โฆษกรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ซัด “มาร์ค-เทือก-กษิต-ป้อม” สมคบ “ฮุนเซน” ให้ “วีระ-ราตรี” เจอโทษหนัก เพื่อกำจัดปฏิปักษ์ทางการเมือง ซัดอัปยศตั้งข้อหาไร้สาระ ฉะรัฐไม่ทำหน้าที่ ยันสู้ถึงที่สุด เชื่อ 2 คนไทยไม่มีวันคุกเข่าขออภัยโทษ แฉกลุ่มทุน ปชป.ตุนน้ำมันพืช ลั่น “มาร์ค” หมดความชอบธรรมบริหารชาติ ผิดหนักกว่า “นช.แม้ว” ปัด “สนธิ” พร้อมเจรจานายกฯ ยันแค่ดีเบตข้อมูลโต้
วันนี้ (2 ก.พ.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่า กรณีของนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ สองผู้ต้องหาคดีจารกรรมข้อมูลกัมพูชา เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลไทยโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม มีพฤติกรรมสมคบคิดกับสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกฯ ของกัมพูชา จงใจให้นายวีระ และน.ส.ราตรี ได้รับโทษอย่างหนัก โดยมีการประสานงานเพื่อกัน 5 คนไทยออกมาก่อน โดยการให้รับสารภาพตามที่เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตไทยนำแผนที่ไปเกลี้ยกล่อมเพื่อให้จบคดีเร็วและได้รับโทษเบา ทั้งนี้เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลกว่าศาลกัมพูชาตกอยู่ภายใต้อำนาจของนายกฯ ฮุนเซน สามารถบังคับบงการได้ กระบวนการไต่สวนและการพิจารณาถือว่าอัปยศ ไม่ยุติธรรม ไม่เปิดโอกาสให้ 2 คนไทยนำพยานหลักฐานขึ้นหักล้างโต้แย้งในชั้นศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งข้อกล่าวหาเรื่องจารกรรมนั้นไร้สาระอย่างยิ่ง เพราะปราศจากมูลความจริง ถือเป็นเรื่องอัปยศที่รัฐบาลไทยปล่อยให้ 2 คนไทยไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ทำหน้าที่ของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยที่มีหน้าที่ปกป้องดินแดนและศักดิ์ศรีของคนไทยเลย
“ถือเป็นการร่วมมือและสมคบกันเพื่อกำจัดนายวีระที่เป็นทั้งปฏิปักษ์ทางการเมือง ทั้งกับนายกฯ ฮุนเซน และรัฐบาลชุดนี้ ผลการตัดสินจึงเป็นการสมประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย” นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า จุดยืนของพันธมิตรฯ และตนเชื่อว่า ประชาชนไทยทั่วประเทศไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลกัมพูชาโดยเด็ดขาด ไม่นับรวมการละเมิดข้อตกลงตามอนุสัญญาที่ทางการกัมพูชาไม่สิทธิจับกุมคนไทยในแผ่นดินไทย หรือในพื้นที่พิพาท กลุ่มพันธมิตรฯ จะยืนหยัดต่อสู้ให้ถึงที่สุด โดยตนเชื่อว่านายวีระ และน.ส.ราตรี ก็ไม่ยอมรับคำพิพากษานี้ จะมีการต่อสู้ถึงที่สุด ที่สำคัญจะไม่มีวันคุกเข่าขออภัยโทษจากนายกฯ ฮุนเซนและรัฐบาลกัมพูชา เพราะทั้งคู่เชื่อว่าสักวันหนึ่งหากการเมืองมีการเปลี่ยนแปลง คุกเปรยซอร์จะต้องถูกทำลายและช่วยให้ 2 คนไทยได้กลับมาอย่างแน่นอน
โฆษกการชุมนุมฯ ยังได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันในรัฐบาลด้วยว่า เราได้เปิดโปงมาโดยลำดับ โดยเฉพาะเรื่องน้ำมันปาล์มที่วันนี้มีการนำเข้าเป็นจำนวนมหาศาล เพื่อที่จะนำน้ำมันปาล์มเถื่อนที่กักตุนอยู่ในแท้งค์น้ำมันของกลุ่มธุรกิจการเมืองที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ออกมาปะปน เพื่อขายให้ประชาชนในตลาดทำให้ได้ราคาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว สร้างกำไรให้แก่พรรคพวกตัวเอง พฤติกรรมการทุจริตนี้จะถูกนำมาตีแผ่ รวมกับประเด็นการไม่ปกป้องดินแดน และขายชาติขายประเทศ ปล่อยให้คนไทยถูกย่ำยีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรี ที่ผ่านมาการชุมนุมของเราเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ แต่ขณะนี้นายอภิสิทธิ์หมดความชอบธรรมในการปกครองบ้านเมืองแล้วโดยสิ้นเชิง ตนจึงขอเชิญชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมในวันเสาร์ที่ 5 ก.พ.ให้มาก เพื่อร่วมลงฉันทามติในการเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง
“พฤติกรรมของรัฐบาลชุดนี้เป็นความผิดอุกฉกรรจ์เหนือกว่ารัฐบาลทักษิณด้วยซ้ำ เพราะรัฐบาลทักษิณอาจทุจริต แต่การขายชาติยังไม่สำเร็จ มาสำเร็จในยุคของนายอภิสิทธิ์” นายประพันธ์กล่าว
ส่วนกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ประกาศบนเวทีถึงความพร้อมในการดีเบตกับนายกฯ อภิสิทธิ์นั้น นายประพันธ์กล่าวว่า ไม่ใช่กระบวนการเจรจาอย่างที่เข้าใจ แต่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่จะแสดงให้เห็นว่านายกฯ อภิสิทธิ์ โกหกประชาชนเรื่องใดบ้าง ซึ่งหากนายกฯ อภิสิทธิ์ยืนยันว่าไม่ได้โกหก ทางพันธมิตรฯ ก็พร้อมที่จะโต้แย้งเช่นกัน