ประธาน ส.ส.กทม.เพื่อแม้ว โวยรัฐบาลช่วยเหลือคนยากจนด้วยการจัดแผงขายสินค้าบนทางเท้าเป็นการริดรอนสิทธิประชาชนที่สัญจรไปมา ปูดคมนาคมเพิ่มรถตู้ 6 หมื่นคันเรียกหัวคิวคันละ 1 แสน พร้อมอ้างเล่นงานช่อง 11 โจมตีเขมร หวังช่วยประชาชนไม่ได้คิดปกป้องกัมพูชา
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลว่า ตอนนี้ได้มีการจัดแผงขายสินค้าให้แก่ประชาชน ตนคิดว่าเป็นเรื่องดี แต่ไม่เหมาะสม เพราะเป็นการตั้งแผงขายสินค้าบนทางเท้า ซึ่งทำให้ประชาชนที่ต้องใช้บนทางเท้าถูกลิดรอนสิทธิ รวมไปถึงความปลอดภัยและความสะอาดด้วย เพราะฉะนั้นตนจึงมองว่ารัฐบาลชุดนี้คิดเร็ว ทำเร็ว แต่เป็นการดำเนินการแบบผิดๆ รัฐบาลควรที่จะจัดเป็นตลาดนัดเพื่อรวบรวมผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า อย่างเช่นตลาดนัดจตุจักรน่าจะดีกว่า หากต้องการช่วยประชาชนจริงๆ ไม่ควรที่จะนำพื้นที่บนถนน หรือทางเท้ามาเป็นจุดผ่อนผัน
นายวิชาญกล่าวว่า ในขณะนี้ทางกระทรวงคมนาคมได้มีการจัดรถตู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่าอีก 60,000 คัน ซึ่งมีประชาชนร้องเรียนมาว่ามีการเรียกเก็บหัวคิวประมาณ 100,000 บาทต่อหนึ่งคัน ตนจึงต้องการเรียกร้องให้ทางรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมเข้าตรวจสอบด้วย
นายวิชาญยังกล่าวถึงกรณีรายการเจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก ที่ผลิตโดยสำนักข่าวทีนิวส์ ซึ่งมีการเผยแพร่ผ่านทางสถานีโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 หรือเอ็นบีที โดยมีเนื้อหาที่เสนอความขัดแย้งของประเทศไทยและกัมพูชา ทั้งนี้ ตนได้นำไปตั้งกระทู้ถามสดในที่ประชุมของรัฐสภาว่าการนำเสนอข่าวที่เป็นการดูถูก และมีเนื้อหากล่าวโจมตีทางประเทศกัมพูชานั้นไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งในขณะนี้ทางสำนักข่าวทีนิวส์ได้ตั้งคำถามว่าทำไมตนจึงไปเข้าข้างทางประเทศกัมพูชานั้น ตนคิดว่าตนพูดในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และต้องการเห็นความปรองดองของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งการเสนอเนื้อหาดังกล่าวอาจจะสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนตามแนวชายแดนและประเทศชาติได้ ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะมีปัญหากับสื่อมวลชน ซึ่งหากทางสำนักข่าวทีนิวส์มีอะไรจะแนะนำตนก็สามารถติดต่อตนได้
นายวิชาญกล่าวว่า การตั้งกระทู้ของตนไม่ได้ถามสำนักข่าวทีนิวส์ แต่ตนตั้งคำถามต่อนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากสำนักข่าวทีนิวส์มีข้อข้องใจก็คงจะต้องไปถามนายองอาจเอง แต่ตนขอร้องว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปโยงกับการเมือง และตนยืนยันว่าตนไม่ได้มีอคติต่อรายการของสื่อ แต่ตนเพียงแค่อยากช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น