“ปานเทพ” ยื่น ป.ป.ช.ฟันนายกฯ ปล่อย 7 คนไทยถูกจับในดินแดนสยาม แฉทหารบางนายมีผลประโยชน์ร่วมเพื่อนบ้าน แถมมี 2 เมียสัมพันธ์ลึกแก๊ง “ฮุนเซน” หักค่าหัวคิวน้ำมัน จี้ ผบ.ทบ.-มทภ.2 สอบ ซัดสมรู้ร่วมคิดเขมรยึดครองไทย แย้มอยู่ใน ทภ.2 แนะไปถามพ่อค้าชายแดนดู ชี้ทหารพื้นที่สุดอึดอัด ฉะรัฐปัดความรับผิดชอบช่วย “วีระ-ราตรี”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (8 มี.ค.) ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ในวันนี้ (8 มี.ค.) เวลาประมาณ 11.00 น. ตนและนายเทพมนตรี ลิมปพยอม กรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย จะเป็นตัวแทนของพันธมิตรฯ และคณะกรรมการฯ จะไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินคดีอาญาต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119-120, 126, 128, 129 และมาตรา 157 ประกอบกับรัฐธรรมนูญมตรา 29, 63 และ 70-71 โดยมีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ 7 คนไทยที่ถูกจับกุมโดยทางการกัมพูชาในผืนแผ่นดินไทย พร้อมทั้งยื่นเอกสารข้อมูล 14 รายการ ที่เป็นการพิสูจน์ว่า 7 คนไทยถูกจับในแผ่นดินไทย เช่น ที่มาของสระน้ำยูเอ็น ที่มีข้อมูลจากทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทหาร ผู้รับเหมา และเจ้าหน้าที่กาชาดสากล รวมไปถึงรายงานของทางต่างประเทศ และวีดิโอคลิปสารคดี ที่เกี่ยวกับค่ายอพยพที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว
นายปานเทพกล่าวอีกว่า ทั้งยังมีการนำเอกสารประกอบในเรื่องของการรุกคืบยึดครองแผ่นดินไทยบริเวณหลักเขตชายแดนไทย-กัมพูชาที่ 46-47 ซึ่ง 7 คนไทยถูกจับกุม ทั้งเอกสารของกองกำลังบูรพาที่มีรายงานถึงการรุกล้ำดินแดนประเทศไทยและการกระทำผิดเงื่อนไขใน MOU 2543 ของฝ่ายกัมพูชา แม้กระทั่งรายงานการประชุมคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่ระบุว่าหลักเขตที่ 46-48 ยังสรุปเขตแดนกันไม่ได้ รวมทั้งมีมาตรการที่จะไม่จับคนไทยหรือกัมพูชาขึ้นสู่กระบวนการศาลของ 2 ประเทศ นอกจากนี้ยังได้รวบรวมถ้อยคำของหลายบุคคลในรัฐบาลที่สัมภาษณ์ให้โทษต่อ 7 คนไทย โดยการยืนยันว่า 7 คนไทยรุกล้ำเข้าดินแดนกัมพูชา ซึ่งผู้แทนที่ลงนามในคำร้องนี้ประกอบด้วย ตน นายดทพมนตรี และนายตายแน่ มุ่งมาจน 1 ใน 7 คนไทยที่ถูกจับกุม หลังจากนี้จะเริ่มทยอยดำเนินการอีกหลายคดี โดยแยกแต่ละพื้นที่ที่มีข้อมูลต่างกัน เช่น พื้นที่เขาพระวิหาร ภูมะเขือ วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม เป็นต้น
โฆษกพันธมิตรฯ เปิดเผยอีกว่า ตนได้รับข้อมูลมาล่าสุดว่าขณะนี้มีการปล่อยปละละเลยให้กัมพูชามายึดครองพื้นที่ เนื่องจากมีนายทหารบางคนมีผลประโยชน์กับทางกัมพูชา จนกระทั่งไม่ทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน โดยการผลักดันทหารกัมพูชา หรือไม่ทำลายถนนที่กองกำลังกัมพูชาข้ามขึ้นสู้ยอดเขาในฝั่งไทย ตามที่พันธมิตรฯพยายามเรียกร้อง ซึ่งนอกจากผลประโยชน์ต่อกันแล้ว นายทหารคนนี้ยังมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายฮุนเซน ผู้นำกัมพูชาอีกด้วย โดยเราสืบค้นมาว่า ภรรยา 2 คนของนายทหารผู้นี้เป็นชาวกัมพูชา คนหนึ่งเป็นบุตรสาวของน้องสาวนายฮุนเซน และอีกคนหนึ่งเป็นบุตรสาวของภรรยาน้อยของนายฮุนเซน โดยคนนี้เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์การทำธุรกิจในฝั่งกัมพูชาในเวลาที่มีการค้าขาย โดยเฉพาะน้ำมันที่ข้ามไปฝั่งกัมพูชามีการคิดหัวคิวลิตรละ 5 บาท ยังไม่นับรวมกับผลประโยชน์อื่นๆที่ต้องผ่านนายทหารไทยคนนี้ ซึ่งมีกระแสข่าวว่านายฮุนเซนต่อสายตรงมาถึงนักการเมืองเพื่อผลักดันให้นายทหารคนนี้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
“สะท้อนให้เห็นว่าไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ธรรมดา แต่เป็นเพราะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เป็นการทำงานที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยมีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย การกระทำเช่นนี้ต้องให้ผู้บัญชาการทหารบก และแม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ว่ามีคนประเภทนี้อยู่ทัพภาคที่ 2 หรือไม่” นายปานเทพกล่าว
นายปานเทพกล่าวอีกว่า การปล่อยให้บุคคลประเภทนี้ไปแสวงหาประโยชน์ โดยที่ไม่ทำการปกป้องอธิปไตยของชาติ และมีเจตนาสมรู้ร่วมคิดให้กัมพูชายึดครองประเทศไทยในหลายพื้นที่ ถือเป็นการกระทำที่ต้องถูกย้ายออกจากตำแหน่งให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเปิดชื่อนายทหารคนดังกล่าวและยื่นเรื่องต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ด้วยหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม เพียงแต่ระบุได้ว่าเป็นนายทหารอยู่ในกองทัพภาคที่ 2 และมีบทบาทในการค้าขายกับทางกัมพูชา ซึ่งมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้ ส่วนเรื่องการตรวจสอบนั้นตนเชื่อว่าไม่เกินความสามารถของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 และหากมีบุคคลประเภทนี้อยู่ก็จำให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปไม่ได้ เพราะไม่มีหลักประกันได้เลยว่าคนเหล่านี้จะสามารถปกป้องแผ่นดินไทยได้ เนื่องจากมีผลประโยชน์ทับซ้อนและสายสัมพันธ์ลึกซึ้งจากทางกัมพูชา หาก ผบ.ทบ.อยากได้ข้อมูล แค่ส่งคนไปในพื้นที่ดูว่าพ่อค้าต้องจ่ายส่วยหรือหัวคิวให้ใครบ้าง รวมทั้งนายทหารชั้นผู้น้อยที่มีความอึดอัดมาก
“นายทหารขายชาติคนนี้ไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่เป็นคนที่ทางกัมพูชาวางหมากเข้ามา ฝ่ายไทยต้องระมัดระวังมากขึ้น ส่วนจะเป็นใคร เชื่อว่า ผบ.ทบ.น่าจะทราบอยู่แล้ว โดยเรื่องนี้ทหารในพื้นที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ทำให้เขาอึดอัดคับแค้นใจอย่างมากที่ทำอะไรไม่ได้ โดยมีความพยายามเปลี่ยนทีมทำงานในพื้นที่หลายครั้ง โดยเปลี่ยนผู้ที่มีความตั้งใจในการปกป้องแผ่นดินออก แล้วอ้างว่าเพื่อลดแรงกดดันกับทางกัมพูชา” โฆษกพันธมิตรฯ กล่าว
นายปานเทพยังได้กล่าวถึงกรณีของนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ยังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำในกัมพูชาด้วยว่า รัฐบาลพยายามปัดความรับผิดชอบ โยน 2 ทางเลือกให้แก่ครอบครัว คือการอุทธรณ์ หรือขออภัยโทษ โดยที่ไม่พูดถึงแนวทางที่รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือ คือ ข้อตกลงไทย-กัมพูชา ที่นายอภิสิทธิ์ระบุไว้เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.53 ว่า ไม่ว่ากรณีใดก็ไม่สามารถนำ 7 คนไทยขึ้นสู่ศาลกัมพูชา อีกทั้งยังไม่พูดถึงการใช้มาตรการต่อรองจากทั้งการเจรจา มาตรการด้านเศรษฐกิจ และแสนยานุภาพทางการทหารที่สามารถทำให้ปล่อยตัว 2 คนไทยอย่างไม่มีเงื่อนไข และไร้มลทิน