xs
xsm
sm
md
lg

“สำราญ” ซัด รบ.ดูถูกการเมืองภาค ปชช.ย้ำยกเลิก MOU ปลดเปลื้องพันธนาการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สำราญ รอดเพชร
โฆษก ก.ม.ม.ซัดโฆษก “มาร์ค” ดูถูกการเมืองภาคประชาชน เปรียบพันธมิตรฯเป็นม็อบข้างถนน โวยยุบสภาแค่คำขู่รายวัน ยันพรรคการเมืองใหม่ พร้อมส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งแน่ ย้ำ ให้ รบ.เลิกเอ็มโอยูปลดพันธการ ก่อนเสียทีเขมร แนะสกัดประเทศที่ 3 ไกล่เกลี่ยปัญหาพิพาท จี้ ปธ.กมธ.เจบีซี ฝ่ายไทย แจงกรณีนำคณะ กมธ.สภา ไปประทับตรารับรองเขตแดนให้กัมพูชา ไม่เหมาะสม

วันนี้ (13 ก.พ.) ที่พรรคการเมืองใหม่ นายสำราญ รอดเพชร รองหัวหน้าและโฆษกพรรคการเมืองใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่กล่าวถึงการชุมนุมของพันธมิตรฯ ว่า มีวาระแฝงเร้นทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองใหม่ ว่า ตนผิดหวังในตัว นายเทพไท ที่ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ มีการศึกษา แต่กลับมีพฤติกรรมไม่ต่างจากนักเลือกตั้งที่น่ารังเกียจคนหนึ่ง กล่าวหาการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน และอยากถามว่า เหตุใดในช่วงที่พันธมิตรฯชุมนุมเมื่อปี 49-51 ต่อต้านรัฐบาลจากระบอบทักษิณ ทั้งรัฐบาล นายสมัคร และรัฐบาล นายสมชาย ไม่เคยได้ยินคนในพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแสดงมีทัศนะเช่นนี้แม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังจัดหัวคะแนนเข้าร่วมชุมนุม หรือกระทั่ง ส.ส.และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางคน ยังแอบไปเข้าร่วมกับการชุมนุมด้วยซ้ำไป ที่สำคัญ นายเทพไท ยังดูถูกการเมืองภาคประชาชน การมีส่วนร่วมของประชาชนว่าเป็นเพียงการเมืองข้างถนน

“นายเทพไท และพรรคประชาธิปัตย์ ควรเข้าใจ และตระหนักว่า แม้ปัจจุบันประเทศงไทยจะอยู่ในระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทนก็จริง แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมของประชาชนไปได้ ต้องเคารพบทบาทภาคประชาชนด้วย” นายสำราญ กล่าว

นายสำราญ กล่าวด้วยว่า ข้อเท็จจริงของการชุมนุมในขณะนี้ ได้มีการปรับรูปแบบการเคลื่อนไหว โดยจัดตั้งคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน มีกรรมการ 17 คน เป็นแกนนำความเคลื่อนไหว แทนบทบาทของแกนนำพันธมิตรฯ ที่สำคัญ พรรคการเมืองใหม่ก็ไม่ได้เข้าไปมีบทบาท เพียงแต่เห็นด้วยและสนับสนุนข้อเรียกร้องการปกป้องอธิปไตย 3 ประการของคณะกรรมการ และร่วมเป็นวิทยากรในบางโอกาสตามที่ได้รับเชิญ

รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ กล่าวอีกว่า หากมีการเลือกตั้ง ขอยืนยันว่า พรรคการเมืองใหม่จะส่งผู้สมัครแน่นนอน แต่การยุบสภาที่คนในรัฐบาลออกมาพูดถึงตลอดเวลาอย่างไม่เป็นเอกภาพ บางคนก็บอกว่ายุบในเร็วๆ นี้ ขณะที่กลุ่มที่ถืออำนาจที่แท้จริงภายในรัฐบาลก็ยังไม่อยากให้ยุบสภาในช่วงนี้ อยากใช้เวลาที่เหลือกระชับอำนาจและผลประโยชน์ ทั้งการผ่านการพิจารณางบประมาณ และแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ดังนั้น รัฐบาลต้องไปตกผลึกทางความคิดกันก่อน อย่านำเรื่องการยุบสภามาข่มขู่ประชาชน เพราะการจะยุบหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของนักการเมือง อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลไม่ยุบสภาในช่วงนี้ อาจเป็นเพราะปัญหาเรื่องการปกป้องอธิปไตยที่ยังไม่สามารถตอบประชาชนได้ เกรงว่าจะเสียคะแนน

ในส่วนของปัญหากรณีปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา นั้น นายสำราญ กล่าวว่า จะเห็นได้ว่า ในหลายกรณีรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ มักก้าวช้ากว่ากัมพูชาอย่างน้อย 1 ก้าวเสมอในการแก้ปัญหา สาเหตุหลักประการสำคัญเป็นเพราะการผูกมัดตัวเองอยู่กับ MOU 2543 เป็นพันธนาการที่ทำให้ก้าวขาไม่ออก ในขณะที่กัมพูชาที่แม้จะยึดมั่นเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจในประเด็นปลีกย่อย สนใจเพียงประเด็นที่ตัวเองได้ประโยชน์เท่านั้น โดยเฉพาะกรณีแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน การที่กัมพูชาช่วงชิงนำปัญหาเข้าสู่ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ชี้ให้เห็นว่า ลึกๆ แล้วกัมพูชาไม่ได้เคารพ MOU 2543 โดยหวังดึงมหาอำนาจ และนานาชาติเข้ามาแทรกแซงจัดการปัญหาความขัดแย้ง และมีเป้าหมายสำคัญในการผลักดันให้ปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกให้ได้ในเดือน มิ.ย.54 ทางแก้ปัญหา คือ รัฐบาลไทยต้องยึดหลักทวิภาคี อย่าปล่อยให้นานาชาติเข้ามายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งเด็ดขาด ที่น่าห่วงก็คือ ตรรกะความเชื่อของนายอภิสิทธิ์ ที่ได้ระบุต่างกรรมต่างวาระ ยืนยันว่า การยกเลิก MOU 2543 จะเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงนั้นเป็นความเข้าใจผิด เพราะขณะนี้ชัดเจนแล้วว่า การมีหรือไม่มี MOU 2543 กัมพูชาก็อาศัยเกมทางการทูตเพื่อประโยชน์ของเขาฝ่ายเดียว ไม่สนใจกรอบการเจรจาทวิภาคีด้วยซ้ำ

“พรรคการเมืองใหม่ ยืนยันว่า รัฐบาลจำเป็นต้องยกเลิก MOU 2543 เพื่อปลดพันธนาการตัวเองและกองทัพ และจะต้องหาหนทางผลักดันกองกำลังทหาร และชุมชนชาวกัมพูชาที่ยังอยู่ในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหารออกไป ซึ่งเข้าใจว่าอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร แต่หากรัฐบาลทำให้เห็นอย่างจริงจัง เชื่อว่า ปัญหาทุกอย่างจะจบได้” นายสำราญ กล่าว

รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ยังได้กล่าวถึงกรณีการลงพื้นที่ปราสาทพระวิหารของคณะกรรมาธิการร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างบันทึกการประชุมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ทั้ง 3 ฉบับ (JBC) เมื่อวันที่ 20 ม.ค.54 ซึ่งนำโดย นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ ว่า การลงพื้นที่ดังกล่าวทั้งบริเวณพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ของคณะของนายเจริญ ซึ่งประกอบด้วยทหารและข้าราชการระดับสูง ที่ไปทำบุญ ไปพูดคุยกับทหารกัมพูชา ทำให้ภาพออกมาเข้าทางปืนกัมพูชา เป็นหลักฐานว่าสมาชิกรัฐสภาไทยยอมรับการถือครองดินแดนของกัมพูชา จะซ้ำรอยประวิติศาสตร์ที่กัมพูชานำภาพที่มีคนไทยไปปราสาทเขาพระวิหาร แล้วกัมพูชาเป็นฝ่ายต้อนรับ ไปเป็นข้อต่อสู้ในศาลโลกเมื่อปี 2505 ดังนั้น พรรคการเมืองใหม่จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการชุดนี้ออกมาชี้แจงและขอโทษ หรือพิจารณาตัวเอง เนื่องจากการเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
กำลังโหลดความคิดเห็น