xs
xsm
sm
md
lg

เขมรถล่มเย้ยยูเนสโก้ มาร์คแก้เกี้ยวยุติก่อนมรดกโลก พธม.ชี้รบ.โง่ซ้ำซาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ทหารเขมรถล่มภูมะเขือเย้ยยูเนสโก้ ต่อเนื่องข้ามวัน ชาวบ้านภูมิซรอลแตกตื่นระเบิดถี่ยิบ ทหารไทยเจ็บอีก 2 พันธมิตรฯ ย้ำ 4 ข้อไทยเสียดินแดนในทางปฏิบัติ สับรัฐบาลโง่ซ้ำซาก แฉยูเนสโกหนุนเขมรให้ไทยจ่ายค่าเสียหาย ขณะที่ “มาร์ค” หลอกตัวเอง นั่งถกในห้องแอร์กับตัวแทนยูเนสโก้ ฝันศึกไทย-เขมรสงบ ก่อนประชุมมรดกโลกเดือน มิ.ย.

ช่วงบ่ายวานนี้ (25 ก.พ.) ทางด้านทิศตะวันตกของภูมะเขือ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอีก 1 ครั้ง ชาวบ้านภูมิซรอลต่างแตกตื่นตกใจวิ่งเข้าหลุมหลบภัยอย่างโกลาหล เนื่องจากคิดว่ากระแสข่าวลือที่ว่าทหารกัมพูชาจะยิงปืนใหญ่ และจรวด BM21 ถล่มทหารและชาวบ้านไทยที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้นเพียงครั้งเดียวดังกล่าว ชาวบ้านภูมิซรอลและหมู่บ้านใกล้เคียงจึงได้พากันออกมาประกอบสัมมาชีพกันตามปกติ

นายโชคชัย สายแก้ว นายก อบต.เสาธงชัย กล่าวว่า เสียงระเบิดครั้งนี้ดังมาก ซึ่งพวกตนไม่ทราบว่าเป็นเสียงปืนใหญ่ หรือเสียงกับระเบิดจากการทำลายระเบิดในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านที่อยู่รอบเขาพระวิหารเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เนื่องจากชาวบ้านภูมิซรอลทุกคนรู้ดีว่าทหารกัมพูชาสามารถที่จะก่อสงคราม ซึ่งเป็นความเคยชินจากสงครามกลางเมืองของกัมพูชาได้ตลอดเวลา

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00น. ที่บริเวณภูมะเขือเช่นกัน มีเสียงคล้ายเสียงระเบิดดังขึ้นก่อน 1 ครั้ง หลังจากนั้นอีกประมาณ 3-4 ชั่วโมงต่อมา มีเสียงระเบิดตามมาอีกครั้ง เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากช่วงเย็นวันก่อนหน้า (24 ก.พ.) ได้เกิดเหตุทหารไทยขณะลาดตระเวนอยู่บริเวณพลาญยาว ช่องโดนเอาว์ ชายแดนไทย-กัมพูชา ใกล้กับภูมะเขือด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ได้พลาดเหยียบกับระเบิดที่ทหารกัมพูชานำมาฝังเอาไว้ สะเก็ดระเบิดทำให้ทหารไทยจำนวน 2 นาย คือ ส.อ.พรพิบูลย์ เหง้าสุวรรณ และ ส.ท.สุเมธ บุญสารีย์ ทหารสังกัด ร. 16 พัน 3 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้รับบาดเจ็บบริเวณลำตัว แขนขา และใบหน้า ซึ่งถูกนำตัวส่งไปรักษาที่ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เป็นการด่วน ล่าสุดทราบว่า ทหารทั้ง 2 นาย อยู่ในอาการปลอดภัยแล้ว

นอกจากนี้ เวลาประมาณ 10.15 น. ในวันดังกล่าว ( 24 ก.พ.) ทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงเข้ามาในเขตแดนไทยที่บริเวณภูมะเขือ จำนวนกว่า 10 นัด แต่ว่าทหารไทยไม่ได้ยิงตอบโต้การยั่วยุของทหารกัมพูชาในครั้งนี้แต่อย่างใด

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวยอมรับว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.50 น. วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ทหารสังกัดร้อย ร. 1631 เหยียบกับระเบิดได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ขณะลาดตระเวนไปทางทิศตะวันออกของพรานยาว ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประมาณ 1 กิโลเมตร

**มทภ.2บอกระเบิดกลางวัน 2 ลูก

พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาค 2 กล่าวว่า เสียงระเบิดดังสนั่น ภูมะเขือ จำนวน 2 ครั้ง เมื่อ เวลาประมาณเที่ยงวันวันศุกร์ที่ 25 ก.พ. ส่งผลให้ชาวบ้าน ภูมิซรอล ต.เสาธงชัย บ้านโดนเอาว์ และ บ้านรุง ต.รุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ใกล้ภูมะเขือ แค่ 4-5 กม. พากันตกใจและเก็บข้าวของ และเข้าหลุมหลบภัย

“ยืนยันว่าช่วงนี้ไม่มีการยิงปะทะใดๆ แต่อาจมีเสียงปืนหรือระเบิดบ้าง แต่ไม่ใช่จากการปะทะ แต่อาจเป็น อุบัติเหตุหลายอย่าง เช่น สัตว์ป่าเหยียบกับระเบิด หรือไฟไหม้ ลามโดนกับระเบิดที่ยังอยู่ในพื้นที่จำนวนมหาศาล”

**มาร์คพบยูเนสโก้หลอกตัวเองสงบ

วันเดียวกันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังนายโคอิจิโร่ มัตสึอุระ ผู้แทนพิเศษขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนาธรรมแห่งสหประชาชาติเข้าพบ ว่า ยูเนสโกยินดีที่จะสนับสนุนกลไกลทวิภาคี ในการคลี่คลายสถานการณ์ความขัดเเย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งการหารือมีการเเสดงเจตนาที่จะไม่สร้างความตรึงเครียดของสถานการณ์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม จะมีการหารือกับตัวแทนยูเนสโกอีกครั้ง หลังจากตัวเเทนยูเนสโกได้พบนายฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ทั้งนี้ ในการเเก้ไขปัญหาต้องมีความชัดเจนก่อนมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในเดือนมิ.ย.นี้ โดยเฉพาะแผนบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร นั้น จะต้องได้ข้อสรุปในการปักปันเขตเเดนก่อน

ทั้งนี้ ยืนยันว่า การพิจารณาเเผนจัดการพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร นั้น หากยังมีการพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก จะทำให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ดังนั้น จึงไม่ควรสร้างปัญหาเพิ่มเติม เเละขณะนี้ได้มีการประสานกับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรี กัมพูชา เพื่อหาเเนวทางยุติปัญหาดังกล่าว ก่อนจะมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งทางยูเนสโกก็สนับสนุน

**ถกเจบีซีไทย-เขมรไปอินโดมี.ค.

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสาระนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการกำหนดเขตแดนทางบกร่วมกันของไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ซึ่งตามกำหนดเดิมจะมีขึ้นในวันที่ 27 ก.พ. นั้น ล่าสุด ได้มีการเลื่อนการประชุมไปเป็นช่วยต้นเดือน มี.ค .แล้ว โดยจะไปประชุมที่ประเทศอินโดนีเซีย ส่วนกำหนดเวลาทีแน่ชัดกำลังอยู่ระหว่างการประสานงาน

**ยูเนสโกหนุนชำระประวัติศาสตร์

นายธานี กล่าวว่า ส่วนการหารือกับนายกษิต ในการดำเนินการแก้ไขปัญหากับกัมพูชา มีการเน้นย้ำถึงกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งนายกษิตได้เล่าภูมิหลังปัญหาของปราสาทพระวิหาร ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสันปันน้ำ และแผนที่ ตลอดจนปัญหาที่เกิดขึ้นในการนำปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

นายมัตซูระ ยอมรับว่าภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน การเดินหน้าแผนบริหารจัดการโดยรอบปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการพิจารณาแผนดังกล่าวจะชะลอไว้ก่อนหรือไม่ โดยนายมัตซูระ จะเดินทางไปเยือนกรุงพนมเปญต่อ โดยการพบครั้งนี้จะเป็นการรับข้อมูลต่างๆ กลับไปประมวลเพื่อรายงานต่อยูเนสโก และคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อไตร่ตรองว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อลดความตึงเครียด นอกจากนี้นายมัตซูระ ยังสนับสนุนต่อแนวคิดของนายกษิต ที่เห็นว่าอาเซียนควรจะมีการชำระประวัติศาสตร์ร่วมกัน

ส่วนการส่งผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียไปประจำอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ฝ่ายละ 15 คน ในช่วง 3-4 วันนี้ กระทรวงการต่างประเทศ คงจะได้หารือกับฝ่ายทหาร เพื่อจะได้หารือกับฝ่ายอินโดนีเซียทั้งนี้คาดว่าแล้วเสร็จภายใน 1-2 สัปดาห์ อินโดนีเซียจึงจะสามารถส่งคณะผู้สังเกตการณ์เข้ามาได้

**ย้ำ 4 ข้อไทยเสียดินแดน

ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวตอบโต้นายอภิสิทธิ์ ที่ระบุว่า แปลกใจที่พันธมิตรฯพูดว่าไทยเสียดินแดนไปแล้ว พร้อมปฏิเสธนำข้อมูลจากกัมพูชามาขยายผล ว่า ตนต้องขอย้ำว่ามีเหตุผล 4 ประการที่ยืนยันว่า ประเทศไทยได้สูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดนไปแล้วในทางปฎิบัติ ดังนี้

1. เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนจากภาพถ่ายและวีดิโอว่ากัมพูชายึดดินแดนไทยอยู่ พร้อมสำแดงอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนไทย ทั้งที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ภูมะเขือ ปราสาทเขาพระวิหาร บ้านหนองจาน และในพื้นที่อื่นๆอีกหลายจุด

2.ฝ่ายไทยไม่เคยยืนยันเรื่องเส้นเขตแดนในเวทีระหว่างประเทศ ขณะที่กัมพูชายืนยันพื้นที่ว่าเป็นเขตแดนของตนตามแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ทั้งในเวทีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และในเวทีอาเซียน จึงมีข้อเสนอและแถลงการณ์ให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงถาวร โดยไม่สนใจถึงการรุกล้ำดินแดนไทยและละเมิด MOU 2543 ตลอด 11 ปีที่ผ่านมาของฝ่ายกัมพูชา จึงไม่เกิดข้อเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาถอยออกจากแผ่นดินไทย

3. ข้อตกลงหยุดยิงที่มีเงื่อนไข 8 ข้อของฝ่ายทหารเมื่อวันที่ 19 ก.พ. แม้ฝ่ายไทยจะปฏิเสธว่าไม่มีการลงนาม เป็นเพียงสัญญาลูกผู้ชาย แต่ถือเป็นการสละการใช้กำลังทหารผลักดันกองกำลังและชุมชนกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย และสละการใช้แสนยานุภาพทางการทหารบนโต๊ะเจรจา ทำให้กัมพูชาสามารถยึดครองแผ่ดินได้จนกว่าจะพอใจโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา รวมทั้งเงื่อนไขทั้ง 8 ข้อได้ผ่านการรับทราบในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน จนมีการออกเป็นแถลงการณ์ออกมา

4. การให้อาเซียนมาเป็นผู้สังเกตการณ์เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีการปะทะกันอีก เท่ากับว่าฝ่ายไทยและกัมพูชายินยอมให้ประเทศที่ 3 เข้ามา โดยไทยไม่มีสิทธิ์ในการผลักดันทหารกัมพูชาออกจากแผ่นดินได้เลย

**ยูเนสโกหนุนเขมรให้ไทยจ่ายค่าเสียหาย

นายปานเทพ กล่าวว่า ส่วนที่ทหารอินโดนีเซียที่เข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่พิพาททั้ง 30 คนนั้น มี15 คนยืนอยู่ฝั่งไทยแน่นอนอยู่แล้ว แต่อีก 15 คน ที่อ้างว่าอยู่ฝั่งกัมพูชา อยากรู้ว่ายืนฝั่งกัมพูชาจริงหรือไม่ ถ้าจะยืนต้องยืนบริเวณตีนเขาหรือตีนหน้าผาของปราสาทพระวิหารและภูมะเขือได้เท่านั้น แต่ถ้ายืนบริเวณปราสาทพระวิหาร วัดแก้วสิขาคีรีฯ ภูมะเขือ เท่ากับว่าฝ่ายไทยยอมรับว่าพื้นที่เหล่านั้นเป็นพื้นที่ของกัมพูชา

นอกจากนั้นแล้ว ยังได้ข่าวมาอย่างไม่เป็นทางการว่า ยูเนสโกมีความพยายามจะส่งเสริมกัมพูชา ด้วยการให้ฝ่ายไทยจ่ายค่าสินไหมชดเชยค่าเสียหายพื้นที่ของปราสาทพระวิหารเพื่อตอกย้ำว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทางการไทยต้องปฏิเสธ เพราะถือว่าฝ่ายกัมพูชาใช้พื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารและวัดแก้วสิขาคีรีฯ เป็นพื้นที่ซ่องสุมอาวุธสงครามและกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งขณะนี้มีการล็อบบี้จากฝ่ายกัมพูชาอยู่ด้วย

**ปูดวัดแก้วสร้างปี46 ขัดMOU43

นอกจากนี้นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ทางการกัมพูชาออกแถลงการณ์ว่าวัดแก้วฯสร้างขึ้นเมื่อปี 2541 เพื่อเป็นเหตุว่าภายใต้ MOU 2543 ห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมก่อนการลงนามใน MOU 2543 ดังนั้นฝ่ายไทยไม่มีสิทธิ์ที่จะไปรื้อถอนวัดแก้วฯ ทั้งที่ในความเป็นจริงกัมพูชาได้สร้างวัดแก้วฯในปี 46 ถือเป็นการละเมิด MOU 2543 ตามหลักฐานภาพถ่ายที่พันธมิตรฯมีอยู่ อีกทั้งรายงานการประชุม JBC ก็รับทราบเรื่องนี้ แต่รัฐบาลไทยและฝ่ายทหารกลับยืนยันไปยังนานาชาติและเวทีในประเทศว่าสร้างในปี 41 ซึ่งเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น ที่นายอภิสิทธิ์บอกว่าพันธมิตรฯอยู่ฝั่งเดียวกับกัมพูชาจึงไม่จริง จึงขอถามนายอภิสิทธิ์ว่าจริงหรือไม่ที่วัดแก้วฯสร้างในปี 46

**อัด กมธ.เจบีซีมีความเห็นอันตราย

ในส่วนที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) เตรียมนำร่างการประชุมทั้ง 3 ฉบับเข้าสู่การพิจาณณาของรัฐสภาอีกครั้ง นายปานเทพ กล่าวว่า เหมือนจะดูดี แต่ที่จริงแล้วการนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาจะมีผลรับรองการกล่าวร้ายฝ่ายไทยว่ารุกรานกัมพูชาตามแผนที่มาตรส่วน 1 ต่อ 2 แสนหลายครั้ง มีการพูดถึงการถอนทหารออกทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งยังเป็นการตอกย้ำการใช้ MOU 2543 และ TOR 2546 รวมทั้งแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนด้วย ถือเป็นการเยียวยาในประเทศเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้ในเวทีนานาชาติ จึงเป็นเรื่องที่เป็นอันตรายร้ายแรง ที่กัมพูชาจะนำไปใช้ในศาลโลกว่าฝ่ายไทยไม่ปฏิเสธการรุกรานกัมพูชาที่มีการกล่าวหาในรายการประชุม อีกทั้งยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสนอีกด้วย

**ขู่ไล่ยูเนสโกเอกมัยถ้ายังหนุนเขมร

ทั้งนี้ สิ่งที่เราคัดค้านใช้เฉพาะแผนบริหารจัดการ แม้แต่พื้นที่ขอบๆตัวปราสาทพระวิหารที่ขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อยแล้วเมื่อปี 51 เราก็ไม่เห็นด้วย เพราะทำให้ข้อสงวนเมื่อปี 2505 ในการทวงคืนปราสาทพระวิหารได้สูญหายไป ภาคประชาชนจึงเรียกร้องให้ถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก และหากยูเนสโกยังไม่หยุดยั้งพฤติกรรมที่ส่งเสริมให้กัมพูชารุกรานดินแดนไทยและทำให้เกิดปัญหาพิพาทมากกว่าเดิม ในฐานะภาคประชาชนก็มีสิทธิ์ในการเคลื่อนไหวให้ประเทศไทยส่งทูตยูเนสโกกลับ โดยไม่ต้องอยู่ประจำประเทศไทยแล้ว

**กต.มีข้ออ้างเขมรดันวิหารสู่ศาลโลก

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทางการกัมพูชาเตรียมยื่นขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาเมื่อปี 2505 ว่า กัมพูชามีสิทธิในการยื่นเรื่องได้ ซึ่งทางการไทยได้เตรียมคณะที่จะเดินทางไปต่อสู้คดีไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้ฝ่ายไทยเพลี่ยงพล้ำ โดยตนขอยืนยันว่า คำพิพากษาของศาลโลกไม่ได้พิจารณาเรื่องแผนที่ แต่เป็นเรื่องพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งเราต้องยืนยันในแง่ของเทคนิคว่าอยู่ตรงไหน อย่างไร แต่ตนยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่ากัมพูชาจะขอให้ศาลโลกตีความประเด็นใดบ้าง เนื่องจากคำพิพากษามี 3 ประเด็น สำหรับจุดยืนของไทยยังยึดอนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ปีค.ศ.1904 ระบุชัดเจนว่าให้เส้นเขตแดนไทยกับกัมพูชา บริเวณเขาพระวิหาร เป็นไปตามแนวสันปันน้ำ ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ไทยใช้อยู่ในคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะกระทบต่อการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา หรือไม่ นายชวนนท์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นคนละเรื่องกัน เพราะเจบีซีเป็นการพิจารณาในกรอบทวิภาคี แต่หากกัมพูชาต้องการให้การขยายความของคำตัดสินเดินของศาลโลกก็ถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการขอพระราชทานอภัยโทษนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ นายชวนนท์ ระบุว่า ขณะนี้กำลังรอการตัดสินใจจากครอบครัวของทั้งสองคน พร้อมย้ำว่า ทางการไทยไม่ได้มีส่วนเข้าไปกดดันใดๆ ซึ่งตนเข้าใจว่า ครอบครัวของทั้งสองคนจะออกมาทำความเข้าใจไม่ว่าจะเป็นการอุทธรณ์หรือการขอพระราชทานอภัยโทษ

**กลาโหมเลื่อนประชุม”จีบีซี”เร็วขึ้น

พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานในการประชุมว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงกรณีผู้สังเกตการณ์เดินทาง เข้าไปในพื้นที่ไทย-กัมพูชา โดยมีมติว่า การแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการใช้ช่องทางของการประชุมคณะกรรมาธิการ เขตแดนร่วม (เจบีซี)ไม่ใช้อาวุธที่ดีที่สุด ส่วนกรณีที่นายกษิต จะเดินทางเข้ามาพบปะกับรมว.กลาโหมนั้น ขณะนี้นายกฯยังไม่ได้ทำหนังสือหรือติดต่อมายังกระทรวงกลาโหม

ขณะที่สถานการณ์ไทย-กัมพูชายังไม่ได้อยู่ในภาวะสงครามเป็นการปะทะกันระดับพื้นที่ เท่านั้น ถ้าหากส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามาในพื้นที่ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติอาจจะทำให้มีความเข้าใจในข้อมูลคลาดเคลื่อน อย่างไรก็ตามต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เดิมไทยและกัมพูชามีกำหนดที่จะประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา(จีบีซี) ในเดือนมิถุนายนนี้ โดยทางกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจากสถานการณ์การณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะมีการเร่งรัดให้มีการประชุมเร็วขึ้น เพื่อจัดการแก้ไขปัญหา.
กำลังโหลดความคิดเห็น