“เทพมนตรี” ชำแหละศาลโลกสุดมั่ว ขีดเส้นแบ่งเขตปลอดทหารส่งเดช กินพื้นที่ไทยยิ่งกว่าแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เชื่อรับลูกจากเขมรแน่นอน “ปานเทพ” จี้ทหารห้ามทำตามเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะนำไปสู่การยอมรับคำตัดสินศาลโลกในอนาคตซึ่งทำไทยเสียดินแดนแน่นอน ชี้ภาคประชาชนทำสุดความสามารถแล้ว หวังทหาร-ตุลาการจะทำหน้าที่ปกป้องดินแดนต่อจนสุดความสามารถ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนเคาะข่าว”
เวลา 20.30 น.ของวันที่ 18 ก.ค. นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมรายการ “คนเคาะข่าว” พูดคุยกันในประเด็นคำสั่งของศาลโลก ที่ให้ไทย-กัมพูชาถอนกำลังทหาร จากพื้นที่เขาพระวิหาร
นายเทพมนตรีกล่าวว่า มีปัญหาแน่ในทางปฏิบัติ เพราะว่าพื้นที่ที่ศาลโลกตีขอบเขตเอาไว้ มันทับเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร และเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก โดยเฉพาะตรงภูมะเขือ กองทัพของเรา กองทัพภาค 2 และทหารพราน วางกำลังอยู่มานานมาก ตั้งแต่คำพิพากษาศาลโลกปี 2505 ตนคิดว่าศาลไม่น่าไปตีกรอบบนพื้นที่นั้น เพราะศาลไม่มีอำนาจในการยกดินแดน หรือจะมายุ่งเกี่ยวกับดินแดน ของประเทศหนึ่งประเทศใดได้เลย
แต่มันประหลาดมากที่ศาลตีกรอบเอาว่า ภายในกรอบสี่เหลี่ยมคางหมูไม่สามารถมีกองกำลังทหารของทั้ง 2 ฝ่ายได้ แต่โปรดสังเกต ศาลเข้าข้างกัมพูชาอย่างแน่นอน สังเกตได้จากตีกรอบให้ถนนที่ขึ้นไปให้ปราศจากทหาร ทั้งๆ ที่ศาลน่าจะรู้ว่าตรงนั้นตอนปี 2505 ศาลไม่เคยได้พิจารณาให้เป็นเขต no man's land ศาลได้ตีกรอบเข้ามา มาอยู่ตรงขอบหน้าผาด้วยซ้ำไปเพื่อรับกับถนนที่ขึ้นมาจากบ้านโกมุย ซึ่งถนนนี้มันรุกล้ำอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารของเรา กับถนนสายใหม่ซึ่งมาเชื่อมกับทางขึ้นทางช่องบันไดหัก ศาลก็ตีกรอบให้เรียบร้อยเลย
ทีนี้เวลาเราไปนั่งฟังคำสั่งศาล ไม่ควรจะตีคำพิพากษาของศาลเกินขอบเขตข้อกำหนดปี 2505 แต่คำสัมภาษณ์นายกษิต ภิรมย์ พูดมาได้อย่างไรว่ายินดีกับมาตรการชั่วคราวของศาล เพราะเส้นทางในการส่งกำลังบำรุงของเขมรก็คือถนนที่รุกล้ำอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร
อยากบอกว่าศาลผิดพลาดมากที่มาตีกรอบ นายกษิตพยายามให้เห็นว่าดีแล้วเพราะที่ศาลขีดเส้นมันก็คร่อมสันปันน้ำกินพื้นที่ทั้งไทย-กัมพูชา แต่ทำไมไม่พูดถึงเลยว่าเขตทั้งหมดนั้นเป็นอุทยานแห่งชาติของเรา เราประกาศตอนนั้นปี 2541 ก่อนมีเอ็มโอยู 43 กัมพูชาไม่เคยร้องแรกแหกกระเชอเลย แต่วันนี้ร้อนตัวเป็นพิเศษ ถามทหารก็รู้ว่าตรงนั้นเป็นของเรา แต่รัฐบาลที่ผ่านมาเพลี่ยงพล้ำแล้วไม่รู้จักรับผิดชอบ
นายเทพมนตรีกล่าวอีกว่า ถ้าทหารถอนกำลังจะทำผิดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และนายกฯก็ไม่มีสิทธิ์ให้ถอนทหาร จนกว่าจะผ่านรัฐสภา ถ้าอ้างว่าทำตามศาลโลก ขอถามว่าแล้วในเวลาที่ภาคประชาชนบอกว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าตรงนี้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ กลับไม่ฟัง ดันส่งคนไปขึ้นศาลโลก ทั้งๆที่การไปศาลครั้งนี้เป็นเรื่องของดินแดนแต่กลับไม่ผ่านรัฐสภาก่อน เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 190
แล้วเชื่อได้เลยว่าศาลโลกขีดเส้นตามแผนที่ที่กัมพูชาเสนอไป ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่า จาก A (แนวสันปันน้ำ) ไปถึง B ทำไมมันไปพอดีกับถนนที่จะเข้าไปที่อุทยานพอดี รวมทั้งทหารต้องออกจากมออีแดงด้วย แล้วชาวบ้านศรีสะเกษที่เคยไปขายของตรงนี้ จะต้องออกไป พูดง่ายๆคือศาลไม่รู้เรื่อง แล้วไปเชื่อฝ่ายเขมร
“ทหารต้องไม่ถอนกำลัง ไม่ต้องไปเชื่อฟังคำสั่งมาตรการชั่วคราวศาลโลก เขมรยังไม่ได้ฟ้องเราอย่างเป็นทางการ การที่เราลุกลี้ลุกลนจะไปยอมรับ แสดงว่าสมรู้ร่วมคิดกับกัมพูชาแน่นอน ตอนนั้นก็ทางมรดกโลกคุณสุวิทย์ถอนตัวพอพลาดก็มาทางศาล เหนื่อยนะความจริงหลักฐานทุกอย่างเรายืนยันดินแดนเราได้ ดูเหมือนว่าคราวนี้เหมือนศาลมีธงอยู่แล้ว” นายเทพมนตรีกล่าว
นายเทพมนตรีกล่าวต่อว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราแพ้เกมนี้แล้วปฏิบัติตาม กัมพูชาจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เขาจะต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตลอดแนวชายแดน แล้วพี่น้องที่อยู่ตลอดแนวบุรีรัมย์ ตลอดไปจนตลาดจันทบุรี เตรียมอพยพโยกย้ายได้แล้ว คราวนี้ถ้าไปยอมรับเราเสียดินแดนแล้ว
นายปานเทพกล่าวว่า ถ้าเรารับอำนาจศาลโลกจะถลำลึกไปเรื่อย มันจะนำไปสู่การตีความต่อไปในอนาคต ที่นายกษิตบอกว่าเราน่าจะดีใจเพราะมันคร่อมเส้นสันปันน้ำ ที่เขาขีดมันยังไม่ถึงพื้นที่ราบของกัมพูชาเลย นั่นหมายความว่าพื้นที่ที่กินส่วนของกัมพูชานั้น ไม่กระทบถึงต่อการมีผู้อยู่อาศัยเลย มันเป็นพื้นที่ชันไม่มีใครอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว ทหารก็ยังคงอยู่ในพื้นที่ราบต่อไป ไม่กระทบ แต่ไทยกระทบมาก
ศาลโลกขีดเส้นลึกไปไกลกว่าแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เมื่อก่อนเราสามารถขึ้นไปยอดผามออีแดง แต่ถ้าเอาตามศาลโลกจะไม่ได้แล้ว ทหารไทยต้องถอยออกหมด ที่น่าสนใจคือภูมะเขือ กัมพูชาอยู่ที่ยอดสูงสุดแค่นั้น ที่เหลือทหารไทยตรึงกำลังไว้หมดเลย แบบนี้เขาแค่ออกจากยอดไปอยู่พื้นราบ แต่ทหารไทยต้องถอยออกไปทั้งหมด
นอกจากให้ทหารถอนกำลังออก ยังให้ผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียเข้ามาอีก เข้ามาเพื่อเป็นสักขีพยานว่าห้ามปะทะกัน หมายความว่าห้ามใช้กำลังผลักดันชุมชนกัมพูชา ชาวกัมพูชาก็อยู่ได้อย่างสะดวกใจ แถมยังสามารถใช้ถนนทางบ้านโกมุยขึ้นมา ให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว รวมทั้งถึงขั้นบริหารจัดการพื้นที่ทั้งหมดให้เป็นมรดกโลก
ทันที่ที่ถอนทหาร กัมพูชาจะสามารถต่อยอดทันทีในเวทีมรดกโลก เพราะจะกลายเป็นพื้นที่สันติภาพถาวร เป็นแต้มที่เราเสียเปรียบ เมื่อถามว่าแล้วเราจะทำอย่างไร 1.เรามีสิทธิไม่ถอนทหาร อย่างที่ว่าไม่เคยมีประเทศไหนในโลกทำตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวศาลโลกเลย ถ้าทำก็อัปยศที่สุดของประวัติศาสตร์ชาวโลก ถ้าปฏิบัติตามก็เสมือนไปรับอำนาจศาลโลก ในปีหน้าศาลก็จะพิจารณาว่าพื้นที่ปราสาทพระวิหารคือตรงไหน อาจจะใช้ตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000
นายเทพมนตรีกล่าวว่า หากถอนกำลังทหาร ควรฟ้องแม่ทัพภาค 2 และ ผบ.ทบ. ที่ขัดคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ ที่เคยวินิจฉัยว่าพื้นที่โดยรอบเป็นของไทย และศาลโลกฉ้อฉล ขีดเส้นแบ่งดินแดนส่งเดช
เรามาถึงจุดสุดท้ายจริงๆ ไม่เกิน 2 ปี ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรไปอีกด้าน และภายใต้รัฐบาลใหม่ เชื่อว่าผลประโยชน์ทางทะเลมันคงดึงดูดให้ทำอะไรก็ได้ให้เสียแผ่นดิน
เมื่อถามถึงแนวทางของภาคประชาชนต่อกรณีนี้ นายปานเทพกล่าวว่า ภาคประชาชนทำมาสุดทางแล้ว ชุมนุม 158 วัน ใช้มาตรการกดดัน ยื่น ป.ป.ช.ครบทุกคดีแล้ว ฟ้องศาลก็แล้ว การชุมนุมในกรุงเทพฯไม่มีผลอะไรแล้ว ยกเว้นจะมีประชาชนที่อยู่แถวๆนั้น เห็นว่าพอปลอดทหารแล้วก็ไปปักหลักที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร สัก 10,000 ครอบครัว อยู่ให้ได้หลายปีติดต่อกัน ก็อาจเปลี่ยนสถานการณ์ได้ แต่ตนก็ไม่อยากเห็นอย่างนั้น เพราะทหารควรตรึงกำลังอยู่ หวังว่ากองทัพยังมีทหารดีๆ ถ้าถอยคราวนี้ถูกดำเนินคดีแน่นอน
จากการที่ถลำลึกมาอย่างต่อเนื่อง เราลำบากถ้าเดินหน้าต่อ เพียงแต่ว่าประเทศนี้ไม่ใช่ของเรา มีหลายคนที่มีอำนาจสามารถหยุดยั้งมันได้ โดยกระบอกปืน กับอำนาจตุลาการ และอำนาจบริหาร แต่อย่างหลังหวังลำบากแล้ว ก็เหลือแต่ทหาร ซึ่งมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเป็นจอมทัพไทย มีศาลซึ่งทำในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็ต้องถือว่าเราทำสุดความสามารถเพื่อส่งสัญญาณไปยัง 2 องค์กรนี้ เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองจนสุดความสามารถ เราหวังว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นถ้าทุกคนช่วยกัน
นายเทพมนตรีกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นจอมทัพไทย ถ้าเสียดินแดนในรัชกาลของพระองค์ท่านถือว่าเป็นการเสียพระเกียรติยศ ฉะนั้นคนที่เป็นทหารต้องปกป้องดินแดน ปกป้องอธิปไตย จะไปสนใจอะไรกับศาลโลก คนเหล่านั้นเขาไม่ได้มีจิตสำนึกในความเป็นไทยเหมือนเรา
