“เทพเทือก” ผิดหวังศาลเขมรตัดสิน “วีระ-ราตรี” แรง แต่ยังใชั้แนวทางเจรจาในการช่วยเหลือ ยันระดับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาอยู่ในระดับแก้ไขได้ ชี้เป็นสิทธิของเขมรที่เชิญธงเหนือวัดแก้วสิขาฯ แต่ไทยก็ได้ประท้วงไปแล้ว อ้างมีข่าวปลุกปั่นยุยงให้ก่อเหตุร้ายซึ่งรัฐบาลยอมไม่ได้ สั่งเจ้าหน้าที่เตรียมป้องกัน ย้ำไม่ใช่้แนวทางสลายการชุมนุม
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลกัมพูชาตัดสินจำคุกนายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ เป็นเวลา 8 ปี และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ 6 ปี ใน 3 ข้อหา คือ ข้ามแดนผิดกฎหมาย เข้าไปในเขตกัมพูชาโดยไม่ได้รับอนุญาต และจารกรรมข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อกัมพูชาว่า ในฐานะที่เป็นคนไทย รู้สึกว่าผิดหวังต่อคำพิพากษาที่ค่อนข้างรุนแรง แต่เราจะไปวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการตัดสินของศาลไม่ได้ ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งรู้สึกว่าโทษพิพากษาค่อนข้างหนัก แต่เรายังสามารถยื่นคำอุทธรณ์ต่อไปได้ และการขออภัยโทษเป็นเรื่องของเจ้าตัวที่จะดำเนินการเอง ซึ่งเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วเราคงต้องหาวิธีการอื่นในการช่วยเหลือคนไทย ซึ่งรัฐบาลจะต้องเจรจาต่อไป และเราต้องระวังไม่ให้เรื่องนี้กลายเป็นชนวนที่ทำให้เกิดความบาดหมางที่รุนแรงระหว่างสองประเทศ และต้องทำให้การอยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นไปอย่างสันติ
นายสุเทพกล่าวว่า การปลุกปั่นยุยงให้บุกขึ้นมาก่อเหตุร้าย ไม่ว่าจะกระทำต่ออาคารสถานที่ของ รัฐบาลไทยหรือรัฐบาลกัมพูชาถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย รัฐบาลยอมให้ดำเนินการไม่ได้ ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เตรียมการป้องกันอยู่ตลอดเวลา ทั้งทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา กระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูต
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ว่าไม่ยอมปลดธงชาติและรื้อถอนวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ นายสุเทพกล่าวว่า เป็นสิทธิที่ทางการกัมพูชาสามารถออกแถลงการณ์ ซึ่งถือว่าเป็นแนวปฏิบัติระหว่างประเทศ เมื่อมีแนวคิดเห็นที่ไม่ตรงกันก็ทำหนังสือประท้วงชี้แจงและตอบโต้กันกรณีของวัดแก้วฯ เป็นเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศต้องยื่นประท้วงและข้อเท็จจริงคือ วัดแก้วฯ ก่อสร้างก่อนที่จะมีการลงนามในเอ็มโอยู ทำให้กลายเป็นประโยชน์ที่กัมพูชาถกเถียงได้ เราก็ต้องชี้แจง
ต่อข้อถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะสองคนไทยไม่ยอมข้อกล่าวหาว่าบุกรุกพื้นที่ ทำให้ถูกลงโทษหนัก นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ เหตุการณ์ที่พัฒนามาตลอดทำให้การประสานงานระหว่างไทย-กัมพูชาเป็นไปอย่างยากลำบากตลอดเวลา เราต้องพยายามทำให้สานการณ์เบาลง อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์และสถานการณ์ไทย-กัมพูชาขณะนี้ยังอยู่ในระดับแก้ไขได้ และนายกรัฐมนตรียืนยันที่จะหาทางพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะเชื่อมั่นในแนวทางการปรึกษาหารือพูดคุยกัน ซึ่งเราต้องพยายามกันต่อไป ถึงแม้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่ตอบรับในการพูดคุยด้วย และเชื่อว่าในที่สุดกลุ่มผู้ชุมนุมจะต้องฟังเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ว่าคิดและรู้สึกอย่างไร กระแสความรู้สึกของประชาชนมีความสำคัญ ซึ่งรัฐบาลคงจะไปกดดันอะไรไม่ได้ เพราะสังคมจับตามองอยู่แล้ว เราพยายามใช้เหตุผลมากที่สุด ตราบใดที่เราดำเนินการภายใต้เหตุผล และกรอบของกฎหมายย่อมมีหนทางที่จะคลี่คลายได้
“รัฐบาลยืนยันว่าไม่ได้ใช้แนวทางการสลายชุมนุม และพยายามดูแลไม่ให้ผู้ชุมนุมไปสร้างปัญหาให้กับสังคมส่วนรวม หรือกระทำการใดที่ผิดกฎหมาย ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องดูแลไม่ให้ผู้ชุมนุมได้รับอันตราย” นายสุเทพกล่าว