00 นาทีนี้ถือว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ทั้งฝ่าย รัฐบาลที่หน้าโดย “หน้าหล่อ” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับฝ่ายต่อต้าน ซึ่งหากกระชับเข้ามาก็คือ พันธมิตรฯนั่นแหละ เพราะหลังจากที่ มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ควบคุมพื้นที่เป้าหมายบริเวณโดยรอบทำเนียบฯและรัฐสภา มีผลตั้งแต่วันที่ 9-23 ก.พ.มันก็ทำให้สถานการณ์โดยรวมตึงเครียดขึ้นมาทันที เนื่องจากนับจากนี้เป็นต้นไปฝ่ายรัฐบาลก็จะอ้างความชอบธรรมในการสลายการชุมนุมได้ตลอดเวลา
00 แต่ปัญหาก็คือมันจะทำได้จริงแค่ไหน และชาวบ้านเขาจะยอมหรือไม่ อีกทั้งสาเหตุของการมาชุมนุมในนามพันธมิตรฯก็มาด้วยเหตุผลส่วนรวม ต้องการเร่งรัดกดดันให้รัฐบาลปกป้องอธิปไตยของชาติ ให้ยึดดินแดนไทยคืนมาจากกัมพูชา เป็นการทวงสิทธิ์โดยชอบธรรมให้กับบ้านเมือง ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อสนธิ ลิ้มทองกุล หรือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
00 ขณะเดียวกันหากสังเกตให้ดีจะพบว่าเริ่มมี “วิชามาร” จากทั้งรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์โหมเข้าใส่ฝ่ายตรงกันข้าม ในที่นี้ก็คือ พันธมิตรฯ และ “แกนนำ” พันธมิตรฯ ที่ผ่านมาคนแรกที่โดยเข้าไปเต็มๆก็คือ สนธิ ลิ้มทองกุล โดนป้ายสีว่าไป “สุมหัว” กับ “แม้ว” เพื่อมาโค่นล้ม “มาร์ค” งานนี้ร่วมมือกับ “สื่อเครือเนชั่น” เล่นกันเป็นขบวนการ แต่เมื่อเจอหลักฐานยืนยันตอกกลับจนหงายเก๋งไปตามๆกัน คิดว่าหากทำสำเร็จก็จะทำลายฝ่ายตรงข้ามไปในคราวเดียวกันทั้ง “เหลือง-แดง” จากนั้น ประชาธิปัตย์ ก็เข้ามา “หยิบชิ้นปลามัน” ไปกิน
00 คงคิดว่าการลงมติแก้ไข รธน.ในวาระ 3 วันพรุ่งนี้(11 ก.พ.) คงจะผ่านไปด้วยดี หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันก็จะมีผล และหากในที่สุดแล้วซื้อเวลาต่อไปไม่ไหวก็ต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ตัวเองก็ใช้กติกาใหม่ที่ได้เปรียบ หวังกอดคอกันเข้ามาฮุบอำนาจ-ประเทศนี้อีกรอบ แต่ระหว่างนี้เมื่อมีโอกาสก็ “ทำลาย” พวกเสี้ยนหนามไปพลางๆก่อน
00 ก็ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาในช่วงแรกสู้กับพวก “มารในร่างเทพ” หรือ “มารซ่อนรูป” อย่างประชาธิปัตย์ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มันยากแสนเข็ญ เพราะหากดูผิวเผินแล้วมัน “แสนดี” จริงๆ แถมยังเกลียดพวกที่ออกมาต่อต้านเสียอีก แต่นานวันเข้า “หางเริ่มโผล่” ออกมาทีละน้อย จนในที่สุดเห็นได้เต็มตัวจนไม่ต้องอธิบายให้เปลืองน้ำลายเหมือนแต่ก่อน เคยอยู่แอบอยู่ข้างหลัง “เทพเทือก” ในการทำเรื่องไม่ชอบมาพากล ปล่อยให้ถูกด่าไปก่อน ไหนๆภาพเดิมเป็นลบติดตัวอยู่แล้ว จะลบอีกสักทีจะเป็นไรไป แต่มาวันนี้ลองพิจารณาแทบทุกเรื่อง ทุกโครงการอื้อฉาวล้วนมีเบื้องหลังมาจาก “มาร์ค” ทั้งสิ้น อย่างมากเมื่อมีเสียงโวยวายขึ้นมา ก็ตั้งคณะกรรมการซื้อเวลา แต่พอเรื่องเงียบก็เดินหน้าต่อ
00 นี่ก็เหมือนกันไม่นึกว่าจะ “กลับหลังหัน” ได้ถึงขนาดนี้ สำหรับ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ล่าสุดหันมา “โยนขี้” ให้พันธมิตรฯหน้าตาเฉย บอกว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดสงคราม ก็อาจจะจริงในบางเรื่อง แต่สาระสำคัญก็คือ ถ้าเป็นสงครามแล้วมันมาจากอะไร เพราะสิ่งที่รัฐบาลและกระทรวงต่างประเทศแถลงย้ำอยู่ก็คือ เขมรล้ำแดน-ยิงก่อน โดยเฉพาะหากย้อนกลับไปดูแถลงการณ์ของ “บัวแก้ว” ในข้อ 3 ที่บอกให้รื้อวัดแก้วศิขาฯ-ปลดธง เพราะอยู่ในเขตไทย นั่นก็แสดงว่า “เขมรมันรุกจริง” และยิงเข้ามาจริง แล้วอย่างนี้รัฐบาลไม่ต้องตอบโต้หรือ แต่คำถามก็คือทำไมปล่อยเอาไว้นานเป็นปี และคุณ ก็เข้ามานั่งเก้าอี้นานกว่า 2 ปีแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาออกแถลงการณ์ ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ต่างหาก
00 แต่ที่พูดออกมาแบบนี้เป้าหมายก็แค่ “โยนชั่ว” ให้คนอื่นเท่านั้น เพื่อกลบเกลื่อนผลงาน “ห่วยแตก” ของตัวเอง แถมถ้าย้อนกลับไปดูวันปะทะวันแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 4 ก.พ.ก็เห็นยังเดินคุยอยู่กับ “ฮอร์นัมฮง” รมว.ต่างประเทศเขมรที่ “เสียมราฐ” อยู่ไม่ใช่เหรอ ถาให้สรุปก็คือ นี่คือวิชามารของพวกประชาธิปัตย์ที่ “อำพรางมารในร่างเทพ” เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม และในอดีตหลายรายต้องย่อยยับไปกับคนพวกนี้ไปแล้ว
00 ก้นนั่งติดแล้ว ล่าสุด “เสี่ยป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ต้องหอบหิ้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ไปชายแดนทัพภาค 2 นัยว่าไปเยี่ยมกำลังพล ตรวจดูสถานการณ์ แต่รับรองว่าต้องเตรียมการรับมือพันธมิตรฯไว้อย่างดี เพราะกลัวว่าไปโดน “ยุ้งข้าว” ของตัวเองเสียหายอีก ทุด !!
00 แต่ปัญหาก็คือมันจะทำได้จริงแค่ไหน และชาวบ้านเขาจะยอมหรือไม่ อีกทั้งสาเหตุของการมาชุมนุมในนามพันธมิตรฯก็มาด้วยเหตุผลส่วนรวม ต้องการเร่งรัดกดดันให้รัฐบาลปกป้องอธิปไตยของชาติ ให้ยึดดินแดนไทยคืนมาจากกัมพูชา เป็นการทวงสิทธิ์โดยชอบธรรมให้กับบ้านเมือง ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อสนธิ ลิ้มทองกุล หรือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
00 ขณะเดียวกันหากสังเกตให้ดีจะพบว่าเริ่มมี “วิชามาร” จากทั้งรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์โหมเข้าใส่ฝ่ายตรงกันข้าม ในที่นี้ก็คือ พันธมิตรฯ และ “แกนนำ” พันธมิตรฯ ที่ผ่านมาคนแรกที่โดยเข้าไปเต็มๆก็คือ สนธิ ลิ้มทองกุล โดนป้ายสีว่าไป “สุมหัว” กับ “แม้ว” เพื่อมาโค่นล้ม “มาร์ค” งานนี้ร่วมมือกับ “สื่อเครือเนชั่น” เล่นกันเป็นขบวนการ แต่เมื่อเจอหลักฐานยืนยันตอกกลับจนหงายเก๋งไปตามๆกัน คิดว่าหากทำสำเร็จก็จะทำลายฝ่ายตรงข้ามไปในคราวเดียวกันทั้ง “เหลือง-แดง” จากนั้น ประชาธิปัตย์ ก็เข้ามา “หยิบชิ้นปลามัน” ไปกิน
00 คงคิดว่าการลงมติแก้ไข รธน.ในวาระ 3 วันพรุ่งนี้(11 ก.พ.) คงจะผ่านไปด้วยดี หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันก็จะมีผล และหากในที่สุดแล้วซื้อเวลาต่อไปไม่ไหวก็ต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ตัวเองก็ใช้กติกาใหม่ที่ได้เปรียบ หวังกอดคอกันเข้ามาฮุบอำนาจ-ประเทศนี้อีกรอบ แต่ระหว่างนี้เมื่อมีโอกาสก็ “ทำลาย” พวกเสี้ยนหนามไปพลางๆก่อน
00 ก็ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาในช่วงแรกสู้กับพวก “มารในร่างเทพ” หรือ “มารซ่อนรูป” อย่างประชาธิปัตย์ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มันยากแสนเข็ญ เพราะหากดูผิวเผินแล้วมัน “แสนดี” จริงๆ แถมยังเกลียดพวกที่ออกมาต่อต้านเสียอีก แต่นานวันเข้า “หางเริ่มโผล่” ออกมาทีละน้อย จนในที่สุดเห็นได้เต็มตัวจนไม่ต้องอธิบายให้เปลืองน้ำลายเหมือนแต่ก่อน เคยอยู่แอบอยู่ข้างหลัง “เทพเทือก” ในการทำเรื่องไม่ชอบมาพากล ปล่อยให้ถูกด่าไปก่อน ไหนๆภาพเดิมเป็นลบติดตัวอยู่แล้ว จะลบอีกสักทีจะเป็นไรไป แต่มาวันนี้ลองพิจารณาแทบทุกเรื่อง ทุกโครงการอื้อฉาวล้วนมีเบื้องหลังมาจาก “มาร์ค” ทั้งสิ้น อย่างมากเมื่อมีเสียงโวยวายขึ้นมา ก็ตั้งคณะกรรมการซื้อเวลา แต่พอเรื่องเงียบก็เดินหน้าต่อ
00 นี่ก็เหมือนกันไม่นึกว่าจะ “กลับหลังหัน” ได้ถึงขนาดนี้ สำหรับ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ล่าสุดหันมา “โยนขี้” ให้พันธมิตรฯหน้าตาเฉย บอกว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดสงคราม ก็อาจจะจริงในบางเรื่อง แต่สาระสำคัญก็คือ ถ้าเป็นสงครามแล้วมันมาจากอะไร เพราะสิ่งที่รัฐบาลและกระทรวงต่างประเทศแถลงย้ำอยู่ก็คือ เขมรล้ำแดน-ยิงก่อน โดยเฉพาะหากย้อนกลับไปดูแถลงการณ์ของ “บัวแก้ว” ในข้อ 3 ที่บอกให้รื้อวัดแก้วศิขาฯ-ปลดธง เพราะอยู่ในเขตไทย นั่นก็แสดงว่า “เขมรมันรุกจริง” และยิงเข้ามาจริง แล้วอย่างนี้รัฐบาลไม่ต้องตอบโต้หรือ แต่คำถามก็คือทำไมปล่อยเอาไว้นานเป็นปี และคุณ ก็เข้ามานั่งเก้าอี้นานกว่า 2 ปีแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาออกแถลงการณ์ ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ต่างหาก
00 แต่ที่พูดออกมาแบบนี้เป้าหมายก็แค่ “โยนชั่ว” ให้คนอื่นเท่านั้น เพื่อกลบเกลื่อนผลงาน “ห่วยแตก” ของตัวเอง แถมถ้าย้อนกลับไปดูวันปะทะวันแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 4 ก.พ.ก็เห็นยังเดินคุยอยู่กับ “ฮอร์นัมฮง” รมว.ต่างประเทศเขมรที่ “เสียมราฐ” อยู่ไม่ใช่เหรอ ถาให้สรุปก็คือ นี่คือวิชามารของพวกประชาธิปัตย์ที่ “อำพรางมารในร่างเทพ” เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม และในอดีตหลายรายต้องย่อยยับไปกับคนพวกนี้ไปแล้ว
00 ก้นนั่งติดแล้ว ล่าสุด “เสี่ยป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ต้องหอบหิ้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ไปชายแดนทัพภาค 2 นัยว่าไปเยี่ยมกำลังพล ตรวจดูสถานการณ์ แต่รับรองว่าต้องเตรียมการรับมือพันธมิตรฯไว้อย่างดี เพราะกลัวว่าไปโดน “ยุ้งข้าว” ของตัวเองเสียหายอีก ทุด !!