ASTVผู้จัดการ – จดหมายฮุนเซนถึง ปธ.ยูเอ็นเอสซีระบุชัด อ้างกองทัพไทยรุกรานดินแดนกัมพูชาก่อน ทั้งๆ ที่ตกลงหยุดยิงกันแล้ว อ้างปราสาทพระวิหารที่ขึ้นเป็นมรดกโลกได้รับความเสียหายและไทยละเมิดกฎบัตรยูเอ็น-สนธิสัญญาหลายฉบับ คุกคามสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค ขอให้เรียกประชุมด่วนให้นานาชาติเข้าแทรกแซงยุติปัญหา
วานนี้ (6 ก.พ.) เว็บไซต์ dap-news.com ของ นสพ.เดิมอัมปรึล (นสพ.ต้นมะขาม) ของกัมพูชาได้เผยแพร่จดหมายซึ่งลงนามโดย สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ส่งถึงนางมาเรีย ลุยซา ริเบโร วิออตติ ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ลงวันที่ 6 ก.พ. 2554 โดยอ้างถึงจดหมายฉบับเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่นายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศของกัมพูชาส่งถึงนางมาเรีย โดยระบุว่าปัจจุบันสถานการณ์บริเวณชายแดนของราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทย นั้นมีความเลวร้ายลงอีก โดยฝ่ายไทยเป็นฝ่ายรุกรานกัมพูชาก่อนทำให้ฝ่ายกัมพูชาต้องตอบโต้
ผู้นำกัมพูชาระบุว่า แม้จะมีการเจรจาเพื่อหยุดยิงกันแล้วแต่เมื่อเวลา 18.20 น.ของวันที่ 6 ก.พ. 2554 ที่ผ่านมา กองทัพไทยได้เดินหน้าโจมตีกัมพูชาอย่างเต็มที่ โดยใช้อาวุธหนัก โดยกองทัพไทยได้ยิงอาวุธบางส่วนเข้าสู่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และพื้นที่ต่างๆ ซึ่งอยู่ในเขตแดนของกัมพูชา
“สะเก็ดระเบิดของไทยได้ตกลงหลังเขตแดนของกัมพูชาโดยห่างไกลชายแดนถึง 20 กิโลเมตร โดยระหว่างที่ผมเขียนจดหมายถึงท่านอยู่นี้ กองทัพไทยก็ยังคงยิงอาวุธหนักเข้าสู่เขตแดนของกัมพูชาอยู่” ฮุนเซนระบุ
จดหมายดังกล่าวยังระบุด้วยว่า การที่ไทยโจมตีกัมพูชาดังกล่าวถือเป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติและสนธิสัญญาต่างๆ หลายประการ โดยเมื่อพิจารณาการรุกรานอย่างรุนแรงและสุดโต่งของไทยซึ่งคุกคามสันติภาพและความเสถียรภาพของภูมิภาคนี้แล้วตนจึงขอเรียกร้องให้ นางมาเรีย เรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติโดยด่วนเพื่อหยุดยั้งการรุกรานของไทย และจะยินดีเป็นอย่างยิ่งหากนางมาเรียส่งจดหมายฉบับนี้เวียนไปยังหมู่สมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในฐานะของจดหมายทางการ
ด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงดึกของวันที่ 6 ก.พ. ถึงกรณีที่นายกฯ ฮุนเซน ของกัมพูชาส่งแถลงการณ์ถึงสหประชาชาติให้เข้าแทรกแซงสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ว่าทางกระทรวงการต่างประเทศไทยได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ยืนยันว่าทางการไทยพร้อมจะเข้าไปชี้แจงกับทางยูเอ็น โดยระบุว่าพื้นที่ที่กัมพูชาอ้างถึงยังอยู่ภายใต้อธิปไตยของประเทศไทย และการเจรจาเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าวก็มีกรอบการเจรจาระดับทวิภาคีรองรับอยู่แล้ว
“โดยศักดิ์ศรีของประเทศที่มีอธิปไตย เราคงไม่ต้องการให้ใครเข้ามาตัดสินให้ เพราะมีการเจรจาในกรอบเจบีซีอยู่แล้ว” นายชวนนท์กล่าว พร้อมยืนยันว่าไทยยังยึดสันปันน้ำเป็นเส้นเขตแดนอยู่
นอกจากนี้ เลขาฯ รมว.ต่างประเทศยังให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ (7 ก.พ.) กระทรวงการต่างประเทศไทยจะมีการประชุมกันในช่วงเช้าและน่าจะมีแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าวออกมา โดยพยายามจะจำกัดวงให้ขอบเขตอยู่ในส่วนของชายแดนเท่านั้น
