พนมเปญ (เอเอฟพี) -- การปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ที่ชายแดน ทำให้ปราสาทสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 11 ได้รับความเสียหาย รัฐบาลกัมพูชากล่าวในคำแถลงฉบับหนึ่งวันอาทิตย์นี้
“ปีกหนึ่งของปราสาทพระวิหารได้พังลงอันเป็นผลโดยตรงจากการยิงปืนใหญ่ถล่มของฝ่ายไทย” ผู้บัญชาการทหารกัมพูชาคนหนึ่งระบุในคำแถลงที่ออกโดยรัฐบาล
ความรุนแรงได้เริ่มขึ้นที่ชายแดนเป็นวันที่สาม เป็นการสิ้นสุดการหยุดยิงที่ตกลงกัน หลังการปะทะก่อนหน้านี้ที่มีผู้เสียชีวิตรวมกัน 5 คน
ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านมัวหมองลง ตั้งแต่ปราสาทพระวิหารได้รับฐานะเป็นมรดกดกในเดือน ก.ค.2551
ศาลโลกได้ตัดสินในปี 2505 ให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา แม้ว่าทางเข้าหลักจะอยู่ทางฝั่งไทย และพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบๆ ปราสาทจะกล่าวอ้างเป็นเจ้าของด้วยกันทั้งสองฝ่าย
นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน ส่งหนังสือฉบับหนึ่งในวันอาทิตย์นี้ เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดประชุมด่วน “เพื่อหยุดยั้งการรุกรานของไทย” ซึ่ง ฮุนเซน กล่าวว่า ได้ข่มขู่อย่างร้ายแรงต่อสันติภาพกับเสถียรภาพในภูมิภาค
แต่ นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้รุกราน “ประเทศไทยมีนโยบายที่ชัดเจนว่าเราจะไม่รุกรานประเทศอื่น”
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพไทยกล่าวในวันอาทิตย์เช่นกันว่า ความไม่สงบครั้งล่าสุดนี้ “รุนแรง” ยิ่งกว่าสองครั้งก่อนหน้านั้น ในแง่จำนวนทหารที่บาดเจ็บ แต่ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิต