xs
xsm
sm
md
lg

พธม.จวก “มาร์ค” อย่าบิดเบือน ชี้ไทยส่อเสียเปรียบเวทีโลก เชื่อสภารับรอง JBC อันตราย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โฆษกพันธมิตรฯ โต้ “มาร์ค” อย่าบิดเบือน ยันหนุนถกทวิภาคี ชี้กัมพูชาล้มถกเจบีซี แต่ไม่เลิกเอ็มโอยู เพราะหวังผนวกคำพิพากษาศาลโลกฟ้องยูเอ็น อ้างสยามใช้แผนที่ 1 : 200,000 ชี้ส่อเสียเปรียบในเวทีโลก ยันเลิกเอ็มโอยูก็ใช้กฏบัตรยูเอ็นสวนพวกจุ้นได้ มั่นใจยุ่นรู้เห็นดันพระวิหาร เชื่อทหารเขมรจะเป็นภัยคุกคามอีก ชี้สภารับรองเจบีซีอันตรายแน่



วันนี้ (13 ก.พ.) ที่สะพานมัฆวานฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ยืนยันว่าพันธมิตรฯ เห็นด้วยกับกลไกทวิภาคีอย่างที่สุด นายอภิสิทธิ์ไม่ควรที่จะบิดเบือน เพียงแต่พันธมิตรฯ เห็นว่า MOU 2543 เป็นเครื่องที่เป็นอันตรายต่อกลไกทวิภาคีที่จะทำให้การเจรจาขยายผลไปยังเวทีนานาชาติ เพราะการมีอยู่ของ MOU 2543 ไม่สามารถหยุดการปะทะทางทหารได้เลย และกัมพูชาก็ไม่เลือกที่จะเจรจาทวิภาคีอยู่ดี โดยล่าสุดก็ประกาศล้มโต๊ะการเจรจาคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) แต่กลับไม่ยกเลิก MOU 2543 เนื่องจากต้องนำ MOU 2543 นี้ผนวกกับคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี 2505 ไปอ้างต่อนานาชาติว่าไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ซึ่งกัมพูชาถือว่าได้เปรียบกว่า และทำให้นานาชาติเข้าใจผิดว่าไทยกำลังรุกรานกัมพูชาตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ที่สำคัญยังมีแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เมื่อ 1 ก.พ.54 ที่ฝ่ายกัมพูชาได้ยืนยันว่า MOU 2543 รับรองแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ซึ่งฝ่ายไทยไม่ได้ตอบโต้เป็นหลักฐานสำคัญ เมื่อฝ่ายไทยไม่ตอบโต้แถลงการณ์ กัมพูชาจึงเปิดฉากรบ เพราะรู้ว่ากำลังได้เปรียบในเวทีนานาชาติ เป็นสาเหตุทำให้กัมพูชายืนหยัดว่าไทยเป็นฝ่ายรุกราน เพราะหากยึดแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน พื้นที่ภูมะเขือหรือวัดแก้วสิกขาคีรีศวรถือเป็นของกัมพูชา

“สิ่งที่นายอภิสิทธิ์พูดนั้นมีเพียงการยืนยันว่ากัมพูชาโจมตีเราก่อน แต่กลับไม่ยืนหยัดว่ากัมพูชารุกล้ำเข้ามาตั้งฐานทัพในดินแดนไทย และยิงใส่ราษฎรไทย มองแต่เรื่องการปะทะที่ยากจะพิสูจน์ว่าใครยิงก่อน โดยไม่มองถึงหลักสันปันน้ำและแนวหน้าผา ทำให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา” นายปานเทพกล่าว

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลไม่มีการดำเนินนโยบายที่มีการถ่วงดุลอำนาจที่ดีพอ จากที่ไทยไม่เคยต้องกังวลกับการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ ที่มี 5 ชาติเป็นสมาชิกถาวร ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย ฝรั่งเศส และอังกฤษ บัดนี้ท่าทีของทางการไทยทำให้ไทยจะเสียเปรียบในเวทีโลกทันที โดยข้อผิดพลาดประการแรกคือ การส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท ให้กับทางการสหรัฐฯ สร้างความไม่พอใจให้แก่รัสเซีย และการเอื้อประโยชน์กับสหรัฐฯก็ทำให้จีนหวาดระแวงในความเป็นมิตร ส่วนฝรั่งเศสก็มีสัมปทานน้ำมันในอ่าวไทยฝั่งกัมพูชา มีเพียงอังกฤษที่อาจจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ ที่เป็นเพื่อนกับนายกฯอังกฤษได้ ก็ไม่ใช่จากนโยบายทางการทูตหรือ MOU 2543 แต่ที่น่าเป็นห่วงหากตั้งข้อสังเกตจะพบว่าสหรัฐฯและอังกฤษถือเป็นคู่ร่วมรบเพื่อช่วงชิงพลังงานโดยเฉพาะที่ตะวันออกกลาง การที่ประเทศไทยปล่อยสัมปทานไปแล้วเป็นจำนวนมากแล้ว ทำให้ไม่เหลือแรงจูงใจในการช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ถือเป็นความไม่เข้าใจในการถ่วงดุลการทูตของรัฐบาล ย่อมเสียเปรียบในเวทีระหว่างประเทศ

นายปานเทพกล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมี MOU 2543 ไทยกับกัมพูชาสามารถเจรจาทวิภาคีกับกัมพูชาได้โดยตลอด โดยไม่ต้องมีสนธิสัญญาใดๆ บนพื้นฐานของความเป็นธรรม ซึ่งความเป็นธรรมในเวลานี้ก่อนที่จะมีการเจรจานั้น กัมพูชาต้องถอนทหารออกจากดินแดนไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์คุกคามราษฎรไทยอยู่ จึงจะเริ่มการเจรจาที่ถูกต้องได้ การที่รัฐบาลอ้างว่าการยกเลิก MOU 2543 จะเปิดช่องให้นานาชาติเข้ามาแทรกแซงนั้น เป็นไปไม่ได้เลยหากยึดถือกลไกสารเจรจากฎบัตรสหประชาชาติมาตรา 2 วรรค 7 ที่ระบุอย่างชัดเจนว่าสหประชาชาติไม่มีอำนาจในการแทรกแซงกิจการภายในระหว่าง 2 ประเทศ รวมทั้งเหตุปะทะของ 2 ฝ่าย ซึ่งรัฐบาลไทยต้องยืนหยัดในประเด็นนี้ให้ได้ โดยใช้แนวทางการทูตที่ฉลาดด้วย ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่าจะใช้การปะทะที่เกิดขึ้นไปประท้วงคณะ กรรมการมรดกโลกเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารว่าเป็นพื้นที่มรดกโลกอันตรายนั้น ก็แสดงให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์อับจนปัญญาในการใช้ MOU 2543 ถือต้องมาใช้เหตุปะทะซึ่งอยู่นอกกฎเกณฑ์ของ MOU 2543 มาเป็นเหตุอ้างต่อยูเนสโก อย่างไรก็ตามกรณีที่ที่ยูเนสโกส่ง นายมัตซึอูระ โคอิชิโร ชาวญี่ปุ่น มาเป็นคนกลางในเจรจา ซึ่งเป็นอดีต ผอ.ยูเนสโกผู้นี้ ซึ่งเป็นบุคคลที่รู้เห็นเป็นใจในการนำปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบซึ่งอยู่ในประเทศไทยขึ้นทะเบียนมรดกโลก เพียงเท่านี้ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่าประเทศญี่ปุ่นมีส่วนได้เสียในการตัดสินใจที่ไม่เป็นธรรมต่อประเทศไทย กลับให้มาเป็นคนกลางในการเจรจา ซ้ำร้ายกว่านั้นญี่ปุ่นยังได้สัมปทานมรดกโลกทางวัฒนธรรมในพื้นที่เขาพระวิหารจากฝั่งกัมพูชาไปแล้วอีกด้วย

“สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นเกมผลประโยชน์ของมหาอำนาจ ซึ่งนายอภิสิทธิ์หลงอยู่ในเกมของ MOU 2543 มาตั้งแต่แรก มัวแต่ใช้วิธีการประท้วงโดยที่กัมพูชาไม่สนใจ และทำให้เกิดการสูญเสีย และความสุ่มเสี่ยงในชีวิตราษฎรไทยที่ต้องมีค่ายอพยพในดินแดนไทยเองเป็นครั้งแรก และขณะนี้มีการนำราษฎรใน อ.กันทรลักษ์ กลับบ้าน แต่ไม่จัดการกับทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ประเทศ ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามราษฎรไทยต่อไปอีก” นายปานเทพกล่าว

นายปานเทพยังได้กล่าวถึงแนวคิดการเร่งรัดที่จะนำบันทึกการประชุม JBC ให้ผ่านความเห็นชอบต่อรัฐสภาของนายอภิสิทธิ์ว่า การที่นายอภิสิทธิ์บอกว่าจะแก้ไขปัญหาโดยนำข้อสังเกตจากภาคประชาชนเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา และให้ผ่านความเห็นชอบไปพร้อมกันนั้น ตนต้องบอกว่าสถานการณ์ตอนนี้ไปไกลกว่านั้นมากแล้ว เพราะหากรัฐสภาไปรับรองบันทึกการประชุมของ JBC เท่ากับรับรองว่าไทยเป็นฝ่ายรุกรานกัมพูชาทันที ตามคำปราศรัยของนายวาร์ คิม ฮง ประธาน JBC กัมพูชา ที่ระบุอยู่ในบันทึกการประชุมดังกล่าว และกัมพูชาก็ไม่เปิดโอกาสให้ไทยโต้แย้ง เพราะได้ล้มโต๊ะการประชุมครั้งหน้าไปเรียบร้อยแล้ว จึงอันตรายอย่างยิ่ง เพราะกัมพูชาไม่มีเจตนาในการเจรจากับไทยอีกต่อไป ดังนั้ หากรับรองเมื่อไรจะเป็นอันตรายมากขึ้นไปอีกเพราะเป็นการรับรองโดย รัฐสภาไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น