เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (30 ส.ค.) นายนพพร นามเชียงใต้ ได้นำกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 20 คน ที่นัดกันหน้าสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสวนจตุจักร เพื่อไปชุมนุมกดดันที่หน้าสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 เพื่อเรียกร้องและยื่นหนังสือให้ผู้บริหารพิจารณาการทำงานของผู้สื่อข่าวช่อง7 โดยกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าวยังมีป้ายข้อความเขียนโจมตีการทำงานของนักข่าวช่อง7 ต่างๆนานา และยังบอกว่าสื่อคุกคามประชาชน พร้อมกับเรียกร้องให้นักข่าวถอนแจ้งความกรณีไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีคนเสื้อแดงที่ส่งอีเมลข่มขู่
ขณะที่ ที่บริเวณหน้าช่อง 7 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบของ สน.บางซื่อ มาคอยดูแลความสงบ กลุ่มเสื้อแดงใช้เวลาเรียกร้องประมาณ 20 นาที แล้วยื่นหนังสือให้ผู้บริหารช่อง7 ก่อนจะสลายตัวไปโดยไม่มีเหตุวุ่นวายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ได้ยื่นหนังสือต่อนายสมเกียรติ เจริญภิญญโญยิ่ง ผจก.ฝ่ายข่าวฯช่อง 7 ให้ปลดน.ส. สมจิตร เครือสุนทร เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่สื่อด้วยความอคติ
**ออกหมายเรียกแดงขู่นักข่าว7สี
พ.ต.ท.พิตพินันท์ อุทธสิงห์ รองผกก.สอบสวน สน.ดุสิต กล่าวถึงคดีผู้สื่อข่าวช่อง7 แจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำแดง ที่ส่งเมลข่มขู่ ว่า จากการตรวจสอบหลักฐาน และสอบปากคำแล้ว พบว่า เมลดังกล่าว เป็นลักษณะใช้คำหยาบคายด่าทอ โดยผู้เสียหายยืนยันที่จะดำเนินคดีกับคู่กรณี ให้ถึงที่สุด เนื่องจากข้อความดังกล่าวเป็นการข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว ส่งผลกระทบต่อจิตใจ
เบื้องต้น ทางพนักงานสอบสวน ได้พิจารณาแล้ว จึงได้ทำหนังสือออกหมายเรียกให้ นางสาวพรทิพย์ ปักษานนท์ คู่กรณี มารับทราบข้อกล่าวหา ไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว โดยจะให้เวลา 15 วัน แต่จนถึงขณะนี้ คู่กรณี ยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด ซึ่งก็ต้องให้เวลา ทั้งนี้ หากยังไม่มารายงานตัว ก็จะออกหมายเรียกอีกครั้ง แต่หากยังปฏิเสธ ก็จะต้องดำเนินการออกหมายจับต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าว ถือเป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งทางพนักงานสอบสวน จะดำเนินการแจ้งข้อหา ทำให้เกิดความกลัว และทำให้ได้รับความเดือดร้อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 1 พันบาท หรือ ทั้งจำ ทั้งปรับ
**“ปูแดง”ถูกถามแทงใจดำเดินหนีตามคาด
ขณะที่ เวลา 0.8.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรี แต่กลับเดินหนีผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามว่าจะมีการประสานงานไปยังแกนนำเสื้อแดงไม่ให้เดินทางไปวางพวงหรีดที่ช่อง 7 หรือไม่ โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แค่กลับหันมามองผู้สื่อข่าวที่ตั้งถามแต่ไม่ตอบคำถาม และก้าวเดินขึ้นประชุม ครม.ทันที
**“บิ๊กอ๊อด” อ้างไม่รู้แดงชุมนุมหน้าช่อง 7
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้เลยและไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ตอบไม่ได้เพราะยังไม่มีรายงานขึ้นมา ขอดูเหตุการณ์ก่อน และยังไม่รู้ว่า เขาจะไปปิดจริงหรือไม่
** "ท่านเจ๋ง"ไม่รู้เรื่อง อ้างแค่ฝีมือแดงย่อย
ด้านนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ผู้ช่วยเลขานุการ รมช.มหาดไทย และแกนนำกลุ่ม นปช. ให้สัมภาษณ์ว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ขอชี้แจงว่ากลุ่ม นปช.มีหลายส่วน ซึ่งกลุ่ม นปช.ส่วนกลางที่ตนเป็นแกนนำด้วยนั้นไม่เคยมีมติอย่างนี้เลย แต่ยังมีกลุ่มเล็กๆน้อยๆที่ทำหน้าที่ของตัวเองไป และมีกลุ่มอื่นๆที่มาใส่เสื้อสีแดง เช่น กลุ่มตาสว่าง หรือกลุ่มที่ไปเผาพวงหรีดที่หน้าบ้านของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ซึ่งไม่เกี่ยวกับกลุ่ม นปช.เลย นอกจากนี้การทำงานของกลุ่ม นปช.จะมีการประชุมและลงมติในที่ประชุมใหญ่ก่อนจะดำเนินการใดๆซึ่งจะมีการแถลงข่าวให้ทราบ ดังนั้น การกระทำของกลุ่มเล็กๆก็เป็นเรื่องของกลุ่มนั้นๆ โดยเราไม่สามารถจะรู้ทิศทางว่าคิดจะทำอะไร ที่ไหน อย่างไร
** “ธิดาแดง”แถวางหรีดเป็นเสรีภาพ
นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานนปช. กล่าวว่า เรื่องนี้มีคนถามกับตนเหมือนกัน ซึ่งเมื่อตนได้เข้าไปดูแล้ว เข้าใจว่าจะเป็นการนัดกันของมวลชนในโลกไซเบอร์ ซึ่งถือเป็นอิสระของเขา โดยตนคาดว่าน่าจะมีคนไปร่วมแสดงปฎิกริยาในครั้งนี้ประมาณ 20 กว่าคนเท่านั้น เพราะพวกตนเคยแนะนำมวลชนคนเสื้อแดงไปแล้วว่าอย่าไปทำอะไรให้เข้าทางเขา หรืออย่าไปทำอะไรที่เป็นการแสดงความรุนแรง เพราะคนที่อยู่กลางๆ อาจจะมองเราในทางที่ไม่ดีได้ ดังนั้นหากมวลชนกลุ่มดังกล่าวแค่ไปชูป้ายเฉยๆ แล้วกลับบ้านก็ถือเป็นอิสระที่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามก็อยากให้ระวังด้วย เพราะอาจจะมีคนเข้ามาสวมรอย ตัวอย่างกรณีคนเสื้อแดงไปบ้านป๋าเปรม ตนเห็นภาพแล้ว การแต่งกาย และการปิดหน้าตาแล้วไม่ใช่วิธีการของคนเสื้อแดง เพราะคนเสื้้อแดงเวลาไปไหนเราไม่จำเป็นจะต้องปกปิดอะไร
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวเองการตั้งคำถามนั้นก็ต้องดูให้เหมาะสมด้วย เพราะหากถามคำถามอย่างเหมาะสมแต่มีมวลชนไปพูดไม่ดีด้วย คนที่พูดก็จะเสียเอง แต่ถ้าถามคำถามที่ไม่เหมาะสมมันก็จะเป็นอย่างที่เห็น และการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่หน้ารัฐสภาที่ผ่านมา คนก็รู้กันอยู่แล้วว่ามีคนเสื้อแดงไปชุมนุมจำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังมีนักศึกษาสองคนไปวางพวงหรีดที่หน้ารัฐสภาอีก การทำอย่างนั้นถือว่าทำไม่เหมาะสม แต่ถือว่าายังโชคดีที่นปช.ไม่ได้ไปยั่วยุ และตนบอกคนเสื้อแดงอย่าไปที่หน้ารัฐสภา ไม่อย่างนั้นจะมีคนเสื้่อแดงไปเยอะกว่านี้อีก แล้วมันจะยุ่งกว่านี้แน่
** “เสี่ยเต้น”ก็อ้างไม่รู้เรื่อง
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบข่าวดังกล่าว ดังนั้นคงจะต้องขอเวลาในการตรวจสอบข้อมูล เพื่อความถูกต้องว่าเป็นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่มีผู้บริหาร หรือผู้สื่อข่าวของช่อง 7 โทรมาประสานแต่อย่างใด
**ก่อแก้ว บอกแค่มวลชลอยากแสดงออก
ส่วนนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนทราบข่าวดังกล่าวจากสื่อ แต่เรื่องนี้เข้าใจว่าเป็นมวลชนที่คิดและแสดงออกกันเอง ไม่มีแกนนำไปร่วมด้วย ทั้งนี้การดำเนินการกับสื่อมวลชนที่ถูกกล่าวหาว่าทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง เป็นสิทธิของผู้บริหารสถานีนั้นๆ เราไม่ควรไปกดดัน แต่ถ้ามีสื่อมวลชนท่านที่ทำหน้าที่ไม่เป็นกลางคนเสื้อแดงก็มีสิทธิวิพากวิจารณ์ได้ เพื่อขอให้ผู้บริหารของสื่อนั้นๆช่วยพิจารณาให้ อย่างไรก็ตามการไปยื่นหนังสือ เพื่อขอให้หน่วยงานช่วยตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อนั้นไม่น่าจะมีปัญหา เพราะหากทางช่อง 7 มีการตรวจสอบแล้วสื่อทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้บอกกับสาธารณะด้วยว่าผลตรวจสอบเป็นอย่างไร เพื่อจะได้เคลียร์จากการถูกเข้าใจผิดด้วย
**เด็จพี่ โวย แดงยื่นช่อง 7 ถือเป็นสิทธิ
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมพรรคถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านจะตั้งกระทู้ถามสด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงกรณีเกิดเหตุการณ์คุมคามเสรีภาพของประชาชน ที่ได้แสดงออกด้านความคิดเห็นตามประบอบระชาธิปไตย และการคุกคามสื่อมวลชนในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ฝ่ายค้านนำเอาประเด็นนี้มาเป็นประเด็นในการตรวจสอบรัฐบาล แทนที่จะนำเอาเรื่องปัญหาของประชาชนในเรื่องของอุทกภัยมาพูดคุยหารือ เพื่อแก้ไขปัญหา และประเด็นนโยบายการลดราคาน้ำมันของรัฐบาลมาโจมตีว่า ประเด็นนี้จะมีผลตามมา และจะเป็นอุปสรรคในอนาคต รวมไปถึงเป็นการแก้ไขปัญหาโดยไม่เป็นรูปธรรมนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นการตวจสอบที่ไม่สร้างสรรค์ และกระทู้ที่พรรคฝ่ายค้านนำเอามาตั้งต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีนั้น เป็นคำถามที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ทั้งนี้ตนเห็นว่าพรรคฝ่ายค้านน่าจะทำหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องเหล่านี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง
ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงยื่นหนังสือให้ปลด นักข่าวช่อง 7นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าหากมีการนำกลุ่มประชาชนจำนวนมากไปกดดันการทำงานของสื่อนั้นตนก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากตนเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลก็จะคุ้มครองสื่อตามกฎหมาย ซึ่งสื่อก็ทำหน้าที่ไปตามปกติ และก็จะมีหน่วยงานต่าง ๆ ตรวจสอบเอง เพราะการคุกคามสื่อก็เหมือนการคุกคามประชาชน และในวันนี้ตนมองว่าสื่อมวลชนทหน้าที่ได้อย่างตรงไปตรงมาแล้ว และก็สนับสนุนให้สื่อได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่
**ฝ่ายค้านตั้งกระทู้จี้"นายกฯ"
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ฝ่ายค้านจะถามกระทู้สด ต่อนายกฯในวันที่ 1 กันยายน กรณีเกิดเหตุการณ์คุมคามเสรีภาพของประชาชน ที่ได้แสดงออกด้านความคิดเห็นตามประบอบระชาธิปไตย และการคุกคามสื่อมวลชนในสัปดาห์ที่ผ่านมา และมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจน
**ทีนิวส์รับช่อง 11 ปลดพ้นผังจริง
นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้อำนวยการสำนักข่าวทีนิวส์ กล่าวในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ถึงกรณีที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ถอดรายการเจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก ของสำนักข่าวทีนิวส์ ออกจากผังรายการว่า ขณะนี้มีหนังสือยืนยันมาจากผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยแล้ว จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องที่ว่ารายการถูกถอด เพราะปกติแล้วสัญญาจะทำกันทุก 3 เดือนครั้ง เป็นแนวทางที่ปฏิบัติกันมา พอครบนี้จะครบกำหนดทางสถานีก็ติดต่อมาถามว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ ทางสำนักข่าวทีนิวส์ก็ทำหนังสือกลับไป แต่จากนั้นทางสถานีก็ได้มีการตอบกลับมาว่าไม่ต่อสัญญาให้ เนื่องจากจะมีการปรับผังรายการให้เป็นสารประโยชน์มากยิ่งขึ้น ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ ส่วนรายการของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จะถูกถอดออกจากผังด้วยหรือไม่ตนไม่ทราบ
ตนถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากเขาต่อสัญญาให้ถึงเป็นเรื่องแปลก เนื่องจากตนคิดว่าวันนี้ทิศทางของสื่อมันพัฒนาการไปตามเทคโนโลยี และการพัฒนาการของการเคลื่อนไหวทางการเมือง คือการเมืองของเราก็กำลังเคลื่อนเข้าสู่ทิศทางใดทิศทางหนึ่งที่ผู้คนในสังคมเริ่มจะแยกแยะออกเป็น 2 แนวทางความคิด ทางหนึ่งก็คือพัฒนาไปสนับสนุนแนวทางของทุนนิยม อาจจะแปลกไปสักนิดที่ทุนนิยมที่ว่านี้ก็มีอดีตฝ่ายซ้ายหลายคนมาสนับสนุน ส่วนอีกแนวทางหนึ่งก็คือการเดินไปสู่ทิศทางของสังคมพอเพียง อยู่ภายใต้ของกรอบจารีต ประเพณีเดิม ยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทางรายการแทบไม่ได้แตะต้องพรรคเพื่อไทยเลย โดยประเด็นหลักก็คือการเปิดโปงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่นำไปสู่ความรุนแรงในบ้านเมือง ซึ่งเราก็นำหลักฐานมาจากความโอ้อวดตามเว็บไซต์ต่างๆ รวมทั้งการเปิดโปงขบวนการล้มเจ้ามีอยู่จริง โดยนำรากฐานจากแนวคิดคอมมิวนิสต์เดิมมาใช้ อาทิคำว่าไพร่ และอำมาตย์ มันมีรากความคิดทางทฤษฎีมารองรับ ซึ่งเราได้นำสิ่งเหล่านี้มาเรียงลำดับให้เห็นเพื่อทำให้ปรากฏข้อเท็จจริงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต่อไปจากที่ทำอาทิตย์รายการละหน ก็จะเปลี่ยนเป็นทำรายการทุกวัน ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมทีนิวส์
**ส.ทีวีฯจี้ถามถอดรายการต้องมีเหตุผล
นายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนถูกคุกคามในหลายรูปแบบ อาทิ การส่งอีเมล์ข่มขู่ รวมถึงการบุกไปยังสถานีโทรทัศน์ เพื่อเรียกร้องให้ออกจากตำแหน่ง โดยส่วนตนเห็นว่า ทุกฝ่ายต้องเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน และไม่เห็นด้วยหากจะมีออกมาคุกคามและข่มขู่ ซึ่งต้องรอดูว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป หลังนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะไม่ให้เกิดการคุกคามสื่ออย่างแน่นอน อีกทั้งควรให้โอกาส ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่าจะดูแลกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ให้
นอกจากนี้ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการทำหน้าที่สื่อมวลนชนก็ต้องยอมรับว่า การถามคำถามต้องมีทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจทุกฝ่าย แต่การวิพากษ์วิจารณ์ หรือการไปคุกคามข่มขู่ ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง และไม่ควรทำ
ส่วนการที่รัฐบาลสั่งให้มีการถอดรายการทีวีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรายการ "เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก" ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) นั้น จำเป็นต้องเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล จะทำตามอำเภอใจไม่ได้ ต้องดูด้วยว่าสิ่งที่ทำเป็นไปในส่วนที่ควรจะเป็นหรือไม่
ขณะที่ ที่บริเวณหน้าช่อง 7 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบของ สน.บางซื่อ มาคอยดูแลความสงบ กลุ่มเสื้อแดงใช้เวลาเรียกร้องประมาณ 20 นาที แล้วยื่นหนังสือให้ผู้บริหารช่อง7 ก่อนจะสลายตัวไปโดยไม่มีเหตุวุ่นวายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ได้ยื่นหนังสือต่อนายสมเกียรติ เจริญภิญญโญยิ่ง ผจก.ฝ่ายข่าวฯช่อง 7 ให้ปลดน.ส. สมจิตร เครือสุนทร เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่สื่อด้วยความอคติ
**ออกหมายเรียกแดงขู่นักข่าว7สี
พ.ต.ท.พิตพินันท์ อุทธสิงห์ รองผกก.สอบสวน สน.ดุสิต กล่าวถึงคดีผู้สื่อข่าวช่อง7 แจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำแดง ที่ส่งเมลข่มขู่ ว่า จากการตรวจสอบหลักฐาน และสอบปากคำแล้ว พบว่า เมลดังกล่าว เป็นลักษณะใช้คำหยาบคายด่าทอ โดยผู้เสียหายยืนยันที่จะดำเนินคดีกับคู่กรณี ให้ถึงที่สุด เนื่องจากข้อความดังกล่าวเป็นการข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว ส่งผลกระทบต่อจิตใจ
เบื้องต้น ทางพนักงานสอบสวน ได้พิจารณาแล้ว จึงได้ทำหนังสือออกหมายเรียกให้ นางสาวพรทิพย์ ปักษานนท์ คู่กรณี มารับทราบข้อกล่าวหา ไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว โดยจะให้เวลา 15 วัน แต่จนถึงขณะนี้ คู่กรณี ยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด ซึ่งก็ต้องให้เวลา ทั้งนี้ หากยังไม่มารายงานตัว ก็จะออกหมายเรียกอีกครั้ง แต่หากยังปฏิเสธ ก็จะต้องดำเนินการออกหมายจับต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าว ถือเป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งทางพนักงานสอบสวน จะดำเนินการแจ้งข้อหา ทำให้เกิดความกลัว และทำให้ได้รับความเดือดร้อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 1 พันบาท หรือ ทั้งจำ ทั้งปรับ
**“ปูแดง”ถูกถามแทงใจดำเดินหนีตามคาด
ขณะที่ เวลา 0.8.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรี แต่กลับเดินหนีผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามว่าจะมีการประสานงานไปยังแกนนำเสื้อแดงไม่ให้เดินทางไปวางพวงหรีดที่ช่อง 7 หรือไม่ โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แค่กลับหันมามองผู้สื่อข่าวที่ตั้งถามแต่ไม่ตอบคำถาม และก้าวเดินขึ้นประชุม ครม.ทันที
**“บิ๊กอ๊อด” อ้างไม่รู้แดงชุมนุมหน้าช่อง 7
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้เลยและไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ตอบไม่ได้เพราะยังไม่มีรายงานขึ้นมา ขอดูเหตุการณ์ก่อน และยังไม่รู้ว่า เขาจะไปปิดจริงหรือไม่
** "ท่านเจ๋ง"ไม่รู้เรื่อง อ้างแค่ฝีมือแดงย่อย
ด้านนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ผู้ช่วยเลขานุการ รมช.มหาดไทย และแกนนำกลุ่ม นปช. ให้สัมภาษณ์ว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ขอชี้แจงว่ากลุ่ม นปช.มีหลายส่วน ซึ่งกลุ่ม นปช.ส่วนกลางที่ตนเป็นแกนนำด้วยนั้นไม่เคยมีมติอย่างนี้เลย แต่ยังมีกลุ่มเล็กๆน้อยๆที่ทำหน้าที่ของตัวเองไป และมีกลุ่มอื่นๆที่มาใส่เสื้อสีแดง เช่น กลุ่มตาสว่าง หรือกลุ่มที่ไปเผาพวงหรีดที่หน้าบ้านของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ซึ่งไม่เกี่ยวกับกลุ่ม นปช.เลย นอกจากนี้การทำงานของกลุ่ม นปช.จะมีการประชุมและลงมติในที่ประชุมใหญ่ก่อนจะดำเนินการใดๆซึ่งจะมีการแถลงข่าวให้ทราบ ดังนั้น การกระทำของกลุ่มเล็กๆก็เป็นเรื่องของกลุ่มนั้นๆ โดยเราไม่สามารถจะรู้ทิศทางว่าคิดจะทำอะไร ที่ไหน อย่างไร
** “ธิดาแดง”แถวางหรีดเป็นเสรีภาพ
นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานนปช. กล่าวว่า เรื่องนี้มีคนถามกับตนเหมือนกัน ซึ่งเมื่อตนได้เข้าไปดูแล้ว เข้าใจว่าจะเป็นการนัดกันของมวลชนในโลกไซเบอร์ ซึ่งถือเป็นอิสระของเขา โดยตนคาดว่าน่าจะมีคนไปร่วมแสดงปฎิกริยาในครั้งนี้ประมาณ 20 กว่าคนเท่านั้น เพราะพวกตนเคยแนะนำมวลชนคนเสื้อแดงไปแล้วว่าอย่าไปทำอะไรให้เข้าทางเขา หรืออย่าไปทำอะไรที่เป็นการแสดงความรุนแรง เพราะคนที่อยู่กลางๆ อาจจะมองเราในทางที่ไม่ดีได้ ดังนั้นหากมวลชนกลุ่มดังกล่าวแค่ไปชูป้ายเฉยๆ แล้วกลับบ้านก็ถือเป็นอิสระที่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามก็อยากให้ระวังด้วย เพราะอาจจะมีคนเข้ามาสวมรอย ตัวอย่างกรณีคนเสื้อแดงไปบ้านป๋าเปรม ตนเห็นภาพแล้ว การแต่งกาย และการปิดหน้าตาแล้วไม่ใช่วิธีการของคนเสื้อแดง เพราะคนเสื้้อแดงเวลาไปไหนเราไม่จำเป็นจะต้องปกปิดอะไร
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวเองการตั้งคำถามนั้นก็ต้องดูให้เหมาะสมด้วย เพราะหากถามคำถามอย่างเหมาะสมแต่มีมวลชนไปพูดไม่ดีด้วย คนที่พูดก็จะเสียเอง แต่ถ้าถามคำถามที่ไม่เหมาะสมมันก็จะเป็นอย่างที่เห็น และการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่หน้ารัฐสภาที่ผ่านมา คนก็รู้กันอยู่แล้วว่ามีคนเสื้อแดงไปชุมนุมจำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังมีนักศึกษาสองคนไปวางพวงหรีดที่หน้ารัฐสภาอีก การทำอย่างนั้นถือว่าทำไม่เหมาะสม แต่ถือว่าายังโชคดีที่นปช.ไม่ได้ไปยั่วยุ และตนบอกคนเสื้อแดงอย่าไปที่หน้ารัฐสภา ไม่อย่างนั้นจะมีคนเสื้่อแดงไปเยอะกว่านี้อีก แล้วมันจะยุ่งกว่านี้แน่
** “เสี่ยเต้น”ก็อ้างไม่รู้เรื่อง
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบข่าวดังกล่าว ดังนั้นคงจะต้องขอเวลาในการตรวจสอบข้อมูล เพื่อความถูกต้องว่าเป็นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่มีผู้บริหาร หรือผู้สื่อข่าวของช่อง 7 โทรมาประสานแต่อย่างใด
**ก่อแก้ว บอกแค่มวลชลอยากแสดงออก
ส่วนนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนทราบข่าวดังกล่าวจากสื่อ แต่เรื่องนี้เข้าใจว่าเป็นมวลชนที่คิดและแสดงออกกันเอง ไม่มีแกนนำไปร่วมด้วย ทั้งนี้การดำเนินการกับสื่อมวลชนที่ถูกกล่าวหาว่าทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง เป็นสิทธิของผู้บริหารสถานีนั้นๆ เราไม่ควรไปกดดัน แต่ถ้ามีสื่อมวลชนท่านที่ทำหน้าที่ไม่เป็นกลางคนเสื้อแดงก็มีสิทธิวิพากวิจารณ์ได้ เพื่อขอให้ผู้บริหารของสื่อนั้นๆช่วยพิจารณาให้ อย่างไรก็ตามการไปยื่นหนังสือ เพื่อขอให้หน่วยงานช่วยตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อนั้นไม่น่าจะมีปัญหา เพราะหากทางช่อง 7 มีการตรวจสอบแล้วสื่อทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้บอกกับสาธารณะด้วยว่าผลตรวจสอบเป็นอย่างไร เพื่อจะได้เคลียร์จากการถูกเข้าใจผิดด้วย
**เด็จพี่ โวย แดงยื่นช่อง 7 ถือเป็นสิทธิ
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมพรรคถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านจะตั้งกระทู้ถามสด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงกรณีเกิดเหตุการณ์คุมคามเสรีภาพของประชาชน ที่ได้แสดงออกด้านความคิดเห็นตามประบอบระชาธิปไตย และการคุกคามสื่อมวลชนในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ฝ่ายค้านนำเอาประเด็นนี้มาเป็นประเด็นในการตรวจสอบรัฐบาล แทนที่จะนำเอาเรื่องปัญหาของประชาชนในเรื่องของอุทกภัยมาพูดคุยหารือ เพื่อแก้ไขปัญหา และประเด็นนโยบายการลดราคาน้ำมันของรัฐบาลมาโจมตีว่า ประเด็นนี้จะมีผลตามมา และจะเป็นอุปสรรคในอนาคต รวมไปถึงเป็นการแก้ไขปัญหาโดยไม่เป็นรูปธรรมนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นการตวจสอบที่ไม่สร้างสรรค์ และกระทู้ที่พรรคฝ่ายค้านนำเอามาตั้งต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีนั้น เป็นคำถามที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ทั้งนี้ตนเห็นว่าพรรคฝ่ายค้านน่าจะทำหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องเหล่านี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง
ส่วนที่กลุ่มคนเสื้อแดงยื่นหนังสือให้ปลด นักข่าวช่อง 7นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าหากมีการนำกลุ่มประชาชนจำนวนมากไปกดดันการทำงานของสื่อนั้นตนก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากตนเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลก็จะคุ้มครองสื่อตามกฎหมาย ซึ่งสื่อก็ทำหน้าที่ไปตามปกติ และก็จะมีหน่วยงานต่าง ๆ ตรวจสอบเอง เพราะการคุกคามสื่อก็เหมือนการคุกคามประชาชน และในวันนี้ตนมองว่าสื่อมวลชนทหน้าที่ได้อย่างตรงไปตรงมาแล้ว และก็สนับสนุนให้สื่อได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่
**ฝ่ายค้านตั้งกระทู้จี้"นายกฯ"
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ฝ่ายค้านจะถามกระทู้สด ต่อนายกฯในวันที่ 1 กันยายน กรณีเกิดเหตุการณ์คุมคามเสรีภาพของประชาชน ที่ได้แสดงออกด้านความคิดเห็นตามประบอบระชาธิปไตย และการคุกคามสื่อมวลชนในสัปดาห์ที่ผ่านมา และมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจน
**ทีนิวส์รับช่อง 11 ปลดพ้นผังจริง
นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้อำนวยการสำนักข่าวทีนิวส์ กล่าวในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ถึงกรณีที่สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ถอดรายการเจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก ของสำนักข่าวทีนิวส์ ออกจากผังรายการว่า ขณะนี้มีหนังสือยืนยันมาจากผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยแล้ว จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องที่ว่ารายการถูกถอด เพราะปกติแล้วสัญญาจะทำกันทุก 3 เดือนครั้ง เป็นแนวทางที่ปฏิบัติกันมา พอครบนี้จะครบกำหนดทางสถานีก็ติดต่อมาถามว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ ทางสำนักข่าวทีนิวส์ก็ทำหนังสือกลับไป แต่จากนั้นทางสถานีก็ได้มีการตอบกลับมาว่าไม่ต่อสัญญาให้ เนื่องจากจะมีการปรับผังรายการให้เป็นสารประโยชน์มากยิ่งขึ้น ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ ส่วนรายการของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จะถูกถอดออกจากผังด้วยหรือไม่ตนไม่ทราบ
ตนถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากเขาต่อสัญญาให้ถึงเป็นเรื่องแปลก เนื่องจากตนคิดว่าวันนี้ทิศทางของสื่อมันพัฒนาการไปตามเทคโนโลยี และการพัฒนาการของการเคลื่อนไหวทางการเมือง คือการเมืองของเราก็กำลังเคลื่อนเข้าสู่ทิศทางใดทิศทางหนึ่งที่ผู้คนในสังคมเริ่มจะแยกแยะออกเป็น 2 แนวทางความคิด ทางหนึ่งก็คือพัฒนาไปสนับสนุนแนวทางของทุนนิยม อาจจะแปลกไปสักนิดที่ทุนนิยมที่ว่านี้ก็มีอดีตฝ่ายซ้ายหลายคนมาสนับสนุน ส่วนอีกแนวทางหนึ่งก็คือการเดินไปสู่ทิศทางของสังคมพอเพียง อยู่ภายใต้ของกรอบจารีต ประเพณีเดิม ยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทางรายการแทบไม่ได้แตะต้องพรรคเพื่อไทยเลย โดยประเด็นหลักก็คือการเปิดโปงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่นำไปสู่ความรุนแรงในบ้านเมือง ซึ่งเราก็นำหลักฐานมาจากความโอ้อวดตามเว็บไซต์ต่างๆ รวมทั้งการเปิดโปงขบวนการล้มเจ้ามีอยู่จริง โดยนำรากฐานจากแนวคิดคอมมิวนิสต์เดิมมาใช้ อาทิคำว่าไพร่ และอำมาตย์ มันมีรากความคิดทางทฤษฎีมารองรับ ซึ่งเราได้นำสิ่งเหล่านี้มาเรียงลำดับให้เห็นเพื่อทำให้ปรากฏข้อเท็จจริงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต่อไปจากที่ทำอาทิตย์รายการละหน ก็จะเปลี่ยนเป็นทำรายการทุกวัน ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมทีนิวส์
**ส.ทีวีฯจี้ถามถอดรายการต้องมีเหตุผล
นายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนถูกคุกคามในหลายรูปแบบ อาทิ การส่งอีเมล์ข่มขู่ รวมถึงการบุกไปยังสถานีโทรทัศน์ เพื่อเรียกร้องให้ออกจากตำแหน่ง โดยส่วนตนเห็นว่า ทุกฝ่ายต้องเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน และไม่เห็นด้วยหากจะมีออกมาคุกคามและข่มขู่ ซึ่งต้องรอดูว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป หลังนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะไม่ให้เกิดการคุกคามสื่ออย่างแน่นอน อีกทั้งควรให้โอกาส ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่าจะดูแลกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ให้
นอกจากนี้ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการทำหน้าที่สื่อมวลนชนก็ต้องยอมรับว่า การถามคำถามต้องมีทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจทุกฝ่าย แต่การวิพากษ์วิจารณ์ หรือการไปคุกคามข่มขู่ ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง และไม่ควรทำ
ส่วนการที่รัฐบาลสั่งให้มีการถอดรายการทีวีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรายการ "เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก" ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) นั้น จำเป็นต้องเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล จะทำตามอำเภอใจไม่ได้ ต้องดูด้วยว่าสิ่งที่ทำเป็นไปในส่วนที่ควรจะเป็นหรือไม่