“สนธิ” ซัดนายกฯ ความจำเสื่อม ลืมเคยด่า “สมัคร” ทำประชาชนเจ็บ-ตาย แล้วยัดเยียดความผิด จวก “นิธิ-มติชนสุดสัปดาห์” เจ้าเล่ห์ แพร่บทความกระทบกระเทียบสถาบัน ระบุเสียดินแดนให้เขมร สะท้อนทหารอ่อนแอ ไม่เป็นเสาหลักค้ำจุนราชบัลลังก์ แต่กลายพันธุ์เป็นนักการเมืองแก๊งสัตว์นรกหาประโยชน์เข้าตัวเอง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล”
เมื่อเวลา 21.45 น. วันที่ 11 ก.พ. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” โดยได้กล่าวถึงคำพูดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งเป๋นผู้นำฝ่ายค้านเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2551 ซึ่งได้ด่าประณามรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ว่าทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย แล้วยังยัดเยียดความผิดให้อีก รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น และอยากเห็นรัฐบาลมีบทบาทในการคุ้มครองประชาชนมากกว่านี้ ซึ่งน่าเสียดายที่นายอภิสิทธ์ความจำเสื่อม เหมือนคนได้หลังแล้วลืมหน้า
หลังจากนั้น นายสนธิได้กล่าวถึงหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ ซึ่งได้ลงบทความของนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่มีเนื้อหาเจ้าเล่ห์เรื่องที่เกี่ยวกับสถาบัน โดยได้พูดถึงราชวงศ์ชิงในยุคที่พระนางซูสีไทเฮา มีบทบาทอยู่เบื้องหลังจักรพรรดิกวางสู และขัดขวางการปฏิรูปจนที่ปรึกษของจักรพรรดิ คือ เหวินซิ่ว ต้องลาออก และได้ไปปรึกษากับน้องสาวต่างมารดา ทำให้ตาสว่าง และได้รู้ว่าไม่มีต้าชิง ไม่มีฮ่องเต้ ราษฎรจีนก็ไม่เป็นไร ซึ่งนายนิธิได้ลงท้ายว่า “ผมได้แต่น้ำตาไหลไม่รู้ตัว” นี่เป็นการจงใจเปรียบเทียบอะไรกันแน่ เพราะมติชนสุดสัปดาห์ เคยนำเรื่องการล้มราชวงศ์เนปาลขึ้นปกและบอกว่าเป็นกรณีศึกษามาแล้ว
นายสนธิกล่าวต่อว่า ชาติบ้านเมืองกำลังมีอันตรายอย่างยิ่งใหญ่ การเสียอธิปไตยให้เขมรไม่ใช่แค่เรื่องเสียดินแดน แต่เป็นความอ่อนแอของสถาบันทหารที่ถูกการเมืองครอบงำ จนทหารบางคนแปรเปลี่ยนเป็นนักการเมือง ซึ่งสถาบันทางการเมืองไม่เคยเป็นเสาหลักให้สถาบันกษัตริย์ นอกจากเป็นตัวจัญไรแห่งชาติ ยกตัวอย่างเมื่อวันก่อน ซึ่งเป็นวันเกิดของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ มีคนไปที่บ้านมากมาย ทั้งที่เป็นนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ และมีข้อครหาทุจริตบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน คนใกล้ชิดหากินกับการนำน้ำมันปาล์มไปทำไบโอดีเซล มีข้อครหาเรื่องเอางบจาก ปตท.ไปจัดแข่งเทนนิสที่โรงแรมของตัวเอง
ดังนั้น สถาบันเกษัตริย์ต้องพึ่งทหาร ด้วยคำถวายสัตย์ปฏิญาณที่ทหารได้สาบานต่อธงชัยเฉลิมพลมีความลึกซึ้งอยู่ในใจ เมื่อเวลาผ่านไป จนถึงยุค พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา การถวายสัตย์สาบานคือการท่องจำแค่นั้นเอง การเสียดินแดนเป็นภาพสะท้อนความอ่อนแอของทหาร ถ้าไม่อ่อนแอจะไม่ยอม แม้นายกฯ รองนายกฯ ไม่สั่ง แต่ทหารจะต้องตบเท้าไปบอกนายกฯ ว่าเรื่องนี้ผมยอมไม่ได้ แต่ไม่มีทหารคนไหนกล้าหาญพอ ทหารจึงเป็นเสาค้ำจุนสถาบันที่ง่อนแง่น เรื่องชายแดนจึงไม่ใช่เรื่องของนายฮุนเซน หรือเรื่องผลประโยชน์ แต่เป็นความอ่อนแอของทหาร ที่จะส่งผลต่อราชบัลลังก์ต่อไป
นายสนธิกล่าวต่อว่า นักการเมืองไม่มีวันที่ปกป้องสถาบัน เพราะเข้ามาเพื่อสูบทุกอย่างเข้ากระเป๋าตัวเอง บางคนมีเครื่องบินส่วนตัว ส่งลูกไปเรียนมเองนอกซื้อบ้านหลายร้อยล้านให้ลูกอยู่ นักการเมืองจึงเป็นสัตว์นรกทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ก็เป็นหัวหน้าแก๊งสัตว์นรก เพราะเขาเชื่อมั่นว่าทุกอย่างต้องตกลงกันในสภา ซึ่งเป็นที่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน
คำต่อคำ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ปราศรัย
“พี่น้องครับ เริ่มเป็นพิธีกรรมก่อนที่จะพูด พวกเราปรบมือส่งกำลังใจไปให้คุณวีระ และคุณราตรี หน่อยครับ และก็ถือโอกาสโห่ขับไล่คนขายชาติด้วยครับ ขอบคุณครับพี่น้องครับ สวัสดีครับพันธมิตรฯ ที่ไหนมาบ้างครับ พันธมิตรฯลาสเวกัส พันธมิตรฯแอลเอ พันธมิตรฯ แม่สาย พันธมิตรฯ อุตรดิตถ์ พันธมิตรฯ ลำปาง พันธมิตรฯ อยุธยา เชียงใหม่ เสนา อยุธยา ลพบุรี ราชบุรี พัทยา นาเกลือ จันทบุรี บ้านบึง กาญจนบุรี ท่ายาง เพชรบุรี อุดรธานี ทับสะแก ประจวบฯ แม่ฮ่องสอน ตราด ชลบุรี กระบี่ ตรัง บ้านแหลม แม่สอด นครนายก ข้างหลังนั่นมองไม่เห็นตะโกนหน่อยครับ ยโสธร พี่น้องครับ สงขลา สมุย สุราษฎร์ฯ นครฯ พันธมิตรฯ กรุงเทพฯ ลืมไปได้ยังไงนี่
พี่น้องครับ วันนี้ ประพันธ์ คูณมี บอกผมบอกว่า ศิริโชค โสภา ประกาศจะฟ้องประพันธ์ คูณมี ประพันธ์ คูณมีบอกว่า พี่เมื่อเช้ากินกาแฟกันตอนสายๆ พี่ เดี๋ยววันนี้ผมจะให้มันอีกดอกหนึ่ง ศิริโชค โสภา เขียนจดหมายเปิดผนึกลงในเฟซบุ๊ก เดี๋วยประพันธ์จะเอาจดหมายเปิดผนึกมาฉีกเป็นชิ้นๆ ทีละบรรทัด
วันนี้ก่อนจะเข้าเรื่อง ผมมีอยู่ 2 เรื่องที่จะขอพูด ก่อนจะเข้าเรื่อง ภาพรวมป่าทั้งป่า เมื่อวานนี้ผมพูดเรื่องป่าทั้งป่าให้ฟังแล้ว เดี๋ยววันนี้ผมจะพูดเรื่องป่าทั้งป่าให้ฟัง พี่น้องต้องเข้าใจป่าทั้งป่า แล้ว อ.ปานเทพ เทพมนตรี ประพันธ์ คูณมี ขึ้นมาพูดถึงต้นไม้แต่ละต้น จะได้มีองค์ความรู้และเข้าใจไปหมด แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ก่อนจะถึงตอนนั้น มีคนเขาเอาเอกสารให้ผมชิ้นหนึ่งน่าสนใจมาก ฟังให้ดีๆ นะครับ เป็นคำพูดของคนๆหนึ่งที่เคยพูดเอาไว้ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2551 ผมไม่นึกไม่ฝัน ว่าเรามีรัฐที่ได้ทำร้ายประชาชนถึงขั้นเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัส แล้วเรายังมีรัฐที่พยายามยัดเยียดความผิดกลับไปให้ประชาชนอีก เป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้ครับ เขาสูญเสียไปแล้ว ท่านนายกฯ ไปยัดเยียดข้อหาใส่เขาอีก พฤติกรรมอย่างนี้ ไม่มีทางนำพามาซึ่งความสมานฉันท์ ความปรองดอง ประชาชนคนไทย ไม่ใช่ประชาชนที่รุนแรงครับ แต่เป็นผู้ถูกกระทำจากความรุนแรงของภาครัฐ พันธมิตรฯ ทำถูกทำผิด รัฐบาลไม่มีสิทธิ์ พันธมิตรฯ ทำถูกได้ ทำผิดได้ แต่รัฐบาลไม่มีสิทธิ์ทำผิด ผมสนใจว่าต้องมีคนรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น ผมอยากเห็นว่า รัฐบาลมีบทบาทในการคุ้มครองประชาชนมากกว่านี้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2551
น่าเสียดาย ความจำท่านเสื่อม เสื่อมมากๆ เหมือนคนที่ได้หลังแล้วลืมหน้า อะไรพี่น้อง (เฮ) เกิดอะไรขึ้น ผมไม่รู้พี่น้อง วันนี้จะขอพูดถึงหนังสือพิมพ์สักฉบับหนึ่ง ก่อนที่จะเข้าเรื่อง ไม่พูดไม่ได้เรื่องนี้ หนังสือพิมพ์เล่มนั้นคือ มติชนสุดสัปดาห์ พี่น้องรู้จักใช่ไหมครับ แล้วพี่น้องทำหรือยัง คมชัดลึก กรุงเทพธุรกิจ ยกเลิกไปให้หมด อย่าลืมพี่น้อง ปล่อยให้เขามาดูถูกลูกหลานพี่น้องที่ชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล ได้ไง เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นพี่เป็นน้องผม แล้วปล่อยให้เขามารังแกผมได้อย่างไร นิธิ เอียวศรีวงศ์ หนังสือเล่มนี้ เป็นที่รวมของบรรดานักเขียนที่มีเจตนาเจ้าเล่ห์ในเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ รวมไว้หมดเลย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ เขียนในเล่มนี้ นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ วันนี้เขาเขียนเรื่อง ซูสีไทเฮา เขาพยายามจะเล่าว่าเขาไปดูหนังเรื่องหนึ่ง คือเรื่องซูสีไทเฮา เขาอธิบายเนื้อความของหนัง เขาอธิบายตัวละครบางตัว คือ ซูสีไทเฮา นั้นเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังจักรพรรดิกวางสู จักรพรรดิกวางสู คือจักรพรรดิที่ต้องการจะปฏิรูปและ ซูสีไทเฮา นั้นอยู่เบื้องหลังไม่ให้จักรพรรดิกวางสูปฏิรูป และพูดถึงที่ปรึกษาของจักรพรรดิกวางสู ที่ปรึกษาคนนี้ชื่อ เหวินซิ่ว ปรากฎว่า เขาอธิบายว่า เหวินซิ่วล้มเหลวจากการปฏิรูป เพราะว่าจักรพรรดิกวางสู ถูกซูสีไทเฮาล้มล้างอำนาจจนเบ็ดเสร็จ ทำให้นายเหวิน ซิ่ว หรืออดีตเป็นที่ปรึกษาจักรพรรดิกวางสู ต้องชอกช้ำใจแล้วก็ลาออก
เขาเขียนเรื่องนี้ยาวตั้งหน้าครึ่ง แต่เขาไปจบเอาตอน 4 บรรทัดสุดท้ายที่เขาสะใจและเขาจงใจ พี่น้องฟังให้ดีๆ เขาเรียกราชวงศ์ชิงว่า ต้าชิง ต้า แปลว่า ใหญ่ ชิง คือราชวงศ์ชิง ต้าฮั่น ราชวงศ์ฮั่น ต้าถัง ราชวงศ์ถัง ต้าโจว ราชวงศ์โจว ต้าซ้อง ราชวงศ์ซ้อง เขาเรียกต้าทั้งนั้น เขาบอกอย่างนี้ เขาบอกว่านายเหวิน ซิ่ว หลบออกไป หมดอาลัยตายอยากในชีวิต เพราะรู้แล้วว่าเมื่ออำนาจจักรพรรดิกวางสูหมดไป เขาก็ไม่มีทางจะปกป้องประชาราษฎรต่อไป เขาก็อยู่ในท่ามกลางความโดดเดี่ยว เขาปรึกษาทางการเมือง นายเหวินซิ่ว กับน้องสาวต่างบิดามารดา ซึ่งเป็นลูกกำพร้าที่มารดาของเขาชุบเลี้ยงชีวิต ไม่มีการศึกษาแบบเขา จึงเหมือนชาวบ้านทั่วไป เพียงแต่รักนับถือเขาและครอบครัวเขาอย่างสูงเท่านั้น ฟังดีๆนะพี่น้อง น้องสาวเขาตอบว่า เธอไม่รู้อะไรหรอก ก่อนที่เธอจะตามเหวินซิ่วไปใช้ชีวิตในเมืองหลวง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีราชวงศ์ชิง มีฮ่องเต้ มีไทเฮา โลกของเธอมีความสุขกับครอบครัวของแม่และพี่ชาย สองคนนี้เท่านั้น
และเท่านั้นเอง เหวินซิ่ว ก็ตาสว่าง เขาตะโกนบอกตัวเองอย่างบ้าคลั่งว่า ใช่แล้วๆ เขาเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่า ไม่มีต้าชิง ไม่มีฮ่องเต้ ราษฎรก็ไม่เป็นไร พี่น้องฟังต่อ นี่คือการปูพื้นก่อนจบ เขาเขียนต่อว่า จีนจะอยู่รอดได้ ก็เพราะคนจีนนี่เอง ไม่เกี่ยวกับกวางสู่ หรือซูสี เพราะไม่มีจักรพรรดิผู้ปรีชา ไม่มีประมุขโปรดสัตย์ แล้วเขาตบด้วย ผมได้แต่น้ำตาไหลพรากโดยไม่รู้สึกตัว นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ เจ้าเล่ห์แสนกล คือคนที่ชอบเขียนลงบทความในมติชน ทั้งรายวันและรายสัปดาห์ เหมือนกับที่มติชนครั้งหนึ่งใช้กรณีล้มล้างกษัตริย์เนปาล และเอามาขึ้นปก แล้วเขียนว่า กรณีศึกษาเนปาล พวกนี้ไม่เคยหยุด กระบวนการยังมีต่อเนื่องไป เป็นเพียงแต่ว่าไม่พูดตรงๆ แต่ใช้วิธีตีกระทบชิ่ง เขายกตัวอย่าง ต้าชิง คือ ราชวงศ์ชิง เขากำลังจะเปรียบเทียบราชวงศ์ชิงกับราชวงศ์อะไรกันแน่ เขาฉลาด แต่เขาไม่สามารถปิดบังคนที่มีปัญญาแล้วอ่านเรื่องนี้ออก เขาฉลาด พี่น้องต้องดูให้ดีๆ กระบวนการพวกนี้ยังไม่หยุดสิ้น
เห็นหรือยังพี่น้องว่า ชาติบ้านเมืองมีอันตรายยิ่งใหญ่ ทำไมไม่ยิ่งใหญ่ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ ลักษณะของการเสียอธิปไตยให้กับเขมรนั้น ไม่ใช่ปัญหาเรื่องการปะทะที่ชายแดน แต่มันเป็นปัญหาความอ่อนแอของสถาบันทหาร ทำไมสถาบันทหารถึงอ่อนแอ ที่สถาบันทหารอ่อนแอนั้น เพราะว่าสถาบันทหารถูกการเมืองเข้าไปครอบงำ เมื่อครอบงำแล้ว ผู้นำทางทหารบางคน ผู้ที่ต้องรับผิดชอบทางทหาร ได้แปรเปลี่ยนจากตัวเองเป็นอดีตนายทหาร กลายเป็นนักการเมืองไปแล้ว ทั้งๆ ที่ผมเรียนให้พ่อแม่พี่น้องทราบว่า ในอดีตนั้นสถาบันกษัตริย์มีเสาหลักอยู่ 2-3 เสาหลัก เสาหลักหนึ่งก็คือ ศาสนา อีกเสาหลักหนึ่งก็คือ ทหาร สถาบันการเมืองไม่เคยเป็นเสาหลักของสถาบันกษัตริย์เลย เพราะสถาบันการเมือง คือคนที่เมื่อกี้ลำตัดออกมาร้อง อธิบายได้ชัดเจน สถาบันการเมืองและคนอยู่ในสถาบันการเมืองส่วนใหญ่ เป็นตัวจัญไรแห่งชาติทั้งสิ้น
วันนั้นผมกำลังจะออกจากบ้าน ซอยบ้านผมรถวิ่งไม่ได้เลย รถเต็มไปหมด มีแต่คนยิ่งใหญ่ทั้งนั้น ผมก็เลยสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น อ๋อ หน้าปากซอยเป็นวันเกิดของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นคนที่ถูกห้ามเล่นการเมือง แต่กลับเป็นคนที่สั่งการกระทรวงพลังงาน สั่งการ ปตท.ได้ทุกเรื่อง ใช้งบประมาณของ ปตท.เป็นพันๆ ล้าน เพื่อจัดแข่งเทนนิสระดับโลก นาดาล จำได้ไหม แล้วไปจัดที่ไหน โรงแรมของเขาที่หัวหิน โดยใช้งบประมาณ ปตท.ออกไปเป็นพันๆ ล้าน เพื่อโปรโมทโรงแรมของเขา
พี่น้องครับ น้ำมันปาล์มที่แพงทุกวันนี้ ฝีมือก็คือฝีมือของคนใกล้ชิดสนิทสนมของเขา ที่ไปร่วมมือ จับมือกับ ปตท.เพื่อทำไบโอดีเซล โดยเหมาน้ำมันปาล์มเข้าไปแล้วก็ป้อนเข้าไปโรงงาน เพื่อทำไบโอดีเซล ไบโอดีเซลวันนี้ ถูกกว่าน้ำมันทั่วๆ ไปกี่สตางค์ บาทหนึ่งได้มั้ย พี่น้อง พี่น้องที่เติมไบโอดีเซล เมื่อเทียบกับดีเซลแล้วถูกกว่าประมาณบาทหนึ่ง หรือบาทกว่า ใช่มั้ย บาทหนึ่งใช่มั้ย ประมาณบาทหนึ่ง
แท้ที่จริงแล้ว ถ้าจะทำไบโอดีเซลแล้ว มันต้องถูกกว่าดีเซลอย่างน้อย 4-5 บาท ใช่มั้ย ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง ทำไมมันถูกกว่าบาทเดียว ก็เพราะว่ามันต้องการเอากำไรจากพี่น้อง ถูกกว่าดีเซลเพียงบาทเดียว เพื่อเข้ากระเป๋าพวกมันเอง แต่การกระทำเช่นนี้ มันทำให้ราคาน้ำมันปาล์มขึ้นตลอดทั่วประเทศเลย แล้วทำให้ประชาชนทั่วประเทศต้องกินน้ำมันปาล์มแพงเพื่อให้พวกมันได้กำไรจากไบโอดีเซล เห็นหรือยังพี่น้อง นี่คือตัวอย่าง
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็ยังเป็นจำเลยของคดีคลองด่าน ซึ่งยังค้างอยู่ที่ ป.ป.ช. คดีคลองด่านนั้น พี่น้องที่ไม่รู้เรื่องก็คือ โรงงานกำจัดน้ำเสีย เป็นโรงงานเดียวในโลกนี้ ที่เมื่อตั้งโรงงานกำจัดน้ำเสีย ไม่ได้ตั้งตรงแหล่งที่จะต้องกำจัด ตั้งยาวห่างออกไปเป็น 10 กิโลฯ ทำไมเขาต้องทำเช่นนั้นพี่น้อง เพราะเขาได้เพิ่มงบประมาณ ถ้าสร้างบ่อกำจัดนำเสียจาก 4 - 5 พันล้านบาทเป็น 2 หมื่นล้านบาท เห็นหรือยังพี่น้อง สรุปง่ายๆ รัฐมนตรีเพิ่มงบประมาณแล้วให้ย้ายบ่อบำบัดห่างออกจากที่บำบัดนำเสียออกไปเป็นระยะเวลาไกล ไม่มีในโลกนี้ใครเขาทำกัน แต่เขาทำกันในยุคนั้นเพราะว่าเขาต้องการเงินค่าก่อสร้าง นี่เป็นแค่ตัวอย่างเดียวของนักการเมือง และดูความยิ่งใหญ่ในหนังสือพิมพ์
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ซึ่งถูกห้ามเล่นการเมืองจับมือกับไพโรจน์ สุวรรณฉวี จับมือกับ ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ จับมือกับพินิจ จารุสมบัติ ยิ้มแย้มแจ่มใส และบอกว่าจะตั้งพรรคโคราชขึ้นมา เห็นหรือยัง เพียงแค่นี้ไม่มีอะไรก็คือตั้งพรรคการเมืองเพื่อจ่ายเงินซื้อเสียงเข้าไป และก็จะได้ไปสูบงบประมาณ กินงบประมาณทำมาหารับประทานกับงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งทุกอย่างก็มีการยืนยันโดยหอการค้าไทย ว่ารัฐบาลชุดนี้ซึ่งก็มีมาทุกชุด แต่ชุดนี้เป็นชุดที่คอรัปชั่นนมากที่สุด เพราะต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะสูงที่สุด นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังเป็นที่ยอมรับ ไม่ว่าการย้ายสนามบินดอนเมือง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสนามบินอีกเทอร์มินัลหนึ่ง หรือว่าคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับราชการ รัฐวิสาหกิจ ที่ถูกส่งไป ป.ป.ช.ที่นักการเมืองเกี่ยวข้อง พี่น้องสังเกตไหม 2 ปีนี้มีออกมาสักเรื่องไหม (ไม่มี) ไม่มีเพราะอะไร เพราะคนคุมคดีนี้คือนายภักดี โพธิศิริ คนสนิทของสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
นี่เป็นเพียงแค่หนังตัวอย่างให้ดู พี่น้องจะได้เห็นว่าทำไมสถาบันทางการเมืองจึงไม่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชน นับประสากับประชาชนยังพึ่งไม่ได้ และสถาบันกษัตริย์จะไปพึ่งสถาบันการเมืองได้อย่างไร เห็นหรือยังพี่น้อง ด้วยเหตุนี้เขาถึงต้องพึ่งสถาบันทหาร ด้วยสัตย์ปฏิญาณที่ทหารได้สาบานต่อธงชัยเฉลิมพลในอดีต ที่ความหมาย นัย ความลึกซึ้งของการสาบานนั้น มันอยู่ในใจของเขา มันอยู่ในวัตรปฏิบัติของเขา แต่เวลาผ่านไปๆๆ จนกระทั่งมาถึงยุคของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา การทำสัตย์สาบานต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล คือการท่องอาขยานเท่านั้นเอง ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว กับสัจจะที่สาบานต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล ไม่มี
และก็เป็นครั้งแรกในหลายๆ ครั้ง ถ้าดูให้ดีๆ ยุค พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มีการยกเลิกการสวนสนาม เห็นหรือยัง เพราะว่าเขาไม่สามารถจะพึ่งพาสถาบันทหารได้ภายใต้การนำของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้ ที่มันเป็นเช่นนี้เพราะว่าโลกมันเปลี่ยนไป กิเลสมันเข้ามาครอบงำ พอเมื่อใดก็ตามทหารเข้าไปเล่นการเมือง ลักษณะของการเมืองที่มานำทหาร ก็เลยทำให้ทหารนั้นเป็นนักการเมืองไปอีกคนหนึ่ง ไม่ได้ต่างกัน ไม่ได้ต่างกว่านักการเมืองคนใดคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นแล้วการสูญเสียอธิปไตยบนดินแดนไทยนั้น เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของทหาร
เพราะถ้าทหารไม่อ่อนแอ และยังเป็นเหมือนทหารในอดีต ทหารจะไม่ยอมเสียดินแดน ถึงแม้ว่านายกรัฐมนตรีจะไม่สั่ง รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงจะไม่สั่ง แต่ทหารก็จะตบเท้าไปบอกนายกฯ บอกเรื่องนี้ผมยอมให้ไม่ได้ แต่ไม่มีทหารคนไหนมีความกล้าหาญพอที่จะพูดคำว่า เรื่องแผ่นดินของไทยผมยอมให้ไม่ได้ กลับกลายเป็นคำพูดที่พูดว่า ยังไม่มีนโยบายมาจากรัฐบาล เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อความอ่อนแออยู่ตรงนี้ ถามว่าเสาหลักที่ค้ำจุนสถาบันกษัตริย์นั้น มันง่อนแง่นหรือไม่ มันง่อนแง่นอย่างแน่นอนที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วถึงมีคนอย่าง นายนิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ พูดออกมา ใช้ความเจ้าเล่ห์ของตัวเอง เท่านั้นเองเหวินซิ่ว ก็ตาสว่าง เขาตะโกนบอกตัวเองเหมือนบ้าคลั่งว่า ใช่แล้ว ใช่แล้ว เขาเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เอง ไม่มีต้าชิง ไม่มีฮ่องเต้ ราษฎรก็ไม่เป็นไร
เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องอธิปไตยของดินแดนนั้น ไม่ใช่เรื่อง MOU 2543 อย่างเดียว ไม่ใช่เรื่องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดื้อตาใสอย่างเดียว ไม่ใช่เป็นเรื่องของใครบางคนมีผลประโยชน์กับฮุน เซน เพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นการล่มสลายของสถาบันทหาร ที่จะทำให้ราชบัลลังก์ต้องล่มสลายในอนาคต และคนไทยจะสิ้นสุดในการที่เราจะมีราชบัลลังก์อีกต่อไป
เพราะฉะนั้นแล้วถ้าอ่านเกมต้องอ่านให้ลึกซึ้ง อ่านให้ดี อ่านให้ละเอียด ถึงจะมองเห็น ทหารแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ทุกวันนี้ ประเภทหนึ่ง รับฟังคำสั่ง ผมมีรุ่นน้อง อาจจะเรียกว่ารุ่นหลานก็ได้ เป็นระดับนายพัน เพราะรุ่นเดียวกับผมเกษียณกันหมดแล้ว คนพวกนี้รักชาติ รักแผ่นดิน อึดอัดใจกับเรื่องเขมรมาก คุยแทบจะทุกคน ทุกคนโกรธผู้บังคับบัญชาตัวเอง โกรธมาก ว่าทำไมให้เขมรดูถูกประเทศไทย เขมรดูถูกประเทศไทยก็คือดูถูกพวกเรา และที่สำคัญที่สุด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นจอมทัพไทย
ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ไสช้างออกมาแล้วท้าพระมหาอุปราชราชา ว่าท่านพี่ไสช้างออกมาเจอกับข้าพเจ้า หรือสมเด็จพระศรีสุริโยทัย ที่ไสช้างเข้าขวางพระแสงง้าว และโดนฟันสะพายแล่ง เพื่อรักษาชีวิตของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ มีตัวอย่างให้ดูเต็มไปหมด
หรือแม้กระทั่งคนอย่าง พ.อ.ร่มเกล้า ในยุคปัจจุบัน หรือทหาร ร้อยเอกบอย ที่ถูกระเบิด มีให้เห็นหมด นี่คือทหารหาญที่แท้จริง แต่ทหารอีกประเภท คือทหารหาญที่เดินบนสนามหญ้าแล้วก็ คุยธุรกิจกัน แต่ว่าพึ่งยศเพื่อสร้างบารมีให้ตัวเอง
ผมจะพูดถึง พล.อ.สุจินดา คราประยูร สุจินดา คราประยูร เป็นทหารแก่ สมัยก่อนผมกับเขารบกัน สมัยที่เขายึดอำนาจโดย รสช. เขาส่งคนมาจัดการผม ลูกน้องเขา มาทาง พล.อ.วิโรจน์ แสงสนิท มาทาง พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล ส่งไปเพื่อเล่นงานผมที่ทำงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เราสู้กันมาอย่างถึงพริกถึงขิง ไม่เป็นไร ผมไม่เคยโกรธ เพราะวันนี้ดีๆ ชั่วๆ พี่สุ สุจินดา คราประยูร ลั่นสัจจะวาจาออกมาว่า มันไปยอมเขมรได้อย่างไรวะแบบนี้ เรื่องส่วนตัว ผมกับพี่สุ เรื่องเล็กแต่ถ้าทหารแก่อย่าง พล.อ.สุจินดา คราประยูร พูดเช่นนี้ออกมา ผมถือว่านี่คือทหารแท้
ประเทศไทยไม่เหมือนพม่า พื้นฐานของพม่านั้น เจริญเติบโตมาบนพื้นฐานของทหาร เพราะฉะนั้นแล้วจะมีการแลกเผลี่ยนลประโยชน์ จากหม่องเอ มาเป็นตัน ฉ่วย จากตัน ฉ่วย ก็ต่อไปเรื่อยๆ ขอให้ตกลงกันได้ เริ่มจากเนวินก่อน เนวินพม่านะครับ ไม่ใช่เนวินเขมร เพราะฉะนั้นแล้วลักษณะของทหารพม่าจะเป็นลักษณะที่ทุกอย่างรวมศูนย์มาที่ทหาร เพราะพม่านั้นเติบโตมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์จนปัจจุบันนั้น รากเหง้ามาจากทหารทั้งสิ้น ประเทศไทยก็เช่นกัน ไม่ได้ต่างกันเลย ต่างกว่าพม่าข้อเดียว คือประเทศไทยมีสถาบันกษัตริย์ เป็นจอมทัพไทย และพระมหากษัตริย์ของไทย ไม่ว่าจะตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 ,8 มาจนถึง 9 เป็นกษัตริย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของทหาร ทหารให้ความเคารพ บูชา เทิดทูน แต่ว่าตัวองค์พระมหากษัตริย์นั้นเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยควาเมตตา กรุณา มองทุกภาคส่วนของสังคม และให้ทหารกลมกลืนไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคมด้วย และไม่เคยที่จะให้ทหารมาผูกขาดอำนาจไปตลอดชีวิตเหมือนที่พม่าทำ แต่ในขณะเดียวกัน บทบาททหารก็เริ่มลดน้อยลง จากคนที่ปกป้องอธิปไตยของไทย ปกป้องสถาบัน ทหารเดี๋ยวนี้เก่งอยู่อย่างเดียว คือคำพูดของการปกป้องสถาบันกษัตริย์ แต่หารู้ไม่ การที่ละเว้นไม่ยอมปกป้องอธิปไตยไทยนั้น นั่นแหล่ะคือจุดเสื่อมที่คุณกำลังจะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ทางอ้อม และเวลาที่จะทำลายทางตรงก็เข้ามาแล้ว
พี่น้องครับ ทำไมการเมืองในช่วงนี้ถึงเป็นการเมืองที่สำคัญมาก พอผมเห็นนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ จับมือกับนายไพโรจน์ สุวรรณฉวี จับมือกับนายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ แค่ตัวอย่างนี้ผมก็อ่านออกแล้วว่าเมืองไทยนั้นในสายตาของนักการเมือง ไม่ใช่ดินแดนที่เขาจะมาปกป้องเหมือนอย่างที่พวกเรามาปกป้อง เหมือนอย่างที่พวกเรามาปกป้องกัน แต่เมืองไทยนั้นเป็นแหล่งผลประโยชน์ที่เขาใช้ช่องทางของการเป็นนักการเมือง เข้ามาซื้อเสียง เพื่อที่จะสูบทุกสิ่งทุกอย่างออกจากประเทศไทยเข้าสู่กระเป๋าเขา มันเป็นไปได้ยังไงพี่น้อง
วันนี้มีนักการเมืองหลายคนมีเครื่องบินส่วนตัว พี่น้อง มันมีเครื่องบินส่วนตัวกันแล้ว มันเป็นไปได้ยังไงพี่น้อง ที่ลูกหลานของมันไปเรียนต่างประเทศหมด แล้วมันไปซื้อบ้านมูลค่าหลายร้อยล้านเพื่อให้ลูกหลานมันอยู่ ทั้งๆ ที่สมัยก่อน นานมาแล้วครั้งหนึ่ง มันก็แค่ขับรถปิกอัพเก่าๆ คันหนึ่งเท่านั้นเอง พวกเราเป็นคนซึ่งไม่เคยอิจฉาตาร้อนกับบุญวาสนาของคนใช่/ไม่ใช่ แต่ขอให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มานั้น ได้มาด้วยน้ำพักแรงงานของประชาชน ของพวกเราเอง แต่ไม่ใช่ได้มาจากการโกงชาติกินบ้านกินเมือง ด้วยเหตุนี้ วันนี้นักการเมืองทุกคน ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล สนใจที่จะเข้าไปโกงชาติ แต่ไม่สนใจเรื่องดินแดนไทยเลยแม้แต่นิดเดียว
สำหรับมันแล้ว ถึงไทยจะเสียดินแดนไปก็ไม่สำคัญเท่ากับขอให้มันได้เป็นรัฐมนตรี ได้ร่วมรัฐบาล เรื่องอื่นสำหรับพวกมันไม่มีความหมายเลย
นักการเมืองไทยจึงถูกผมตั้งฉายาว่า "เป็นสัตว์นรกทางการเมือง" และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลายเป็นหัวหน้าแก๊งสัตว์นรกทางการเมือง เพราะอภิสิทธิ์มีความเชื่อมั่นว่า ทุกอย่างต้องตกลงกันในสภา ก็แน่นอนที่สุด เพราะสภาผู้แทนราษฎร คือที่แลกผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน
พี่น้องครับ วันนี้พวกเราเหมือนถูกโดดเดี่ยว แต่พวกเราไม่เปล่าเปลี่ยว ASTV หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ก็เหมือนถูกโดดเดี่ยวจากสื่อมวลชนทั้งหมดที่มารุมกินโต๊ะเรา แต่พวกเราก็ไม่เปล่าเปลี่ยวเช่นกัน ผมเคยพูดกับพี่น้องแล้วว่า เหตุการณ์เรื่องเสียดินแดนให้เขมรนั้นเป็นข้อดีของเรา เพราะว่าเมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมันเปรียบเสมือนตะแกรงที่ร่อนพวกห้อยโหนออกไป พวกของปลอมออกไป เหลือแต่ทองคำเนื้อแท้ 99.99% เท่านั้นเอง
พันธมิตรฯ บ้านไร่ พันธมิตรฯ บ้านบึง พันธมิตรฯ แม่สาย พี่น้องครับ ผลประโยชน์ในขณะนี้มันซึมลึกเข้าไปในสังคม มันซึมลึกเข้าไปทำลายจิตวิญญาณของคนไทย เหมือนกับที่เอแบคโพลล์ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ 60% ของคนรุ่นใหม่ บอกว่า นักการเมืองโกงไม่เป็นไรแต่ขอให้ประชาชนกินดีอยู่ดี ผมเสียดายที่คนรุ่นใหม่บางส่วน ผมไม่ได้หมายถึงทุกคน แสดงว่าอะไร แสดงว่าคุณภาพการศึกษาของเราต่ำเหลือเกิน ถ้านักการเมืองโกงได้ ถ้ามันโกงได้ คำถามมีว่า เราจะกินดีอยู่ดีได้อย่างไรถ้ามันโกงได้ มันตรงกันข้ามกันอยู่แล้วใช่ไม่ใช่พี่น้อง มันโกงรถไฟฟ้าใต้ดิน ราคารถไฟฟ้าใต้ดินต้องสูงขึ้น มันโกงสนามบิน ค่าแลนดิ้งฟรีก็ต้องแพงขึ้น มันมีอะไรที่ไม่กระเทือนเรา มันกระเทือนเราหมด เป็นเพียงแต่ว่า สังคมไทย สถาบันการศึกษา ที่สำคัญที่สุด สื่อมวลชนของบ้านเรา ไม่เคยทำตัวเป็นผู้ออกมาปกป้องจริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต ในขณะเดียวกัน อาจารย์บ้านเรา ก็ไม่ได้สนใจที่จะยึดหลักจริยธรรม กลับไปยึดหลักซังกะบ๊วย อย่างพวกที่เขียนหนังสือพิมพ์มติชน เพราะฉะนั้นแล้วพี่น้องจะเห็นได้ชัดว่า วิกฤตของบ้านเรา มันมีมากกว่าที่เราเห็น อธิปไตยของไทยที่กำลังจะสูญเสียให้เขมรนั้น มันสะท้อนให้เห็นปัญหาที่ลึกซึ้ง และมันสะท้อนให้เห็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิดได้อีก
ถ้าเรามีนายทหารชั้นผู้ใหญ่แล้วมีเมียน้อย 4 คน แล้วเมียน้อย 4 คน ทำมาค้าขายกับเขมร เพียงแค่นี้เราก็ย่อมคิดได้ คิดได้ 2 ประการ ปัญหาของชาติบ้านเมือง เรื่องดินแดนมันเกิดขึ้นเพราะว่าทหารคนหนึ่งมีเมียน้อย 4 คน และเมียน้อยค้าขายกับเขมร ไม่อยากให้เมียน้อยเสียรายได้ นั่นคือปัญหาแรกที่เราคิด ปัญหาข้อที่สองก็คือ ปัญหาจริยธรรม เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ มีได้อย่างไรเมียน้อยตั้ง 4 คน เงินเดือนของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ อย่างมาก็พอเลี้ยงดูตัวเองได้ ส่งลูกเรียนหนังสือ แต่จะเลี้ยงเมียน้อย 4 คนแสดงว่า ไอ้คนๆนั้นมันต้องฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ ใช่ไม่ใช่ แล้วเราจะมีอนาคตได้อย่างไร เพราะฉะนั้นแล้วจุดแต่ละจุดที่มันเป็นความจริงขึ้นมา มันสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของสังคมทุกประการ
พี่น้องครับ ไม่อยากพูดนานกว่านี้เพราะเดี๋ยวมีคุณประพันธ์ คูณมี รออยู่ เอาเป็นว่าเดี๋ยวให้คุณประพันธ์ ขึ้นมาโซโลในเรื่องของศิริโชค โสภา นะครับพี่น้อง ผมจะมาทุกคืนครับพี่น้อง พี่น้องไม่ต้องกังวล เมื่อเช้านี้ สุรวิชช์ โทรหาผม บอกพี่ๆ ตำรวจมันบล็อกไม่ให้คนเราออก และเข้า ก็เหมือนอย่าง อ.ปานเทพ พูด ผมกลับมองคล้าย อ.ปานเทพ แต่ผมกลับมองแล้วโทรไปบอกนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่บอกเฮ้ย พันธมิตรฯ เขากลัวนะ เองมาล้อมอย่างนี้ เขาอาจจะต้องฝ่าวงล้อมและหนีเข้าไปในที่ที่มีกำแพงที่ล้อมเขานะ เพราะฉะนั้นแล้ว ผมก็อยากจะบอกผู้มีอำนาจในแผ่นดิน พล.ต.ต.ประวุฒิ อะไรก็ไม่รู้ ที่โชคร้ายมารับตำแหน่งผู้อำนวยการ ศอ.รส. คุณสลายเมื่อไหร่ พี่น้องเขาตกใจ เขากลัว เขาเห็นว่าตรงนี้ไม่มีกำแพง พวกคุณสลายง่าย เขาต้องมุ่งไปหาที่ๆ มีกำแพงแล้วหลบภัยอยู่ในกำแพง เห็นด้วยไหมพี่น้อง เห็นด้วยปรบมือหน่อย
พี่น้องครับ ของเราต่างกว่าจตุพร พรหมพันธุ์ ของคางคกเวลาตกใจมันเผาบ้านเผาเมือง เรามันผู้หญิงส่วนใหญ่ เราขี้กลัว เราต้องหลบหลังกำแพงใช่ไหมพี่น้อง อย่าลืมนะพี่น้อง ถ้ามันสลายเมื่อไหร่เรารวมตัวกัน ระดมพลพรรคมาให้หมด แล้วเราบอกว่า งวดนี้เรากลัวพวกคุณ ขอหลบอยู่หลังกำแพง พี่น้องครับก่อนผมไป ปรบมือให้กำลังใจคุณวีระ คุณราตรี อีกทีครับ ขอบพระคุณมากครับพี่น้องครับ”