โฆษกพันธมิตรฯ ประณามรัฐบาล “มาร์ค” บิดเบือนใส่ร้าย พธม.เป็นชนวนเหตุปะทะที่ อ.กันทรลักษ์ ทั้งที่ปล่อยให้แขมร์บุกยึดเขาพระวิหาร-ภูมะเขือ เป็นจุดยิงราษฎรไทย แถมไม่ตอบโต้ว่าเป็นดินแดนไทย เตรียมประกาศ 16 คกก.ปกป้องแผ่นดิน พร้อมเปิดหลักฐานใหม่ ทวงคืนปราสาทพระวิหาร ขณะที่ “ประพันธ์” ปูด “เทือก-ประวิตร” สมคบ “ฮุนเซน” สร้างสถานการณ์ป้ายสีพธม.
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวในการแถลงข่าวความเคลื่อนไหวของการชุมนุมประจำวัน ว่า กรณีความพยายามใส่ร้ายพันธมิตรฯ ว่า เป็นชนวนให้ประชาชนที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เดือดร้อนนั้น พันธมิตรฯขอเรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว รัฐบาลต้องหยุดบิดเบือน เนื่องจากเหตุการณ์ปะทะนั้นเกิดขึ้นได้เพราะรัฐบาลปล่อยปละละเลยให้กัมพูชามายึดพื้นที่ประเทศไทย เป็นฐานทัพยิงถล่มราษฎรไทย ต้องขอย้ำว่า พื้นที่เขาพระวิหาร และภูมะเขือนั้น เขตกัมพูชาอยู่ในลักษณะหุบเหว ไม่สามารถยิงใส่ฝั่งไทยได้เลย แต่กลับปล่อยให้กัมพูชาอาศัยสิทธิ์ตาม MOU 2543 ในการรุกคืบเข้ามายึดครองพื้นที่ จากตีนหน้าผามาสู่ยอดเขาพระวิหาร และภูมะเขือ ขณะที่ฝ่ายไทยถูกพันธนาการโดย MOU 2543 ห้ามใช้กำลังผลักดัน ฉะนั้น รัฐบาลต้องแก้ไขให้ถูกจุด พันธมิตรฯขอประณามการกระทำของกัมพูชา และขอให้กำลังใจทหารหาญ และพี่น้องประชาชน ส่วนกรณีที่รัฐบาลตอบรับข้อแนะนำของพันธมิตรฯโดยประกาศทางสาธารณะในการยับยั้งไม่ให้องค์การสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงปัญหา โดยยึดแนวทางทวิภาคี ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่รัฐบาลต้องตอบโต้ในหลายประเด็นที่เรายังไม่ได้ตอบโต้ โดยเฉพาะแถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่รัฐบาลยังไม่ตอบโต้ โดยบอกเพียงว่ากัมพูชาโจมตีก่อน ทหารไทยจึงต้องตอบโต้ ทั้งที่ควรยืนหยัดว่าเป็นพื้นที่ประเทศไทยตามแนวเขตแดนสันปันน้ำ
ส่วนกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดินนั้น นายปานเทพ เปิดเผยว่า พันธมิตรฯได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2/2554 โดยจะมีการแถลงเป็นทางการบนเวทีในเวลา 20.00 น.มีใจความสรุปว่า เพื่อให้การชุมนุมครั้งนี้มีประสิทธิภาพ พันธมิตรฯจึงจัดให้มีการตั้งคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ซึ่งประกอบด้วย บุคคลผู้มีความรู้ความสามารถ จำนวน 16 คน เพื่อเข้ามากำหนดนโยบายและแนวทางการชุมนุม ตลอดจนแนะนำแนวทางต่อผู้ชุมนุม เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีรายนามกรรมการ ดังนี้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ สัจจรักษ์ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ ผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผศ.จำรูญ ณ ระนอง นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นายเทอดภูมิ ใจดี นายปราโมทย์ หอยมุกข์ นายวีระพันธุ์ มาไลยพันธุ์ นายอัมรินทร์ คอมันตร์ นายศรัณยู วงษ์กระจ่าง และนายประพันธ์ คูณมี เป็นกรรมการและโฆษกคณะกรรมการ โดยจะเริ่มภารกิจตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นายปานเทพ กล่าวว่า จากคำพิพากษาศาลโลกต่อกรณีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 นั้น ประเทศไทยได้สงวนสิทธิ์ต่อองค์การสหประชาชาติ ว่า หากเราพบหลักฐานใหม่ เราจะขอทวงคืนปราสาทพระวิหาร ตรงนี้ต้องขอย้ำว่า สิ่งที่ทำให้เราแพ้ในศาลโลก เนื่องจากไม่ปฏิเสธเรื่องแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ที่ฝรั่งเศสจัดทำฝ่ายเดียวที่รุกล้ำดินแดนไทย เมื่อไทยไม่ปฏิเสธ จึงเสมือนยอมรับตามกฎหมายปิดปาก แต่ในที่สุดพันธมิตรฯได้พบหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ณ เวลานั้น ประเทศไทยมีแผนที่ของเราเอง ที่สามารถโต้แย้งแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนของฝรั่งเศสได้ โดยแผนที่ฉบับนี้ยังไม่แสดงในศาลโลก เมื่อปี 2505 ทั้งที่มีความพยายามหาหลักฐานชิ้นนี้จากหระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งสุดท้ายพันธมิตรฯก็ค้นพบจากกระทรวงการต่างประเทศเอง หลังจากนั้น นายปานเทพ ได้แสดงแผนที่ฉบับหนึ่งที่ระบุชื่อระวางขุขันธ์ พร้อมระบุว่า เป็นต้นฉบับที่แท้จริง และกล่าวว่า แผนที่นี้มีมาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสนเช่นกัน โดยจัดพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2491 ซึ่งแผนที่ฉบับนี้ได้แสดงว่าปราสาทพระวิหารอยู่ในดินแดนไทย
จากนั้น นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิหารด้านประวัติศาสตร์ อธิบายถึงแผนที่ฉบับดังกล่าวว่า แผนที่นี้แสดงแนวเส้นสันปันน้ำที่ได้มาตรฐานตลอดแนวต่างจากแผนที่ระวางดงรักตามาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน หรือ ANNEX 1 ของฝ่ายกัมพูชาที่ไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากมีการทดสอบโดยใช้เครื่องบินสำรวจ แต่แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ที่ฝรั่งเศสจัดทำนั้นใช้การเดินเท้าในการสำรวจตอนที่ขึ้นศาลโลกพยายามหาหลักฐานชิ้นนี้ แต่เชื่อว่ามีข้าราชการบางคนพยายามปกปิด จนปัจจุบันเราไปพบอยู่ในกรมกฎหมายและสนธิสัญญาระหว่างประเทศ เมื่อมีหลักฐานใหม่ ตนจึงเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่เราจะใช้สิทธิที่สงวนไว้ เนื่องจากเราไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลโลก และไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน โดยเริ่มกระบวนการในการผลักดันกัมพูชาออกจากปราสาทเขาพระวิหาร และทำจดหมายถึงสหประชาชาติ โดยแปลเป็น 5 ภาษาในการทวงสิทธิ์ที่สงวนไว้ พร้อมแนบแผนที่ฉบับนี้ พร้อมแนวสันปันน้ำ โดยนำแผนที่ของฝรั่งเศสมาเปรียบเทียบทำสเกลให้ได้มาตราส่วนจะเห็นว่าแนวสันปันน้ำปันน้ำมาฝั่งไทย พร้อมกับการยกเลิก MOU 2543 ที่เป็นการขวางกั้นไม่ให้เราทวงสิทธิได้ เพื่อเป็นการรุกคืบกลับไปยังฝั่งกัมพูชา ซึ่งเป็ฯซึ่งที่นายฮุนเซน และ นายฮอร์นัมฮง กลัวเรามาก ว่าเรายกเลิก MOU 2543 กัมพูชาจะเป็นเบี้ยล่างเราทันที
“ขอยืนยันว่า ถึงเวลาแล้วที่จะใช้ข้อสงวนสิทธิ์ที่เราทำไว้เมื่อปี 2505 ต่อหน้ามวลสมาชิกสหประชาชาติ และทูตานุทูตทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศไม่ยอมทำเรื่องนี้ต่อ” นายเทพมนตรี กล่าว
ด้านนายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวเสริมว่า ในระหว่างสู้คดีเมื่อปี 2505 มีหลักฐานปรากฎว่ามีสายลับคนไทยที่จารกรรมข้อมูลส่งให้กัมพูชา ซึ่งเพิ่งความจริงว่าข้อมูลที่ว่านั้นก็คือแผนที่ฉบับนี้ที่ไม่ได้ถูกนำไปแสดงโต้แย้งในศาลโลก โดยตนตั้งข้อสังเกตว่าสถานการณ์การปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาในขณะนี้ว่า มีการสมคบคิดกันระหว่างนายฮุนเซนกับนักการเมืองไทย ซึ่งเป็นการซ้ำประวัติศาสตร์เมื่อปี 2505 เพราะนายฮุนเซนกลัวว่าไทยจะยกข้อสงวนสิทธิ์ขึ้นมาใช้ในการทวงคืนปราสาทเขาพระวิหาร และยังหวาดระแวงการชุมนุมของพันธมิตรฯที่มีการตั้งกองทุนทวงคืนปราสาทเขาพระวิหาร จนถามและกดดันมาที่นายกฯอภิสิทธิ์ว่าเหตุใดปล่อยให้ชุมนุมโดยไม่ห้ามปราม เพราะฝ่ายกัมพูชารู้เรื่องว่าข้อเท็จจริงที่เรานำเสนอในการชุมนุมเป็นประโยชน์กับฝ่ายไทยในการทวงคืนปราสาทพระวิหารด้วย
นายประพันธ์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่าการปะทะตามแนวชายแดนนั้น เป็นความร่วมมือของนายฮุนเซน พล.อ.เตีย บัน รมว.กลาโหม กัมพูชา กับฝ่ายการเมืองของไทยที่จงใจสร้างสถานการณ์ให้เกิดสภาพแบบนี้ขึ้น มาป้ายสีใส่ร้ายพันธมิตรฯ โดยข้อมูลจากฝ่ายมหารที่ระบุตอนนี้ฝ่ายไทยคอยให้กัมพูชายิงเข้าใส่ และปล่อยให้ยึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญตลอดแนวชายแดน และปล่อยให้ขนอาวุธสงคราม ปืนใหญ่ เข้ามาในแดนไทยโดยไม่สนใจป้องกัน โดย พล.อ.เตีย บัน ยังระบุว่าได้ยกหูคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหมของไทยตลอดเวลา เป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ กำลังทางอากาศก็ไม่ยอมใช้ ปล่อยให้กองกำลังกัมพูชาเข้ายึดครองดินแดนไทยตั้งฐานปืนใหญ่ยิงเข้ามาในประเทศไทย และยิงประชาชนไทย ปล่อยให้เขายิงทำให้ประชาชนเดือดร้อน แล้วมาป้ายสีพันธมิตรฯว่าทำให้เกิดการปะทะ เป็นวิชามารของพรรคประชาธิปัตย์ มีข้อมูลยืนยันว่าทหารไทยโดยแม่ทัพภาคที่ 2 แกล้งปล่อยให้กัมพูชายิงใส่ราษฎรไทย ตนขอประณามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพล.อ.ประวิตร ที่มีพฤติกรรมสมคิดกับกัมพูชาอย่างนี้
