xs
xsm
sm
md
lg

“พล.ร.ท.ประทีป” ฉะ ส.ส.เขมรหญิง พูดมาได้ พธม.ทวงแผ่นดินที่ไม่ใช่ของไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์
“พล.ร.ท.ประทีป” ฉุนฉะ ส.ส.เขมรหญิง อภิปรายเหน็บ พธม.ด่าฮุนเซน ทวงแผ่นดินที่ไม่ใช่ของไทย ลั่นไม่ให้อยู่ในอำนาจเด็ดขาดหาก รบ. ขับเคลื่อนเจบีซีผ่านสภา พร้อมเปิดหนังสือประท้วงอินโดนีเซียแจงเล่ห์กลเขมรฮุบแผ่นดินไทย

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์”  

วันที่ 18 มี.ค. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ กรรมการรวมพลังปกป้องดินแดน กล่าวว่า ปกติแล้วตนไม่สนใจการทะเลาะกันในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งส่วนใหญ่ด้อยคุณภาพ แต่เผอิญเดินผ่านหน้าทีวี ได้ยินเสียง ส.ส.หญิงคนหนึ่งพูดแต่ ท่านสมเด็จฯ ฮุนเซน ท่านสมเด็จฯ ฮุนเซน ด้วยความไม่คุ้นหูตนก็เลยสงสัยว่าที่เราเรียกว่าไอ้ฮุนเซน กับท่านสมเด็จฯ ฮุนเซน มันเหมือนกันหรือไม่ เพราะส.ส.หญิงรายนั้นพูดประหนึ่งว่า ไอ้ฮุนเซนเป็นพ่อของเขา แต่เราเรียกไอ้ฮุนเซน เพราะมันเป็นศัตรูของเรา

นอกจากนี้ ส.ส.หญิงรายนี้ยังชี้หน้าไปที่รัฐมนตรี พร้อมกับพูดว่าทำไมรัฐบาลชุดนี้ปล่อยให้พันธมิตรฯ ด่าท่านสมเด็จฯ ฮุนเซนอยู่ได้ ซึ่งถ้าหากพวกเราอยู่ในสภา ก็จะตอบ ส.ส.หญิงคนนั้น ว่าก็ฮุนเซนมันไม่ใช่พ่อกูนี่หว่า และฮุนเซนมันหน้าด้านเอาเปรียบไทย ไม่ปฏิบัติตามเอ็มโอยู 43 แล้วจะให้เรียกสมเด็จฯ ฮุนเซนหาพระแสงอะไร

พล.ร.ท.ประทีปกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ส.ส.คนนี้ยังลามปามต่อไป ตะเบงทำไม พันธมิตรฯ ถึงทวงคืนแผ่นดินที่ไม่ใช่เป็นของไทย ทำให้ตนสงสัยว่านี่เป็นการอภิปรายของสภาไทยหรือกัมพูชากันแน่ แสดงว่า ส.ส.ที่อภิปรายเป็น ส.ส.กัมพูชาแน่นอน เพราะเขายังไม่รู้ว่าเป็นแผ่นดินไทย เท่านั้นยังไม่พอ มี ส.ส.บางท่านท้วงติงบอกพูดผิด ขอให้ถอนคำพูด แต่คนที่ตนเรียกว่า ไอ้รองโรมานอฟ ซึ่งทำหน้าที่ประธานในขณะนั้น บอกไม่ต้องถอนคำพูด เพราะเป็นความเห็น ซึ่งน่าเวทนา เป็นอย่างมากสำหรับความคิดของ ส.ส.ในสภาไทย

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวถึงความสุ่มเสียงกับการขับเคลื่อนบันทึกการประชุม เจบีซี 3 ฉบับ ว่า ปัญหาเขตแดนไทย ตัวคีย์สำคัญอยู่ที่ หลักสันปันน้ำ กับ แผนที่1:200000 ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ บอกยึดหลักสันปันน้ำ ตั้งแต่ปราสาทเขาวิหารจรดช่องบก ที่จังหวัดอุบลราชธานี ขณะที่ ฮุนเซน บอกยึดหลัก แผนที่1:200000 ทำให้เรื่องนี้ผลการได้เสียแผ่นดินโดยรอบเขาวิหาร อยู่ที่ ใครคว้าหลักใดเป็นหลักชัยชนะ เพราะหากนายอภิสิทธิ์ สามารถขับเคลื่อนให้หลักสันปันน้ำเป็นแม่บท ประเทศไทยจะไม่สูญเสียแผนดินโดยรอบเขาวิหาร

การแก้ปัญหาเขาวิหารเราเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาตลอด เพลี่ยงพล้ำตั้งแต่ ร่างเอ็มโอยู43 ที่กำหนดการสำรวจปักปันยึดตามแผนที่ของคณะกรรมการผสมระหว่างไทย-ฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังลงนามร่วมในแผนแม่บท (ทีโออาร์ 2546 )ระบุให้ใช้ แผนที่1:200000 อีกทั้งแผนที่นี้แนบอยู่ในคำขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งจะเป็นตัวตอกย้ำปิดประตูไทยอีกที ดังนั้น หากสภาไทยรับรอง เจบีซี เท่ากับยอมรับ แผนที่1:200000 ทำให้เสี่ยงเสียพื้นที่โดยรอบเขาวิหารยกระดับขึ้น ดังนั้นหากรัฐบาล ยังไม่หยุดการขับเคลื่อนนี้ จึงเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถยอมให้รัฐบาลประชาธิปัตย์บริหารประเทศอีกต่อไป

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวถึงหนังสือที่คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ทำประท้วงไปถึงสถานทูตอินโดนีเซีย โดยมีเนื้อหาสาระว่า แผ่นดินไทยรอบปราสาทเขาวิหาร ที่ขัดแย้งอยู่นี้เป็นแผ่นดินไทย โดยอ้างเหตุผลตามอนุสัญญาค.ศ. 1904 ของคณะกรรมการปักปันชุดที่ 1 กำหนดเส้นเขตแดนตามเส้นสีน้ำเงิน ต่อมาค.ศ. 1907 คณะปักปันชุดที่สองได้กำหนดเส้นเขตแดนสีแดง ตั้งแต่หลักเขตที่ 1 ถึง73 ส่วนเหตุผลที่ไม่มีเส้นสีแดง เมื่อ ค.ศ.1904 เพราะขณะนั้นเสียมราฐ พระตระบอง และศรีโสภน เป็นของไทย

เราชี้แจงต่อว่า คณะกรมการชุดที่หนึ่งกำหนดเส้นเขตแดนไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2450 โดยประธานคณะกรรมการปักปันผสมของฝรั่งเศสรายงานยังกรุงปารีส ว่า (1.)การปักปันทั้งหมดเสร็จสิ้นลงแล้วโดยไม่มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น ได้กำหนดเส้นเขตแดนเป็นที่แน่นอนแล้ว จะมีเขตที่ยังไม่แน่นอนก็เฉพาะบริเวณเสียมราฐ นอกจากนี้เรายังชี้แจงผลการปักปันชุดที่สอง ที่ประธานคณะกรรมการปักปันผสมของฝรั่งเศส ยืนยัน ว่า เส้นเขตแดนเดินไปทางสันปันน้ำซึ่งอยู่ที่หน้าผาเห็นได้จากตีนภูเขาดงรัก หมายความว่าคณะกรรมการทั้งสองชุด ทั้งสองฝ่ายยอมรับในหลักสันปันน้ำเป็นเส้นเขตแดนตังแต่ปี ค.ศ. 1904 แล้ว

(2.)ผลการตัดสินของศาลโลก ไม่ได้รับรองแผนที่1:200000 ตามที่กัมพูชาอ้างแล้วครอบครองแผนดินไทยอยู่ และศาลไม่ได้รับรองเส้นแขตแดนตามที่กัมพูชาอ้างด้วย ดังนั้น การกล่าวอ้างของกัมพูชาจึงเป็นการอิงข้อมูลเท็จ

(3.)ไทยยินยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลโลก โดยยอมยกอธิปไตยเฉพาะตัวปราสาทให้กัมพูชาในขณะนั้น โดยไทยได้ล้อมรั้วโดยรอบตัวปราสาท แม้กระทั่งสงวนสิทธิ์ขอทวงคืนตัวปราสาทด้วย

(4.)การที่กัมพูชา ส่งกำลังทหารมาตรึงกำลังอยู่รอบเขาวิหาร โดยอ้างอิงสิทธิแผนที่1:200000 ซึ่งเราปฏิเสธตามที่บอกไปแล้ว นอกจากนี้กัมพูชา ยังได้ละเมิดข้อตกลงในเอ็มโอยู43 ในข้อ 5 ไปเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม มีพฤติกรรมเจตนายึดครองแผ่นดินไทย

(5.)ไทยให้ความสำคัญกับกฎบัตรสหประชาชาติข้อ2 วรรค 7 และให้ความสำคัญต่อกฎบัตรอาเซียนข้อ 2 (F) เช่นเดียวกัน ว่า การเจรจาปัญหาข้อพิพาทชายแดนให้ใช้การเจรจาแบบทวิภาคี แต่เราเห็นว่าผลการประชุมที่อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ เป็นการเจรจาทวิภาคีจอมปลอม เพราะการที่ดินโดนีเซียส่งทหารเข้ามาสังเกตการณ์ ในบริบทหน้าที่ ถือเป็นการควบคุมทหารไทยไม่ให้ปกป้องดินแดน และคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ไม่ต้องการให้อินโดนีเซียส่งทหารเข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเรื่องพวกนี้รัฐบาลไทย ไม่เคยบอกอินโดนีเซียเป็นลายลักษณ์อักษรเลย

ทั้งนี้เมื่อเรายื่นหนังสือถึงอินโดนีเซีย ทำให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาตอบโต้ว่า อินโดนีเซีย ส่งกำลังทหารเข้ามาตามมติอาเซียน ตนก็บอกว่าไม่ใช่ เพราะส่งทหารเข้ามาเป็นการร้องขอของรัฐบาลไทย และบิดให้เจรจาทวิภาคีเป็นทวิภาคีจอมปลอม และส่วนที่นายสุเทพ บอกทหารอินโดนีเซียเข้ามาไม่ได้เข้ามาเจรจาต่อรองเรื่องเขตแดน ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะใช่ แต่การเข้ามาของทหารอินโดนีเซีย เข้ามาเพื่อควบคุมไม่ให้ใช้อาวุธ เท่ากับแทรกแซงการปฎิบัติของกองทัพไทยในการป้องกันอธิปไตยของชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น