xs
xsm
sm
md
lg

แฉรัฐปล่อยข่าววีระขอภัยโทษ ชาวบ้านซ่อมหลุมหลบภัยเอง!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ประพันธ์” ไม่เชื่อ “วีระ-ราตรี” ขายวิญญาณยอมขออภัยโทษ เชื่อรัฐบาลปล่อยข่าวทำลาย “จำลอง”สรุปกดดันรัฐบาลได้ผล เดินหน้ากดดันต่อเนื่อง ปูดทหารเขมรเหยียบกับระเบิดตัวเองเจ็บหนัก ขณะที่ชาวบ้านเร่งซ่อมหลุมหลบภัยเอง “วัลวิภา” เตรียมเยี่ยม2คนไทยวันนี้ “มาร์ค”ปัดเสนอบริหารจัดการ 4.6 ตร.กม.

วานนี้ (27 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม ของสหประชาชาติ (ยูเนสโก) เตรียมเลื่อนแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ที่เสนอโดยกัมพูชา ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่บาห์เรน ในเดือนมิถุนายนนี้ ในประเด็นที่กัมพูชามีปฏิกิริยาว่า จะพูดคุยกับไทยหรือไม่ ว่า ยังไม่มีการพูดคุยกัน เพราะทางยูเนสโก ต้องไปพูดคุยกับกัมพูชา ในวันนี้เราคงต้องรอฟังตรงนั้น

ส่วนขั้นตอนต่อไปที่เราต้องเตรียมก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมพิจารณาผลการประชุมคณะกรรมาธิการ เขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ที่อาจจะเกิดขึ้นในวันที่ 7-8 มี.ค.นี้ จะมีการดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีแนวที่จะพูดคุยกันอยู่แล้ว ทางกระทรวงการต่างประเทศ ก็เตรียมความพร้อมอยู่แล้ว ส่วนบันทึกการประชุมของสภา ก็อยู่ที่กรรมาธิการ จะส่งกลับมาเมื่อไร

ทั้งนี้จะเป็นการกดดันที่ทำให้รัฐสภา ต้องเร่งพิจารณาเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความจริงให้เวลาสภาไปตามปกติ และไม่ได้เร่งอะไรเป็นพิเศษ

**ปัดเสนอบริหารจัดการ 4.6 ตร.กม.

นายอภิสิทธิ์ กล่าวในรายการ“เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์”ว่า ไม่ได้ให้การสนับสนุนให้มีการบริหารจัดการพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหารร่วมกันภายใต้การขึ้นทะเบียนของประเทศกัมพูชาที่มีการอ้างคำพูดของตนที่ไปบรรยายที่สถาบันพระปกเกล้าว่า ไปเสนอให้มีการเข้าไปบริหารจัดการพื้นที่ 4.6(ตารางกิโลเมตร)ร่วมกันภายใต้การขึ้นทะเบียนของกัมพูชา “ไม่ใช่นะครับ” ขอยืนยันว่า ไทยเสนอให้มีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกันมาโดยตลอด เพราะการบริหารจัดการพื้นที่ที่มีความคาบเกี่ยวทั้งในดินแดนของไทยและกัมพูชา และการที่ประเทศไทยมีกลไกทวิภาคีผ่านเอ็มโอยูปี 43 และเป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกถือเป็นเรื่องที่ดีและมีความจำเป็นในการชี้แจงให้ต่างชาติเข้าใจถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น

“ถ้าวันนี้เราไม่ได้เป็นสมาชิกของมรดกโลก นั่นหมายความว่ายูเนสโกและมรดกโลกจะฟังแต่ข้อมูลของฝั่งกัมพูชา” นายอภิสิทธิ กล่าวและว่าที่ผ่านมาตนเองและรัฐมนตรีหลายคนได้เดินสายชี้แจงกับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ทั้งอาเซียน และสหประชาชาติ ซึ่งเชื่อว่าปัญหาจะคลี่คลายลงได้แม้จะมีการส่งคณะผู้สังเกตการณ์จากประธานอาเซียนเข้ามาในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะเกิดขึ้นอีกก็ตาม

**พันธมิตรฯจับผิดมาร์คแหลไม่เลิก

นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการห้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวตอบโต้นายอภิสิทธิ์ ที่ระบุว่าองค์การยูเนสโก จะเลื่อนการพิจารณาการนำปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก รวมทั้งการเสนอแนวทางการจัดการพื้นที่ร่วมกันระหว่างไทยกับกัมพูชา ว่า ต้องทำความเข้าใจว่าองค์การยูเนสโก ไม่ได้มีส่วนในการขึ้นทะเบียนมรดกโลก เพราะเป็นอำนาจหน้าที่การพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งเป็นคนละอนุสัญญา จุดนี้เป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์เข้าใจคลาดเคลื่อน และทำให้เกิดความสับสน

อย่างไรก็ตาม ประเด็นอยู่ที่การที่ประเทศไทยไม่เคยคัดค้านการขึ้นทะเบียน โดยแม้ว่าศาลโลกจะตัดสินให้อธิปไตยเหนือตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่ไม่ได้หมายรวมถึงพื้นที่โดยรอบ 4.6 ตร.กม .ซึ่งเป็นของไทยที่กัมพูชาพยายามนำขึ้นทะเบียนในแผนจัดการบริหารพื้นที่ด้วย จึงเกิดเป็นปัญหาเรื่องเขตแดนขึ้นมา เพราะจุดยืนของไทยได้คัดค้านการขึ้นทะเบียนมาโดยตลอด แต่มาวันนี้นายอภิสิทธิ์ ได้เปลี่ยนจุดยืนไปแล้ว ไม่บอกว่าพื้นที่ 4.6 ตร.กม. เป็นของไทย แต่กลับบอกว่าเป็นพื้นที่พิพาท ขัดแย้งกับสิ่งที่เคยพูดมาสมัยเป็นฝ่ายค้าน ทั้งยังเป็นผู้เสนอให้มีการจัดการพื้นที่ร่วมกัน โดยผนวกดินแดนของกัมพูชา เข้ามาด้วย

นอกจากนี้การที่นายอภิสิทธิ์พยายามกล่าวหาว่า รัฐบาลที่ผ่านมาไปยินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยที่นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้คัดค้านมาตลอดนั้น ก็ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่ได้แสดงการสนับสนุนแต่ประการใด หรือในส่วนของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่มี นายนพดล ปัทมะ เป็น รมว.ต่างประเทศ ก็อาจไปลงนามยอมรับแถลงการณ์ที่กินพื้นที่ไทยเข้ามา แต่นายนพดล ก็ได้แสดงความรับผิดชอบ โดยการลาออกไปแล้ว หลังจากที่ภาคประชาชนได้ยื่นคำร้องต่อศาล แถลงการณ์ดังกล่าวก็เป็นโมฆะไม่มีผลบังคับใช้

นายประพันธ์ กล่าวถึง กรณีการถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6. ตร.กม.ด้วยว่า นายอภิสิทธิ์ ยอมรับเอง ในปี 51 มีการส่งกองกำลังเข้าตรึงในพื้นที่ แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์ มาเป็นายกฯ แล้วเห็นว่าไม่ปลอดภัย จึงให้ถอนทหารไทยออก แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ถอนออกด้วย จนยึดครองพื้นที่ได้จนปัจจุบัน เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงของนาย
อภิสิทธิ์ อีกครั้ง

กรณีที่นายอภิสิทธิ์กล่าวพาดพิงนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯว่า เสนอให้ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกยูเนสโก นายประพันธ์ กล่าวว่า ในความเป็นจริงข้อเสนอของนายปานเทพ และที่ชุมนุมแห่งนี้ ให้รัฐบาลถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก และประท้วงการขึ้นทะเบียนมรดกโลก มิใช่การถอนตัวออกจากองค์การยูเนสโก ตามที่นายอภิสิทธิ์ เข้าใจ และนายอภิสิทธิ์ ยังบอกว่า การถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก จะทำให้คณะกรรมการไม่ฟังข้อมูลจากฝ่ายไทย และฟังเพียงข้อมูลของกัมพูชา ทำให้สามารถขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้นั้น ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะการถอนตัวออกจากภาคี จะทำให้การขึ้นทะเบียนไม่มีความชอบธรรม และไม่ได้รับการยิมรับจากประเทศไทย กัมพูชาก็เดินหน้าแผนบริหารจัดการพื้นที่ไม่ได้ อีกทั้งไทยยังสามารถประท้วงได้ ในกรณีที่มีการละเมิดอธิปไตยตามกฎบัตรสหประชาชาติ ไม่จำเป็นต้องเป็นภาคีมรดกโลก

**“จำลอง”สรุปกดดันรัฐบาลได้ผล

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะ
กรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่26 ก.พ. ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือสรุปผลการชุมนุมที่ผ่านมาว่า ได้สร้างความกดดันให้รัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และทหาร มาเป็นลำดับ แม้จะยังไม่ประสบผลสำเร็จตามเป้า
หมายก็ตาม

การปักหลักพักค้างชุมนุมกดดันรัฐบาล ถือว่ายังเป็นผล เป็นเรื่องจำเป็นและต้องทำต่อไป จนกว่ารัฐบาลจะออกมาทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน โดยที่ประชุมก็ไม่ได้ปิดประตูต่อการไม่เคลื่อนย้ายไปกดดันที่ใด แต่ต้องประเมินตามสถานการณ์ ในส่วนของการเจรจาที่มีหลายฝ่ายพยายามเสนอตัวเป็นคนกลางนั้น ขอให้เลิกพูดเรื่องนี้ เพราะเลยเวลามามากแล้ว และล้มเหลวมาตลอด จึงขอให้ทุกฝ่ายเลิกความพายามดังกล่าว

พล.ต.จำลอง กล่าวว่าการที่กัมพูชายังไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้สำเร็จนั้น มาจากภาคประชาชน ไม่ใช่รัฐบาล และการที่นายอภิสิทธิ์ เพิ่งพูดว่าการที่กัมพูชาต้องการให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดโลก เพราะต้องการยึดครองดินแดนไทย ทั้งที่ภาคประชาชนออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้มากว่า 2 ปีแล้ว ถือว่า ช้าเกินไป

**อัดรัฐบาลปล่อยข่าววีระขออภัยโทษ

นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ระบุถึงกระแสข่าวที่ว่านายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ลงนามในเอกสารขอพระราชทานอภัยโทษแล้วว่า เป็นเพียงข่าวปล่อยของฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการให้ทำลายความชอบธรรมของผู้ชุมนุม เพราะไม่มีการยืนยันเป็นทางการจากทั้ง 2 คน ไม่เชื่อว่านายวีระจะเป็นคนขายวิญญาณให้รัฐบาล อย่างไรก็ตาม หากมีการเซ็นขอพระราชทานอภัยโทษจริง ก็มาจากการบีบบังคับของรัฐบาล และหากนายวีระได้รับการปล่อยตัวจริงก็จะกลับมาร่วมเคลื่อนไหวกับประชาชนอย่างแน่นอน และจะแฉพฤติกรรมของคนในรัฐบาลทั้งหมดที่ยอมยกดินแดนให้กัมพูชาไป

** เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติก็ไม่เชื่อ

ม.ล.วัลวิภา จรูญโรจน์ แกนนำเครือข่าย คนไทยหัวใจรักชาติ กล่าวว่า ในวันที่28 ก.พ.นี้ตนและนายฌาคส์ ตรูน ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาค กทม.ของสำนักงานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศจะเดินทางไปเยี่ยมนายวีระ และ นางราตรี ที่เรือนจำกลางเปรซอร์ 1ในกรุงพนมเปญ เพื่อให้ทันกับการยื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อศาลกัมพูชา โดยก่อนหน้านื้ทางองค์กรกาชาดสากลประจำประเทศไทยได้ประสานงานไปยังองค์กรกาชาดสากลประจำประเทศกัมพูชาเพื่อขอเข้าเยี่ยมบุคคลทั้งสอง ซึ่งได้รับคำตอบจากกัมพูชาให้เข้าเยี่ยมได้

“เราไม่เชื่อว่านายวีระและนางราตรีจะเซ็นชื่อเพื่อยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว เนื่องจากขณะนี้ทางญาติและครอบครัวนายวีระต่างไม่มีใครยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง จึงเชื่อว่าเป็นการปล่อยข่าวของฝ่ายการเมืองหรือนายวีระอาจถูกกดดันจากรัฐบาลที่ต้องการดิสเครติสเครือข่ายฯเนื่องจากองค์กรกาชาดสากลได้เข้ามาช่วยประสาน เพราะที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือบุคคลทั้งสองเท่าที่ควร”

นอกจากนี้ทางกัมพูชาปฎิเสธมาตลอดโดยอ้างว่า กำลังมีปัญหาการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาที่ชายแดนเขาพระวิหาร และบอกว่านายฮอร์นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศไม่อยู่ 2 สัปดาห์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการปิดกั้นสิทธิผู้ต้องหา เราจึงต้องใช้ช่องทางอื่น

**ปูดทหารเขมรเหยียบบึ้มตัวเอง

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเย็นวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ปรากฎข่าวว่า ทหารเขมรที่ลาดตะเวณบริเวณภูมะเขือ ได้เหยียบกับระเบิดของตัวเองที่วางเอาไว้ ทำให้นายทหารเขมรบาดเจ็บสาหัสจำนวนหนึ่ง

**ชาวบ้านเร่งซ่อมหลุมหลบภัยเอง

ช่วงเช้าชาวบ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้ช่วยกันซ่อมแซมหลุมหลบภัย โดยชาวบ้านช่วยกันนำกระสอบมาบรรจุทรายมาวางทดแทนของเดิมที่ชำรุดเสียหายเพื่อให้เกิด
ความมั่นคงแข็งแรง

นายเหงี่ยม สืบบุตร ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 กล่าวว่า หลุมหลบภัยได้ทำกันมานานแล้ว แต่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรง ทางหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้แจ้งมาว่าจะเข้ามาซ่อมแซมให้ แต่อาจเป็นเพราะว่าจุดที่จะต้องเข้าไปดำเนินการให้การช่วยเหลือมีมาก เจ้าหน้าที่จึงเข้ามาถึงหมู่บ้านช้า และมีปัญหาคือขาดทรายที่จะนำมาทำคันกั้นหน้าหลุมหลบภัยที่มีอยู่ตอนนี้ยังไม่เพียงพอ.
กำลังโหลดความคิดเห็น