ASTVผู้จัดการรายวัน- "มาร์ค"ห่วงแกนนำม็อบแดงที่ได้รับตำแหน่งทางการเมืองจะใช้พวกมาก กดดันองค์กรอิสระซ้ำ ด้าน"วัชระ" ซัด"ยิ่งลักษณ์" โบนัสม็อบเผาเมือง เปรียบโจรปล้นสะดมเสร็จ ก็มาแบ่งสมบัติกัน ด้านมท.1 ป้อง"อารีย์ ไกรนรา" ไม่ได้ใส่เสื้อแดง แต่ใส่เสื้อความยุติธรรม ขณะที่รมต.สำนักนายกฯ ขอโอกาสให้ "วิม" ได้พิสูจน์ตัวเองจากการทำงาน ไม่สนเรื่องอื้อฉาวที่กำลังถูกตรวจสอบกรณีซื้อสื่อ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแต่งตั้งคนเสื้อแดงให้มีตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ถือเป็นสิทธิ์ และอยู่ที่ผลการทำงาน ส่วนคนที่ได้รับการแต่งตั้ง ก็มีหน้าที่พิสูจน์ตัวเอง
ทั้งนี้ปัญหาที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงบางส่วนที่นำไปสู่ปัญหาเรื่องการคุกคามต่างๆ ทั้งนักการเมือง สื่อมวลชน ขณะที่รัฐบาลยังไม่มีท่าทีชัดเจนว่าจะทำอย่างไร
เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าได้ทำความเข้าใจกับนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนเสื้อแดง จ.อุดรธานีแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องดูผลมากกว่า ว่าได้ส่งผลอย่างไร เราไม่อยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสัปดาห์ที่ แล้วเกิดเป็นเหตุปกติ ทั้งนี้หากคนเสื้อแดงจะไปชุมนุมหน้ารัฐสภาทุกสัปดาห์ ก็ไม่ได้ทำให้ฝ่ายค้านหวั่นไหว แต่ตนไม่อยากให้เกิดเงื่อนไขความขัดแย้ง วุ่นวาย และก็ต้องถามว่า เราต้องการให้การเมืองเป็นแบบนี้ไปเพื่ออะไร ทั้งที่แต่ละฝ่ายสามารถทำหน้าที่ตัวเองได้
อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ห่วงเรื่องนี้เท่ากับการที่มีคนไปชุมนุมกดดันองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเสียงข้างมากหรือเสียงข้างน้อย ไม่เกี่ยวพรรคการเมือง แต่มีหน้าที่ตัดสิน วินิจฉัยไปตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ทั้งศาล องค์กรอิสระ
ดังนั้นการเอามวลชนไปกดดัน จะส่งผลกระทบได้ หรือมิเช่นนั้นอาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจในองค์กรเหล่านี้ว่า จะมีการวินิจฉัยอยู่ภายใต้ภาวะการกดดันหรือไม่
** เปรียบโจรปล้นเสร็จก็แบ่งทรัพย์สิน
นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งกลุ่มคนเสื้อแดง เข้ารับตำแหน่งข้าราชการการเมืองในรัฐบาลนี้ ว่า การแต่งตั้งคนที่มีส่วนกับการเผาบ้านเผาเมือง เข้ามามีตำแหน่ง และกินภาษีพี่น้องประชาชนจำนวนมากนั้น เป็นเพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถือเป็น 1 ในผู้สนับสนุนม็อบคนเสื้อแดงในช่วงการชุมนุม และเกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง ที่ราชประสงค์
"เหมือนโจรที่เมื่อปล้นสะดมได้ ก็ต้องมาแบ่งปันกันตามลำดับชั้น ใครมีอำนาจ หรือให้เงินมากที่สุด ก็จะได้รับตำแหน่งใหญ่โต ขอให้ทุกคนตระหนักว่า เข้ามาเป็นข้าราชการการเมืองในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่านำเรื่องการล้มสถาบันฯ มาแอบแฝงอย่างเด็ดขาด" นายวัชระกล่าว
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว นายวัชระ ยังได้นำนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 19 ฉบับที่ 990 วันที่ 20 พ.ค.54 ที่มีภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์ สวมเสื้อสีแดงทับเสื้อเชิ้ตสีขาว พร้อมผูกผ้าพันคอสีแดง มาแสดงแก่สื่อมวลชน พร้อมกล่าวว่า ภาพนี้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เข้าร่วมการชุมนุมกับคนเสื้อแดง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เพียงแค่ภาพในนิตยสารที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นภาพจริงหรือการตัดต่อ สามารถนำมากล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้หรือ นายวัชระ กล่าวว่า ตนให้ความเป็นธรรมกับทุกคน และยืนยันว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ สวมชุดในลักษณะนี้เข้าร่วมการชุมนุมกับคนเสื้อแดง เมื่อปี 53 ก่อนที่จะมีการเผาบ้านเผาเมือง แต่ไม่แน่ใจว่า เป็นสถานที่ใด ระหว่างสะพานผ่านฟ้า หรือสี่แยกราชประสงค์
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า ขอให้คนเสื้อแดงให้ความเป็นธรรมกับบุคคลที่มีความเห็นแตกต่าง ไม่ใช่ไปไล่ทำร้ายคนที่เห็นต่าง อย่างกรณีการรุมทำร้าย 2 นักศึกษา ที่มาวางพวงหรีดที่หน้ารัฐสภา ขณะที่คนเสื้อแดงกว่า 10 คนไปวางพวงหรีดที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กลับไม่มีผู้ใดไปทำร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัชระ ยังได้ทำการเปิดตัวผู้ช่วยส.ส. 2 คน คือนายประจัน กล้าผจญ อดีตส.ส.พรรคชาติไทย 2 สมัย และ นายสืบศักดิ์ พะลัง น้องชายนายสุวโรช พะลัง อดีต ส.ส.หลายสมัย และ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 24 พรรคประชาธิปัตย์ ที่เสียชีวิตก่อนการเลือกตั้ง 3 ก.ค.54 ไม่นาน ทำให้นายวัชระ ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 45 ได้รับการเลือกตั้งมาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อในลำดับสุดท้ายของพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายสืบศักดิ์ เปิดเผยว่า จะเข้ามาร่วมผลักดัน และสานต่องานที่นายสุวโรช ตั้งใจไว้ คือ การผลักดันกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจน
** มท.1 อุ้มก๊วนเผาเมืองนั่งมหาดไทย
ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเตรียมเสนอรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยเพื่อเข้าที่ประชุมครม.ในวันอังคารนี้ โดยในจำนวนนี้ มีกระแสข่าว นายนายอารีย์ ไกรนรา อดีตหัวหน้าการ์ดเสื้อแดง จะมานั่งทำงานที่มหาดไทย ว่า นายอารีย์ เคยทำงานอยู่ในหน่วยงานที่มีชื่อเสียงมาก่อน ถึงมาเล่นการเมืองลงสมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ที่ จ.นครศรีธรรมราช ไม่ได้สวมเสื้อแดง แต่สวมเสื้อความยุติธรรม เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย โดยตำแหน่งข้าราชการทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ได้มอบหมายหัวหน้าพรรค และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้คัดเลือก ไม่มีการแทรกแซงใดๆ
**ขอโอกาส "วิม" ได้พิสูจน์ตัวเอง
น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแต่งตั้ง นายวิม รุ่งวัฒนจินดา เป็นเลขาธิการฯ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า อยากขอโอกาสให้นายวิม ทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองก่อน เพราะมีประสบการณ์ทางด้านนี้ จึงคิดว่าจะมาช่วยงานได้มาก ซึ่งสื่อมวลชนก็สามารถตรวจสอบการทำงานของนายวิมได้
เมื่อถามว่า กรณีอีเมล์ที่ยังเป็นคดีความอยู่ ที่อาจจะโยงถึงการยุบพรรคจะเป็นอุปสรรคในการทำงานของนายวิมหรือไม่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เรื่องการตรวจสอบก็ขอให้เป็นเรื่องของการตรวจสอบ ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)
ผู้สิ่อข่าวถามว่าข้อครหายังไม่หมด เมื่อมาอยู่ตรงนี้รับหน้าที่ดูแลสื่อด้วย จะยิ่งเป็นการตอกย้ำสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า คงต้องขอโอกาสในการทำงาน ให้นายวิมได้พิสูจน์ตนเอง และการตรวจสอบก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ
เมื่อถามว่าจะให้นายวิมได้พิสูจน์ตนเองในระดับหนึ่งก่อนหรือไม่ น.ส.กฤษณา กล่าวว่า วันนี้นายวิมจะเริ่มเข้าทำงาน ก็จะให้ลงมาชี้แจงด้วยตนเอง เมื่อถามต่อว่าจะว่างกรอบบทบาทหน้าที่การเป็นเลขาฯ ของนายวิมอย่างไรเพื่อไม่ให้สัมคมแคลงใจ ที่เข้ามาบริหารสื่อ แล้วเอื้อประโยชน์กับพรรคเพื่อไทย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกับนายวิมเกี่ยวกับรายละเอียดของงาน คาดว่าจะคุยกันวันนี้ แต่คิดว่าจะทำงานร่วมกันทุกด้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การให้นายวิมมาเป็นเลขาฯ รัฐมนตรีเป็นคนเลือกเองหรือทางพรรคเป็นผู้ส่งมา รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า คณะกรรมการในพรรคมีการพิจารณา และตนได้เข้าร่วมในการพิจารณาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนตัวได้กำหนดแนวทางการทำงานไว้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในเรื่องของการกำกับดูแลสื่อ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของทีวีช่อง 11 อยากให้มีความอิสระ และเป็นกลาง อยากเห็นช่อง 11 มีเวทีกลางสำหรับภูมิภาคมากขึ้น ทำข่าวที่สร้างสรรค์และพัฒนา มีสาระบันเทิง และมีความรู้มากขึ้น
** จัดเวลานายกฯพบประชาชน
เมื่อถามว่า ความชัดเจนของรายการนายกฯพบประชาชน จะมีความชัดเจนมากขึ้นหรือไม่ น.ส.กฤษณา กล่าวว่า กำลังจะนำเสนอรูปแบบต่อนายกฯ เพื่อให้พิจารณาว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการคิดรูปแบบอยู่ แต่ว่าจะเป็นรายการสดแน่นอน เพราะต้องการสื่อสารสิ่งที่รัฐบาลทำไปให้ประชาชนรับรู้ อย่างไรก็ตามมีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการนายกฯ พบประชาชนให้มีความเหมาะสม
ส่วนรายการที่จะเป็นเวทีของฝ่ายค้านนั้น คงต้องมีการประสานกับฝ่ายค้านก่อนว่าต้องการหรือไม่ ถ้าฝ่ายค้านต้องการ รัฐบาลก็ยินดี ส่วนรายการเก่าที่โจมตีรัฐบาลนั้น ส่วนตัวอยากขอความร่วมมือทุกรายการ ให้นึกถึงสถานการณ์ของประเทศในขณะนี้ อยากให้อยู่ในบรรยากาศที่ปรองดอง สร้างสรรค์ รับฟังซึ่งกันและกัน เพื่อจะลดความขัดแย้งในประเทศลง ส่วนตัวอยากให้ลดรายการที่มีการตอบโต้ทางการเมืองลง หันมาเน้นรายการที่เป็นประโยชน์สร้างสรรค์ต่อสังคมมากกว่า
ส่วนจะมีการปรับผังรายการใหม่หรือไม่นั้น ก็ต้องพิจารณาว่าจะตรงกับแนวทางที่รัฐบาลกำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งต้องพูดคุยกัน
***ถอด "เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก" พ้นNBT
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(เอ็นบีที) มีหนังสือคำสั่ง ลงนามโดยนางสาวรัตนา เจริญศักดิ์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สั่งถอดรายการ "เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก" ออกจากผังรายการแล้ว มีผลตุลาคม 2554 นี้
ทั้งนี้ รายการ "เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก" ดำเนินการโดยทีมงานสำนักข่าวทีนิวส์ ออกอากาศทุกคืนวันจันทร์ เวลา 21.00-22.00 น.
** อ้างตั้งคนเสื้อแดงเพราะไว้ใจได้
นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ รักษาการโฆษก นปช.ที่ ได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการเมืองประสำนักเลขาธิการนายกฯรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้จะถือว่าเป็นการตอบแทนคนเสื้อแดงไม่ได้ พรรคเพื่อไทยเมื่อชนะเลือกตั้ง ก็ต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้มาทำงาน อีกทั้งคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ก็เป็นสมาชิกพรรค ตนก็เคยลงสมัคร ส.ส.แข่งกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นจะบอกว่าเป็นคนนอก คงไม่ใช่ การแต่งตั้งครั้งนี้จึงถูกต้องที่ตั้งคนไว้ใจได้มาทำงาน คอยแบ่งเบาภาระนายกฯในแต่ละกระทรวง
เมื่อถามว่าการที่คนเสื้อแดงได้รับแต่งตั้งครั้งนี้ สะท้อนว่า คนเสื้อแดงมีอำนาจในพรรคอย่างไรหรือไม่ นายวรวุฒิ กล่าวว่า พวกเราไม่เคยกดดัน ถ้ากดดันจริงๆ ตำแหน่งแค่ "ประจำสำนักนายกฯ" เล็กๆ อำนาจก็ไมได้มีอะไร จะเอาไปทำไม ถ้ากดดันจริงๆ สู้ไปเรียกร้องให้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีไม่ดีกว่าหรือ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแต่งตั้งคนเสื้อแดงให้มีตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ถือเป็นสิทธิ์ และอยู่ที่ผลการทำงาน ส่วนคนที่ได้รับการแต่งตั้ง ก็มีหน้าที่พิสูจน์ตัวเอง
ทั้งนี้ปัญหาที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงบางส่วนที่นำไปสู่ปัญหาเรื่องการคุกคามต่างๆ ทั้งนักการเมือง สื่อมวลชน ขณะที่รัฐบาลยังไม่มีท่าทีชัดเจนว่าจะทำอย่างไร
เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าได้ทำความเข้าใจกับนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนเสื้อแดง จ.อุดรธานีแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องดูผลมากกว่า ว่าได้ส่งผลอย่างไร เราไม่อยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสัปดาห์ที่ แล้วเกิดเป็นเหตุปกติ ทั้งนี้หากคนเสื้อแดงจะไปชุมนุมหน้ารัฐสภาทุกสัปดาห์ ก็ไม่ได้ทำให้ฝ่ายค้านหวั่นไหว แต่ตนไม่อยากให้เกิดเงื่อนไขความขัดแย้ง วุ่นวาย และก็ต้องถามว่า เราต้องการให้การเมืองเป็นแบบนี้ไปเพื่ออะไร ทั้งที่แต่ละฝ่ายสามารถทำหน้าที่ตัวเองได้
อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ห่วงเรื่องนี้เท่ากับการที่มีคนไปชุมนุมกดดันองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเสียงข้างมากหรือเสียงข้างน้อย ไม่เกี่ยวพรรคการเมือง แต่มีหน้าที่ตัดสิน วินิจฉัยไปตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ทั้งศาล องค์กรอิสระ
ดังนั้นการเอามวลชนไปกดดัน จะส่งผลกระทบได้ หรือมิเช่นนั้นอาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจในองค์กรเหล่านี้ว่า จะมีการวินิจฉัยอยู่ภายใต้ภาวะการกดดันหรือไม่
** เปรียบโจรปล้นเสร็จก็แบ่งทรัพย์สิน
นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งกลุ่มคนเสื้อแดง เข้ารับตำแหน่งข้าราชการการเมืองในรัฐบาลนี้ ว่า การแต่งตั้งคนที่มีส่วนกับการเผาบ้านเผาเมือง เข้ามามีตำแหน่ง และกินภาษีพี่น้องประชาชนจำนวนมากนั้น เป็นเพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถือเป็น 1 ในผู้สนับสนุนม็อบคนเสื้อแดงในช่วงการชุมนุม และเกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง ที่ราชประสงค์
"เหมือนโจรที่เมื่อปล้นสะดมได้ ก็ต้องมาแบ่งปันกันตามลำดับชั้น ใครมีอำนาจ หรือให้เงินมากที่สุด ก็จะได้รับตำแหน่งใหญ่โต ขอให้ทุกคนตระหนักว่า เข้ามาเป็นข้าราชการการเมืองในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่านำเรื่องการล้มสถาบันฯ มาแอบแฝงอย่างเด็ดขาด" นายวัชระกล่าว
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว นายวัชระ ยังได้นำนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 19 ฉบับที่ 990 วันที่ 20 พ.ค.54 ที่มีภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์ สวมเสื้อสีแดงทับเสื้อเชิ้ตสีขาว พร้อมผูกผ้าพันคอสีแดง มาแสดงแก่สื่อมวลชน พร้อมกล่าวว่า ภาพนี้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เข้าร่วมการชุมนุมกับคนเสื้อแดง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เพียงแค่ภาพในนิตยสารที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นภาพจริงหรือการตัดต่อ สามารถนำมากล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้หรือ นายวัชระ กล่าวว่า ตนให้ความเป็นธรรมกับทุกคน และยืนยันว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ สวมชุดในลักษณะนี้เข้าร่วมการชุมนุมกับคนเสื้อแดง เมื่อปี 53 ก่อนที่จะมีการเผาบ้านเผาเมือง แต่ไม่แน่ใจว่า เป็นสถานที่ใด ระหว่างสะพานผ่านฟ้า หรือสี่แยกราชประสงค์
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า ขอให้คนเสื้อแดงให้ความเป็นธรรมกับบุคคลที่มีความเห็นแตกต่าง ไม่ใช่ไปไล่ทำร้ายคนที่เห็นต่าง อย่างกรณีการรุมทำร้าย 2 นักศึกษา ที่มาวางพวงหรีดที่หน้ารัฐสภา ขณะที่คนเสื้อแดงกว่า 10 คนไปวางพวงหรีดที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กลับไม่มีผู้ใดไปทำร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัชระ ยังได้ทำการเปิดตัวผู้ช่วยส.ส. 2 คน คือนายประจัน กล้าผจญ อดีตส.ส.พรรคชาติไทย 2 สมัย และ นายสืบศักดิ์ พะลัง น้องชายนายสุวโรช พะลัง อดีต ส.ส.หลายสมัย และ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 24 พรรคประชาธิปัตย์ ที่เสียชีวิตก่อนการเลือกตั้ง 3 ก.ค.54 ไม่นาน ทำให้นายวัชระ ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 45 ได้รับการเลือกตั้งมาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อในลำดับสุดท้ายของพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายสืบศักดิ์ เปิดเผยว่า จะเข้ามาร่วมผลักดัน และสานต่องานที่นายสุวโรช ตั้งใจไว้ คือ การผลักดันกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจน
** มท.1 อุ้มก๊วนเผาเมืองนั่งมหาดไทย
ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเตรียมเสนอรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยเพื่อเข้าที่ประชุมครม.ในวันอังคารนี้ โดยในจำนวนนี้ มีกระแสข่าว นายนายอารีย์ ไกรนรา อดีตหัวหน้าการ์ดเสื้อแดง จะมานั่งทำงานที่มหาดไทย ว่า นายอารีย์ เคยทำงานอยู่ในหน่วยงานที่มีชื่อเสียงมาก่อน ถึงมาเล่นการเมืองลงสมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ที่ จ.นครศรีธรรมราช ไม่ได้สวมเสื้อแดง แต่สวมเสื้อความยุติธรรม เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย โดยตำแหน่งข้าราชการทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ได้มอบหมายหัวหน้าพรรค และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้คัดเลือก ไม่มีการแทรกแซงใดๆ
**ขอโอกาส "วิม" ได้พิสูจน์ตัวเอง
น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแต่งตั้ง นายวิม รุ่งวัฒนจินดา เป็นเลขาธิการฯ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า อยากขอโอกาสให้นายวิม ทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองก่อน เพราะมีประสบการณ์ทางด้านนี้ จึงคิดว่าจะมาช่วยงานได้มาก ซึ่งสื่อมวลชนก็สามารถตรวจสอบการทำงานของนายวิมได้
เมื่อถามว่า กรณีอีเมล์ที่ยังเป็นคดีความอยู่ ที่อาจจะโยงถึงการยุบพรรคจะเป็นอุปสรรคในการทำงานของนายวิมหรือไม่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เรื่องการตรวจสอบก็ขอให้เป็นเรื่องของการตรวจสอบ ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)
ผู้สิ่อข่าวถามว่าข้อครหายังไม่หมด เมื่อมาอยู่ตรงนี้รับหน้าที่ดูแลสื่อด้วย จะยิ่งเป็นการตอกย้ำสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า คงต้องขอโอกาสในการทำงาน ให้นายวิมได้พิสูจน์ตนเอง และการตรวจสอบก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ
เมื่อถามว่าจะให้นายวิมได้พิสูจน์ตนเองในระดับหนึ่งก่อนหรือไม่ น.ส.กฤษณา กล่าวว่า วันนี้นายวิมจะเริ่มเข้าทำงาน ก็จะให้ลงมาชี้แจงด้วยตนเอง เมื่อถามต่อว่าจะว่างกรอบบทบาทหน้าที่การเป็นเลขาฯ ของนายวิมอย่างไรเพื่อไม่ให้สัมคมแคลงใจ ที่เข้ามาบริหารสื่อ แล้วเอื้อประโยชน์กับพรรคเพื่อไทย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกับนายวิมเกี่ยวกับรายละเอียดของงาน คาดว่าจะคุยกันวันนี้ แต่คิดว่าจะทำงานร่วมกันทุกด้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การให้นายวิมมาเป็นเลขาฯ รัฐมนตรีเป็นคนเลือกเองหรือทางพรรคเป็นผู้ส่งมา รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า คณะกรรมการในพรรคมีการพิจารณา และตนได้เข้าร่วมในการพิจารณาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนตัวได้กำหนดแนวทางการทำงานไว้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในเรื่องของการกำกับดูแลสื่อ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของทีวีช่อง 11 อยากให้มีความอิสระ และเป็นกลาง อยากเห็นช่อง 11 มีเวทีกลางสำหรับภูมิภาคมากขึ้น ทำข่าวที่สร้างสรรค์และพัฒนา มีสาระบันเทิง และมีความรู้มากขึ้น
** จัดเวลานายกฯพบประชาชน
เมื่อถามว่า ความชัดเจนของรายการนายกฯพบประชาชน จะมีความชัดเจนมากขึ้นหรือไม่ น.ส.กฤษณา กล่าวว่า กำลังจะนำเสนอรูปแบบต่อนายกฯ เพื่อให้พิจารณาว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการคิดรูปแบบอยู่ แต่ว่าจะเป็นรายการสดแน่นอน เพราะต้องการสื่อสารสิ่งที่รัฐบาลทำไปให้ประชาชนรับรู้ อย่างไรก็ตามมีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการนายกฯ พบประชาชนให้มีความเหมาะสม
ส่วนรายการที่จะเป็นเวทีของฝ่ายค้านนั้น คงต้องมีการประสานกับฝ่ายค้านก่อนว่าต้องการหรือไม่ ถ้าฝ่ายค้านต้องการ รัฐบาลก็ยินดี ส่วนรายการเก่าที่โจมตีรัฐบาลนั้น ส่วนตัวอยากขอความร่วมมือทุกรายการ ให้นึกถึงสถานการณ์ของประเทศในขณะนี้ อยากให้อยู่ในบรรยากาศที่ปรองดอง สร้างสรรค์ รับฟังซึ่งกันและกัน เพื่อจะลดความขัดแย้งในประเทศลง ส่วนตัวอยากให้ลดรายการที่มีการตอบโต้ทางการเมืองลง หันมาเน้นรายการที่เป็นประโยชน์สร้างสรรค์ต่อสังคมมากกว่า
ส่วนจะมีการปรับผังรายการใหม่หรือไม่นั้น ก็ต้องพิจารณาว่าจะตรงกับแนวทางที่รัฐบาลกำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งต้องพูดคุยกัน
***ถอด "เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก" พ้นNBT
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(เอ็นบีที) มีหนังสือคำสั่ง ลงนามโดยนางสาวรัตนา เจริญศักดิ์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สั่งถอดรายการ "เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก" ออกจากผังรายการแล้ว มีผลตุลาคม 2554 นี้
ทั้งนี้ รายการ "เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก" ดำเนินการโดยทีมงานสำนักข่าวทีนิวส์ ออกอากาศทุกคืนวันจันทร์ เวลา 21.00-22.00 น.
** อ้างตั้งคนเสื้อแดงเพราะไว้ใจได้
นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ รักษาการโฆษก นปช.ที่ ได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการเมืองประสำนักเลขาธิการนายกฯรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้จะถือว่าเป็นการตอบแทนคนเสื้อแดงไม่ได้ พรรคเพื่อไทยเมื่อชนะเลือกตั้ง ก็ต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้มาทำงาน อีกทั้งคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ก็เป็นสมาชิกพรรค ตนก็เคยลงสมัคร ส.ส.แข่งกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นจะบอกว่าเป็นคนนอก คงไม่ใช่ การแต่งตั้งครั้งนี้จึงถูกต้องที่ตั้งคนไว้ใจได้มาทำงาน คอยแบ่งเบาภาระนายกฯในแต่ละกระทรวง
เมื่อถามว่าการที่คนเสื้อแดงได้รับแต่งตั้งครั้งนี้ สะท้อนว่า คนเสื้อแดงมีอำนาจในพรรคอย่างไรหรือไม่ นายวรวุฒิ กล่าวว่า พวกเราไม่เคยกดดัน ถ้ากดดันจริงๆ ตำแหน่งแค่ "ประจำสำนักนายกฯ" เล็กๆ อำนาจก็ไมได้มีอะไร จะเอาไปทำไม ถ้ากดดันจริงๆ สู้ไปเรียกร้องให้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีไม่ดีกว่าหรือ