักเลือกตั้งมีเยอะแล้ว เราต้องการผู้นำประเทศมาเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองและพาบ้านเมืองก้าวเดินไปข้างหน้า พาประเทศชาติก้าวเดินไปข้างหน้า พาให้ประชาชนอยู่อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และอยู่อย่างมีความสุขมีความเป็นธรรม ได้รับโอกาสในการทำมาหากินอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ประเทศไทยควรจะเจริญแต่เพราะมีกรรม เนื่องจากเราดีทุกอย่าง พระเจ้ากลัวประเทศไทยจะแซงหน้าคนอื่นเลยส่งนักการเมืองเลวๆ อย่างนายอภิสิทธิ์มาให้ครับพี่น้อง ที่สำคัญคือ ส่งนายอภิสิทธิ์มาแล้วยังส่งผมกับคุณสนธิมาอีกครับ ถ้านายอภิสิทธิ์อยู่สบายเกินไปไม่มีตัวแทนของพระสยามเทวาธิราชอย่างพวกเรา พระสยามเทวาธิราชท่านคอยปกป้องชาติบ้านเมืองอยู่ พวกเราเลยต้องมาทำหน้าที่แทนท่าน ช่วยกันงับนายอภิสิทธิ์ออกไป

พี่น้องที่เคารพรัก เราต้องการผู้นำประเทศมาเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไม่ได้ต้องการนักเลือกตั้ง ผมดูรายชื่อนายกฯ ประเทศไทยแล้วหลายคนอยู่ในฐานะเป็นผู้นำประเทศได้ และกล้าคิด กล้าเปลี่ยนแปลง ไม่ว่ายุคท่านปรีดี พนมยงค์, จอมพลป., จอมพลสฤษดิ์ นายอนันท์ ปันยารชุน, อ.สัญญา ธรรมศักดิ์, ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ทุกคนกล้าคิดกล้าทำ กล้าเปลี่ยนแปลงประเทศ และมีความรับผิดชอบ แต่นายอภิสิทธิ์คิดอะไรก็ไม่เป็น ทำอะไรก็ไม่เป็นไปลอกเขามาทั้งนั้น ทำผิดพลาด เสียหายไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย

เพราะฉะนั้นวันนี้ถ้าหากว่ารัฐสภาดึงดันจะนำร่าง JBC เข้าขอความเห็นชอบ ผมขอกราบเรียนยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า วันนั้นจะต้องเป็นวันสำคัญที่สุดของชาติบ้านเมืองที่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ที่อยู่ที่นี่ อยู่ทางบ้าน อยู่ต่างประเทศ เราจะต้องหลอมรวมผนึกกำลังกันครั้งใหญ่ให้มากที่สุดครับ เพราะว่าเราไม่มีทางเลือก เราต้องหาทางหยุดรัฐบาลนี้ หยุดรัฐสภาไม่ให้ขายชาติขายแผ่นดินให้จงได้

ความจริงแล้วพี่น้องคงจะได้ฟังรายการข่าวเมื่อเย็นไปแล้วว่า ถ้าจะดูผลสำรวจนั้น แม้ว่ารัฐสภาจะโหวตให้ความเห็นชอบรัฐมนตรีของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไปทั้ง 10 คน ให้ได้รับคะแนนไว้วางใจไปอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าเอาตามความเห็นและความรู้สึกของประชาชน และความถูกต้องแล้ว ต้องถือว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนถึง 70% และรัฐมนตรีทุกคนไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเลย ไม่เว้นแม้กระทั่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึงวันนี้มันน่าจะจบแล้วสำหรับรัฐบาลนี้ มันตายไปจากความรู้สึกของประชาชนแล้ว ผมจึงอยากวิงวอนและกราบเรียนเชิญพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่า เราจะต้องออกมาช่วยกันทำงานครั้งยิ่งใหญ่เพื่อชาติบ้านเมืองแล้ว มิเช่นนั้นแล้วนักการเมืองเหล่านี้จะได้ใจคิดว่าประชาชนนั้นยอมจำนน ยอมก้มหัวให้พวกเขาจะโกง จะกิน จะปล้นชาติ จะขายชาติอย่างไร เขาก็ทำได้ และไม่สนใจเสียงเรียกร้องเสียงพูดของประชาชน เห็นประชาชนเป็นเสียงนกเสียงกา

พี่น้องครับ มีท่านผู้หนึ่งซึ่งเขียนบทกลอนมาดีมาก ผมอยากจะอ่านให้ท่านฟัง เพราะท่านผู้นี้เขียนมาเพื่อเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้ออกมาร่วมกันต่อสู้กับรัฐบาลที่ขายชาติ และทำให้พี่น้องประชาชนต้องเผชิญชะตากรรมอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ท่านผู้นี้เขียนมา สำนวนโวหารใกล้เคียงกับท่านยอดธง ทับทิวไม้ แต่ตรงและสอดคล้องกับยุคสมัยปัจจุบันและบรรยากาศขณะนี้ เพราะผู้เขียนคงมาร่วมชุมนุมกับเรา และติดตามการชุมนุมโดยตลอด ท่านใช้ชื่อว่า ตกศิลา เขียนเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2554 ท่านเขียนอย่างนี้ "แด่พวกขายชาติ เราจะลุกปลุกเพื่อนพ้องมาร่วมสู้ จะปลุกปู่ เจ้าเขา เงื้อมภูผา ทั้งผีเมืองเสื้อเมืองลุกขึ้นมา ช่วยกันคว้าแผ่นดินด้วยทวงคืน ทั้งท้องฟ้าและแผ่นดินสยามประเทศ เอาองค์เอกพระสยามมาขานสู้ พวกจัญไรขายชาติที่ซุกอยู่ แขนของกูจะกระชากลากมันมา เบิกนรกให้เปิดปาก ดินแยก โยนร่างแบกพวกขายชาติลงปากหลุม ให้เพลิงเผามันให้ดิ้น มันสิ้นบุญ พวกเนรคุณหนักพื้นพสุธา จะส่งเสียงเรียกเพื่อนสายเลือดไทย มาช่วยกันจับมันไว้ให้หมดสิ้น ย้ำกระตุกปลุกผีร้ายหากได้ยิน ไปร่วมจับมันให้สิ้นอย่าเกรงมัน น้ำตาแม่ธรณีท่านไหลพราก ไอ้ใจชั่วทรราชมันขายแม่ มันลืมคุณแผ่นดินอย่างแน่แท้ ขอตีนแม่จงกระทืบมันแหลกราน ใครจะหาญกล้ากับกูไปสู้มัน สำเร็จโทษโดยพลันอย่าให้อยู่ ให้คืนชาติ คืนดินของพวกกู เร็ว เร็วพวกเราลุกขึ้นสู้ กูไม่กลัว" ฝากมาถึงผม ฝากมาถึงพ่อแม่พี่น้อง และฝากไปถึงทุกท่านที่อยู่ทางบ้าน วันเวลาที่เราจะต้องได้สำแดงพลังเพื่อลุกขึ้นสู่ครั้งยิ่งใหญ่ใกล้มาถึงแล้ว รัฐบาลจะสลายการชุมนุมหรือจะทำอะไรอย่างไรกับเราก็ตามแต่

พี่น้องครับ ยืนยันว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเรา เราสัญญาและสาบานกันว่า เราจะสู้จนกว่าจะได้ชัยชนะใช่ไหมครับพี่น้อง สู้ไม่สู้(สู้ สู้) สู้ไม่สู้(สู้ สู้) สู้ไม่สู้(สู้ สู้) เอาละครับผมอยากจะพูดอะไรเยอะ แต่วันนี้ขอเอาเพียงแค่นี้ก่อน แล้วข้อมูลทั้งหลายทั้งปวงหลังจากนี้ไปคงจะมีข้อมูลเรื่องราวที่จะมาพูดกับพี่น้องมาก ดุเด็ดเผ็ดมันเพิ่มขึ้นอีกเยอะ ขอเวลามาพบกับท่านในวันต่อๆ ไป รอดูท่าทีและสถานการณ์ของรัฐบาล ซึ่ง ณ ขณะนี้เขากำลังมุ่งมั่นจะดำเนินการกับพวกเรา แต่เราไม่กลัว เราก็มุ่งมั่นที่จะดำเนินการการจัดการกับเขาเหมือนกัน ดูซิว่าใครจะอึดกว่ากัน นายอภิสิทธิ์คิดว่าจะพยายามทำเป็นตีกรรเชียงนิ่งเฉยลอยไปลอยมาทำไม่สนใจ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นไม่ฟังเสียงประชาชน ไม่เป็นไรนายอภิสิทธิ์ คุณคิดว่าคุณจะรอดหรอ พวกผมไม่เดือดร้อนเลย พวกผมกะสู้กับคุณกี่ศตวรรษก็สู้ กี่ร้อยวันพันปีก็สู้ ตราบใดที่ยังมีนายกฯ ชื่อนายอภิสิทธิ์อยู่ เราสู้จนถึงที่สุดใช่ไหมครับพี่น้อง และพวกเราไม่ได้ทุกข์ยากเดือดร้อน เรายินดีที่จะวัดความทรหดอดทนกับคุณ ดูว่าใครจะอึดจะทนกว่ากัน คุณฟังได้คุณทนได้คุณด้านได้ด้านไป กูก็จะด่ามึงทุกวัน พวกเราจะแช่งชักหักกระดูกทุกวัน พวกเราจะหาทุกวิถีทางที่ทำให้คุณไม่สามารถเงยหน้าและเชิดหน้าเดินอยู่ในแผ่นดินไทยอย่างแน่นอนครับ เราไม่ได้มีความรู้สึกร้อนใจ พวกผมมีความสุขดี ผมทุกวันนี้ขออย่างเดียวไม่ได้ด่าอภิสิทธิ์กินข้าวไม่อร่อย และมีเรื่องจะมาชำแหละคุณได้ทุกวัน คุณไม่ต้องห่วง เพราะความชั่วในรัฐบาลนี้ทำไว้เยอะ ฝ่ายค้านไม่มีน้ำยา พูดเพื่อซูเอี๋ยและคิดว่าจะจูบปากจูงมือกันไปเลือกตั้ง คิดว่าทั้งหมดจะได้กลับมาเป็นรัฐบาล ปัดโธ่จูงมือไปลงนรกด้วยกัน ไม่มีใครกลัวพวกคุณ เพราะฉะนั้นพี่น้องเราไม่เคยหวาดหวันเลยกับนักการเมืองประเภทนี้ เขาคิดว่าเขาเก่ง เขาคิดว่าเขาแน่ เขาคิดว่าเขามีวิชามารที่จะมาสู้สยบการต่อสู้ของพวกเราได้ เราก็มีวิทยายุทธ์ มีบทเรียน มีประสบการณ์ มาถึงวันนี้ผมเชื่อแน่ว่า ที่หน้าคุณปูด ตรงนั้นดำตรงนี้นิด หน้าหมองคล้ำราศีคุณตก เห็นคุณออกทีวี เห็นใบหน้าคุณให้สัมภาษณ์วันนี้ผมก็รู้แล้ว ชะตากรรมของคุณไม่นานหรอกครับ ใจเย็นๆ ได้เห็นแน่ ประเทศนี้ไม่มีวันจะปล่อยให้คนชั่วลอยนวลอย่างแน่นอน ขอให้กำลังใจพ่อแม่พี่น้องยืนหยัดต่อสู้ต่อไปจนถึงที่สุด ตำรวจจะมาสลายเราก็ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว แต่ถ้าทนไม่ไหวก็ใช้มือใช้เท้า ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ในการป้องกันตัวเองซัดกลับคืนไปเลยครับ ขอบคุณมากครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น