“กษิต” ระบุเขมรเหิมโจมตีไทย หวังฝรั่งเศส รัสเซียและอินเดีย พี่เลี้ยงจะเข้ามาช่วยเหลือ เตรียมบินนิวยอร์ค แจง UNSC 14 ก.พ.นี้ พร้อมถาม “ฮอร์ นัมฮง” จะรักษาสัมพันธ์หรือเปิดศึกรบกัน เตือนเหตุปะทะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วถ้ายังกร่างมีแต่เจ็บลูกเดียว ขณะเดียวกันจะทวงถามสัญญาสหรัฐฯ ในฐานะพันธมิตรฯ ถึงความช่วยเหลือในการแก้ปัญหา ซัดรัสเซียเห็นแก่ตัวขายอาวุธให้ไทยไม่ได้ก็ไปเข้าข้างเขมร อ้างบัวแก้วจ้างนักวิชาการทำวิจัยพื้นที่พิพาท ผลออกมาแนวทางขัดแย้งกับท่าทีรัฐบาล ก่อนตัวเองเข้ารับตำแหน่ง บ่นกระทรวงต่างประเทศแดนสนธยา ทำอะไร รมต.ไม่เคยรู้เรื่อง แฉผู้มีอิทธิพลนำเรื่องไปฟ้องผู้ใหญ่ ยุกระทืบเขมร ลั่นพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหารเป็นของไทย
ที่รัฐสภา วันนี้ (9 ก.พ.) คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง “ประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน : เหตุการณ์ปกติจริงหรือ” โดยมีนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ร่วมเป็นวิทยากร โดยนายกษิตกล่าวว่า ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ตนจะเดินทางไปชี้แจงปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งหารือกับนายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา โดยมีนายมาตี นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย และประธานอาเซียนมาร่วมด้วย โดยการสนทนากับนายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา จะถามว่าเราจะรักษาอาเซียนและรักษาความสัมพันธ์กันระหว่าง 2 ประเทศ หรือต้องไทยเลือกแนวทางสู้รบตามความเหมาะสมของสถานการณ์ หรือจะต้องสู้รบฟาดฟันกันตลอดแนวชายแดน
“หากจะสู้รบกันก็ได้ และที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าอย่ามาต่อกรกับกองทัพไทย เพราะหากยังเกเรก็มีแต่เจ็บลูกเดียว ผมขอยืนยันว่า ลาว และเวียดนาม ไม่มีทางฮั้วกับประเทศกัมพูชาเพื่อสู้กับไทยแน่นอน เพราะทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์อันดีในทุกๆ เรื่องกับไทย”
นายกษิตกล่าวอีกว่า การเดินทางไปสหรัฐฯ ครั้งนี้ยังจะทวงสัญญากับสหรัฐอเมริกา ในฐานะที่เป็นพันธมิตรกันและมีสัญญาระหว่างกันมากมายเพื่อช่วยแก้ปัญหาไทยกับกัมพูชาด้วย ยืนยันว่าเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ วันนี้มีเด็กเกเรอยู่ข้างบ้าน เราในฐานะผู้ใหญ่จะทำอย่างไร เรายังมีมิตรจิตมิตรใจต่อชาวกัมพูชาอยู่เช่นเดิม ทั้งการทำทางรถไฟจากสระแก้วไปพนมเปญ รวมทั้งการอนุมัติกฎหมายให้คนกัมพูชาเข้าไปประเทศไทยโดยไม่ต้องทำวีซ่า
รมว.ต่างประเทศกล่าวว่า สาเหตุหลักที่สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดฉากปะทะกับไทยเพราะต้องการปราสาทเขาพระวิหาร และดินแดนโดยรอบ และมีต่างชาติเข้ามาบริหารมรดกโลก เพราะเขาคิดว่ารัฐสภาไทยช้าทำเรื่องไม่เสร็จ และยังคิดว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ฮั้วกับรัฐสภาไทยทำให้เรื่องช้าไปอีก จึงเป็นวิธีที่ท่านผู้นำเปิดฉากเพื่อทำให้สถานการณ์เละเทะ และให้เขาสูญเสียมากมาย เพราะเชื่อว่าจะมีพี่เลี้ยงเข้ามาช่วยเหลือ เช่น รัสเซีย อินเดีย ฝรั่งเศส เรื่องดังกล่าวนี้ตนจะมีการรายงานต่อ UNSC ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ด้วย
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ได้สอบถามนายกษิตว่า ได้ตรวจสอบหรือไม่ว่าการใช้อาวุธมาสู้รบกับไทยได้รับความร่วมมือจากพี่เลี้ยงหรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า อาวุธของจีนนั้นกัมพูชาได้รับมาฟรี ขณะที่บัลแกเรีย กัมพูชาเป็นผู้ซื้อ ส่วนทางรัสเซียกำลังตรวจสอบแต่ยอมรับเป็นเรื่องยากเพราะความสัมพันธ์ไทยกับรัสเซียไม่ราบรื่น เพราะเขาต้องการขายอาวุธให้เราแต่ไทยไม่เคยซื้อ รัสเซียจึงไปเข้าทางกัมพูชาแทน
“ยอมรับว่าประเทศรัสซียมีความเห็นแก่ตัวมาก เมื่อเขาขายอาวุธให้เราไม่ได้ เขาก็ไม่ตอบสนอง คำว่าให้ทานไม่อยู่ในจิตใจ ทั้งที่เขาเป็นประเทศใหญ่แต่ไม่ยอมให้อะไรเลย” นายกษิตระบุ
ขณะที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้สอบถามว่า ทำไมกระทรวงการต่างประเทศได้จ้างนักวิชาการที่ทำงานวิจัยเรื่องข้อพิพาทไทย-กัมพูชาถึงมีแนวทางขัดแย้งกับท่าทีของรัฐบาล รวมทั้งอยากให้ไทยประกาศว่าพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของไทย นายกษิตกล่าวว่า มีการจ้างนักวิชาการ 2 กลุ่ม มูลค่า 10 ล้านบาท แต่เป็นเรื่องก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง และไม่ทราบเรื่อง
“ยอมรับงานในกระทรวงการต่างประเทศเป็นแดนสนธยา รัฐมนตรียังไม่ทราบเรื่อง ไม่บอกผม เวลามอบนโยบายพวกเขาก็ยอมรับ แต่เมื่อไปอยู่ข้างนอกเขาพูดอีกอย่าง เพราะกระทรวงแห่งนี้ยังมีการครอบงำจากอดีตข้าราชการประจำ อดีตนักการเมือง ผู้มีอิทธิพลในกระทรวงนำเรื่องไปบอกผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้เกิดความสับสน พร้อมทั้งให้เรากระทืบกัมพูชา หากเป็นเช่นนั้นเราจะอยู่กันได้อย่างไร ส่วนเรื่องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น ผมสามารถประกาศได้ว่าเป็นพื้นที่ของไทย แต่เราไม่ทำเพราะเกรงว่าต่อไปจะเจอคำถามที่ 2 ให้ผมและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นำทหาร รถถังขึ้นไป รับรองจะทำให้ทั้ง 2 ประเทศรบกันอีก จะทำให้การชี้แจงต่อสหประชาชาติลำบากหรือไม่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ อาจจะยกทัพไปที่นั่น”
