xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คเล่นเองเกมปาล์ม DSIไม่โยงการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "มาร์ค"ลงมือเอง โดดคุมเกมปาล์มน้ำมัน สั่ง 2 รองนายกฯ "สุเทพ-ไตรรงค์" ดูแล ยันอังคารนี้จบ "พาณิชย์"แจงไม่ได้ยึกยักดึงนำเข้า แค่ขวางทางงาบ ถึงขั้นถูกรุมยำเละ วัดใจขอนำเข้าแบบสำเร็จรูป จะถูกขวางหรือไม่ "เจ๊วา"ปัดชงขึ้นราคา9 บาท แต่จะขอ ครม.พันล้านอุ้มผู้บริโภค เพื่อไทยตั้งฉายา "ครม.สวาปาล์ม" ฉะส่งดีเอสไอตรวจหวังฟอกขาวให้ตัวเอง แฉชื่อย่อ ส, พ, อ ร่วมวง ดีเอสไอเผย 23 ก.พ.นี้ ตรวจ 10 โรงงานจบ พูดชัดไม่สอบประเด็นการเมือง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดตลาดว่า ในวันอังคารที่ 22 ก.พ.นี้ จะจบ โดยขณะนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ กำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมดอยู่ และได้รายงานมาให้ทราบเป็นระยะๆ แล้ว

ส่วนกรณีที่นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จะเสนอของบประมาณ 1 พันล้านบาท เพื่อเข้าไปสนับสนุนและแทรกแซงราคาให้ลดลงนั้น จะคุยกันในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันอังคารนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งไม่คิดว่าจะมีการใช้เงินมากมายอะไรขนาดนั้น

***"มาร์ค"สั่ง2รองนายกฯคุมนำเข้าปาล์ม

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้ตรวจสอบพบว่าที่ได้อนุมัติให้นำเข้าน้ำมันปาล์ม 1.2 แสนตัน ยังไม่ได้ดำเนินการ จึงได้มอบรองนายกฯ 2 คน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประสานงานกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเร่งรัดและต้องรวดเร็ว รวมทั้งต้องมีระบบความโปร่งใสทั้งราคาและการจัดสรร เพราะมีการกล่าวอ้างว่า แม้จะมีการนำเข้ามาแล้ว แต่การผลิตอาจยังไม่เกิดขึ้น เพราะราคายังไม่คุ้มกับต้นทุน เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มที่จะนำเข้ามายังสูง จะขายในราคา 47 บาทไม่ได้ จึงให้รองนายกฯ ประชุมวันอังคารนี้ โดยจะไม่เพิ่มภาระให้แก่ผู้บริโภค แต่จะหามาตรการที่นำเข้ามาอย่างรวดเร็วโปร่งใส และมีการผลิตจริง กระจาย ถึงมือผู้บริโภคเร็วที่สุด

ส่วนปัญหาในเรื่องของความไม่ชอบมาพากล มีการทุจริต มีการกักตุน ได้ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าไปตรวจสอบแล้ว พร้อมกับจะใช้ทุกมาตรการในการแก้ไขปัญหาด้วย

******โฆษกปชป.พูดชัดต้องเร่งรัดนำเข้า

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อมีมติของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ให้นำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศแล้ว มีความจำเป็นต้องตอบคำถามต่อสังคมว่าทำไมยังไม่มีการนำเข้าตามมติดังกล่าว และหากมีปัญหาทั้งประเภท และวิธีการ ก็ควรเร่งแก้ไข โดยไม่ต้องรอให้มีการประชุมอีกครั้ง เพราะเป็นปัญหาจำเป็นเร่งด่วน สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการตอนนี้ คือ ต้องแก้ปัญหาความต้องการของประชาชนเป็นอันดับแรก และต้องมีความชัดเจน 3 เรื่อง คือ ทำไมนำเข้าล่าช้า การดำเนินการจะแล้วเสร็จในกรอบเวลาเมื่อใด และการกระจายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดไปถึงมือประชาชนจะทำโดยกลไกใด

***"พาณิชย์"ตอบให้ทำไม ปชป.ดิ้นพล่าน

นายฉัตรชัย ชูแก้ว ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ ในฐานะโฆษกระทรวงพาณิชย์ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวว่า การนำเข้าน้ำมันปาล์ม1.2 แสนตัน กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งเฉยหรือดำเนินการนำเข้าล่าช้าตามที่ถูกกล่าวอ้าง แต่การนำเข้าต้องคำนวนราคาให้ได้ต้นทุนที่เหมาะสม ไม่ทำให้ผู้ประกอบการผลิตน้ำมันปาล์มขาดทุน แต่เมื่อมีกระแสข่าวว่าไทยจะนำเข้าน้ำมันปาล์ม ก็ได้รับรายงานว่ามีเรือบรรทุกน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่คณะกรรมการฯ อนุมัติให้นำเข้าลอยลำอยู่นอกน่านน้ำไทย ทำให้สงสัยว่าเป็นความพยายามกว้านซื้อสินค้าไว้ล่วงหน้าเพื่อนำมาขายทำกำไรกับไทยหรือไม่

"พาณิชย์ไม่เคยทำงานล่าช้า ขอให้คนพูดกลับไปอ่านข้อมูล หรือหัดคิดเลขดูใหม่ เพราะคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เพิ่งอนุมัตินำเข้า 1.2 แสนตัน วันที่ 6 ก.พ. และกำหนดกรอบให้บริหารถึงเดือนมี.ค. ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าทำงานและการทำงานยังอยู่ในแผนที่คณะกรรมการฯ กำหนดกรอบเวลาไว้ให้ และผ่านไปเพียง 2 สัปดาห์ไม่ถึง 1 เดือนตามที่โฆษกปชป.บอก จึงอยากขอถามกลับว่าใครกันแน่ทำงานล่าช้า ปัญหาปาล์มขาดแคลนเกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่คณะกรรมการฯ ชุดนายสุเทพ กลับมาเคยเรียกประชุมเลย ปล่อยให้ปัญหาสะสมจนเพิ่งประชุมวันที่ 6 ม.ค.2554"นายฉัตรชัยกล่าว

***ดัดหลังพวกเก็งกำไรขอนำเข้าแบบสำเร็จรูป

นายฉัตรชัยกล่าวว่า เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นของประชาชนว่าจะมีน้ำมันปาล์มเพียงพอความต้องการบริโภค กระทรวงพาณิชย์จะเสนอขอนำเข้าน้ำมันปาล์มภายใต้โควตา 1.2 แสนตันนี้ จากเดิมที่กำหนดให้นำเข้าเฉพาะแบบกึ่งบริสุทธิ์ และต้องนำมาผ่านการกลั่นจากโรงงานในประเทศก่อน เปลี่ยนมาเป็นนำเข้าน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เพื่อบรรจุขวดวางขายหรือส่งต่อให้อุตสาหกรรมต่างๆ ได้ทันที

ส่วนปริมาณน้ำมันปาล์มในประเทศขณะนี้ ยืนยันว่า ยังมีเพียงพอกับความต้องการ โดยจากการคำนวณล่าสุด ขั้นตอนการผลิตจากปริมาณ 3 หมื่นตันที่นำเข้ามารอบแรกจะหมดลงในวันที่ 25 ก.พ. ซึ่งหมายความว่าน้ำมันจะมีเพียงพอไปจนถึงสิ้นเดือนก.พ. โดยจะมีสินค้าออกสู่ตลาดปริมาณมากกว่า 2 ล้านลิตรต่อวัน อีกทั้งขณะนี้ ผลผลิตปาล์มเริ่มออกสู่ตลาด ราคาตลาดภายในและต่างประเทศเริ่มอ่อนตัวลง จึงมีผลผลิตเพียงพอ ส่วนการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 1.2 แสนตัน จะสามารถยืดหยุ่นให้เกิดการต่อรองในราคาที่เหมาะสม และนำเข้ามาในราคาที่ไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาในประเทศได้

***"เจ๊วา"สกัดขึ้นราคาขอพันล้านอุ้ม

นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวปฏิเสธถึงกรณีการปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มอีกขวดละ 9 บาทว่า ขอยืนยันกระทรวงพาณิชย์ไม่มีนโยบายปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มอีก โดยมีเป้าหมายให้ขายราคาเดิมไว้ที่ขวดละ 47 บาทตามเดิมต่อไป แต่ตอนนี้ต้นทุนน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาก จะเสนอให้ครม. พิจารณาแนวทางการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มทั้งระบบ โดยของบประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยส่วนต่างจากต้นทุนที่สูงขึ้น เป็นการช่วยแบ่งเบาลดภาระรายจ่ายแก่ผู้บริโภค แต่หาก ครม. ไม่อนุมัติก็ต้องหาแนวทางแก้ปัญหามาด้วย เพราะกระทรวงฯ จะไม่เลือกปรับขึ้นราคา

“ขอความร่วมมือให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และขอให้สบายใจได้ว่า น้ำมันปาล์มขวดจะไม่ขึ้นราคาเกิน 47 บาท กระทรวงพาณิชย์กำลังหาทางบริหารจัดการทุกวิธีทางเพื่อให้น้ำมันปาล์มไม่ขาดแคลน และขายราคาเดิม ซึ่งหากครม.พิจารณาอนุมัติตามแนวทางที่กระทรวงฯ เสนอไป ก็จะช่วยให้ราคาขายตามเดิมได้แน่นอน” นางพรทิวากล่าว

***เพื่อไทยตั้งฉายา "ครม.สวาปาล์ม"

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า กรณีนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ออกมาระบุว่า มีเรือลอยอยู่ในน่านน้ำนั้น บอกเลยมีเรือลอยอยู่ 5 ลำ ลอยลำมาตั้งแต่ต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ลอยเหมือนรู้ว่าจะมีการอนุมัติซื้อน้ำมันปาล์ม เมื่อถึงเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคเพื่อไทยจะมีหลักฐานมากกว่ารูปภาพและใบเสร็จ

จากนี้ไปน้ำมันปาล์มจะปรับขึ้นราคาอย่างแน่นอน เพราะมีสินค้าที่ถูกกักตุนจำนวนมาก กำลังจะทยอยออกมาเพื่อหารายได้จากช่วงที่มีการปรับราคาสูงขึ้น โดยเชื่อว่าในการประชุมครม. วันที่ 22 ก.พ.นี้ จะมีการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มอย่างแน่นอน และเห็นว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดในตอนนี้ ตนขอตั้งฉายาให้ ครม.ชุดนี้ว่า “ครม.สวาปาล์ม” เพราะมีการโกงกินกันอย่างมูมมาม

***ส่งดีเอสไอตรวจหวังฟอกขาวให้ตัวเอง

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า จากการที่พรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ตรวจสอบพบมีการทำเรื่องน้ำมันปาล์มเป็นขบวนการ จึงต้องบอกให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง สั่งการให้ดีเอสไอไปจัดการเรื่องนี้ แต่ปรากฏว่าการลงไปตรวจของดีเอสไอ เหมือนการไปตรวจคาเฟ่มากกว่า อยากให้มีการตั้งคดีนี้เป็นคดีพิเศษ และลงไปตรวจใน จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ ชุมพร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร อย่างจริงจัง

"ส่วนตัวคิดว่าการที่รัฐบาลให้ดีเอสไอมาทำเรื่องนี้ เป็นเพียงการฟอกขาวให้ตนเองเท่านั้น การแก้ปัญหาน้ำมันปาล์ม ความจริงไม่ยาก ถ้ารัฐบาลไม่มีปัญญา ก็ยุบสภาหรือไม่ลาออกไปดีกว่า ส่วนนักการเมืองที่เกี่ยวข้องและตนเปิดเผยชื่อย่อไปแล้วนั้น ตัวย่อ ส. นั้น เป็นผู้ชายตัวย่อ พ. เป็นผู้หญิง และยังมีตัวประสานชื่อย่อ อ. ซึ่งเป็นผู้หญิง มีความเชี่ยวชาญเรื่องน้ำมันปาล์ม"นายพร้อมพงศ์กล่าว

***ก.ม.ม.หวั่นเป็นมวยล้มต้มคนดู

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตตั้งแต่นายสุเทพ ที่ดูแลเรื่องนโยบายปาล์มโดยตรง มอบหมายให้ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ โดยหลักการไม่มีปัญหา แต่ตนอดห่วงไม่ได้ว่าจะใช้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง จึงฝากถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ให้ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชน ต้องไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู เป็นแค่เครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาล ต้องตรวจสอบให้ได้ว่ามีฝ่ายการเมืองหรือกลุ่มทุนทางการเมืองเข้ามาหาประโยชน์บนความเดือดร้อนของประชาชนหรือไม่ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่

***23กพ.ตรวจโรงกลั่นครบ10แห่ง

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ดีเอสไอได้กำหนดขั้นตอนการตรวจสอบโรงกลั่นน้ำมันปาล์มที่ได้รับโควตาผลิตน้ำมันจุกฟ้าให้กระทรวงพาณิชย์ ทั้ง 10 แห่ง โดยคาดว่าวันที่ 23 ก.พ.นี้ การตรวจสอบเอกสารจะเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 แห่ง จากนั้นสำนักคดีภาษีอากรจะวิเคราะห์เอกสารที่รวบรวมได้ ตรวจสอบรายละเอียดการกำหนดและการจัดสรรโควตาให้แต่ละโรงงานว่ามีจำนวนเท่าไร ปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาหรือไม่ เพราะบางบริษัทได้รับโควต้า 6,000 ตัน แต่มีบริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่ ไม่มีประสบการณ์ด้านการผลิตไปขอแบ่งโควตาจากบริษัทรายใหญ่ บริษัทละ 1,000 ตัน เพื่อผลิตและจัดจำหน่าย ดังนั้น ต้องดูสัญญาบริษัทที่ได้รับโควตาว่าทำได้หรือไม่ และต้องหาคำตอบว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร ซึ่งเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์เคยชี้แจงว่าเป็นเรื่องของกลไกการตลาด อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

นอกจากนี้ จะตรวจสอบถึงการจัดจำหน่ายให้พ่อค้าคนกลางหรือยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ในวันเวลาใด ช่วงระยะเวลาสอดคล้องกับการผลิตหรือไม่ หากเข้าข่ายพบข้อมูลว่ามีลักษณะกักตุน ดีเอสไอต้องดำเนินการทางอาญา

***ชัดเจนไม่สอบการเมืองเอี่ยวปาล์ม

นายธาริตกล่าวว่า ขณะนี้ดีเอสไอได้รับการแจ้งเบาะแสในหลายส่วน ทั้งรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง แหล่งกักตุน ตนยืนยันว่าดีเอสไอตรวจสอบ เฉพาะประเด็นที่ผิดกฎหมาย ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่โต้เถียงกันตนเข้าใจว่าคงเป็นเพียงเรื่องบริหารงาน ดีเอสไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ดีเอสไอไม่ได้เข้าไปตรวจสอบ เพราะประเด็นทางการเมืองเพื่อหวังทำลายเครดิต กับพรรคการเมืองหรือบุคคลใด แต่เข้าไปตรวจสอบเพื่อหาคำตอบว่าโควตานำเข้าปาล์มกว่า 30,000 ตัน หายไปอยู่ที่ใด ทำไมน้ำมันปาล์มจึงขาดตลาด อย่างไรก็ตาม การเข้าตรวจสอบยังโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มของดีเอสไอ ทำให้มีการตื่นตัวของผู้ผลิต จนต้องรีบเร่งผลิตน้ำมันเพื่อไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีการกักตุน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี จะได้ช่วยกระจายน้ำมันออกสู่ตลาดได้โดยเร็ว

ด้านพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไออยู่ระหว่างการวางแผนเข้าตรวจสอบโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มหลายแห่ง แต่คงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะที่ผ่านมา มีหลายฝ่ายต่อว่าดีเอสไสว่าจะไปค้นโรงงงาน แต่ป่าวประกาศให้เจ้าของโรงงานรู้ตัวล่วงหน้าแล้วจะไปตรวจค้นเจออะไร ยืนยันว่าดีเอสไอไม่ได้มีเจนตนาเช่นนั้น แต่เข้าใจว่าสื่อมวลชนต้องการทำงาน จึงไม่ได้ปิดบังอะไร แต่สื่อโทรทัศน์บางแห่งเห็นว่าไม่เหมาะสม ครั้งต่อไปดีเอสไอต้องระมัดระวังการทำงานมากขึ้น.
กำลังโหลดความคิดเห็น