“เทพเทือก” ปฏิเสธให้ฝรั่งเศสเป็นตัวกลางแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ยันทั้ง 2 ประเทศแก้กันเองได้ ระบุการแสดงท่าทีของ “ฮุนเซน-กษิต” ที่รุนแรงเป็นการตอบโต้ในเชิงรุกทางการทูต แต่ รมว.ต่างประเทศของไทย พูดเรื่องจริงลึกไปหน่อย จึงถูกตีความเกินเลย ยันไทยต้องการให้เกิดความสงบ สันติ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีแข็งกร้าวของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ประกาศไม่มีการเจรจาระดับทวิภาคี จะทำให้ความพยายามของไทยที่จะเจรจายากลำบากมากขึ้นหรือไม่ ว่า การแสดงท่าทีของสมเด็จฮุนเซน หรือ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ของเราก็ดี เป็นลักษณะของการรุกในทางการทูตในระหว่างประเทศ เพื่อที่จะให้ดูว่าประเทศเขาได้เปรียบ หลักของรัฐบาลไทย คือ ต้องการให้เกิดความสงบและสันติ ไม่ต้องการให้ความขัดแย้งนี้บานปลายต่อไป เราถือว่ากรณีที่มีชายแดนประชิดติดกัน มีเหตุกระทบกระทั่งกันได้สำหรับประเทศที่มีแนวชายแดนติดต่อกัน ในอดีตหลายประเทศก็เคยเกิดมาก่อน เช่น รัสเซียกับจีน จีนกับเวียดนาม จีบกับอินเดีย และ อินเดียกับปากีสถาน แต่ผู้นำของแต่ละประเทศต้องพยายามที่จะยุติความขัดแย้ง หรือการกระทบกระทั่ง ทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นจางลง คืนสู่ความสงบที่สุด แต่ถ้าพูดแบบแสดงต่อชาวโลกมากไป ทำให้ทำงานยากขึ้น
ส่วนที่ นายกษิต วิจารณ์สมเด็จฮุนเซน ว่า เป็นเหมือนเด็กเกเรข้างบ้าน จะต้องถูกปรามเสียบ้าง ถือว่าแรงไปหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าการต่างประเทศ จำเป็นต้องตอบโต้ แสดงท่าทีให้ชัด แต่ว่าวิธีการพูดเป็นเรื่องของแต่ละคน แต่โดยถ้อยคำความหมาย คือ การยืนยันว่า กรณีที่เกิดขึ้น ประเทศไทยไม่ได้ไปรุกราน และไม่ใช่เรื่องที่ประเทศไทยเริ่มขึ้นก่อน เมื่อฝ่ายกัมพูชาเริ่ม จำเป็นที่ฝ่ายไทยต้องตอบโต้ เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติและรักษาเกียรติภูมิของประเทศ ซึ่งฝ่ายกองทัพได้ทำตามหน้าที่เหมาะสมแล้ว นายกษิตคงต้องการสื่อไปในลักษณะนี้มากกว่า แต่ว่าวิธีการพูด อาจจะแล้วแต่
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลสนับสนุนท่าทีของ นายกษิต หรือไม่ ที่ระบุเลยว่า รัสเซีย อินเดีย จีน อยู่เบื้องหลังสมเด็จฮุนเซน จะชักศึกเข้าบ้านหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้ฟัง แต่ไม่ได้ไปตีความว่า นายกษิต ไประบุว่า ประเทศเหล่านั้น เพียงแต่ชี้แจงว่าถ้าในกรณีของที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ แนวโน้มเสียงสนับสนุนแต่ละฝ่ายจะเป็นอย่างไร พูดความจริงลึกไปหน่อย เลยทำให้มีการตีความมากไป
เมื่อถามว่า ความเห็นของสมเด็จฮุนเซน จะมีผลต่อเวลทีโลกที่จะเข้ามาช่วยเหลือกัมพูชามมากขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า การที่จะนำเสนอเพื่อเรียกร้องความสนใจหรือความเห็นใจ เป็นศิลปะของแต่ละประเทศ แต่หนีข้อเท็จจริงไปไม่พ้น ความเป็นจริงมีอยู่ชัดเจน ในเวทีโลกไม่ว่าระดับอาเซียน หรือ ระดับสหประชาชาติต้องพิจารณาข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรามั่นใจแค่ไหนในเรื่องหลักฐานต่างๆ และเรามีเสียงสนับสนุนในเวทีโลกแค่ไหน นายสุเทพ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศของไทย มีขีดความสามารถที่จะนำความจริงไปแสดงต่อมิตรประเทศ โลกต้องอยู่กันด้วยความจริง อย่างกังวลใจเรื่องนั้น
ส่วนที่ฝรั่งเศสเสนอตัวเข้ามาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย จุดยืนของรัฐบาลไทยเป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า จุดยืนของรัฐบาลไทยคือยังถือว่าเป็นเรื่องของสองประเทศอยู่ แม้ฝรั่งเศสจะอ้างว่ามีหลักฐานเรื่องแผนที่ คงไม่ต้องมา เพราะตอนที่ต่อสู้คดีเขาพระวิหารเมื่อปี พ.ศ. 2505 เห็นบทบาทฝรั่งเศสอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องมา ทั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องว่าเรากลัวจะเพลี่ยงพล้ำ แต่เราคิดว่าเราแก้ปัญหากันเองดีกว่า
ส่วนที่มีการมองว่าสมัย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสียพระวิหาร สมัยรัฐบาลนี้จะเสียอะไร รัฐบาลจะต้องระวังให้มากหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องขอแก้ประวัติศาสตร์ด้วยว่าสมัยนั้น ม.ร.ว.เสนีย์ เป็นทนายความ ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนที่มีคดีเขาพระวิหาร ตนยังเป็นเด็ก ยังจำได้ว่า จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ถึงกับออกมาหลั่งน้ำตาเรียกร้องให้ประชาชนคนไทยลุกขึ้นต่อสู้ ตนเด็กๆ อยู่ยังพลอยไปกับเขาด้วย ยืนยันว่า วันนี้เราไม่มีการสูญเสียอะไรทั้งสิ้น มั่นใจในความเข้มแข็งของกองทัพไทย พี่น้องประชาชนอย่ากังวลใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 14 ก.พ.ทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) จะเรียกทั้งสองฝ่ายไปรายงานข้อเท็จจริง มั่นใจหรือไม่ว่า ไทยจะสามารถสื่อสารข้อเท็จจริงได้ นายสุเทพ กล่าวว่า มั่นใจว่ากระทรวงการต่างประเทศ มีความพร้อมที่จะเอาความจริงทั้งสิ้นไปแสดง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเจรจราคงลำบาก เพราะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ยังชุมนุมกันอยู่และผู้นำกัมพูชา มองว่า กลุ่มพันธมิตรฯ กับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แยกกันไม่ออก นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเชื่อว่า ในประเทศกัมพูชาเขารับภาพ และเสียงของไทยได้ และมีคนฟังเข้าใจ เชื่อว่า ที่กลุ่มผู้ชุมนุมปราศรัย ถ่ายทอดทีวีไปมีคนสรุปรายงานสมเด็จฮุนเซน วันหนึ่งหลายเวลา ท่านคงเข้าใจได้ว่า กลุ่มผุ้ชุมนุมด่าว่าสมเด็จฮุนเซน และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯในปริมาณใกล้เคียงกัน จะแยกได้ว่าไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลกับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นพวกเดียวกันแน่นอน
ต่อข้อถามว่า ในระยะยาว ที่การเจรจายังไม่คืบหน้าการเตรียมความพร้อมดูแลชายแดนจะทำอย่างไร เพราะสมเด็จฮุนเซน บอกว่า ไม่ใช่การปะทะกัน แต่เป็นสงคราม อนาคตอาจจะต้องยืดเยื้อยาวนาน นายสุเทพ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นว่าเป็นสงคราม ยังเป็นเรื่องกระทบกระทั่งตามแนวชายแดน และประเทศไทยตั้งหลักเพื่อปกป้องอธิปไตยเท่านั้น ส่วนการเตรียมความพร้อมชายแดน ทางกองทัพต้องดำเนินการอยู่แล้ว ถึงแม้ไม่มีเจตนาจะรุบพุ่งกับใคร แต่หน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติต้องทำให้พร้อม ต้องเป็นกำลังใจให้กับทหารของเรา
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันจะไป อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 11 ก.พ. แต่ชาวบ้านในพื้นที่ออกมาต่อต้าน นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์ ต้องแก้ไข เราปล่อยให้เขาไปมีปัญหากับชาวบ้านไม่ได้ ชาวบ้านที่อยู่ชายแดนมีปัญหา และความทุกข์มากอยู่แล้ว จะไปทำให้เกิดปัญหาเพิ่มเติมคงไม่ถูกต้อง เมื่อถามว่า ชาวบ้านเกรงจะมีการปะทะรอบใหม่ หากกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางไปพื้นที่ชายแดน นายสุเทพ กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯควรจะได้ฟังฝ่ายอื่นเขาบ้าง จะเอาลำพังคนเดียวไม่ได้
