“ยะใส” ยกความสัมพันธ์เขาวิหาร-น้ำมันปาล์ม 5 ประการ สะท้อนความล้มเหลว รบ. วอนอย่าเอาวิกฤตชาติบ้านเมืองไปผูกติดผลการเลือกตั้ง เชื่อแรงกดดันการเมือง นปช. ไม่มีอิทธิพลต่อคำพิพากษา ฝากความหวังตุลาการพิวัฒน์ สร้างบรรทัดฐานฟื้นบ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสุริยะใส กตะศิลา”
วันที่ 22 ก.พ.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุริยะใส กตะศิลา โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า พรุ่งนี้บรรดาแกนนำที่ถูกหมายเรียกจะไปรับทราบข้อกล่าวหา การไปครั้งนี้ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายพันธมิตรฯ จะไปถามเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจกลับว่าใช้ พ.ร.บ.มั่นคงมาตราไหนในการออกหมายเรียก ซึ่งอาจได้เห็นตำรวจที่ออกหมายเรียกกลายเป็นจำเลยโดยปริยาย ทั้งนี้ เรายืนยันต่อสู้ตามกฎหมาย ไม่พึ่งพิงขอความเห็นใจจากอำนาจรัฐเหมือนแกนนำ นปช.ทำเด็ดขาด
รัฐบาลให้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ และผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษ ไปให้การต่อศาลยันแกนนำประพฤติตัวดี น่ารัก เป็นเรื่องที่น่าติดตามพรุ่งนี้ 14.00 น. ศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ นี่เป็นสัญญาณฮั้วทางการเมือง ซึ่งจะไปไกลถึงขั้นให้ พล.ต.สนั่นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในการต่อสู้เลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ต้องติดตาม
นายสุริยะใสกล่าวถึงความสัมพันธ์ความล้มเหลวในการปกป้องดินแดน กับความล้มเหลวในการแก้ปัญหาน้ำมันปาล์ม มีความเหมือนกันอยู่อย่างน้อย 5 ประการ
(1.) นโยบายรัฐบาล กรณีเขาวิหาร รัฐบาลดำเนินการที่ไม่ชอบมาพากลตลอด ทั้งนี้เราไม่เถียงว่าเป็นเรื่องที่เกิดแล้วหลายรัฐบาล แต่เมื่อเขาเลือกท่านมาเป็นนายกฯ ท่านจึงมีหน้าที่ต้องแก้ไข ไม่ใช่พูดว่าเกิดขึ้นก่อนตนเป็นนายกฯ ที่สะท้อนการแก้ปัญหาที่ล้มเหลว ส่วนกรณีน้ำมันปาล์ม ย้อนหลังไป6 เดือนเราส่งออกปีหนึ่งหลายหมื่นตัน แสดงว่าไม่ได้ขาดตลาด ผู้ผลิตสามารถส่งออกได้ตลอดเวลา แต่ที่เป็นปัญหาเพราะกระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณะ ไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรมาภิบาล
(2.) บทบาทของธุรกิจนอกกฎหมาย ประเด็นเขาวิหาร เราทราบดีว่ามีธุรกิจผิดกฏหมาย ทั้ง บ่อนการพนัน สินค้าหนีภาษี ค้าขายอาวุธสงคราม นอกจากนี้ยังมีนายทหารบางคนไปมีส่วนได้เสียตามแนวชายแดนด้วย ทำให้เห็นถึงกลุ่มอิทธิพลที่โยงใยธุรกิจนอกกฏหมาย ซึ่งมีอิทธิพลต่อการแก้ปัญหา ส่วนน้ำมันปาล์ม ดีเอสไอ ไปตรวจเจอเอกชนกักตุน ไม่เห็นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาโวยวายให้เอาออกมาขายอย่ากักตุน แต่กลับไปโวยวายรายย่อยเล็กๆน้อยๆ แสดงให้เห็นว่ากลุ่มธุรกิจนอกกฏหมายมีอยู่ และแข็งแกร่งเกินกว่าอำนาจการเมือง
(3.) กลุ่มทุนทางการเมือง ระบบการเมืองไทยเป็นแบบธุรกิจการเมือง ที่ผ่านมาเราพยายามปฏิรูปการเมืองโดยการเขียนรัฐธรรมนูญมาแล้วหลายครั้ง แต่ทำไม่ให้การเมืองไทยดีขึ้น เนื่องจากการเมืองกลายเป็นธุรกิจ มาลงทุนซื้อเสียงแล้วเข้าไปถอนทุน กลุ่มทุนเข้าไปเกี่ยวกับเขาวิหาร ทำให้รัฐบาลไม่ตรงไปตรงมา เพราะมีกลุ่มทุนได้ประโยชน์จากทรัพย์ยากรทั้งบนบกและอ่าวไทยอย่างมากมาย ส่วนน้ำมันปาล์ม นักการเมืองใหญ่ก็หาประโยชน์จากการขายน้ำมันเถื่อน และคนในรัฐบาลก็มีสัมพันธ์พิเศษกลุ่มทุนธรกิจที่มีบทบาทตรงนั้น ทำให้การกำหนดนโยบายของรัฐบาล ไม่เป็นอิสระ ไม่ได้ยืนอยู่บนผลประโยชน์ประชาชน ต้องฟังความเห็นของกลุ่มทุนตลอดเวลา ตรงนี้เองทำให้รัฐบาลขาดความเด็ดขาด เพราะกลัวกระทบกลุ่มทุนที่เป็นกระเป๋าเงินพรรค โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล
(4.) ปัญหาทั้งสองเรื่องกระทบคนไทยทั้งประเทศ การที่นายชวน บอกเปลี่ยนจากทอดเป็นต้มนึ่ง ชี้ให้เห็นความจำนนในการแก้ปัญหา กรณีเขาวิหาร หากประเทศใดก็ตามสูญเสียอธิปไตย ประเทศนั้นจะหมดคุณค่า ไม่เหลือศักดิ์ศรี อำนาจต่อรองในเวทีสากล รัฐบาลปล่อยให้ต่างชาติรุกรานเท่ากับ ปล่อยให้มีการท้าทายอธิปไตยอย่างร้ายแรง
(5.) ปัญหาทั้งสองเรื่องคนที่มีบทบาทเด่น คือนายอภิสิทธิ์ ในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาลซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงอยู่แล้ว และอีกคนคือ นายสุเทพ ด้านเขาวิหาร ก็ในฐานะรองนายกด้านความมั่นคง ด้านน้ำมันปาล์มก็เป็นประธานนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติ คำถามคือ ทั้งสองเรื่องมีสองสคนไปเกี่ยว โดยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง สะท้อนให้เห็นคำพูดที่บอกจะหยุดการเมืองที่ล้มเหลว หยุดไม่ได้ เพราะดันไปสร้างปมการเมืองให้ล้มเหลว และขยายตัวหนักยิ่งขึ้น
นายสุริยะใสกล่าวว่า เสื้อแดงพยายามอ้าง ทำไมพันธมิตรฯ ไม่ถูกจับขังคุก กรณีนี้จะขังได้อย่างไรการชุมนุมต่างกัน พันธมิตรฯไม่ได้ไปเผาบ้านเผาเมือง ชุมนุมที่ดอนเมือง หากไม่ได้เป็นพันธิมตรฯสนามบินจะเหลือหรือ และที่สุวรรณภูมิก็เจรจาได้ภายใน 3 ชั่วโมง เปิดการบินได้ตามปกติ ดังนั้นจะเอาตรรกะเช่นนี้มากดดันศาลจึงไม่ชอบ พรุ่งนี้ศาลอาญาจะมีคำสั่งเกี่ยวกับแกนนำ นปช. เช่นไรตนไม่ทราบ ที่แน่ๆ รัฐบาลที่บอกว่ายึดมั่นหลักนิติรัฐ ได้ทำลายหลักนิติรัฐด้วยตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
นายกฯ ในฐานะที่เป็นประธานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ปล่อยให้นายสุเทพ ดูแลแทน ตอบหน่อยการไปให้การเป็นประโยชน์ต่อแกนนำนปช. โดยผู้การแต้ม น.1 ทำโดยพลการหรือเป็นนโยบายของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่ไฟเขียวเขาจะไปหรือป่าว เช่นเดียวกับ พล.ต.สนั่น ไปให้การเป็นประโยชน์ต่อ นปช. ในคดีก่อการร้าย ชี้ให้เห็นหลักนิติรัฐล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ข้อเท็จจริงอย่างนี้ก็เป็นเหตุเป็นผลที่ประชาชนจะบอกว่าออกไปได้แล้ว
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่าข้อเท็จจริงหากพรุ่งนี้ หากศาลสั่งให้ประกันตัว นปช. ขออนุญาตศาลด้วยความเคารพ ศาลทราบว่าพี่น้องคิดอย่างไร เป็นเพราะแรงกดดันทางการเมืองของ นปช. อย่างไรก็ดี ตนยังคิดว่าระบบยุติธรรมเป็นสถาบันที่เข้มแข็งที่สุด วันนี้บ้านเมืองจะเดินหน้าไปได้ ต้องฟื้นระบบตุลาการพิวัฒน์ ไม่เชื่อว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงหน้าศาลอาญา หรือการปรองดองกลับไปกลับมาของรัฐบาล จะทำให้ศาลไขว้เขว มั่นใจว่าศาลจะสร้างบรรทัดฐาน นำพาสังคมการเมืองกลับสู่ภาวะปกติ
“กระบวนการยุติธรรม พันธมิตรฯ ไม่ต้องการให้การเมืองเข้ามายุ่ง พวกเราพร้อมขึ้นศาลทุกศาล เพื่อยืนยันควมมบริสุทธิ์ ภายใต้การนำของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เราไม่เคยขอร้องให้ช่วยเหลือคดีแม้แต่คดีเดียว ว่าไปตามข้อเท็จจริง เราต้องการพิสูจน์การชุมนุม 193 วั้นเป็นไปโดยสุจริต และเพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งประเทศ”
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่าเคยคาดหวังนายอภิสิทธิ์ จะแก้ไขการเมืองที่ล้มเหลว แต่กลับไปต่อยอดทักษิณ สมัยเราชุมนุมไล่พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่ออยู่ในวงข้าว กลุ่มเพื่อน พูดถึงทักษิณ จะทะเลาะกัน วันนี้พูดก็เช่นกันพูดเรื่อง อภิสิทธิ์ ก็ทะเลาะกันเหมือนเดิม สุดท้ายเมื่ออยากให้บ้านเมืองดีขึ้น เราจะคาดหวังมีฮีโร่มาช่วยอย่างเดียวไม่ได้อีกแล้ว เราต้องหยุดการเมืองที่ล้มเหลวด้วยตัวเราเอง ไม่ใช้หยุดการเมืองล้มเหลวด้วยนักการเมือง เวลานี้ต่อให้พวกพันธมิตรฯกลับบ้าน หรือยุบสภา ก็ไม่ได้ทำให้ปัญหาเขาวิหาร นำมันปาล์ม ดีขึ้น ดังนั้นขอฝากนายกฯ ว่า อย่างเอาวิกฤตชาติบ้านเมืองไปผูกติดผลการเลือกตั้ง
“เรียนพี่น้อง ถ้าให้อ่านวิธีคิดตำรวจ รัฐบาล เขาคงใช้กฎหมายทุกฉบับเล่นงานเรา ต่อจากนี้จะเข้ามาอีกเป็นระลอก ไม่ต่าง พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเล่นงานเราเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ตนเชื่อว่าการสู้คดีภายใต้การนำของ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายพันธมิตร สามารถปกป้องสิทธิเสรีภาพ แนวทางการต่รอสู้ของเราได้ ขอพี่น้องอย่าหวั่นไหว วันก่อนนายสุวัตร เคยพูดบนเวทีนี้ ว่า การต่อสู้เราส่วนใหญ่ชนะ ศาลยกฟ้องหมด” นายสุริยะใส กล่าวทิ้งท้าย