xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” เชื่อเขมรใช้ภาพ ส.ส.ปชป.ไปวัดแก้วฯ ยื่น UN ยึดแดนสยาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“จำลอง” ยันเจรจาทวิภาคีไม่จำเป็นต้องอิงเอ็มโอยู แฉ มีจ้างแรงงานเขมรป่วนขโมยของในม็อบ “ประพันธ์” ชี้ เพื่อนบ้านใช้เอ็มโอยูยึดพื้นที่ แถมเข้า 4 หลักเกณฑ์ทำ UN จุ้นได้ เชื่อภาพ ส.ส.ปชป.ไปวัดแก้วฯ จะซ้ำรอยเสียปราสาท ฉะทูตอ่อน ประณามมหาอำนาจฮุบแดนสยาม แนะยึดพื้นที่คืนก่อนเปิดเจรจาใหม่ พร้อมเลิกเอ็มโอยู-คาดแดงไม่มาใกล้ม็อบเว้นแต่พวกรัฐแฝงป่วน

วันนี้ (13 ก.พ.) ที่สะพานมัฆวานฯ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุในรายการเชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯอภิสิทธิ์ ว่า กลุ่มพันธมิตรฯไม่สนับสนุนการเจรจาแบบทวิภาคีกับกัมพูชา พล.ต.จำลอง กล่าวว่า หากจำกันได้วันที่ 4-6 ก.พ.ที่มีการปะทะกัน และฝ่ายไทยเปิดการเจรจาหยุดยิง ทั้งที่กัมพูชายังยึดพื้นที่ไทยอยู่ ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง โดยรัฐบาลมาอ้างว่าเป็นผลงานของรัฐบาลภายใต้ข้อตกลง MOU 2543 แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีการปะทะกันอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลทำผิดพลาดมาตลอด เสียเปรียบเรื่อยมา การเจรจาทวิภาคีนั้นมีมาโดยตลอดในอดีตของประเทศที่มีชายแดนติดกัน โดยที่ไม่ต้องสนธิสัญญาใดๆ เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลอ้าง MOU 2543 ว่า หากยกเลิกจะเป็นการทำลายการเจรจาทวิภาคีนั้นเป็นเท็จ

พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า ตลอด 20 วัน ที่พันธมิตรฯชุมนุมมาด้วยความเรียบร้อย แต่ขณะนี้ได้มีการจ้างวานแรงงานกัมพูชาเข้ามาปั่นป่วน ลักขโทยทรัพย์สินของผู้ชุมนุม ดังนั้น ตนจึงได้สอบถามความเห็นของผู้ชุมนุมในการเพิ่มมาตรการตรวจสอบบัตร ประจำตัวประชาชนก่อนเข้าพื้นที่การชุมนุม ซึ่งผู้ชุมนุมก็ให้การสนับสนุน

ด้าน นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวเสริมว่า จนถึงขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังไม่เข้าใจปัญหาและสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง ไทย กับ กัมพูชา ดีพอ ทั้งยังไม่มีทีมคณะทำงานของรัฐบาลไทยมาทำหน้าที่ให้ความสำคัญกับกรณีนี้เลย ปัญหาในปัจจุบันพัฒนาไปไกลกว่าที่นายอภิสิทธิ์ จะมาสาละวนอยู่กับการต่อปาก ต่อคำกับพันธมิตรฯ หรือขอพื้นที่คืน ปล่อยให้กัมพูชาเดินเกมอย่างเป็นขั้นตอนโดยยึด MOU 2543 เป็นเครื่องมือที่ทำให้ชาวโลกรู้ว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ที่ทำให้กัมพูชามีสิทธิ์ครอบครองดินแดนไทยเป็นล้านๆ ไร่ โดยมีการนำเรื่องมรดกโลกเป็นเครื่องมือในการบังหน้า เพื่อขยายสิทธิ์ในการยึดพื้นที่ไทยจาก 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหารไปถึงพื้นที่ทางทะเล แต่ นายอภิสิทธิ์ ยังไม่สนใจ ยังเดินหน้าใช้กลไก JBC ให้ทำงานต่อมีการประชุมจนมีบันทึกการประชุมออกมา 3 ฉบับ และพยายามผลักดันให้ผ่านระบบรัฐสภาไทยให้ได้เร็วที่สุด เพื่อเป็นการยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งมาถึงวันนี้กัมพูชาได้เดินแผนงานไปจนครบถ้วน คือ 1.ขึ้นทะเบียนมรดกโลก 2.ให้พลเรือนและกำลังทหารมาประชิดชายแดน และยึดครองดินแดนไทย 3.ผลักดันบันทึกการประชุม JBC ให้รัฐสภาไทยรับรอง และ 4.ก่อเหตุปะทะให้ยกระดับเป็นสงคราม ซึ่งพฤติการณ์ทั้งหมดนี้เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์ของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาติที่จะเข้ามาแทรกแซง เพราะเห็นว่าได้เปรียบในเวทีโลก

โฆษกคณะกรรมการ กล่าวอีกว่า รัฐบาลไทยโดยนายอภิสิทธิ์ ยังให้ นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างบันทึกการประชุม JBC ทั้ง 3 ฉบับของรัฐสภา พร้อมด้วย พล.ร.อ.ณรงค์ ยุทธวงศ์ รอง ผบ.สส.ลงพื้นที่ปราสาทพระวิหาร และวัดแก้วฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.54 โดยไปแสดงพฤติกรรมยอมรับการถือครองพื้นที่ของกัมพูชา ทั้งการตั้งวัด ชุมชนและกำลังทหาร มีการถ่ายภาพกับซุ้มประตูวัดแก้วฯที่มีธงชาติกัมพูชาอยู่ และมีการไปกราบไหว้และมอบเงินปัจจัยให้พระกัมพูชา โดยไม่ทักท้วงแต่ประการใด ซ้ำรอยในคดีปราสาทพระวิหารที่คนไทยเคยไปถ่ายรูปที่มีธงฝรั่งเศสอยู่ เป็นความรู้ไม่เท่าทันเกมของกัมพูชา กลายเป็นพฤติกรรมที่สมาชิกรัฐสภาไทยไปยอมรับการถูกยึดครองพื้นที่ และกลับมาให้สัมภาษณ์ว่าทุกอย่างปกติดี

“วันนี้กัมพูชาได้รวบรวมหลักฐานนี้เพื่อปิดปากประเทศไทย โดยยกระดับปัญหานี้ไปสู่เวทีสหประชาชาติ ซึ่งกัมพูชาไม่ได้ต้องการเพียงที่ดินโดยรอบปราสาทพระวิหารอีกต่อไป โดยต้องการให้โลกรู้ว่าบัดนี้ไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน และดินแดนที่ปรากฏนี้ คือ ของกัมพูชา รวมทั้งพื้นที่ในทะเลอีกมากมาย แสดงให้เห็นว่า เกมทางการทูตของนายอภิสิทธิ์ ยังอ่อนด้อยอยู่มาก และขอประณามประเทศมหาอำนาจที่ต้องการฮุบดินแดนไทยโดยใช้กัมพูชาเป็นเครื่องมือบังหน้า เหมือนสมัยล่าเมืองขึ้น” นายประพันธ์ กล่าว

นายประพันธ์ ยังได้เสนอแนะวิธีการแก้ไขสถานการณ์ โดยกล่าวว่า ไทยต้องไม่ยอมรับการเจรจาใดๆ โดยที่ทหารและชุมชนกัมพูชายังอยู่ในแผ่นดินไทย โดยใช้กำลังทหารไทยยึดแผ่นดินคืนให้ได้ทั้งหมด ก่อนที่จะมีการเปิดโต๊ะเจรจา หากกัมพูชาต้องการเจรจากับไทยจริง ต้องถอนกำลังออกไป หากไม่เช่นนั้นก็ต้องมีการปะทะเกิดขึ้น ตามสิทธิในการปกป้องดินแดนและอธิปไตยที่สามารถทำได้ รวมไปถึงการยกเลิก MOU 2543 และพฤติกรรมในการยอมรับการถูกยึดครองดินแดนโดยกัมพูชาในทันที ประเทศไทยจึงมีทางรอดที่จะไม่เสียดินแดน

พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ที่จะมีการเคลื่อนขบวนมายังอนุเสวรีย์ประชาธิปไตย ว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจเพราะกินภาษีประชาชนมาทำหน้าที่นี้ดูแลความเรียบร้อย และจัดการหากเกิดความไม่เรียบร้อยขึ้น โดยพันธมิตรฯมีหน้าที่เพียงชุมนุมอยู่ในที่ตั้ง ขณะที่ นายประพันธ์ กล่าวว่า โดยมารยาทแล้วคนเสื้อแดงคงไม่เข้ามาใกล้พื้นที่การชมุนมของพันธมิตรฯ เพราะเขาก็มีกิจกรรมของเขาเอง และไม่มีเหตุที่จะมาก่อกวนใดๆ หากมีมาเข้าร่วมคงในฐานะประชาชนที่มาร่วมปกป้องแผ่นดิน อย่างไรก็ตามจุดที่ต้องระวังคือกลุ่มจัดตั้งที่เป็นคนเสื้อแดงของรัฐบาลหรือพรรคประชาธิปัตย์ที่อาจมาก่อกวนก็เป็นไปได้





กำลังโหลดความคิดเห็น