“มาร์ค” ยันรัฐบาลเดินหน้าช่วย “วีระ-ราตรี” เต็มที่แล้ว รอพรุ่งนี้ “กษิต” มีกำหนดเยือนเขมรคงมีโอกาสหารือ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ย้อนถามพันธมิตรฯ ขีดเส้นให้ช่วยภายใน 3 วันแล้วมีวิธีใดที่จะช่วยได้บ้าง ติงอย่าเอาเงื่อนไขของ 2 คนไทยมาเล่นการเมืองเพราะจะยิ่งทำให้ซับซ้อนในการช่วยเหลือ พร้อมเรียกร้องพูดคุยกับรัฐบาลหาจุดร่วมในการช่วยเหลือให้เป็นเอกภาพจะดีกว่า อ้างได้คุยกับพันธมิตรฯ บางคนทางโทรศัพท์ก็ไม่ต้องการให้รบกับกัมพูชา แย้มไพ่ใบสุดท้ายคือนายกฯ จะไปเจรจากับ “ฮุนเซน” เอง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (2 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลกัมพูชาตัดสินจำคุกนายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ 8 ปี และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ 6 ปี ว่าเบื้องต้นต้องให้มีการอุทธรณ์ เท่าที่ฟังดูทางทนายเขาจะมีการอุทธรณ์ไป และเจ้าตัวก็จะต้องมีการดำเนินการ ตนคิดว่าเรื่องการขอประกันตัวก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งฝ่ายกฎหมายก็จะเดินไป ส่วนรัฐบาลได้ดำเนินการในฝ่ายบริหาร ในวันพฤหัสบดีที่ 3 ก.พ.นี้ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มีกำหนดการที่จะเดินทางไปกัมพูชาเพื่อเจรจาเจบีซี กับ รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา จะมีโอกาสในการหารือประเด็นภาพรวมทั้งหมด
“ผมอยากทำความเข้าใจเพราะไปพูดกันมากว่ารัฐบาลไม่สนใจใยดีหรือไม่ใส่ใจ บอกถึงขั้นที่ว่าไม่ช่วยเหลือทั้ง 2 คน ให้ดูข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงคือ ทั้ง 2 คนจะเหมือนกับอีก 5 คน เพียงแต่มีข้อหาเพิ่มเติมขึ้นมา ฉะนั้น ข้อหาที่ 5 คนโดนไปคนเหล่านั้นก็ได้รับอิสรภาพกลับคืนมาหมดแล้ว ตอนนี้เราต้องมุ่งไปช่วยข้อหาจารกรรมที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งจะมีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกล้องรูเข็ม ซึ่งหนังสือที่รัฐบาลได้ส่งไปให้ทางกัมพูชา ก็ยืนยันว่าบุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีเจตนา”
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การต่อสู้ต้องยอมรับว่า 2 คน นอกจากทนายที่จัดให้ ก็จะมีที่ปรึกษาทางกฎหมาย ตนคิดว่าในขั้นการอุทธรณ์ควรมีการทำให้เป็นเอกภาพมากขึ้นเพื่อให้เป็นทิศทางเดียวกันในการที่จะช่วยเหลือ ตนอยากให้คนไทยทุกคนช่วยกันในการพุ่งเป้าไปที่การช่วยเหลือ ไม่ใช่เอาเงื่อนไขของ 2 คนนี้มาเล่นการเมือง เพราะไม่ได้ช่วยอะไร อันนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะเดินหน้าทำ
ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นคำขาดให้เวลารัฐบาล 3 วันในการช่วยเหลือ 2 คนไทยออกมาโดยไม่มีเงื่อนไข นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องถามผู้ที่เสนอเรื่องเหล่านี้ว่าเขาคิดว่าจะใช่วิธีการใด อย่าว่าแต่ 3 วันเลย ทุกคนก็อยากให้กลับมาวันนี้ แต่ต้องถามว่าจะใช้วิธีการใด แนวทางที่เราพยายามทำเดิมเราช่วยมาได้ 5 คน ซึ่งความจริงน่าจะช่วยได้ 6 คน แต่บังเอิญ น.ส.ราตรี ด้วยความผูกพันและห่วงใยนายวีระ จึงไม่ได้เซ็นในศาลตัดสินไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเรามีความเชื่อว่าถ้าศาลตัดสินในวันเดียวกันผลออกมาน่าจะดีกว่านี้ และจะมีผลในการช่วยนายวีระด้วย เพราะน.ส.ราตรีและนายวีระข้อเท็จจริงกับคดีจะพันกัน ซึ่งเราได้คุยแล้วแต่ต้องเคารพการตัดสินใจของเจ้าตัว เราไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกหรือผิด เพียงแต่บอกว่าจากนี้ไปอยากจะให้ทุกฝ่ายมาช่วยกันให้เป็นเอกภาพ เพราะเป้าหมายมันควรจะตรงกันคือช่วยเหลือทั้ง 2 คนออกมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ชะตากรรมของทั้ง 2 คนถูกนำมาเป็นเงื่อนไขในการเคลื่อนไหวภายในประเทศ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ผมมุ่งในการช่วยเหลือ 2 คนนี้ แต่ใครจะเอามาเล่นการเมือง ผมก็ห้ามไม่ได้ แต่ผมให้ความจริงว่าการช่วยเหลือของเราที่ผ่านมา เราช่วยทั้ง 7 คน บังเอิญว่า 2 คน มีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจจะเป็นโชคไม่ดีเรื่องกล้องที่ว่า”
เมื่อถามว่าการให้ความช่วยเหลือทั้ง 2 คนของรัฐบาล อยู่ที่การให้ความร่วมมือของทั้ง 2 คนด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราต้องเคารพสิทธิของเจ้าตัว บางครั้งต้องยอมรับว่ามุมมองของเขาอาจจะต่างจากสิ่งที่เราคิดว่าน่าจะเป็นผลดี เราไม่ได้ไปตำหนิเพราะนายวีระมีความคิดและอุดมการณ์ชัดแจ้ง แล้วมีความวิตกกังวลว่าถ้าไปดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งอาจจะมีผลกระทบเรื่องอธิปไตยและดินแดน ขณะที่เรายืนยันว่าเราเดินหน้าเต็มที่ในการรักษาสิทธิของเรา ตรงนี้อาจะมีความเห็นที่แตกต่างกันบ้างซึ่งเข้าใจได้ แต่ตนคิดว่าจากนี้คงต้องพยายามพูดคุยและทำความเข้าใจกันมากขึ้นว่าแนวที่เป็นเอกภาพควรเป็นอย่างไร
ต่อข้อถามที่ว่า หากแนวความคิดของนายวีระกับการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลไม่ตรงกันซึ่งไม่เป็นเอกภาพ จะทำให้มีปัญหาในการให้ความช่วยเหลือหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันคงกระทบอยู่บ้าง แต่เราต้องหาความพอดี เพราะสิทธิขั้นสุดท้ายคงเป็นของเจ้าตัวในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ
ส่วนที่ นายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษากฎหมายของนายวีระ มีแนวคิดจะฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะดำเนินการลักษณะไหน เวลาที่มีแนวทางของเขาตนก็ให้ความร่วมมือ เช่น เขามาขอเอกสารเอาข้อมูลตนก็ยินดีที่จะให้หน่วยงานให้ เพื่อไปต่อสู้ตามแนวทางที่เขาคิดว่าจะเป็นประโยชน์ ต่อข้อถามที่ว่า ปัญหาอยู่ที่เขาไม่มีความเชื่อมั่นรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นแนวคิดที่ต่างกัน แต่ปัญหาตนคิดว่าต้องมาประเมินว่าทำไมเป็น 5 กับ 2 ฉะนั้นเราจะช่วย 2 อย่างไร มันต้องมาทบทวนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนายวีระและน.ส.ราตรี จะสร้างปัญหาภายในประเทศและความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ผมคิดว่าความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชามีความละเอียดอ่อนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ผมยังมั่นใจว่าทั้งรัฐบาลและประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ส่วนใหญ่ต้องการที่จะเห็นการแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีการที่สันติ เรียนตรงๆ ว่าประชาชนที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรฯ บางทีผมก็คุยโทรศัพท์ด้วย ผมก็เข้าใจอารมณ์ที่โกรธ โกรธทั้งรัฐบาลไทย โกรธทั้งรัฐบาลกัมพูชา แต่พอผมคุยด้วยส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องการเห็นการปะทะ การทำให้ปัญหาลุกลามไปสู้ความรุนแรง ผมยังมั่นใจว่าเมื่อคนส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้เราก็ต้องสามารถที่จะประคับประคองสถานการณ์ให้คลี่คลายไปได้ บังเอิญตอนนี้มีหลายเรื่อง เรื่องคนไทย 2 คน เรื่องบริเวณปราสาทพระวิหาร และเรื่องบางจุดบริเวณชายแดน เราก็จะเดินหน้าแก้ไขไป”
ต่อข้อถามว่าปัญหาทั้งหมดจะทำให้เป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือ 2 คนไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนพยายามให้ข้อคิดกับหลายฝ่ายหลายครั้ง ตอนนี้เกิดเหตุ 7 คนไทยถูกจับ ตนพยายามบอกว่าเราควรมุ่งไปที่การให้ความช่วย 7 คนไทยก่อน ถ้าไปหยิบเรื่องอื่นขึ้นมาการช่วยเหลือ 7 คนไทยจะยากขึ้น ตอนนี้เราเข้าใจว่าพอมีประเด็นอื่นเข้ามา การช่วยเหลือ 2 คนไทยจะยากกว่าถ้ามันไม่มี แต่เป็นหน้าที่รัฐบาลก็จะเดินหน้าทำต่อ
ส่วนถ้ากลุ่มพันธมิตรฯ อยากให้ 2 คนไทยกลับประเทศโดยเร็วควรทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ผมคิดว่าอย่างน้อยถ้าเห็นอะไรไม่ตรงกันมาพูดคุยกับรัฐบาลว่าอยากจะเห็นแนวทางแล้วมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันว่าช่วยแบบไหนถึงคิดว่าจะได้ผลมากที่สุด ถ้าหากว่าหยิบไปเป็นประเด็นทางการเมืองอย่างเดียว ผมคิดว่านอกจากจะไม่ช่วยแก้ไขปัญหาแล้ว จะทำให้มันซับซ้อนมากขึ้น”
เมื่อถามว่า นายกฯ มองว่ากลุ่มพันธมิตรฯ กำลังหยิบมาเป็นประเด็นทางการเมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ ผมไม่ได้คิดว่าเป็นอย่างนั้นทุกคน มีบางคนจากคำพูดก็ใช่”
ผู้สื่อข่าวถามว่า กัมพูชาออกแถลงการณ์ว่าจะไม่ยอมลดธงและไม่ถอนวัดแก้วสิขาคีรีสวาระออกจากพื้นที่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องมีการยืนยันกันไป ฉะนั้นพรุ่งนี้ที่นายกษิต จะเดินทางไปพบ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา คงต้องพูดถึงเรื่องเหล่านี้ด้วย
ต่อข้อถามที่ว่า กรณีการรื้อวัดแก้วฯ กองทัพค้านกระทรวงการต่างประเทศ มีปัญหาอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนสอบถามแล้ว สิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศทำไปเป็นการยืนยันคำประท้วงที่เราเคยทำไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการต่อเติมการก่อสร้าง กองทัพกับกระทรวงต่างประเทศเข้าใจตรงกัน ส่วนที่วัดแก้วสิขาฯ ก่อสร้างก่อนที่จะมีการเซ็นเอ็มโอยู 2543 นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า บางส่วน ในเอ็มโอยู 2543 ข้อตกลงคือไม่มีการทำอะไรเพิ่มเติมในการที่จะกระทบต่อพื้นที่ ซึ่งจะต้องมีการเจรจา ฉะนั้นอะไรที่เป็นการต่อเติมถือว่าละเมิด เมื่อถามว่า ต่างฝ่ายก็ยืนยันสิทธิของตัวเอง ผลสรุปจะออกมาอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องผ่านกระบวนการเจรจา ต่อข้อถามที่ว่าจะได้ข้อสรุปที่ยุติปัญหาได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลจะต้องทำและกำลังดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า โอกาสในการประชุมที่จะนำมาสู่การพูดคุยในปัญหาที่เกิดขึ้นมีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนมั่นใจว่ารัฐบาลทั้ง 2 ประเทศต้องการที่จะคลี่คลายสถานการณ์ไปในทางที่ดี เพราะว่าความตรึงเครียดมีการขึ้นเท่าไร ก็เป็นผลเสียของประชาชนทั้ง 2 ประเทศมากขึ้นเท่านั้น เมื่อถามว่า รัฐบาลกัมพูชาคำนึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศน้อยไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันอยู่ที่การสื่อสาร จะเห็นว่าในประเทศมาต่อว่าว่าตนอ่อนแอ แถลงการณ์กัมพูชาก็บอกว่าเราจะไปทำสงครามกับเขา มันอยู่ที่มุมมองน้ำหนักของแต่ละฝ่ายที่มอง เราจำเป็นที่ต้องเอาข้อมูลและความเป็นจริงมาพูดกันให้มากที่สุด และต้องแสวงหาจุดร่วมมากกว่าไปขยายจุดต่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การให้ความช่วยเหลือคดีความต่างๆ เอาเรื่องความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศมาเป็นหลักในการเข้าไปคลี่คลายปัญหา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า โดยหลักมันก็ต้องเอาตัวนี้เป็นตัวนำอยู่แล้ว สำหรับความสัมพันธ์ของนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศ เวลานี้ไม่มีปัญหา ถ้าถึงเวลาที่จะคุยก็คุยได้ แต่ในชั้นนี้หลายเรื่องเป็นเรื่องของฝ่ายปฏิบัติหรือระดับอื่นที่ต้องพูดคุยกันก่อน
เมื่อถามว่า แสดงว่านายกฯ จะเป็นไพ่ในสุดท้ายในการเข้าไปคลี่คลายปัญหา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า โดยหลักแล้วต้องให้ผู้ปฏิบัติงานในส่วนต่างๆ ดำเนินการไปก่อน
ต่อข้อถามที่ว่า กระทรวงการต่างประเทศบอกว่ามีการประสานงานตลอดเวลา ครั้งนี้มีอะไรแตกต่างไปจึงคิดว่าท่าทีของกัมพูชาจะให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับกุมได้มากขึ้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราคลี่คลายมาได้หลายเรื่อง อย่าไปมองว่าไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ซึ่ง 5 คนไทยก็กลับมา เรื่องป้ายก็จบไป เราต้องไล่ไปทีละเรื่อง ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์ทูตกัมพูชาในประเทศไทยหรือไม่ เพราะมีการส่งสัญญาณว่าจะมีการเผาสถานทูต นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลแล้ว